บทที่ 111: จงส่งมอบเงินมาก่อนมืดค่ำ แล้วมลทินของเจ้าจักถูกลบล้าง!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 111: จงส่งมอบเงินมาก่อนมืดค่ำ แล้วมลทินของเจ้าจักถูกลบล้าง!
“ท่านโจว มาเริ่มที่ท่านเลยแล้วกัน!” หลินเป่ยฟานกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางมองไปที่ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าซีดเซียว
บุคคลผู้นี้ชื่อโจวฮัวหยวน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา ซึ่งเป็นขุนนางระดับสามที่ถือว่าสูงมากเลยทีเดียว
“ได้ เช่นนั้นท่านหลินโปรดตามข้ามา” โจวฮัวหยวนเผยรอยยิ้มออกมา
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ท่านโจว!” หลินเป่ยฟานพยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน จากนั้นก็หันไปหาขุนนางคนอื่นๆ ของกรมโยธาและกล่าวไปว่า “พวกท่านที่เหลือรออยู่ที่นี่ก่อน! หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ก็อย่าออกจากที่กรมโยธาไป! ไม่อย่างนั้นอย่าโทษข้าหากข้าจะลงโทษพวกท่านด้วยความผิดฐานทรยศและสมรู้ร่วมคิด!”
“เรามิกล้า มิกล้าอยู่แล้ว!” ทุกคนตัวสั่นด้วยความกลัว
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็เดินตามโจวฮัวหยวน ผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาไปยังที่อยู่ของเขา
หลินเป่ยฟานใช้สายตาที่เฉียบแหลมค้นเรือน พบเครื่องประดับทองคำและเงินเกือบ 1.5 ล้านตำลึง
เขายังพบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในห้องลับอีกต่างหาก
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลินเป่ยฟานได้ปรากฏขึ้น เขากล่าวกับโจวฮัวหยวนและครอบครัวของอีกฝ่ายทันทีว่า “ท่านโจว เมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของท่านในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะมีเงินมากขนาดนี้! ได้โปรดอธิบายที่มาของเครื่องประดับทองและเงินเหล่านี้ทีละชิ้นด้วย หากที่มาของพวกมันได้รับมาอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามข้อกำหนด มันก็จะไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าท่านอธิบายไม่ได้ ข้าก็มีเหตุผลที่จะสงสัยท่าน…ในฐานะคนทรยศและผู้สมรู้ร่วมคิด!”
“นี่คือรายได้จากเงินเดือนของข้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมารวมประมาณ 40,000 ตำลึง!”
“ส่วนนี้คือของที่ได้จากการขายที่ดินของข้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมประมาณ 20,000 ตำลึง!”
“นี่คือสินสอดของที่ได้จากบุตรีผู้ต่ำต้อยของข้า…”
"ส่วนของเหล่านี้..."
โจวฮัวหยวนที่ใบหน้าซีดเซียวได้อธิบายถึงที่มาของเครื่องประดับ ทองคำและเงิน ทว่าในท้ายที่สุด ก็มีเพียงประมาณ 100,000 ตำลึงเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ ส่วนที่เหลือกลับไม่สามารถบอกถึงแหล่งีท่มาของมันได้
ตัวที่ไม่สามารถอธิบายได้ย่อมบ่งบอกว่าเขาได้รับมันมาอย่างผิดกฎหมายแน่นอน
ไม่ว่าจะอธิบายหรือไม่ สุดท้ายก็ตายอยู่ดี
“ท่านโจว ดูเหมือนว่าท่านจะทำตัวน่าสงสัยอย่างมากเลยนะ!” โจวฮัวหยวนเหงื่อออกทั่วกาย เขาโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านหลิน ข้าภักดีต่อฝ่าบาทอย่างสุดใจและอุทิศให้กับอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ ข้าไม่เคยกระทำการทรยศใดๆ ทั้งสิ้น! ข้าขอให้ท่านหลิน… มองความจริงด้วย!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเครื่องประดับ ทองคำและเงินเหล่านี้มาจากไหนกัน?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
“คือว่า…” โจวฮัวหยวนพูดไม่ออก
ในยามนี้เอง หลินเป่ยฟานก็ถอนหายใจ “ขอบอกความจริงกับท่าน ตัวข้าไม่เชื่อว่าท่านจะจงรักภักดีโดยสมบูรณ์และไม่คิดทรยศต่อองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่อยู่แล้ว! แต่ว่ามันยากยิ่งหากจะอธิบายต่อนางว่าเงินเหล่านี้มีต้นกำเนิดจากที่ใด! อีกทั้งฝ่าบาทยังได้สั่งให้ข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้ปัญหาถูกพบแล้ว ข้าจะพิสูจน์ให้นางเห็นได้เช่นไรกัน?”
“คือว่า…” ปากของโจวฮัวหยวนกระตุกด้วยความขมขื่น
“ไม่ต้องกังวลท่านโจว ข้ามีทางออกอยู่!” หลินเป่ยฟานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านหลิน ได้โปรดบอกข้าด้วย!” โจวฮัวหยวนถามอย่างกระตือรือร้น
“หากเครื่องประดับ ทองคำและเงินส่วนเกินหายไป ไม่ใช่ว่าท่านจะไร้มลทินหรือ?” หลินเป่ยฟานกล่าวถามพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านหลิน ท่านหมายความว่ายังไงกัน…”
“ท่านโจว โดยปกติท่านก็ค่อนข้างฉลาด แต่ทำไมยามนี้ท่านถึงตามไม่ทันกันเล่า?” หลินเป่ยฟานหัวเราะเบาๆ และกล่าวต่ออีกว่า “ท่านก็แค่ย้ายสมบัติพิเศษทั้งหมดนี้ไปที่เรือนของข้า เช่นนั้นท่านก็จะไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่หรือ?”
"บ้าอะไรกัน!" โจวฮัวหยวนอุทานออกมา
หลังจากทำเป็นลังเลใจอยู่พักหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการทรัพย์สมบัติของเขา!
เมื่อมองไปที่สีหน้าตกตะลึงของเขา หลินเป่ยฟานก็กระซิบอีกครั้ง “ท่านโจว ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็พูดออกมาเถิด แต่ข้าขอถามอีกครา ท่านต้องการรักษาเงินหรือชีวิตของท่านเอาไว้?”
“แน่นอนว่าข้าต้อง…” ใบหน้าของโจวฮัวหยวนกระตุก“ต้องการรักษาชีวิตของข้าไว้!”
หลินเป่ยฟานตบไหล่ของเขาพร้อมกับยิ้มออกมา “เป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก! เช่นนั้นท่านโจวก็รีบส่งคนไปขนของเถิด! หากท่านส่งเงินก่อนมืดค่ำ มลทินของท่านก็จะหายไป!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอบคุณท่านหลินแล้ว!” โจวฮัวหยวนกัดฟันแน่น
หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างอบอุ่นและตอบไปว่า “ไม่เป็นไรเลย ยังไงเสียเราก็เป็นสหายร่วมงาน ต้องเจอกันทุกวัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา! ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่บ้านของท่านหลิวเดี๋ยวนี้! หวังว่าข้าจะได้พบกับท่านพรุ่งนี้เช้าที่ราชสำนัก!”
หลังจากพูดจบ หลินเป่ยฟานก็จากไปในทันที
โจวฮัวหยวนมองไปยังห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับทองและเงิน เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ใครก็ได้ มาเอาสิ่งเหล่านี้ไปที่เรือนของตระกูลหลิน!”
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็บุกเข้าไปยึดเครื่องประดับ ทองและเงินจำนวนมาก
ต้องบอกเลยว่าขุนนางเหล่านี้ที่อยู่ในกรมโยธานั้นร่ำรวยกันอย่างแท้จริง กระทั่งขุนนางระดับห้าหรือหกก็มีเครื่องประดับทองคำและเงินมูลค่าสามถึงสี่แสนตำลึง
เพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาและตำแหน่งราชการ พวกเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและส่งเครื่องประดับ ทองและเงินที่โกงกินมาทั้งหมดที่พวกเขาสะสมมานานหลายปีไปยังที่อยู่ของหลินเป่ยฟาน
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนในเมืองหลวงจึงได้เห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง
กล่องเครื่องประดับ ทองคำและเงินได้ถูกส่งไปที่เรือนของหลินเป่ยฟานอย่างต่อเนื่อง
หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเวทนาตนเอง
“ขุนนางระดับสูงผู้นั้นกลับมาโลภอีกครั้งแล้ว นี่คือโลหิตและหยาดเหงื่อของราษฎรนะ!”
“ขุนนางชั้นสูงมีทั้งอาหาร อาภรณ์และที่อยู่อาศัย ไฉนยังโลภมากถึงเพียงนี้กัน?”
“เช่นนี้เมื่อใดราษฎรทั่วไปอย่างเราจะมีชีวิตผาสุข?”
“เราอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!”
…
หลังจากผ่านไปสองวัน ในที่สุดหลินเป่ยฟานก็ทำการค้นหาและยึดของขุนนางทั้งหมดในกรมโยธาอย่างละเอียด เขายึดเครื่องประดับ ทองคำและเงินมูลค่าหลายสิบล้านตำลึง ในเวลาเดียวกัน ผู้ทรยศหลายคนที่ซ่อนเร้นอยู่ในกรมโยธาก็ถูกค้นพบและส่งมอบให้กับหลินเป่ยฟาน
หลังจากผ่านการตรวจสอบไป กรมโยธาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าตำแหน่งของพวกเขาจะยังคงอยู่ แต่ผลประโยชน์มากมายที่พวกเขาเก็บสะสมกันมาได้ถูกหลินเป่ยฟานฉกไปเสียแล้ว
“ผู้อำนวยการหลิน เสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม?” หวังรุยซือ เสนาบดีกรมโยธายามนี้มีดวงตาที่แดงก่ำยิ่ง ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขานอนไม่หลับหรือกินไม่ได้ ทั้งยังรู้สึกกระสับกระส่ายทุกวัน เขามีเส้นผมสีขาวมากกว่าหนึ่งโหลบนศีรษะของเขา กระทั่งเคราของเขาก็ไม่ได้ถูกตัดแต่ง เขาดูแก่ขึ้นหลายปีเลยทีเดียว
“เกือบเสร็จแล้ว แต่ยังมีคนผู้หนึ่งขาดหายไป!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา
“ใครกัน?” หวังรุยซือรู้สึกสับสน เขาคิดว่าทุกคนถูกตรวจสอบไปแล้วเสียอีก
“ก็ท่านไงเล่า ท่านเสนาบดีหวัง!” หลินเป่ยฟานหันศีรษะและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ไอ้บัดซบ! เจ้าจะค้นเรือนข้าด้วยหรือ?” หวังรุยซือผงะด้วยความโกรธ
“ถูกต้อง! สีหน้าของหลินเป่ยฟานพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง”ฝ่าบาททรงออกคำสั่งอย่างเข้มงวด การรั่วไหลของเหตุการณ์นี้ได้คุกคามรากฐานของอาณาจักร ดังนั้นทางกรมโยธาทั้งหมดจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีผู้ใดหลุดรอดไปได้! ในฐานะเสนาบดีกรมโยธาอย่างท่านหวังย่อมไม่อาจเป็นยกเว้นได้! ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจและไม่ทำให้ข้าต้องลำบากใจ!”
หวังรุยซือสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เจ้านี้มันแย่ยิ่งนัก เจ้าแค่ต้องการที่จะบุกเรือนของข้าและคว้าโอกาสริบทรัพย์สินข้าไม่ใช่หรือ? ข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้ามานานแล้ว!
“เอาเลย เชิญไปดูได้เลย! มาดูกันว่าเจ้าจะหยิ่งผยองได้นานแค่ไหน!” หวังรุยซือยอมรับความพ่ายแพ้และกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับโบกสะบัดแขนเสื้อ
“วางใจได้เลยเสนาบดีหวัง ข้าจะไม่มีวันปล่อยคนเลวให้เป็นอิสระ และจะไม่กล่าวหาคนดีอย่างไม่ถูกต้อง!”
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็เดินตามหวังรุยซือไปที่เรือนของเขา หลังจากใช้เวลาครึ่งวันในการค้นหา พวกเขาก็พบเครื่องประดับ ทองคำและเงินที่ไม่สามารถระบุได้อันมีมูลค่าสามล้านตำลึง หลินเป่ยฟานผู้มีใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นมืดมนก็สั่งให้คนของเขาส่งสิ่งของเหล่านี้ไปยังที่อยู่ของหลินเป่ยฟาน
ว่ากันว่าในวันนั้น เสนาบดีหวังรุยซือโกรธมากจนกินไม่ได้ เขาสั่งให้คนรับใช้คนหนึ่งแต่งกายเป็นหลินเป่ยฟานเพื่อทุบตีบรรเทาใจด้วยซ้ำ
วันรุ่งขึ้น ในระหว่างการเปิดราชสำนักในช่วงรุ่งสาง หลินเป่ยฟานก็รายงานเสียงดัง “รายงานต่อฝ่าบาท ตามคำสั่งของท่าน กระหม่อมได้ตรวจสอบข่าวรั่วไหลบัลลูนลมร้อนของกรมโยธาและได้ผลลัพธ์มาแล้ว! จ้าว...หวง...และอีกหกคนถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหากบฏและจารกรรมข้อมูล พวกเขาถูกจองจำเพื่อรอคำตัดสินจากฝ่าบาท!”
“ส่วนขุนนางที่เหลือในกรมโยธาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ได้โปรดตรวจสอบด้วยฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานกล่าว
จักรพรรดินีพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านหลิน ท่านทำงานหนักมาก! ในเมื่อจ้าว...และผู้อื่นที่กล่าวมาล้วนมีความผิดฐานกบฏ จึงย่อมไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดี พาพวกเขาออกไปและประหารชีวิตพวกเขาเสีย! ส่วนตระกูลของพวกเขาและคนที่เหลือต้องจัดการกับพวกเขาตามกฎของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่!”
“แต่ถึงขุนนางคนอื่นๆ ของกรมโยธาจะบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็มีความผิดฐานประมาทเลินเล่ออย่างไม่อาจให้อภัยได้ เช่นนั้นต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง! พวกเขาจะถูกหักเงินเดือนเป็นเวลาสองปีเพื่อเตือนให้เป็นแบบอย่างแก่อื่นๆ!”
ขุนนางหลายคนจากกรมโยธาที่อยู่ในที่นี้ต่างตัวสั่นด้วยความกลัว สมบัติของพวกเขาถูกยึดโดยหลินเป่ยฟานผู้โลภมาก ตอนนี้พวกเขาดันถูกลงโทษด้วยการหักเงินเดือนสองปีอีก พวกเขาจะใช้ชีวิตกันเช่นไร?
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ พวกเขาก็ทำได้เพียงก้มศีรษะและยอมรับมัน พวกเขาได้เพียงแค่กล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า “ขอรับฝ่าบาท!”
เมื่อเห็นใบหน้าของขุนนางในกรมโยธาทั้งหลาย จักรพรรดินีแทบอยากจะหัวเราะออกมา
นางรอคอยวันนี้มานานแล้ว! นางฝันถึงมันมาเป็นเวลานาน และยามนี้ความฝันของนางก็กำลังจะเป็นจริง!
ฮ่าๆ พวกเจ้าเองก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่ข้าเคยเผชิญ
พวกเจ้ากล้าที่จะโลภต่อทรัพย์สินของจักรพรรดินี ริดรอนจากราษฎรทั่วไปอย่างโลภมาก ยามนี้แหละข้าจะทำให้เจ้าคายมันออกมาให้หมด!
เมื่อมองไปที่หลินเป่ยฟาน สายตาของจักรพรรดินีก็ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ
แม้ว่าเจ้าผู้ชายคนนี้มักจะทำสิ่งที่ทำให้นางปวดหัว แต่เขาก็ทำสิ่งที่ดีมากมายให้นาง ทั้งยังทำให้นางระบายความโกรธออกมาได้อีก
คล้ายดั่งราชาและข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ได้ร่วมงานกันอย่างขยันขันแข็ง พวกเขาสามารถตรวจสอบขุนนางในกรมโยธาทั้งหมดและกำจัดทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการโกงกินไปทั้งหมด
เป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจยิ่ง!
ช่างสนุกสนานเหลือเกิน!!!
เมื่อกำลังคิดเช่นนี้ หัวใจของจักรพรรดินีก็เต้นตึกตัก นางอยากจะให้รางวัลเขาตอนนี้เลย
“ท่านหลิน ได้โปรดก้าวมาข้างหน้าและรับฟังคำบัญชาของจักรพรรดิ!” นางกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
หลินเป่ยฟานลุกขึ้นยืนแลดูสับสน
จักรพรรดินีก็กล่าวต่อไปว่า “ในการสอบสวนครั้งนี้ ท่านหลินเป็นผู้นำการสืบสวน เปิดเผยผู้ทรยศที่ซ่อนอยู่ภายในกรมโยธาและตรวจสอบมลทินของขุนนางทั้งหลายว่ามีใครกระทำผิดหรือไม่ ผลงานของเขาเป็นที่น่าทึ่งและสมควรได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่!”
“ให้รางวัลเป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึง!”
“ชุดแก้วหยก!”
“ชาโลหิตมังกร!”
…
รางวัลอันมหาศาลอีกครั้ง!
หลินเป่ยฟานรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ได้รางวัลมากมายถึงเพียงนี้
เขาเพิ่งยักยอกเงินหลายสิบล้านเบื้องหลังจักรพรรดินี แต่ยามนี้กลับได้รับของรางวัลจากจักรพรรดินีเสียอย่างนั้น!
แม้ว่าเขาจะมีหน้าที่หนา แต่เขาก็มิอาจกล้ารับมันไว้ได้!
ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมมีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีกันทั้งนั้น!
ในขณะเดียวกัน ขุนนางโดยรอบก็รู้สึกอิจฉาจวนจะบ้าตาย!
เขายักยอกเงินจำนวนมาก แต่เหตุใดจักรพรรดินีถึงให้รางวัลแก่เขาอย่างหนักเพียงนี้!
ไร้ซึ่งความยุติธรรมแล้วหรือ?
กฎอยู่ที่ใด?
ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในหมู่ขุนนางกรมโยธา
สมบัติที่พวกเขาสั่งสมมาได้หายไปหมดสิ้น อีกทั้งตัวการที่ยึดมันไปกลับกำลังรับรางวัลอย่างหน้าระรื่น มือซ้ายถือทอง มือขวาถึงสมบัติ...
ยิ่งเห็นภาพตรงหน้ามากเท่าไร พวกเขาก็รู้สึกโกรธมากจนอยากจะสังหารมันให้ตายเสียตรงหน้า!
หัวใจของพวกเขาคล้ายมีโลหิตไหลออกมา พวกเขารู้สึกเจ็บใจมากจนอยากจะร้องไห้!
จักรพรรดินีใช้เวลาสองนาทีในการร่ายรางวัลทั้งหมดจนเสร็จ ดูเหมือนนางจะกลัวว่าหลินเป่ยฟานจะปฏิเสธ นางจึงรีบกล่าวเสริมว่า “ท่านหลิน ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลย นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ! เราเข้าใจดีว่าที่พักของท่านอาจไม่สามารถรองรับมันได้ทั้งหมด ดังนั้นเราจะเก็บไว้ในพระราชวังเป็นการชั่วคราว เมื่อท่านต้องการ ก็เพียงมารับมันไปได้เลย!”
จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างยาวเหยียด หากปฏิเสธไปก็เป็นการทำลายหน้าขององค์จักรพรรดินี
ดังนั้นหลินเป่ยฟานจึงได้แต่น้อมรับทั้งน้ำตา “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
"ดี!" จักรพรรดินีพึงพอใจมาก “ท่านหลิน จากนี้ไปท่านต้องมุ่งเน้นไปที่กรมโยธาและมุ่งมั่นในการผลิตบัลลูนลมร้อนจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงพลังของอาณาจักรเราและทำให้ทั้งโลกต้องสะเทือนเสีย!”
“ขอรับฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานโค้งคำนับ