Chapter 12: การล่าเริ่มขึ้นแล้ว!
เศษซากของเมืองชาโด้วฟอลตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ลำคอปีศาจแค่ไม่เท่าไหร่
ถ้าในสถานการณ์ปกติ มันจะใช้เวลาแค่สิบห้านาทีในการเดินเท้า
ส่วนวัลนั้นวิ่งไปซึ่งมันใช้เวลาแค่ประมาณห้านาทีเท่านั้น!
มันถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจซึ่งคงจะทำให้หลายๆ คนต้องตกตะลึงถ้าได้เห็นมัน เพราะคงมีคนไม่มากที่ทำได้เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการมองเห็นในความมืดและไม่ได้ไร้ความกลัวเหมือนวัล
ซากอารยธรรมของสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งรกรากอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ได้มาอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว
บ้านหินที่ผุพัง พร้อมกับตะไคร่น้ำปกคลุมอยู่บนหลังคาและบานประตูที่เหลือแค่ไม้ผุๆ ได้ปรากฏขึ้นในสายตา พวกมันตั้งเรียงรายกันไปตามถนนที่ลาดด้วยหินกรวด
ตามซากเมืองทั้งหมดนี้ มีโคมไฟสลัวห้อยอยู่อย่างลวกๆ จากเสาที่เขรอะไปด้วยสนิม พวกมันส่องแสงริบหรี่ไปทั่วถนนที่เต็มไปด้วยฝูงผีดิบ
มีผีดิบตัวหนึ่งเดินซวนเซอย่างไร้จุดหมายผ่านถนนร้างสายเดียวกับที่วัลเพิ่งจะเข้ามา มันหันหลังให้เขาอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแต่เงียบงันของวัลที่เข้ามาในเขตแดนของมัน
ภาพของสิ่งมีชีวิตที่แสนอับโชคนี้ได้ทำให้ประกายนักล่าลุกโชนในดวงตาของวัล ด้วยความเงียบงันผนวกกับความมืดที่รุกล้ำเข้ามา เขาก็เริ่มเข้าไปใกล้ เขาเหมือนกับนักล่าชั้นยอดในขณะที่เข้าไปหาเหยื่อของเขา
ผีดิบระดับต่ำนั้นไร้ซึ่งสติปัญญา พวกมันรู้จักแค่การพึ่งพาสายตาและการได้ยินของพวกมันในการตรวจจับเหยื่อ
ผีดิบที่สายตามองไปทางอื่นและฝีเท้าของวัลที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบทวนลม มันยังคงใช้ชีวิตอย่างสบายๆ โดยไม่รู้ถึงหายนะที่กำลังจะเข้ามาเลย
ด้วยรางอวตารของยมทูตที่ปรากฏขึ้นกับตัวเขา วัลซุ่มเงียบเข้าไปใกล้ผีดิบจนกระทั่งตัวเขาได้ปรากฏเป็นลางร้ายข้างหลังมัน เขายืนตระหง่านเหนือผีดิบ ก่อให้เกิดเงาที่ปกคลุมเจ้าผีดิบตัวนี้ซึ่งกำลังจะดวงถึงฆาต แม้ว่าเงาร่างของเขาจะปกคลุมมันอยู่ เจ้าผีดิบก็ยังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย จิตใจที่เสื่อมสภาพของมันทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้นแม้ว่าสัญญาณของสิ่งนั้นจะชัดเจนก็ตาม
หลังจากเข้าไปข้างหลังผีดิบได้แล้ว วัลก็ชักดาบออกจากฝัก คมของมันส่องประกายแวววับภายใต้แสงริบหรี่ของตะเกียง เขายกมันสูงขึ้นฟ้า และคมดาบก็อยู่ในท่าที่พร้อมคร่าชีวิตแล้ว
ฉับ!
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ฟาดมันลงมาอย่างรวดเร็ว ดาบพุ่งลงมา และฟันผีดิบด้วยการโจมตีที่รุนแรงและเฉียบคม คมดาบได้กินเข้าไปในเนื้อที่เน่าเปื่อย และผ่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ตั้งแต่กระหม่อมไปจนสุดตัว ทำให้มันถูกแบ่งเป็นสองซีกในสภาพที่อุบาท
เลือดสีดำที่เน่าเหม็นพวยพุ่งยามค่ำคืน มันสาดกระเซ็นไปโดนเสาและพื้นถนนหินกรวดในขณะที่ร่างของผีดิบที่ถูกผ่าเป็นสองซีกร่วงลงไปกับพื้น อวัยวะภายในที่เน่าเฟะของมันหลุดออกมากองในสภาพที่น่าสะอิดสะเอียน
[ติ้ง! ท่านได้กำจัดข้ารับใช้เลเวล 1 ของปีศาจศพ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +3]
สิ่งนี้ได้บ่งบอกว่าวัลกำลังเข้าใกล้พลังไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว เขามีค่าประสบการณ์อยู่ 22 แต้ม ขาดอีกแค่ 8 แต้มก็จะเลเวลขึ้น!
ด้วยความต้องการที่จะฟาร์มผีดิบเพิ่ม วัลก็มุ่งตรงไปข้างหน้าลึกเข้าไปในซากเมืองชาโด้วฟอล
ซึ่งเขาก็ได้พลาดโดยสิ้นเชิงกับรอยแตกในโครงสร้างแห่งความเป็นอยู่ที่ปรากฏขึ้นข้างหลังเสาสนิมซึ่งมีโคมไฟสลัวติดอยู่
ด้วยการฉีกผ่านโครงสร้างความเป็นจริงด้วยตัวเอง สิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติก็ปรากฏขึ้น!
เจ้าสิ่งนี้มีจมูกที่ใหญ่ผิดปกติ ใบหน้าของมันกลมสนิท และดวงตาของมันก็ถลนออกมาจากเบ้าอย่างน่าขนลุกเหมือนกับลูกแก้วพิสดาร ผิวหนังของมันแทนที่จะเป็นเฉดสีโทนร้อนเหมือนกับผิวมนุษย์ แต่กลับขาวอย่างน่ากลัวจนแทบจะคล้ายกับถูกเคลือบด้วยสีสด รอยด่างที่ดูยุ่งเหยิงกระจายไปทั่วใบหน้าของมัน ทำให้ใบหน้าที่น่ากลัวของมันยิ่งดูน่าสยดสยองจนทำให้คนที่เห็นรู้สึกขวัญผวา
มันดูเหมือนกับแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีดำ ถูกห่อหุ้มอยู่ในอ้อมกอดของความว่างเปล่า
หนึ่งในมือที่ยื่นออกมาจากร่างกายของมันที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ ได้จับไม้กวาดด้ามหนึ่งเอาไว้แน่น มันคือสัญลักษณ์พลังของมัน
ส่วนมืออีกข้างของมันถือจอบโค้งที่ดูชั่วร้าย
ถ้าวัลได้เห็นมัน เขาก็คงจะรู้จักมันเพราะมันปรากฏตัวในนิทานสยองขวัญที่ผู้คนเล่าขานกันข้างกองไฟยามค่ำคืนเพื่อขู่ให้เด็กกลัวรีบเข้านอน!
ในขณะที่วัลเดินลึกเข้าไปในซากปรักหักพัง ดวงตาที่ชั่วร้ายของมันก็คอยติดตามเขาไป สายตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายที่ชวนเสียวสันหลังวาบ
“ในที่สุดข้าก็เจอมนุษย์ที่สามารถสลัดความกลัวทิ้งไปได้ การไล่ล่ามันคงจะเป็นเรื่องที่สนุกไม่ใช่น้อย”
ในตอนที่พูดจบ มันก็ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในทันที และเจ้าสิ่งผิดธรรมชาตินี้ก็แฝงตัวเข้ากับราตรีอันหนาวเหน็บ
ความเงียบกวาดไปทั่วเมืองอีกครั้ง ลบร่องรอยทั้งหมดของตัวตนที่น่าเสียวสันหลังนี้