ตอนที่แล้ว1180 - คัมภีร์แห่งกาลเวลา 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1182 - หมอดูศักดิ์สิทธิ์ 

1181 - มุ่งหน้าสู่จงโจว 


1181 - มุ่งหน้าสู่จงโจว

สองวันต่อมาเย่ฟ่านได้นำจักรพรรดิดำ หลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซี เข้ามาในหมู่บ้านเทียนจื่อด้วยกัน

“เย่จื่อน้อยข้าจะฝืนใจยอมเป็นศิษย์ของศาลสวรรค์เพื่อเจ้า” หลี่เทียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อเจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์แล้วที่นี่ก็ควรมีสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ด้วย”

“แน่นอนว่าเรามีสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหญิงสาวที่คู่ควรสำหรับการเป็นคู่ครองของเจ้าแห่งสวรรค์” ฉีลั่วหรี่ตาลงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไหน ขอข้าดูหน่อยสิ” หลี่เทียนมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก

“ในความเป็นจริงท่านผู้เฒ่าสามารถปลดเจ้าคนไม่เอาไหนเย่ฟ่านจากตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้เลย ข้ายินดีที่จะรับตำแหน่งนี้แทนเขา รับรองว่าข้าจะไม่ทำให้ท่านผู้เฒ่าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!” เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ไม่นานหลังจากนั้นหญิงวัยกลางคนที่งดงามคนหนึ่งก็อุ้มเด็กหญิงอายุประมาณหนึ่งปีเศษเข้ามา ในมือของนางถือขวดนมเล็กๆ ใบหน้าของหนูน้อยเป็นสีชมพูดูน่ารักอย่างมาก

“บุตรศักดิ์สิทธิ์” “บุตรศักดิ์สิทธิ์” เด็กน้อยออกเสียงยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก รอยยิ้มของนางอ่อนหวานน่ารักอย่างยิ่ง

“นี่คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์หรือ? ผู้อาวุโสท่านกำลังล้อเล่นหรือเปล่า?” น้ำเสียงของหลี่เทียนเริ่มเย็นชา

“พี่ชายอุ้ม…พี่ชายอุ้ม…” หญิงสาวตัวเล็กๆ ยื่นมือออกไปหาหลี่เทียนโดยไม่มีท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด

“เจ้าอยากเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์มากนักไม่ใช่หรือ ยังรออะไรอีก?” จักรพรรดิดำสะกิดหลี่เทียนและหัวเราะเสียงดังลั่น

หลี่เทียนอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆ ขึ้นมาและส่งมอบให้กับเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว

“รับนางไว้ นี่คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า” เขากล่าวอย่างชอบธรรมและมีสีหน้าเคร่งขรึมราวกับกำลังประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์

เย่ฟ่านไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ เด็กน้อยคนนี้น่ารักมาก ดวงตาของนางกลมโตมีแก้มสีชมพู นางกำลังยิ้มให้กับทุกคนและเรียกพวกเขาว่าพี่ชายโดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

“อีกยี่สิบปีให้หลังเสี่ยวเช่อเอ๋อจะเป็นหญิงที่งดงามที่สุดในโลก พรสวรรค์ของนางไม่มีทางที่บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลสวรรค์คนใดเจะเปรียบเทียบได้ หากพวกเขาไม่ตายอยู่ในมือเจ้าก่อนคนเหล่านี้ยังคงต้องตายอยู่ในมือของเสี่ยวเช่อเอ๋ออยู่ดี” ฉีลั่วกล่าวด้วยความมั่นใจ

“เสี่ยวเช่อเอ๋อไม่ใช่เด็กธรรมดา ในอนาคตนางจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”

“ใช่!” เสี่ยเช่อเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง

เย่ฟ่านหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นกิริยาของนาง เขาพบว่าเด็กน้อยคนนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง แม้ว่านางจะยังเด็กมากแต่ร่างกายของนางกลับเชื่อมต่อกับปราณสวรรค์พิภพเช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะทั่วไปแล้ว

“นี่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์แบบใด?” จักรพรรดิดำเดินเข้ามาข้างหน้าและอดไม่ได้ที่จะถาม

“นางเกิดขึ้นมาพร้อมกับรากฐานเซียนและเหมาะสำหรับการฝึกฝนมากที่สุด อย่างไรก็ตามนางไม่ใช่ร่างศักดิ์สิทธิ์อย่างที่พวกเจ้าคิด ในโลกนี้ใช่ว่าจะมีเพียงผู้ครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย เช่นบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่พรสวรรค์ของเขากลับยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเปรียบเทียบได้?”

“หากพูดถึงเรื่องพรสวรรค์ บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีหรือจะเทียบกับเด็กน้อยของเราได้!” หลี่เทียนไม่ยอมรับเรื่องนี้และปล่อยตงตงออกมาจากขวดโหล

ทันทีที่เด็กน้อยปรากฏตัวออกมาเขาก็ร้องไห้และวิ่งไปกอดขาเย่ฟ่าน เขาไม่ต้องการถูกหลี่เทียนกักขังไว้ในขวดโหลอีกแล้ว

“เอาล่ะ นับจากนี้ไปจะไม่มีใครเอาเจ้าใส่เข้าไปในขวดโหลอีก” เย่ฟ่านในฐานะอาจารย์ย่อมต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของลูกศิษย์

“เด็กคนนี้พิเศษมาก” ฉีลั่วจ้องมองตงตงน้อยด้วยดวงตาที่เปล่งประกายทันที

แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่คนตาบอดย่อมมองเห็นความผิดปกติของตงตงได้อย่างง่ายดาย ร่างกายของเขาเปล่งประกายสดใสราวกับดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ประเภทใดแต่มันจะต้องเกี่ยวข้องกับแสงอย่างแน่นอน

“หลานชายน้อย......อย่าร้องไห้นะ” เสี่ยวเช่อเอ๋อกระพริบตากลมโตและพยายามปลอบโยนตงตง

ทุกคนมองเด็กหญิงตัวน้อยอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนนางจะคิดว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของเย่ฟ่านจริงๆ จึงพยายามปลอบโยนตงตงในฐานะญาติผู้ใหญ่

“ข้าจะฝากตงตงไว้ก่อน ที่นี่ขาดแคลนบุคลากรอย่างมากเมื่อเขาเติบโตขึ้นจะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของวังสวรรค์อย่างแน่นอน ข้ามีเรื่องหลายอย่างที่ต้องทำ” เย่ฟ่านกล่าว

“เจ้าจะไปไหน” ฉีลั่วถาม

“จงโจว การดำรงอยู่ของใครบางคนทำให้ข้าไม่สบายใจเป็นอย่างมาก อีกอย่างความเป็นความตายของสหายของข้ายังไม่เป็นที่เปิดเผยข้าจำเป็นต้องออกตามหาพวกเขา” เย่ฟ่านกล่าว

“เจ้ากำลังกล่าวถึงใคร?”

“หมอดูและศิษย์ของเขา” (เป็นใครก็ไม่รู้จำไม่ได้)

เย่ฟ่านกลับมาที่โลกหลายเดือนแต่ยังไม่รู้ข่าวคราวของผังป๋อและคนอื่นๆ เลย ตอนนี้มีโอกาสแล้วเขาจึงต้องการใช้โอกาสนี้ออกตามหาทุกคนด้วย

“ตามหาอย่างไร้จุดหมายคงไม่มีทางเจอพวกเขา เราควรเชิญชายชราตาบอดมาด้วย”

ในที่สุดชายชราตาบอดก็ถูกเชิญออกจากภูเขาและข้ามไปยังจงโจวพร้อมกับทุกคน

เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ยืนอยู่เหนือดินแดนโบราณที่เต็มไปด้วยความรกร้าง ภูเขาหลายพันลูกตั้งตระหง่านและเรียงต่อกันเหมือนแผนภาพ พลังแห่งธรรมชาติได้ก่อตัวเป็นภูมิประเทศที่มีความสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง

ทั้งกลุ่มใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาเป็นระยะทางประมาณสิบลี้ พวกเขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะหมอดูชรามีความลึกลับอย่างมาก

หลังจากเดินทางมากว่าร้อยลี้ ที่ด้านหน้าของพวกเขาก็ถูกปิดบังด้วยหมอกหนา แม้กระทั่งห่างออกไปไม่กี่วาสายตาของพวกเขาก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่เพียงมีเย่ฟ่านคนเดียวเท่านั้นที่มีดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาที่สามของจักรพรรดิดำเปิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามดวงตาของมันไม่อาจที่จะมองทะลุหมอกเข้มข้นที่อยู่ตรงหน้าได้

หมอกสีเทามีลักษณะที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง พวกมันเกาะกลุ่มกันอยู่ในบริเวณนี้และไม่ได้รับผลกระทบจากลมที่พัดผ่าน ในขณะเดียวกันกลิ่นอายของมันก็ดูน่าขยะแขยงราวกับเป็นเส้นทางแห่งขุมนรก

“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความตาย?” หลี่เทียนกระซิบเบาๆ

“ใช่ มันให้ความรู้สึกราวกับเรากำลังเดินเข้าสู่ประตูนรก เส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้” เอี๋ยนอี้ซีเกิดความรู้สึกหลอนเช่นกัน

แม้ว่าพื้นที่โดยรอบจะหนาวเหน็บอย่างยิ่งแต่แผ่นหลังของทุกคนกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สถานการณ์นี้ทำให้พวกเขาเกิดความอึดอัดเป็นอย่างมาก

“นี่เป็นค่ายกลจักรพรรดิหรือไม่?” หัวใจของชายชราตาบอดจมลง เขารู้ดีว่าหมอกหนานี้คืออะไรแต่เขาไม่สามารถทำลายมันได้

“มันคือค่ายกลโบราณที่ใช้ช่วงชิงโชคชะตาแห่งสวรรค์พิภพ” สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม มันรู้สึกว่ากำลังได้พบกับคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกันแล้ว

“ใช้เตาหลอมเซียนของเจ้า อาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วมีอำนาจของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ พลังของมันเพียงพอที่จะกวาดหมอกเหล่านี้ออกไป”

ชายชราตาบอดเกิดความรู้สึกกลัวและขอให้เอี๋ยนอี้ซีนำเตาหลอมเซียนออกมา

เตาหลอมเซียนมีลักษณะที่ค่อนข้างเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ เพียงปลดปล่อยพลังออกมาเล็กน้อยเส้นทางที่อยู่หลังหมอกก็เปิดขึ้นทันที

“ทางข้างหน้าอันตรายมาก!”

ชายชราตาบอดขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาได้เสี่ยงทายด้วยกระดองเต่าแล้วและค้นพบว่าเส้นทางข้างหน้านี้อาจทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้เลย

“ชายชราคนนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านค่ายกล เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน” จักรพรรดิดำเริ่มมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ

“ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นไม่นานเท่าไร สิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเขารู้ว่าเรากำลังมา ทักษะการทำนายของคนผู้นี้ดูเหมือนจะทรงพลังมากกว่าที่ข้าคิดไว้ด้วยซ้ำ” ชายชราตาบอดกล่าว

ในโลกนี้มียอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วน แต่ผู้ที่เป็นปรมาจารย์ค่ายกลอย่างแท้จริงนั้นอย่างมากสุดก็มีไม่เกินนิ้วในมือข้างเดียว

“เราเจอคู่ต่อสู้ของเราแล้ว!” สุนัขสีดำตัวใหญ่แยกเขี้ยวและจ้องมองไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง

“นี่เป็นเพียงภาพลวงไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป มาดูกันว่าเจ้าแก่นั้นจะเอาชนะข้าได้หรือไม่”

สุนัขสีดำตัวใหญ่คลายสมบัติมากมายออกมาจากปาก จากนั้นมันก็เริ่มสร้างค่ายกลเล็กๆ ขึ้นมา

ปัง!

ภายใต้เสียงระเบิดดังกึกก้อง หมอกหนาที่ปกคลุมอยู่โดยรอบถูกกวาดออกไปทั้งหมด เผยให้เห็นป่าหินที่มีความกว้างหลายร้อยลี้

“เมื่อจักรพรรดิลงมือจะไม่มีค่ายกลใดสามารถต่อกรกับข้าได้” จักรพรรดิดำกล่าวอย่างกล้าหาญ

“ระวังด้วย ข้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง” เย่ฟ่านตักเตือน

สุนัขสีดำตัวใหญ่ไม่สนใจ มันเชิดศีรษะและเดินเข้าไปในป่าหินด้วยความภาคภูมิ

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”

“บ้าเอ๊ย โฮ่ง มีผีสิง!” จักรพรรดิดำกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและรีบวิ่งกลับเข้าหากลุ่มของเย่ฟ่านราวกับสายฟ้าสีดำ

“เคร้ง!”

มีเสียงโซ่ดังขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นหญิงชราที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่าได้ปรากฏตัวขึ้น ไหปลาร้าทั้งสองข้างของนางมีโซ่สีดำขนาดใหญ่ตรึงไว้อย่างแน่นหนา เส้นผมสีขาวของนางโบกสะบัดและไล่ตามจักรพรรดิดำอย่างรวดเร็ว

“แย่แล้ว!”

จักรพรรดิดำกรีดร้องด้วยความหวาดผวาถึงขีดสุด หญิงชราคนนี้จับหางโล้นๆ ของมันไว้และกัดลงไปอย่างแรง

“เอ๋ง!”

เย่ฟ่านไม่อาจปล่อยให้จักรพรรดิดำถูกกินลงไปได้ เขาปลดปล่อยหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดให้กระแทกร่างกายของหญิงชราปลิวกลับไปทางด้านหลังทันที

“ปัง!”

โฮก!

ร่างของหญิงชราปลิวกระแทกก้อนหินขนาดใหญ่หลายสิบก้อนจนพังทลาย อย่างไรก็ตามร่างของนางไม่ได้ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ในทางตรงกันข้ามนางยังคงลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์อสูร

…………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด