ตอนที่แล้ว1179 - หมู่บ้านเทียนจื่อ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1181 - มุ่งหน้าสู่จงโจว 

1180 - คัมภีร์แห่งกาลเวลา 


1180 - คัมภีร์แห่งกาลเวลา

คัมภีร์เล่มนี้ยาวประมาณหนึ่งฉื่อและมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ผิวหนังของมนุษย์ชนิดนี้มีความแข็งแกร่งราวกับครึ่งก้าวอาวุธเต๋าสุดขั้วซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากคัมภีร์ทำให้ทุกคนเกิดความหวั่นไหวอย่างถึงที่สุด

ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของแผ่นหนังนี้อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วน

หากสังเกตดีๆจะเห็นว่าตัวอักษรเหล่านี้มีพลังแห่งเต๋าอันลึกล้ำ เมื่อต้องมองไปนานๆ ไอสังหารที่แผ่ออกมาจะทำให้เลือดของผู้บ่มเพาะแข็งตัวจากความหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว

ฉีลั่วชี้นิ้วไปที่แผ่นหนังแต่ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท เขาชี้นิ้วลงไปอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงคำรามเบาๆ

ในที่สุดตัวละครเล็กๆ บางตัวก็เปล่งประกายราวกับมังกรตัวเล็กๆ พวกมันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและก่อตัวเป็นมังกรสีทองเคลื่อนไหวไปมากลางอากาศ

“มันไม่ใช่แบบนี้”

ฉีลั่วขมวดคิ้วจากนั้นเปิดปากแล้วพ่นแก่นแท้สีขาวนวลออกมาสามคำ ซึ่งทั้งหมดนี้ตกลงบนผิวหนังมนุษย์ที่อยู่ในมือของเขา

ทันใดนั้นโลกทั้งใบเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง อักขระหลายร้อยหลายพันตัวเปล่งประกายด้วยแสงสีทองเจิดจ้า

ตัวอักษรเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ดินแดนอันกว้างใหญ่สว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน

เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจกับพลังแห่งกาลเวลาที่เริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะช้าลงชั่วขณะ

ฉีลั่วกำลังดิ้นรนและคิ้วของเขาก็ขมวดลึกขึ้น ตัวอักษรเล็กๆ หลายร้อยตัวลอยอยู่รอบตัวเขาอย่างอิสระไม่ว่าเขาจะใช้แก่นแท้ของตัวเองมากเพียงใดก็ไม่สามารถควบคุมพวกมันได้

“ตัวอักษรเหล่านี้ปฏิเสธที่จะเชื่อฟังคำสั่งของข้า”

“ปัง!”

เขาสูดลมหายใจอย่างลึกล้ำและดูดเอาแก่นแท้ที่ปลดปล่อยออกมากลับคืนสู่ร่างกายอีกครั้ง ในขณะนี้ตัวอักษรที่กระจายอยู่บนท้องฟ้าได้ตกลงมาด้านล่างและกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว

“นี่เป็นคัมภีร์ระดับเสมือนจักรพรรดิ หากยังไม่เข้าสู่อาณาจักรเซียนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำความเข้าใจสิ่งนี้ ดังนั้นการที่ข้าจะไม่สามารถควบคุมอักษรเล็กๆ เหล่านี้ได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ฉีลั่วกล่าว

ในโลกนี้มีสมบัติลับมากมายนับไม่ถ้วน และวิธีการใช้งานของพวกมันก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งคัมภีร์ที่อยู่ตรงหน้านี้เห็นได้ชัดว่าจะต้องบรรลุขอบเขตเซียนก่อนถึงจะสามารถใช้งานมันได้

“เจ้าแห่งสวรรค์ผู้มีชีวิตที่สองนั้นช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ การที่เขาสามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเต๋าแห่งกาลเวลาของเขาทรงพลังมากแค่ไหน” เย่ฟ่านกล่าว

“ลองคิดดูในตอนนั้นเจ้าแห่งสวรรค์ถือคทาศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือขวาและถือคัมภีร์แห่งกาลเวลาไว้ในมือซ้าย หากไม่ใช่ว่าในตอนที่เขาเกิดขึ้นมามีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่แล้วป่านนี้เขาคงกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกคน” ฉีลั่วถอนหายใจ

“นี่คือผิวหนังของเสมือนจักรพรรดิ มันมีพลังที่เกิดจากการบรรลุเต๋าของเจ้าแห่งสวรรค์ ระดับของมันยังสามารถพัฒนาต่อได้”

เย่ฟ่านพลิกคัมภีร์ไปมา ในขณะเดียวกันมือของเขาก็เริ่มเจ็บปวดจากพลังแห่งเต๋าที่รุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายของเขาเเกิดความทรมานจนยากที่จะทนไหว

การถือคัมภีร์เล่มนี้อยู่ในมือยังทำให้เย่ฟ่านได้รับความกดดันอย่างหนักมากกว่าคฑาแห่งสวรรค์หลายเท่า ในที่สุดร่างศักดิ์สิทธิ์สีทองของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมาโดยไม่อาจควบคุมตัวเองได้

เย่ฟ่านเลือกมุมที่ค่อนข้างสงบแห่งหนึ่งและนั่งสมาธิอยู่บนพื้นเพื่อลบล้างผลกระทบที่เกิดจากการสัมผัสกับคัมภีร์

หลายชั่วยามต่อมาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านได้ปรากฏตัวออกมาจากหน้าผาก

ชายสีทองร่างเล็กนั่งสมาธิอยู่บนคัมภีร์แห่งกาลเวลาด้วยท่าทางสงบนิ่ง และไม่ว่าอักขระที่ปรากฏออกมาจากคัมภีร์จะมีมากมายเพียงใดวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านจะกลืนกินพวกมันทั้งหมด

ดวงตาของฉีลั่วแทบจะถนนออกมาจากเบ้าเมื่อมองเห็นสิ่งนี้ แต่ในไม่ช้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านก็หันกลับมายิ้มให้เขาและกลับคืนสู่ร่างกายของตัวเอง

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

เย่ฟ่านลืมตาขึ้นทันที ในขณะเดียวกันเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากในบริเวณกึ่งกลางหน้าผากซึ่งเป็นสถานที่กักเก็บทะเลศักดิ์สิทธิ์

“มันเป็นเต๋าเกี่ยวข้องกับแสงแต่ยังมีพลังแห่งกาลเวลาแฝงอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถใช้งานมันได้ เพราะทุกครั้งที่เริ่มกระตุ้นอักขระเหล่านี้มันจะทำให้วิญญาณของข้าเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากออกจากกัน”

ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและกล่าวว่า

“ยังไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถหยุดเวลาได้เล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อฐานการบ่มเพาะสูงขึ้นความสามารถในการหยุดเวลาก็จะพัฒนาไปด้วยหรือไม่?”

จากนั้นเย่ฟ่านก็ฝึกฝนและพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดเขาได้โปรดปล่อยตัวอักษรเล็กๆสี่ตัวลอยออกมาจากหน้าผาก

หลังจากที่ตัวอักษรเหล่านี้ปรากฏขึ้นพื้นที่ในรัศมีสิบวาก็ดูเหมือนจะชะงักงานลงทันที

“น่าเสียดายที่อยู่ได้เพียงครึ่งลมหายใจเท่านั้น” เย่ฟ่านถอนหายใจ

“ครึ่งลมหายใจก็มีประโยชน์มากแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของสิ่งนี้หากเจ้าจับจังหวะดีๆ ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียนก็อาจจะเสียท่าให้เจ้าได้เลย” ฉีลั่วกล่าว เขารู้สึกอิจฉาเย่ฟ่านเป็นอย่างมาก

เย่ฟ่านพยักหน้าสมบัติลับนี้อยู่ในระดับสูงเกินไป เขาจะสามารถใช้งานมันได้อย่างอิสระก็ต่อเมื่อกลายเป็นเซียนแล้วเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็นั่งลงบนแผ่นหญ้าสีเขียวและเริ่มพูดคุยกันอย่างละเอียด

ในหมู่บ้านแห่งสวรรค์(เทียนจื่อ) พวกเขาก็มีทักษะการเคลื่อนไหวแห่งสวรรค์เช่นกัน อย่างไรก็ตามมันเป็นทักษะที่ไม่สมบูรณ์แบบและขาดส่วนที่สำคัญที่สุดไป

แน่นอนว่าส่วนที่ขาดไปนั้นก็คือคัมภีร์ส่วนที่เย่ฟ่านเคยศึกษาจากดินแดงศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน เมื่อรวมคัมภีร์ทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันได้สำเร็จเท่านั้นมันจึงจะกลายเป็นทักษะซิงจื่อแห่งเก้าญาณวิเศษลึกลับ

ในวันนั้นเองทั้งสองคนได้อ่านคัมภีร์แห่งสวรรค์จนเสร็จสมบูรณ์ เรียกได้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ได้รวบรวมวิธีการฆ่าที่รวดเร็วและน่าสะพรึงกลัวที่สุดของสวรรค์พิภพไว้ทั้งหมด!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามรดกนี้ไม่เหมาะกับเย่ฟ่าน มันแตกต่างจากเส้นทางที่เขาเลือก เขาฆ่าเฉพาะศัตรูเท่านั้น แต่สวรรค์ถือว่าการฆ่าสิ่งมีชีวิตเป็นเต๋าของตัวเอง

อย่างไรก็ตามหลังจากศึกษาและสังเกตอย่างรอบคอบแล้ว เย่ฟ่านยังสามารถนำเต๋าเหล่านี้มาปรับใช้กับเส้นทางของเขาได้บ้าง

ฉีลั่วกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากการเป็นเซียน ซึ่งเขาอาจจะข้ามไปยังดินแดนนั้นตอนไหนก็ได้ และทันทีที่เขาประสบความสำเร็จเขาจะบุกเข้าสู่วังพิภพและอเวจีโดยไม่รอช้า

“ในวังพิภพและอเวจีมีสิ่งมีชีวิตระดับเซียนหรือไม่?” เย่ฟ่านถาม

เรื่องนี้มีความสำคัญกับเขาอย่างมาก ตอนนี้เย่ฟ่านเป็นเซียนเทียมระดับสองขั้นเก้าซึ่งเกือบจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียมระดับสามแล้ว

อย่างไรก็ตามขอบเขตของเซียนเทียมระดับสามและอาณาจักรเซียนนั้นห่างไกลราวกับระยะห่างของสวรรค์พิภพ ต่อให้ใช้เวลานานนับสิบปีเย่ฟ่านก็ไม่เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นเซียนได้

แต่หากวังสวรรค์และพิภพมีสิ่งมีชีวิตระดับเซียนอยู่ ตลอดหลายปีต่อจากนี้เขาจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงตลอดเวลา

ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นนักฆ่านั้นมีความสามารถในการฆ่าคนระดับเดียวกันอย่างแน่นอน

และยิ่งพวกเขาเป็นเซียนแล้วต่อให้เย่ฟ่านเป็นอัจฉริยะแปดต้องห้ามก็ไม่มีทางป้องกันการลอบโจมตีของพวกเขาได้

“เมื่อก่อนพวกเขาเคยมีเซียนจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?” ฉีลั่วขมวดคิ้ว

ในหมู่บ้านเทียนจื่อ มีชายหนุ่ม หญิงสาว เด็กเล็ก และคนชราอยู่รวมกันไม่ถึงสองร้อยคน และผู้ที่สามารถต่อสู้ได้ก็มีไม่ถึงร้อยยี่สิบคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามทุกคนล้วนเป็นนักฆ่าโดยกำเนิด ชนิดที่ว่าสัญชาตญาณการฆ่าแทบจะฝังแน่นอยู่ในกระดูกของพวกเขาด้วยซ้ำ

เย่ฟ่านมีความรู้สึกว่าขอเพียงดึงผู้สูงสุดของหมู่บ้านแห่งนี้ออกไปสักคนก็เพียงพอที่จะตั้งสำนักในระดับกึ่งดินแดงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายแล้ว

สำหรับฉีลั่วเดิมทีเขากระตือรือร้นที่จะสร้างวังสวรรค์ขึ้นใหม่เพื่อแข่งขันกับวังอเวจีและพิภพ

อย่างไรก็ตามการจะทำเช่นนั้นมันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และอาจทำให้เขาไม่มีเวลาเพียงพอในการบรรลุเต๋าเพื่อก้าวเข้าสู่อาณาจักรเซียน

“เจ้าผ่านการทดสอบจากหมู่บ้านเทียนจื่อแล้ว นับแต่นี้เจ้าจะกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์” ฉีลั่วกล่าว

“ข้าจะไม่ยอมอยู่ในทำเนียบบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลสวรรค์ร่วมกับคนเหล่านั้น เพราะว่าข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด!” เย่ฟ่านส่ายหน้า

“แน่นอนว่าถ้าเจ้าไม่อยากเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เจ้าจะเป็นเจ้าแห่งสวรรค์โดยตรงก็ได้ แต่เจ้าต้องกลายเป็นเซียนให้ได้ก่อน” ฉีลั่วกล่าว

……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด