บทที่ 107 ข้ายอดยเยี่ยมเกินไป
หลังจากการต่อสู้ ซืออวี๋ก็จากไปอย่างพึงพอใจ
ในขณะนั้นเอง บักกี้ตื่นเต้นมาก มันรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งเดียวนั้นไม่เพียงพอ และต้องการที่จะต่อสู้ต่อ
“ทำไมคืนนี้เราไม่กินข้าวที่นี่ล่ะ?”
ซืออวี๋มีความคิดคดโกงบางอย่าง ทว่าในไม่ช้า เขาก็รู้สึกผิดหวังกับร้านอาหารแห่งนี้มาก
เนื่องจากกฎของกิจกรรมบอกว่าแต่ละคนจะถูกจำกัดไว้ที่หนึ่งครั้ง… บัดซ*
ไม่ว่ายังไง ร้านอาหารก็ไม่มีทางพลาดเช่นกัน และพวกเขาก็จำกกัดมัน… นี่คือการขาดความไว้วางใจมาก ความไว้วางใจขั้นพื้นฐานระหว่างผู้คนอยู่ที่ไหนกัน?
“เอาล่ะ กลับไปที่ลูกปัดและต่อสู้กับอีเลฟเว่น” ซืออวี๋กล่าวกับบักกี้บนไหล่ของเขา
ใบหน้าของบักกี้มืดลง
มันบอกว่ามันต้องการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ?
มันต้องการที่จะทรมาณพวกกระจอก!
ในขณะนี้ ความแข็งแกร่งของบักกี้นั้นดีมาก หลังจากไหมหนอนถึงขั้นสูงสุด ผลที่ได้ก็คือการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เพียงแค่ไหมหนอนอย่างเดียวก็สามารถทำให้มันสังหารสัตว์อสูรระดับเดียวกันได้เป็นจำนวนมากแล้ว
หากมันใช้สองทักษะระดับสูงขั้นช่ำชอง ในระดับการเติบโตเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่มันจะต่อสู้กับสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการ!
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่บักกี้สามารถเอาชนะอัจฉริยะส่วนใหญ่ในเมืองชั้นสองได้
“อัจฉริยะจะทิ้งไว้ให้กับบักกี้ ในขณะที่อัจฉริยะสัตว์ประหลาดจะทิ้งไว้ให้กับอีเลฟเว่น” ซืออวี๋วิเคราะห์ออกมา
…
ในตอนบ่าย ซืออวี๋ไม่ได้กลับไปยังสถาบันวิจัย
ในขณะที่เขาคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี เขาก็หาที่ว่างและเข้าไปในลูกปัดซากปรักหักพังเพื่อฝึกทำข้อสอบ
ในนาทีสุดท้าย เขาต้องการลับคมอาวุธของเขา
หลังจากที่ซืออวี๋เข้าสู่มิติซากปรักหักพัง ก็ไม่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่ในโลกภายนอก ทว่าข้อเสียก็คือหากซืออวี๋ต้องการออกมาข้างนอก เขาทำได้เพียงแค่ออกมาตรงจุดเดิมเท่านั้น
เมื่อพวกเขาออกมาในเวลาต่อมาจะมีใครอยู่บริเวณนี้ไหม? นั่นจัดการได้ยากมาก ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พวกเขาสามารถปลดปล่อยบักกี้ให้สำรวจสถานการณ์ก่อน ไม่มีใครมองเห็นมันหรอก
ในลูกปัดซากปรักหักพัง หลังจากที่ซืออวี๋และบักกี้เข้ามา บักกี้ก็เริ่มแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับชัยชนะของพวกเขาให้แก่อีเลฟเว่นฟัง
“อู๋?” “จิ๋!” “อู๋!” “จิ๋!”
เลือดของอีเลฟเว่นเดือดพล่าน และใบหน้าของซืออวี๋ก็มืดลง มันเป็นการต่อสู้บดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว ทว่าบักกี้กลับอธิบายว่ามันเป็นการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนโลก
ไหมหนอนเปรียบเสมือนมหาสมุทรสีขาวอันกว้างใหญ่ ในระหว่างการต่อสู้ มีเสียงปืนและเงากระบี่ เสียงกลองและแตรดังขึ้นพร้อมกัน มันเป็นภาพที่น่าาตื่นตาตื่นใจมาก บักกี้อ้าปากของมันและกล่าวต่อไป
ศัตรูก็ไม่เรียบง่ายเช่นเดียวกัน ด้วยการฟาดฝ่ามือของมัน อาณาจักรต้นไม้ได้จุติลงมา ทว่าน่าเสียดาย มันถูกทำลายโดยพลังที่ไม่อาจต้านทานของบักกี้!
ซืออว๊๋กลอกตาของเขา
มันเรียนรู้ความสามารถนี้มาจากไหน?
โอ้ เขารู้แล้ว โทรศัพท์
เพื่อให้อีเลฟเว่นและบักกี้พัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ ซืออวี๋จึงสอนอีเลฟเว่นและบักกี้ให้รู้หนังสือ อีเลฟเว่นนั้นไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก มันตอบคำถามด้วยความจริงใจ ทว่าบักกี้ชอบที่จะกอดโทรศัพท์ที่เก่าของมันและเปิดดูนั่นดูนี่ทั้งวัน… โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเพ้อฝันที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าเว็บ มันดื่มด่ำไปกับเรื่องราวเหล่านั้น
ไม่มีสิ่งไหนที่สำคัญ สิ่งที่ทำให้ซืออวี๋ไร้คำกล่าวก็คืออีเลฟเว่นตั้งใจฟังอย่างแท้จริง มันเชื่อบักกี้!!
บัดซ* ด้วยสติปัญญานี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าโลกกำลังจะถูกบักกี้ครองในไม่ช้า? โทรศัพท์มีความสามารถในการพัฒนาสติปัญญาเหรอ?
“เรื่องนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว บักกี้รู้แม้กระทั่งการเรียนรู้สำนวนเพื่อโอ้อวด อีเลฟเว่นชอบทำเรื่องโง่เขลาเช่นการถ่ายเซลฟี่ด้วยโทรศัพท์และไม่ชอบใช้โทรศัพท์อย่างเหมาะสม”
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องปล่อยให้อีเฟลเว่นสัมผัสกับโทรศัพท์มากขึ้น บางทีมันอาจจะฉลาดขึ้น”
หลังจากที่ซืออวี๋หยิบ ‘ข้อสอบการประเมินมืออาชีพจำลอง’ ขึ้นมา เขาก็เรียกอีเลฟเว่นและบักกี้
อีเลฟเว่นและบักกี้ยืนอยู่ตรงหน้าซืออวี๋อย่างเชื่อฟัง
เนื่องจากพวกมันรู้ว่าตราบใดที่พวกมันกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของซืออวี๋ พวกมันจะต้องทุกข์ทรมาณ
เมื่อนักฝึกสัตว์อสูรคนอื่นคุกคามสัตว์อสูรของพวกเขา บทลงโทษจะเพิ่มเป็นสองเท่าและพวกมันจะไม่ได้รับอนุญาตให้กินอาหาร ทว่าซืออวี๋กลับมีเคล็ดลับใหม่
อีเลฟเว่นจพมีความสุขมากหากบทลงโทษคือการฝึกฝน การฝึกฝนของบักกี้ก็คือการนอน ดังนั้นนั่นจึงไม่คุกคามมากพอ
บทลงโทษงดอาหารสามมื้อจะส่งผลต่อการพัฒนาของสัตว์อสูร ซืออวี๋รู้สึสกว่านั่นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ดังนั้นซืออวี๋จึงเข้าใจ
ในอนาคต มาตรการลงโทษจะเป็นการทำข้อสอบ
วิธีนี้มีประโยชน์มาก ทั้งอีเลฟเว่นและบักกี้เกลียดการทำข้อสอบและไม่ชอบมันอย่างมาก
ทว่าสิ่งที่สำคัญก็คือการทำข้อสอบไม่ได้ไร้ประโยชน์ ตัวอย่างเช่น บักกี้จำรายการคุณสมบัติและการแพ้ทางได้แล้ว
อีเลฟเว่นก็จำชื่อของสัตว์อสูรได้นับพันตัวแล้ว
เรื่องนี้ทำให้นักฝึกสัตว์อสูรรู้สึกโล่งใจ มีเพีบงซืออวี๋เท่านั้นที่สามารถเพิ่มแต้มของเขาและไม่สนใจเกี่ยวกับการฝึกฝนของสัตว์อสูร มิฉะนั้น้ นักฝึกสัตว์อสูรที่ดีคนไหนจะปล่อยให้สัตว์อสูรของพวกเขาทำข้อสอบทั้งวันล่ะ? เวลาในการฝึกฝนและการพักผ่อนของสัตว์อสูรจะไม่เพียงพอ
“ไม่มีการทำข้อสอบในวันนี้ ข้าจะการบ้านแก่พวกเจ้า”
ซืออวี๋ยิ้มให้กับบักกี้และอีเลฟเว่ยน
“อู๋?” “จิ๋?”
อีเลฟเว่นและบักกี้มีความสุขมากที่ได้ยินว่าพวกมันไม่ต้องทำข้อสอบอีกต่อไป
อย่างไรก้ตาม การบ้านเล็กน้อยนี้คืออะไรกัน? ซืออวี๋คิดว่าพวกมันโง่เหรอ?
สัตว์อสูรทั้งสองตัวมองไปที่ซืออวี๋ด้วยความเฉลียดฉลาด
บักกี้ อีเลฟเว่น…
“บักกี้ การบ้านของเจ้าง่ายมาก ตอนนี้เจ้ามีทักษะการใช้ไหมหนอนมากกว่าสิบเส้นแล้วใช่ไหม?”
“ใช้พรสวรรค์ด้านสำนวนของเจ้าให้มากขึ้นและตั้งชื่อทักษะ ชื่อต้องสั้นและเหมาะสม เมื่อถึงเวลา ข้าจะออกคำสั่งให้ให้ทักษะพวกนั้น”
บักกี้ตกตะลึงและประหลาดใจ การบ้านนี้ไม่นับว่าเป็นอะไร มันไม่ปฏิเสธ!
“อีเลฟเว่น เจ้า…”
อีเลฟเว่นต้องโดนจัดหนัก!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องเรียนทักษะการแสดง เจ้าต้องทำความคุ้นเคยกับ ‘การพัฒนาตัวเองของนักแสดง’ เจ้าชอบการถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ? ต่อไป เมื่อเจอกล้อง เจ้าต้องเรียนรู้การควบคุมสายตา การแสดงออก และทุกการเคลื่อนไหวของเจ้า! หากทักษะการแสดงของเจ้าถึงจุดที่ว่าคนนอกไม่สามารถมองทะลุผ่านความคิดที่แท้จริงของเจ้าได้จะดีมาก”
อีเลฟเว่น :???
ซืออวี๋หัวเราะอย่างบางเบา สัตว์อสูรที่มีทักษะการแสดงสูงย่อมไม่โง่เขลามากเกินไป นี่เป็นการฝึกฝนสติปัญญา ที่สำคัญที่สุด ในอนาคตหลังจากที่อีเลฟเว่นเรียนรู้ทักษะพลังภายใน มันจำเป็นต้องใช้ทักษะการแสดง
ภายใต้สถานะยับยั้งของทักษะ เงื่อนไขพื้นฐานก็คือการลดพลังทั้งหมดและทำให้ตัวเองธรรมดา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น พลังที่ถูกยับยั้งจะพอเหรอ? การซ่อนร่างกาย สีหน้า และอารมณ์คือความสำเร็จที่แท้จริงของการยับยั้ง
นี่คือการทดสอบทักษะการแสดง…
“เจ้าต้องจำไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือลูกอสูรกินเหล็กตัวน้อยที่มีอายุไม่กี่เดือนและสูงสามสิบเซ็นติเมตร!” ซืออวี๋มองไปที่อีเลฟเว่น ทำให้อีเลฟเว่นหวาดกลัวที่จะหดตัวจนมีขนาดตามที่ซืออวี๋กำหนดไว้
มันเข้าใจ… โดยพื้นฐานแล้ว นั่นก็คือการซ่อนไพ่ตายของพวกเขาและใช้ทีละนิดในช่วงเวลาสำคัญ
ให้ศัตรูเห็นว่าขีดจำกัดของพวกเขาอยู่ตรงไหน ทว่าไม่ให้เห็นว่าขีดจำกัดที่แท้จริงอยู่ตรงไหน
“เจ้าสามารถทำได้!”
หลังจากจัดการบ้านให้แก่อีเลฟเว่นและบักกี้แล้ว ซืออวี๋ก็พึงพอใจและเริ่มทำข้อสอบด้วยตัวเอง
…
ในวันต่อมา
นอกสนามสอบของสนามประลองทะเลสาบดอกบัว มีผู้คนพลุ่งพล่าน
แม้ว่าซืออวี๋จะนอนอยู่บนพื้นนอกสนามสอบและมีนาฬิกาปลุกอีเลฟเว่น แต่เขาก็ต้องต่อแถว
เขานอนไม่ห่างจากห้องสอบมากนัก ทว่ามีคนาเร็วกว่าเขาจริงเหรอ?
พวกเจ้าทุกคนไม่นอนกันเหรอ?
“บัดซ*”
ในขณะที่ซืออวี๋กำลังประหลาดใจกับความกระตือรือร้นของคนเหล่านี้ เสียงอันหยาบคายก็ดังมาจากด้านข้าง
“เอ่อ” ซืออวี๋หันกลับมาและรู้สึกยินดีในทันที
พวกเขาไม่ใช่นักฝึกสัตว์อสูรพี่น้องเมื่อวันก่อนเหรอ?
“สวัสดี พวกเจ้าก็อยู่สนามสอบนี้ด้วยเหรอ?”
“สวัสดี…” ลูกพี่ลูกน้องที่พ่ายแพ้ให้แก่ซืออวี๋ชื่อว่าจ้าวรุ่ย ลูกพี่ลูกกน้องที่เคยชวนซืออวี๋ต่อสู้และเคยดูถูกซืออวี๋ว่าอ่อนแอเกินไปนั้นชื่อว่าติ้งเหยา เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเห็นซืออวี๋ พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
ท้ายที่สุด ค่าอาหารฟรี 60,000 หยวนเมื่อวาน ในท้ายที่สุด เมื่อพวกเขาพบกับซืออวี๋ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะถูกโจมตีเท่านั้น ทว่าพวกเขายังต้องจ่ายเงินคนละ 30,000 หยวนเช่นเดียวกัน หากพวกเขารู้ พวกเขาคงจะไม่ไปกินร้านนั้นเมื่อวานนี้…
“อย่ากังวล วันนี้เป็นการสอบพื้นฐาน พวกเจ้าไม่เป็นไรหรอก” ซืออวี๋ปลอบโยน
พวกเขาทั้งสองคนไร้คำกล่าว แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร
สิ่งที่เรียกว่าการสอบพื้นฐานก็คือการที่นักฝึกสัตว์อสูรเข้าไปในสถานที่ที่กำหนดไว้และอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขาออกมา
ด้วยสีของวงแหวนอัญเชิญของนักฝึกสัตว์อสูร ผู้คุมสอบสามารถระบุได้ว่าระดับของนักฝึกสัตว์อสูรถึงมาตรฐานไหม
จากนั้นก็จะมีเครื่องจักรเพื่อทดสอบพลังงานของสัตว์อสูร ระดับพลังงานของสัตว์อสูรจะต้องถึงระดับเหนือธรรมชาติจึงจะถึงมาตรฐาน
ทั้งหมดนี้เป็นการประเมินเก่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรใหม่เลย
“หนอนไหมเขียวของเจ้า… เจ้าจะไม่ให้มันวิวัฒนาการเหรอ?” แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าซืออวี๋ไม่ใช่มนุษย์ แต่พี่น้องทั้งสองคนก็สงสัยเกี่ยวกับเขามาก
หนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติที่เชี่ยวชาญไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติ!
เคยมีนักฝึกสัตว์อสูรสามารถประสบความสำเร็จเรื่องนี้ไหม?
ในตงหวงปัจจุบัน มีหนอนไหมเขียวเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เชี่ยวชาญไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติซึ่งได้วิวัฒนาการเป็นผีเสื้อกลางคืนฟินิกซ์น้ำแข็งระดับราชันย์ อย่างไรก็ตาม หนอนไหมเขียวตัวนี้ไม่ได้อยู่ระดับเหนือธรรมชาติในร่างหนอนไหมเขียว
พวกเขาทั้งสองคนถกเถียงกันตลอดทั้งคืน ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่าซืออวี๋ผู้นี้มาจากที่ไหน พี่ใหญ่ผู้นี้มาจากที่ไหนกัน?
หากเขาไม่มีพ่อนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน เขาจะมีหนอนไหมเขียวดังกล่าวได้ยังไงกัน?
“ไม่รีบ” ซืออวี๋กล่าวออกา เขายังไม่พร้อมไม่ใช่เหรอ?
บักกี้ยังไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลาที่มันออกมา โลกต้องสั่นสะเทือน!
คนผู้นี้กล่าวบ้าอะไรกัน ไม่ต้องรีบเหรอ? การนำหนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติมาโจมตีผู้คนนั้นไร้สาระมาก!
จ้าวรุ่ย : “บัดซ* ข้าจินตนาการถึงสีหน้าอันตกตะลึงของผู้คุมสอบและผู้เข้าร่วมคนอื่นได้เลยเมื่อเจ้าส่งสัตว์อสูรของเจ้าออกมา และเครื่องตรวจจับพบว่ามันอยู่ระดับเหนือธรรมชาติ”
ผู้คุมสอบจะต้องตกตะลึงกับหนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน!
“นี่…” ซืออวี๋ตกตะลึง เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ในระหว่างการทดสอบ เขาเพียงแค่ต้องทดสอบระดับของสัตว์อสูรเพียงตัวเดียวเท่านั้น
เขาควรจะส่งตัวไหนออกไปดี?
หากเขาจำไม่ผิด เครื่องตรวจจับดูเหมือนว่าจะสามารถตรวจจับะรดับพลังงานเฉพาะได้ มันล้ำหน้ามาก
จากมุมมองหนึ่ง มันอาจคล้ายกับเครื่องตรวจจับพลังต่อสู้ในดราก้อนบอล
แน่นอน มันเป็นเพียงการทดสอบปริมาณพลังงานในร่างกายเท่านั้น นี่เป็นเพียงหนึ่งในเกณฑ์ที่กำหนดความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร ในการต่อสู้จริง ทักษะ ระดับทักษะ และความเชี่ยวชาญนั้นมีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน
ซืออวี๋รู้สึกขัดแย้งมาก บักกี้และอีเลฟเว่นดูเหมือนจะค่อนข้างไร้ยางอาย เผ่าพันธุ์ของฝ่ายแรกนั้นน่าจกจะลึงอย่างแท้จริง ในขณะที่ฝ่ายหลัง เพราะรากฐานที่วางไว้แข็งแกร่งเกินไป หลังจากเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติ พลังงานทั้งหมดในร่างกายของมันจึงดูเหมือนจะถึงระดับที่น่าสะพรึง… แม้ว่าจะไม่พิจารณาถึงความเชี่ยวชาญทักษะ แต่มันก็ยังคงน่าทึ่งมากในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน
อืมม พวกมันโดดเด่นมากเกินไปอย่างแท้จริง
ซืออวี๋ไม่มีความตั้งใจที่จะซ่อนความสามารถของเขา และไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ท้ายที่สุด การประเมินมืออาชีพจะแสดงความแข็งแกร่งของเขาในไม่ช้าก็เร็ว เขารู้สึกขัดแย้งว่าจะวัดระดับพลังงานพวกมันทั้งสองตัวพร้อมกันยังไงดี เขาต้องการที่จรู้พลังงานเฉพาะของอีเลฟเว่นและบักกี้ โทรศัพท์ของเขาตรวจจับได้เฉพาะระดับใหญ่และไม่สามารถตรวจจับสภาพพลังงานโดยระเอียดได้แม่นยำมากนัม ตามที่คาดไว้ เขายังต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ของเขา!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน