บทที่ 106 การต่อสู้ครั้งแรกของบักกี้
สวนกินง้าวมีชื่อเดิมว่าร้านอาหารกินง้าว มันถูกสร้างขึ้นมาโดยนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน
ว่ากันว่าเมื่อนักฝึกสัตว์อสูรตำนานผู้นี้ยังเด็ก เขาบังเอิญเข้าไปในสถานที่ซึ่งอันตรายและขาดการติดต่อจากโลกภายนอก เขาอยู่เพียงลำพังในป่าเป็นเวลาหลายปี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ท้องอิ่ม เขาและสัตว์อสูรของเขาทำได้เพียงแค่ล่าสัตว์อสูรป่าเหล่านั้นเพื่อความอยู่รอด
พวกเขากินอาหารป่าเป็นเวลาปลายปี
เขากินตั้งแต่สัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติไปจนถึงสัตว์อสูรระดับผู้บัญชาการ
ในขณะที่เขากิน พวกเขาก็ได้กวาดผ่านถิ่นทุรกันดาร และในที่สุดเขาก็กลับสู่สังคมมนุษย์ได้สำเร็จ
หลังจากกลับมา นักฝึกสัตว์อสูรผู้นี้ก็ดูราวจะได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ ได้สรุปปรัชญาชีวิตว่า ‘การต่อสู้และอาหารอันแสนอร่อยเป็นสิ่งเดียวกัน’ ร้านอาหารกินง้าวจึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้
เขาเดินบนเส้นทางแห่งนักล่าอาหาร เพื่อที่จะได้ลิ้มรสสัตว์อสูรระดับราชันย์หรือสัตว์อสูรระดับผู้ปกครอง เขาจึงเริ่มบ่มเพาะอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็กลายเป็นนักฝึกสัตว์อสูรตำนานในตงหวงอย่างลับๆ
“นี่คือพลังของอาหารเหรอ?”
ซืออวี๋ดูรายละเอียดของสวนกินง้าวบนอินเทอร์เน็ตและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
นั่นสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก
เขาไม่รู้ว่านักฝึกสัตว์อสูรตำนานผู้นี้เคยได้ลิ้มลองรสชาติมังกรหรือยัง…
ซืออวี๋มาถึงร้านสาขาของสวนกินง้าวที่เมืองหลวงโบราณพร้อมกับอารมณ์แห่งความเคารพ
สถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ร้านอาหารทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในลานขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคน
ก่อนที่จะเข้าไป เขาก็ได้เห็นผู้คนมากมาย สมกับเป็นบริษัทของนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน มันเป็นที่นิยมมาก
“ยินดีต้อนรับ ท่านได้จองไว้ไหม?”
หลังจากที่ซืออวี๋เข้าไปในลาน บริกรในชุดสูทก็ต้อนรับเขาและเอ่ยถามออกมา
“ไม่” หลังจากที่ซืออวี๋อธิบายกับบริกรว่าเขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม บริกรก็เข้าใจทันที จากนั้นบริกรก็นำซืออวี๋ไปที่ห้องส่วนตัวเดี่ยวเพื่อกินอาหาร
จากนั้นซืออวี๋ก็กินอาหารมื้อใหญ่ เขากินอาหารที่มี ‘สารอาหารสูง’
น่าเสียดาย นี่เป็นร้านอาหารที่มุ่งเป้าไปที่นักฝึกสัตว์อสูรและไม่ได้จัดเตรียมอาหารสำหรับสัตว์อสูร มิฉะนั้น ซืออวี๋ต้องการอัญเชิญอีเลฟเว่นและบักกี้ออกมากินด้วยกัน ไม่ว่ายังไง อาหารมื้อนี้อาจฟรี
เนื่องจากวัตถุดิบล้วนมาจากสัตว์อสูรและรสชาติอร่อยเกินไป ซืออวี๋เพียงคนเดียวก็ใช้เงินไปทั้งหมด 60,000 หยวนแล้ว
อันที่จริง ราคานี้ไม่มีอะไรเลย ไม่แพงเช่นเดียวกับถั่วเซียนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าถั่วเซียนไม่ได้ถูกเตรียมไว้สำหรับนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพธรรมดา พวกมันเป็นอาหารเสริมมาตรฐานสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์
ซืออวี๋อาจเป็นคนแรกที่กินสิ่งที่มีสารอาหารสูงเช่นนี้ในระดับฝึกหัด…
หลังจากกินข้าวเสร็จ ซืออวี๋ก็เช็ดปากของเขาและตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
แม้ว่าหลังจากวัตถุดิบเหล่านี้ถูกทำอาหาร พวกมันจะสูญเสียสารอาหารบางส่วนเพื่อแลกกับความอร่อย แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่นับว่าเป็นอะไรเลย
หากมีเหตุการณ์ดังกล่าวทุกวัน เขาจะมากินข้าวทุกครั้งที่เขาเพิ่มแต้มเสร็จ ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังมีสนามประลองและคู่ต่อสู้ฟรี นั่นจะไม่ดีหรอกเหรอ?
“ทว่าที่นี่ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน การปล่อยบักกี้ออกมาจะปลอดภัยใช่ไหม? หากมันแพ้ ข้าต้องจ่าย 60,000 หยวน…” ซืออวี๋นิ่งงัน
พลังต่อสู้สูงสุดของบักกี้นั้นเทียบได้กับลูกสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการขั้นต่ำ นี่ยังคงมีความเสี่ยงมาก
ไม่ควรจะมีผู้เข้าร่วมการประเมินมืออาชีพที่อ่อนแอคนไหนกล้ามากินในร้านอาหารเช่นนี้หรอกใช่ไหม…
ลืมไปเถอะ… นั่นไม่สำคัญ หากบักกี้กล้าที่จะแพ้ เขาจะให้มันทำงานอย่างหนักเพื่อชดใช้หนี้ของมัน ความสามารถในการหาเงินของมันนั้นดีกว่าอีเลฟเว่นมาก
หลังจากกดกริ่งเรียกบริกรแล้ว ซืออวี๋ก็เริ่มอยู่อย่างสงยเพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง
…
ในขณะเดียวกัน ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง
เด็กหนุ่มสองคนที่อายุใกล้เคียงกันกำลังดื่มและรอคอย
พวกเขากำลังถกเถียงกันถึงคำถามที่สำคัญ
“ลูกพี่ลูกน้อง ใครจะเข้าร่วมการต่อสู้?” ชายหนุ่มที่มีผมทรงครูว์คัตกล่าวออกมา
กิจกรรมของร้านอาหารกินง้าวในครั้งนี้รองรับผู้เข้าร่วมหลายคนที่กินอาหารด้วยกัน เมื่อถึงเวลา พวกเขาเพียงแค่ต้องส่งตัวแทนไปต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้ทุกคน
ร้านอาหารจะจับคู่คู่ต่อสู้ตามจำนวนเงินที่ลูกค้าใช้ไป สุดท้าย ไม่ว่าใครจะชนะ ร้านก็จะไม่สูญเสีย
“เราสองคนพลังเท่ากัน อันที่จริง ตราบใดที่เราไม่พบสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการ เราก็แค่เอาชนะพวกมันไม่ใช่เหรอ?” ลูกพี่ลูกน้องที่มีผมทรงบัซคัตกล่าวออกมา
ในการประเมินมืออาชีพ มีคนน้อยมากที่สามารถทำสัญญากับลูกสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์ได้ พวกเขาไม่เชื่อว่าพวกเขาจะโชคร้ายพบมัน
“ถูกต้อง ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปได้ไหม? ทว่าหากข้าแพ้ เจ้าจะโทษข้าไม่ได้ เราจะหารกันคนละครึ่ง” ลูกพี่ลูกน้องผมทรงครูว์คัตกล่าวออกมา
“ตกลง” ลูกพี่ลูกน้องทรงผมบัซคัตกล่าวเสริมว่า “ทว่าเจ้าต้องจริงจังมากขึ้น ตอนนี้ข้าค่อนข้างขาดเงินเล็กน้อย… ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่มาร้านอาหารเช่นนี้เพื่อเดิมพัน”
ลูกพี่ลูกน้องทรงผมครูว์คัต : “นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าไม่ควรจะแพ้”
ผ่านไปไม่นานนัก บริกรในชุดสูทก็เข้ามาในห้องส่วนตัวและกล่าวกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองซึ่งเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพว่า “ขออภัยที่ให้รอ ข้าได้จัดเตรียมคู่ต่อสู้และสนามประลองสำหรับท่านแล้ว”
…
ร้านอาหารธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการจัดเตรียมพื้นที่ต่อสู้ สวนกินง้าวค่อนข้างพิเศษ ท้ายที่สุด ผู้ก่อตั้งของมันก็คือนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน
ในตงหวง นักฝึกสัตว์อสูรตำนานมีพลังต่อสู้สูงที่สุดซึ่งต่ำกว่าผู้พิทักษ์ประเทศเท่านั้น พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษเสมอ
ตั้งแต่พ่อครัวไปจนถึงบริกร ทุกคนในสวนกินง้าวเป็นนักฝึกสัตว์อสูร มันยังถือได้ว่าเป็นร้านอาหารที่มีรูปแบบพิเศษมาก
ต่อไป ภายใต้การนำทางของบริกร ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองก็ได้มาถึงสนามประลองในลาน ที่นี่มีชีวิตชีวามาก มีคนต่อสู้ในทุกสนามประลอง ดูเหมือนว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้เข้าร่วมการประเมินมืออาชีพที่ได้มาที่นี่เพื่ออุ่นเครื่อง
“เขาเป็นคู่ต่อสู้ของเราเหรอ?” หลังจากที่บริกรพาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนเข้ามา เขาก็เห็นซืออวี๋ผู้ที่ยืนพิงขอบสนามประลองและกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่
“ใช่แล้ว” บริกรกล่าวตอบ
ลูกพี่ลูกน้องทรงผมสคูว์คัตจ้องมองซืออวี๋และรู้สึกว่าเขาดูค่อนข้างคุ้นเคย
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็หัวเราะอย่างบางเบา
รอยยิ้มนี้ทำให้บริกรรู้สึกงงงวยเล็กน้อย และทำให้ลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่อยู่ข้างเขามึนงงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน มันก็ยังดึงดูดความสนใจของซืออวี๋เช่นเดียวกัน
“อะไรเหรอ?” ลูกพี่ลูกน้องทรงผมบัซคัตเอ่ยถามออกมา
“ข้าจำบางอย่างได้” ลูกพี่ลูกน้องทรงผมสคูว์คัตกระซิบว่า “เจ้าจะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้”
ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าซืออวี๋ดูคุ้นเคยมาก
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ในตอนที่เขาไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ เขาต้องการสุ่มหาคนมาต่อสู้และฆ่าเวลา จากนั้นเขาก็พบซืออวี๋ตรงหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนั้นไม่เกิดขึ้น เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ในเวลานั้น ซืออวี๋อ่อนแอมากเกินไป เขากล่าวว่าสัตว์อสูรของเขาอยู่เพียงระดับปลุกตื่นขั้นเก้าและยังไม่ถึงระดับเหนือธรรมชาติเลย เมื่อลูกพี่ลูกน้องทรงผมสคูว์คัตได้ยินเช่นนั้น เขาก็เลิกสนใจ กลอกตาและจากไปในทันที
โลกกลมมาก
โชคชะตานั้นยากเกินกว่าจะยั่งถึง
ในช่วงเวลาเช่นนี้ เขาชอบมือใหม่เช่นซืออวี๋มาก ท้ายที่สุด เขาจะได้กินฟรี ซืออวี๋เพิ่งอยู่ระดับปลุกตื่นขั้นเก้ามื่อสามเดือนก่อน แม้ว่าซืออวี๋จะทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติภายในสามเดือน แต่ซืออวี๋จะแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน?
“รอยยิ้มของชายผู้นี้น่ารำคาญมาก ข้ารู้จักเขาเหรอ?”
ซืออวี๋มองไปที่ชายสองคนที่บริกรนำทางมาและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เขาลืมไปเลยว่าเคยเจออีกฝ่ายมาแล้วครั้งหนึ่ง
สมองของเขาไม่จำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ มันเต็มไปด้วยข้อมูลสัตว์อสูรและเบอร์โทรของหญิงสาวที่ร่ำรวย
“น้องชาย เจ้าเป็นยังไงกัน?” ในขณะนี้ ลูกพี่ลูกน้องทรงผมสคูว์ได้เดินมาข้างหน้าและทักทายซืออวี๋
คนผู้นี้รู้จักเขาเหรอ? เขาค่อนข้างกระตือรือร้น?
“สวัสดี” ซืออวี๋พยักหน้า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ดูฉลาดมากนักหรือเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ บักกี้ควรจะชนะ
“สุภาพบุรุษทุกท่าน เราเริ่มการต่อสู้เลยไหม? กฎการต่อสู้ก็คือการต่อสู้แบบตัวต่อตัวระหว่างสัตว์อสูร” บริกรกล่าวออกมา
เวลาเป็นเงินเป็นทอง พวกเขาไม่มีเวลาให้แขกพูดคุยกันมากนัก เป็นเพราะเหตุนี้เอง กฎการต่อสู้ที่นี่จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรมาโดยตลอด เรื่องนี้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้มากมายและทำให้เวลาต่อสู้สั้นลง
“แน่นอน” ซืออวี๋และชายหนุ่มทรงผมสคูว์คัตกล่าวออกมาในเวลาเดียวกัน
ในขณะนี้ เมื่อซืออวี๋และชายหนุ่มทรงผมสคูว์คัตมาถึงทั้งสองด้านของสนามประลอง บริกรก็ทำหน้าที่เป็นกรรมการ ลูกพี่ลูกน้องทรงผมบัซคัตผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างแตะคางของเขา
“ยอดเยี่ยม ข้าจะประหยัดเงินได้มากขึ้นแล้ว”
ต่อไป ที่กลางสนามประลอง กรรมการรีบกล่าวกฎซ้ำอีกครั้งและออกจากสนามประลองให้กับทั้งสองฝ่าย
ซืออวี๋และชายหนุ่มที่ชื่อว่าจ้าวรุ่ยอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขาออกมาอย่างรวดเร็ม!!
ฮู่ ฮู่ ฮู่!!!
วงแหวนอัญเชิญสีเทาทั้งสองแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นนักฝึกสัตว์อสูรที่มีมิติฝึกสัตว์อสูรระดับสอง
ร่างขนาดใหญ่สูงสองเมตรปรากฎขึ้นตรงหน้าจ้าวรุ่ย ร่างนี้มีสีน้ำตาล ร่างกายของมันนั้นราวกับกิ่งไม้ขนาดใหญ่ และทั้งร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สีเขียว
ส่วนบนของมัน มีปากและดวงตาประกายสีเหลืองที่ดูลึกและว่างเปล่า บ่งบอกว่ามันไม่เรียบง่ายเช่นเดียวกับต้นไม้ธรรมดา
[ชื่อ] : จิตวิญญาณต้นไม้
[คุณสมบัติ] : ไม้
[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติขั้นสูง
[ทักษะเผ่าพันธุ์] : หนามไม้ แส้ไม้ การดูดซึม โล่ไม้
นี่คือสัตว์อสูรประเภทพืชที่พบได้ทั่วไป ทว่าก็ทรงพลังมาก
กิ่งก้านของจิตวิญญาณต้นไม้นั้นแข็งและทรงพลังยิ่งกว่าเหล็กเสียอีก และอาจคล่องแคล่วเช่นเดียวกับมือ
พลังเจาะทะลุของหนามไม้สามารถเจาะทะลุโลหะส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
โล่ไม้และการดูดซึม ทักษะหนึ่งรับประกันการป้องกันของจิตวิญญาณต้นไม้ และอีกทักษะหนึ่งรับประกันความต่อเนื่องของจิตวิญญาณต้นไม้โดยการดูดซึมสารอาหารจากร่างกายของคู่ต่อสู้!
เช่นเดียวกับปีกแห่งนภา จิตวิญญาณต้นไม้เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรไม่กี่ตัวที่มีคุณสมบัติรอบด้านที่ยอดเยี่ยมท่ามกลางเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติ!
ยิ่งกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าระดับการเติบโตของจิตวิญญาณต้นไม้ตัวนี้ถึงระดับเหนือธรรมชาติแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ การรับมือกับมันค่อนข้างยากมาก
“ตราบใดที่คู่ต่อสู้ไม่ใช่สัตว์อสูรธาตุไฟ”
ในสนามประลอง จ้าวรุ่ยอัญเชิญสัตว์อสูรของเขาออกมาและคอยดูสัตว์อสูรที่ซืออวี๋อัญเชิญออกมา
จากนั้นเขาตกอยู่ในห้วงความคิดลึกเกี่ยวกับชีวิต
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น บริกรผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการ และลูกพี่ลูกน้องของจ้าวรุ่ยก็เช่นเดียวกัน “หือ?”
“จิ๋ จิ๋ จิ๋ จิ๋!!!”
ในวงแหวนอัญเชิญขนาดเล็กทางฝั่งของซืออวี๋ หนอนไหมเขียวตัวเล็กที่มีลำตัวสีเขียวและดวงตาอันไร้เดียงสาคลานออกมา มันมีหนวดสีเหลืองสองเส้นบนหัวของมัน มันเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่จิตวิญญาณต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้ามันพร้อมกับยิ้มออกมา
มันเป็นความอัปยศแห่งสัตว์อสูร หนอนไหมเขียว!
ในเวลานี้ บักกี้มองไปที่จิตวิญญาณต้นไม้อย่างตื่นเต้น ในคราวนี้ มันชนะทางอีกฝ่าย!
นกชนะแมลง ในขณะที่แมลงชนะพืช ไม่ควรจะมีปัญหาใช่ไหม?
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น จ้าวรุ่ยและจิตวิญญาณต้นไม้ก็ไม่ได้ตระหนักถึงการชนะทางเลย พวกเขารู้สึกหดหู่ใจในทันที
“เจ้าจริงจังใช่ไหม??” จ้าวรุ่ยรู้สึกสูญเสีย
สมกับเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า เขาไม่ได้โกหกข้าจริงด้วย คู่ต่อสู้ของเขาดูไม่ฉลาดนัก
“โปรดจริงจังให้มากขึ้น” ซืออวี๋กล่าวเสริมว่า “พวกเจ้าโจมตีก่อน”
เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะดูถูกดูแคลนบักกี้ ซืออวี๋รู้ว่าการหลอกหลวงของบักกี้นั้นแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งยิ่งกว่าความน่ารักของอีเลฟเว่นอายุหนึ่งปีมาก
เรื่องนี้ช่วยไม่ได้…
“บัดซ*” ลูกพี่ลูกน้องของจ้าวรุ่ยก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะเชื่อใจลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะแน่นอนเช่นนี้ ซืออวี๋กำลังทำอะไรอยู่? ทำบุญเหรอ?
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหนอนไหมเขียว ทว่าอย่างน้อยก็ควรให้มันวิวัฒนาการก่อน แม้ว่ามันจะเป็นวิวัฒนาการการที่พื้นฐานที่สุดเช่นผีเสื้อคริสตัลสายลม เขาก็จะไม่มีการตอบสนองเช่นนี้
สายลมที่พัดผ่านมาอย่างน่าอึดอัด… ทำให้เกิดฝุ่นคลุ่ง
“จับมันอย่างอ่อนโยน เพียงแค่โยนมันออกจากสนามประลอง”
ในสนามประลอง จ้าวรุ่ยออกคำสั่งด้วยสีหน้ามืดมน เขากลัวว่าจิตวิญญาณต้นไม้จะบดหนอนไหมเขียวจนเละด้วยแส้ไม้
คำสั่งนี้อ่อนโยนมาก เขาเป็นคนใจดีมาก
“อ๋าา!!” จิตวิญญาณต้นไม้ร้องออกมาอย่างลำบากใจ จากนั้นกิ่งไม้สีน้ำคาลหนาก็ยื่นออกมาจากร่างกายของมันและจับตัวหนอนไหมเขียวที่อยู่ตรงข้ามมัน
นี่เป็นการฟาดที่เรียบง่ายมาก มันไม่ควรจะมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ บักกี้ผู้ที่อยู่อีกด่านหนึ่งก็ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“จิ๋!” เจ้าจริงจังกว่านี้ได้ไหม?
โดยปกติแล้ว บักกี้ต่อสู้กับอีเลฟเว่นผู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าลูกสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์เลย เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจกับการโจมตีเช่นนี้
หวือ!
มันพ่นไหมสีข้าวใสออกมาจากปากของมัน มันไม่ได้ใช้ลักษณะมิติเพื่อทำให้ไหมหนอนโปร่งใสในขณะที่มันพ่นไหมหนอนออกมา
อะไรกัน?
การกระทำของหนอนไหมเขียวทำให้ทุกคนตกตะลึง ไหมหนอนปะทะแส้ไม้?
นี่อยู่ในระดับเดียวกันเหรอ?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะตกตะลึงได้นานนัก สีหน้าของพวกเขาก็แข็งทื่อในวินาทีต่อมา
ไหมหนอนที่พ่นออกมาจากหนอนไหมเขียวงอเล็กน้อยเมื่อมันเข้าใกล้กับแส้ไม้ของจิตวิญญาณต้นไม้ มันโบกสบัดเช่นเดียวกับใบมีดอันแหลมคมที่กำลังเริงระบำ
“อ๋า!!!” ทันใดนั้นจิตวิญญาณต้นไม้ก็ตะโกนออกมา แส้ไม้ของมันร่วงหล่นลงบนพื้นราวกับว่ามันถูกฟันด้วยอาวุธคม!
ไหมหนอนขั้นสูงสุดที่ถูกเพิ่มแต้ม 256 ครั้งสามารถทิ้งรอยไว้บนการเคลือบแข็งขั้นเหนือธรรมชาติของอีเลฟเว่นได้ นับประสาอะไรกับการตัดกิ่งไม้ขนาดเล็กเช่นนี้
ในการเผชิญหน้าครั้งแรก บักกี้ได้แสดงความแข็งแกร่งของมันออกมาโดยตรง!
ซืออวี๋และบักกี้ไม่แปลกใจเลย ทว่าเมื่อฉากนี้เกิดขึ้น จ้าวรุ่ยและคนอื่นต่างก็ตกตะลึงในทันที
“นี่เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
หวือออ!!!
นี่ยังไม่จบ หลังจากตัดแส้ไม้ของอีกฝ่าย สายตาของบักกี้ก็จดจ่อในขณะที่มันยังคงควบคุมไหมหนอนเพื่อโจมตีต่อไป
“อ๋า!!!” ในขณะนี้ ยางไม้ไหลออกมาจากหน้าผากของจิตวิญญาณต้นไม้ มันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มันรู้สึกถึงแรงกดดันและควบคุมแส้ไม้เพื่อฟาดไปมาอย่างรวดเร็ว
หวืออ!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่กิ่งไม้หนาและไหมหนอนบางปะทะกัน ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ไหมหนอนได้ฟันออกมาราวกับอาวุธอันแหลมคม แส้ไม้แตกออกเป็นชิ้นๆ
ในขณะนั้นเอง สีหน้าของจ้าวรุ่ยก็เกือบจะระเบิดออกมา ราวกับว่าเขาได้เห็นบางสิ่งที่ทำลายจิตใต้สำนึกของเขา
นี่เป็นหนอนไหมเขียวจริงเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกัน!?
ลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ได้บอกว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอมากเหรอ??? เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่ซืออวี๋ส่งออกมาก็อ่อนแอมากอย่างแท้จริง แต่ความแข็งแกร่งนี้ไร้หลักวิทยาศาสตร์มากเกินไป!!
ลูกพี่ลูกน้องทรงผมบัซคัตก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย!
สำหรับบริกร ปากของเขาอ้าค้างเล็กน้อยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่สามารถเข้าใจหนอนไหมเขียวได้เลย
“โล่ไม้!”
ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าหนอนไหมเขียวยังคงโจมตีจิตวิญญาณต้นไม้ต่อไปราวกับเชือกที่อันตรายถึงชีวิต เส้นเลือดบนหน้าผากของจ้าวรุ่ยก็ผุดขึ้นมา ความผันผวนตามลักษณะธาตุไม้ได้ปรากฎขึ้นบนร่างกายของเขา และสายลมอันรุนแรงก็พัดผ่านรอบตัวเขา
ในขณะเดียวกัน คุณภาพพลังงานในร่างากยของจิตวิญญาณต้นไม้ก็เพิ่มมากขึ้น หลังจากถูกเสริมพลังโดยพรสวรรค์การเสริมพลังธาตุไม้ของนักฝึกสัตว์อสูร พลังต่อสู้ของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ร่างกายของมันถอยหลัง เสาไม้แถวหนึ่งได้โค้งงอตรงหน้ามัน ก่อตัวเป็นกำแพงเพื่อป้องกันตัวมัน…
หวือ!
ในคราวนี้ ไหมหนอนทิ้งเพียงรอยขีดข่วนสีขาวบนโล่ไม้และไม่สามารถเจาะผ่านการป้องกันได้สำเร็จ
จ้าวรุ่ยมีความสุข แต่แค่นั่นเหรอ?
น่าเสียดาย เขาดีใจได้ไม่นานมากนัก ในวินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็มืดมนลงอีกครั้ง และเขาก็แสดงสีหน้าอันเจ็บปวดออกมา
ไหมหนอนสามารถทิ้งรอยสีขาวไว้บนโล่ไม้ได้เท่านั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าการป้องกันของโล่ไม้สูง แต่เป็นเพราะไหมของหนอนไหมเขียในปัจจุบันไม่ได้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน!
ไม่เพียงแค่มันจะไม่ได้เปิดใช้งานลักษณะมิติของไหมหนอนเท่านั้น ทว่าไหมหนอนก็ยังมีค่อนข้างน้อยในตอนนี้ ในขณะเดียวกัน มันยังได้ใช้ภาพมายาเพื่อแสดงตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของมันในโลกแห่งความฝัน!
“จิ๋!”
ในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น บักกี้ควบแน่นไหมหนอนของมันอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน เส้นไหมบางโปร่งใสหลายสิบเส้นได้พุ่งออกมาจากปากของมัน จากนั้นไหมเหล่านี้ก็พันเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นเสาหนาเช่นเดียวกับแส้ไม้
หัวของเสาไหมนั้นราวกับหอก ในเวลานี้ ภายใต้การควบคุมของหนอนไหมเขียว มันพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง!
ในขณะนั้นเอง แม้ว่าทุกคนจะมองไม่เห็นไหมหนอนอย่างชัดเจนเพราะลักษณะพิเสษของหนอนไหมเขียว แต่เสียงแหวกอากาศอันดังกึกก้องและการกระทำของหนอนไหมเขียวที่พ่นหนอนไหมเขียวออกมาโดยตรงก็ได้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ในคราวนี้ พลังทำลายล้างของหนอนไหมเขียวนั้นทรงพลังมากจนนเจาะทะลุโล่ไม้ได้โดยตรง หลังจากโล่ไม้แตกสลาย เสาไหมก็แทงทะลุผ่านร่างกายของจิตวิญญาณต้นไม้ ในช่วงเวลาต่อมา ร่างกายของจิตวิญญาณต้นไม้ก็ได้ยุบตัวลงเล็กน้อย และมันก็ได้รับแรงกระแทกโดยตรง นัยน์ตาของมันตีบตัน และร่างกายขนาดใหญ่สูงสองเมตรของมันก็พลิกคว่ำทันที มันไถลไปกับพื้นไกลถึงสี่เมตรก่อนที่จะหยุด!
“จิ๋!” ในสถานะปกติ บักกี้มีพลังต่อสู้ที่ทำลายการป้องกันของศัตรูโดยตรงอย่างไร้เหตุผล
สีหน้าของลูกพี่ลูกน้องทั้งสองแข็งทื่อและพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝัน!
“เจ้าแพ้แล้ว ไหมหนอนของหนอนไหมเขียวได้เจาะทะลุเข้าไปในร่างกายของจิตวิญญาณต้นไม้แล้ว ตอนนี้ มันสามารถเริ่มทำลายร่างกายของจิตวิญญาณต้นไม้จากภายในได้ด้วยความคิด”
ในขณะเดียวกัน ซืออวี๋ก็กล่าวออกมาโดยตรง เนื่องจากอีกฝ่ายออมมือไว้ในตอนแรก เขาจึงปล่อยให้บักกี้ออมมือไว้เล็กน้อย ท้ายที่สุด มีการประเมินในอีกไม่กี่วัน หากจิตวิญญาณต้นไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นคงจะไม่ดีอย่างแน่นอน
นี่เป็นเพียงแค่ค่าอาหาร การเป็นมิตรกันนั้นย่อมดีกว่า
“อ๋า…” ในเวลานี้ เช่นเดียวกับที่ซืออวี๋กล่าว จิตวิญญาณต้นไม้ไม่กล้าขยับตัวเลย แม้ว่ามันจะยังมีพละกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้ แต่มันก็รู้สึดได้อย่างชัดเจนว่ามีอาวุธสังหารอันรุนแรงอยู่ในร่างกายของมัน
มีอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษสำหรับไหมหนอนขั้นสูงสุด แม้ว่าจะออกจากร่างกายของหนอนไหมเขียวไปแล้ว แต่หนอนไหมเขียวก็ยังสามารถควบคุมมันได้เป็นเวลานาน ในเวลานี้ ไหมหนอนโปร่งใส่เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนหนอนตัวเล็ก รอคอยคำสั่งโจมตีจากเจ้านายของมันในร่างกายของจิตวิญญาณต้นไม้
การเคลื่อนไหวนี้เป็นการโจมตีที่ป้องกันได้ยากมาก ตราบใดที่ถูกแทงไหมหนอนที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย นั่นก็เท่ากับว่าซืออวี๋ได้ชนะแล้ว
ด้วยลักษณะโปร่งใสของทักษะ การที่จะกล่าวว่าบักกี้เป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดจึงไม่ใช่ปัญหาเลย
“ข้า…” ในตอนนี้ จ้าวรุ่ยไม่สามารถยอมรับได้ นี่เป็นเพราะเขาได้รับการสะท้อนจากจิตวิญญาณต้นไม้และรู้ว่าซืออวี๋ไม่ได้โกหก!
ด้วยเหตุนี้ จิตใต้สำนึกของเขาจึงแทบจะแตกสลายและเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย
หนอนไหมเขียว… หนอนไหมเขียวใช้ไหมหนอนเพื่อปราบปรามจิตวิญญาณต้นไม้ระดับเหนือธรรมชาติ??
นี่คือสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของเขากล่าวว่า ‘เจ้าจะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้’ ?
ชนะกับตูดข้าสิ!
ทว่าเห็นได้ชัดว่าแม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้
รวมกับบริกร พวกเขาทั้งสามคนตกตะลึงมาก ในท้ายที่สุด เสียงของจ้าวรุ่ยก็แทบจะแหบแห้ง เขากล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า “ไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติเหรอ?”
“เจ้ารู้ดีนิ” ซืออวี๋พยักหน้า “ไม่เลวเลย”
บัดซ*! ไม่เลวเลยอะไรกัน! นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!
เมื่อซืออวี๋ยืนยันเรื่องนี้ จ้าวรุ่ยและคนอื่นก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อย ทว่าพวกเขากลับรู้สึกไร้สาระมากยิ่งขึ้น!!
มีคนบ้าที่บ่มเพาะหนอนไหมเขียวจนถึงระดับเหนือธรรมชาติด้วยเหรอ?? และไหมหนอนยังถึงขั้นเหนือธรรมชาติอีกด้วย??
ชายผู้นี้มีปัญหา—
พวกเขาทั้งสามคนตกตะลึงจนสุดขีด โชคดี ไม่มีคนดูที่นี่ มิฉะนั้น สนามประลองแห่งนี้จะน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น หากไม่พิจารณาว่าหนอนไหมเขียวจะอยู่ระดับเหนือธรรมชาติหรือไม่ เพียงแค่พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันเชี่ยวชาญไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติ นั่นก็สามารถกล่าวได้ว่าหนอนไหมเขียวตัวนี้แทบจะมีศักยภาพเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์หลังจากการวิวัฒนาการแล้ว!!
เรื่องนี้ถูกพิสูจน์แล้ว!
ลูกพี่ลูกน้องมึนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เข้าร่วมเช่นนี้จึงปรากฎตัวออกมา สัตว์อสูรเช่นนี้ ความเชี่ยวชาญเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจได้!
“อ๋า!!!” จิตวิญญาณต้นไม้เตือนให้นักฝึกสัตว์อสูรของมันหยุดเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ รีบยอมรับความพ่ายแพ้ ร่างกายของมันคันและเจ็บปวดมาก
มันสาบานว่ามันจะไม่ต่อสู้กับหนอนไหมเขียวอีกต่อไป มันแพ้ทางมาก…
“ข้า…” ใบหน้าของจ้าวรุ่ยยุ่งเหยิง สามารถจินตนาการได้ว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะจากสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นผู้มีอิทธิพล เขาไม่ได้ด้อยไปกว่ากลุ่มคนที่แข่งขันกับซืออวี๋เพื่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์วิวัฒนาการในตอนนั้นเลย อย่างไรก็ตาม เขาเป็นอัจฉริยะที่ได้เห็นถึงอันตรายของสังคมก่อนที่จะเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพ
ในโลกอันไร้ขอบเขต มีนักฝึกสัตว์อสูรและสัตว์อสูรทุกประเภท
จ้าวรุ่ยถูกบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้เพราะชีวิตและความตายของจิตวิญญาณต้นไม้อยู่ในมือของซืออวี๋
ทันทีที่เขากล่าวจบ หัวใจของเขาก็เต้นรัว
ลูกพี่ลูกน้อง นี่ไม่ใช่ความผิดของข้า เจ้าควรจะเข้าใจ… เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนักฝึกสัตว์อสูรและสัตว์อสูรคู่นี้!
“หึ หึ…” ซืออวี๋หัวเราะอย่างบางเบา แม้ว่าคู่ต่อสู้จะอ่อนแอและการต่อสู้จะไม่ค่อยดุเดือดมากนัก แต่ตราบใดที่ค่าอาหารฟรีก็ไม่เป็นไร…
“จิ๋…”
ในตอนนี้ บักกี้รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย มันกวาดสายตามองฝูงชนที่มีสีหน้าอันตกตะลึงและหันกลับมาอย่างเงียบงัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถต่อสู้ได้ และมันก็ไม่ได้ใช้ร่างความฝันของมันด้วยซ้ำ น่าเบื่อมาก… หากคู่ต่อสู้ในการประเมินมืออาชีพอยู่ในระดับนี้ มันรู้สึกว่ามันสามารถทำลายทุกสิ่งได้โดยที่ผู้นำของมันไม่ต้องลงมือเลย?
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน