นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 344 - ฉันคิดถึงเรื่องแบบนี้จริง ๆ
“สุนัขโลหิต! การชุมนุมจัดขึ้นที่ถนนหมายเลข 9 มาร่วมชุมนุมด้วย! พวกเรารู้ว่านายกลับมาแล้ว”
สีหน้าของเดวิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียวเมื่ออ่านข้อความจบ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวของตัวเอง แต่ก็แค่พึมพำออกมาเบา ๆ เท่านั้น “การชุมนุมของปีศาจแห่งความมืด?”
อันที่จริง เดวิดแทบจะลืมเกี่ยวกับองค์กรลับแห่งนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ หลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้รับข้อความหรือการติดต่ออะไรเลยทั้งสิ้น และเดวิดนั้นยุ่งเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องยิบย่อยเหล่านี้
การติดต่อมาอย่างกะทันหันและข้อความที่ระบุมาในครั้งนี้ ยืนยันได้ว่าเขาถูกติดตามความเคลื่อนไหวอยู่อย่างใกล้ชิด เดวิดไม่ได้รับข้อความหรือเข้าร่วมในการชุมนุมครั้งอื่น ๆ อีกเลย สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะออกไปทำภารกิจนอกสถาบัน และไม่ได้คำเชิญให้เข้าร่วมชุมนุม อีกความหมายหนึ่งก็คือ พวกเขารู้ว่าสมาชิกคนไหนจะเข้าร่วมชุมนุมได้บ้าง คำเชิญถูกเลือกส่งให้คนที่อยู่ในสถาบันเท่านั้น
เดวิดส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะสั่งให้เฮเซลเรียกเรือเหาะสาธารณะให้ เขาปิดหน้าต่างโฮโลแกรมลงและยืนรอเรือเหาะอยู่เงียบ ๆ ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์จัดแจงเรื่องการทดสอบของสถาบันให้เรียบร้อยแล้ว วิธีแก้นั่นง่ายมาก เดวิดต้องไปที่หอภารกิจเพื่อรับภารกิจอื่นมาเป็นภารกิจทดสอบแทนเท่านั้น
และสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ ภารกิจพวกนั้นทำได้ภายในสถาบัน ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปยังโลกภายนอกอีก เขาแทบจะอดใจรอที่จะรู้ไม่ไหวว่าจะได้ทำอะไร?
.......................
เรือเหาะร่อนลงจอดที่ลานกว้างหน้าหอภารกิจ เมื่อประตูห้องโดยสารเปิดตัว นักเรียนจำนวนมากทยอยกันเดินออกมา จุดหมายของพวกเขาก็คือเข้าไปในหอภารกิจเช่นเดียวกันกับเดวิดไม่มีผิด
เดวิดก้าวเท้าลงมายืนอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองหอภารกิจที่ใหญ่โตด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่แค่ไม่ถึงเดือน แต่ในความรู้สึกกับเหมือนว่านานกว่านั้น ภารกิจที่ผ่านมานั้นหนักหนาจนดูเหมือนว่ายาวนานมากทีเดียว เดวิดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเริ่มขยับเท้าพาตัวเองไปที่ประตูทางเข้าอย่างไม่รีบร้อนนัก
ภายในห้องโถงคึกคักเป็นอย่างยิ่ง นักเรียนจำนวนมากกระจายตัวกันอยู่ทั่วบริเวณ บ้างก็ยืนอ่านประกาศอยู่ที่ป้ายขนาดใหญ่ บ้างก็ยืนตรวจสอบภารกิจเพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง บ้างก็ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์กับเจ้าหน้าที่ ไม่แน่ใจว่ากำลังลงทะเบียนเพื่อทำภารกิจใหม่หรือส่งผลของภารกิจที่เพิ่งทำสำเร็จลงมา
เดวิดยืนเข้าแถวรออยู่หน้าเคาน์เตอร์แห่งหนึ่งอย่างเงียบ ๆ คิวไม่ได้ยาวมากนัก เขายืนรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย และใช้โอกาสนั้นกวาดตามองไปรอบ ๆ พยายามจดจำใบหน้าของเพื่อนร่วมสถาบันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด มันจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยเมื่อต้องเดินทางออกไปทำภารกิจภายนอกอีกครั้ง
ถ้าจะให้กล่าวตามความสัตย์ ในหมู่นักเรียนจำนวนมากที่อยู่ในห้องโถงแห่งนี้ เดวิดรู้จักชื่ออยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต้องนับคนที่เคยคุยเคยทักทายด้วยเลย ส่วนใหญ่แล้วเขาแค่เคยเห็นหน้าผ่าน ๆ ในชั้นเรียนหรือหอสมุด ยิ่งอยู่ในสถาบันนานไปเรื่อย ๆ ความสงสัยในใจของเดวิดก็เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลา นักเรียนแค่ชั้นปีละประมาณ 1,000 คน และทุกคนจะถูกส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้า ยกเว้นผู้ที่มีพรสวรรค์และศักยภาพสูงเท่านั้นที่จะยังอยู่ต่อในสถาบันได้ แต่จำนวนคนที่เห็นอยู่ในตอนนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกจะสูงอย่างที่ได้ยิน บางทีอาจมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อีกก็ได้
ไม่ใช่เดวิดเท่านั้นที่กวาดสายตามองพิจารณาเพื่อนร่วมสถาบัน นักเรียนคนอื่นก็ทำเช่นเดียวกับเขาไม่มีผิด ที่ต่างกันไปก็คือ นักเรียนพวกนั้นหลายคนรู้จักหน้าและรู้จักชื่อของเดวิดเป็นอย่างดี ทำให้มีบางคนเริ่มขมวดคิ้ว บางคนมีสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด และบางคนมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
“ในที่สุด! เจ้าบ้านี่ก็กลับมาแล้ว” เสียงพึมพำแบบเดียวกันหลุดออกมาจากปากของนักเรียนหลายคน ดูเหมือนว่าเดวิดจะเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนนักเรียนไม่น้อยจริง ๆ
เขารู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ แทนที่จะหลบสายตาอย่างเขินอาย เดวิดเลือกที่จะหันไปจ้องหน้าพวกนั้นกลับทีละคน พร้อมกับพยักทักทายด้วยรอยยิ้มอันใสซื่อ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นสดใสจริงใจ และนั่นเป็นความรู้สึกลึก ๆ ในใจของเขา ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ออกไปเผชิญกับโลกภายนอกมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สภาพแวดล้อมภายในสถาบันเป็นสิ่งที่เดวิดถวิลหาเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อย ๆ ที่นี่ก็ไม่หน้าไหว้หลังหลอก แค่มองหน้าของอีกฝ่าย ก็รู้แล้วว่าเป็นมิตรหรือศัตรู นักเรียนที่นี่ไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกหรือจิตสังหารเอาไว้เลย ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไร้เดียงสา แต่มันเป็นเพราะไม่มีความจำเป็น ความขัดแย้ง การต่อสู้ คือวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตัวเอง เมื่ออยู่ในสถาบันแห่งนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องระงับอะไรเอาไว้ทั้งสิ้น
ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง นักเรียนคนก่อนหน้าเสร็จธุระของตัวเอง และเปิดพื้นที่ว่างหน้าเคาน์เตอร์ให้เดวิดก้าวเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเฉยเมยคนหนึ่ง ถ้าดูจากเครื่องแต่งกายและอายุ เจ้าหมอนี่น่าจะเป็นนักเรียนระดับปี 3 หรือสูงกว่าอย่างแน่นอน
ก่อนที่เดวิดจะได้เอ่ยปากกล่าวความต้องการของตัวเองออกมา เสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้นมาก่อน “วางป้ายประจำตัวของนายไว้ที่เครื่องสแกน 3 วินาที”
ด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยยิ้มอยู่จาง ๆ เขาทำตามอย่างว่าง่าย
เสียงของเจ้าหน้าที่หนุ่มดังขึ้นมาอีก มันเป็นหลังจากที่เขาทำการตรวจสอบข้อมูลที่เด้งขึ้นมาให้เห็นอย่างละเอียดแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มมีแววครุ่นคิดอยู่ไม่น้อย “ในนี้บอกว่านายไม่ได้ทำภารกิจทดสอบ?”
เดวิดกล่าวให้ข้อมูลออกไปอย่างเรียบง่าย “ผมป่วย! เลยไม่ได้ไปทำภารกิจทดสอบ พอดีตอนนี้เริ่มหายดีแล้ว ผมเลยตั้งใจที่จะมารับภารกิจทดแทนไปทำ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ผมขอทราบภารกิจที่ต้องทำเลยได้มั้ย?”
คิ้วของนักเรียนปี 3 คนนี้ยังไม่คลายออก สายตายังจ้องเขม็งอยู่ที่หน้าจอของตัวเอง นิ้วมือเคลื่อนไหวอยู่อย่างรวดเร็ว แล้วสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด มันเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“หึ! เจ้าเด็กรวยเอ้ย! มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นสินะ” ปากขมุบขมิบเหมือนเป็นการพึมพำกับตัวเอง แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นดังจนคนที่ยืนอยู่ในรัศมี 10 เมตรได้ยินอย่างชัดเจน
และมันทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่กำลังทำงานอยู่ในบริเวณนั้น รวมถึงนักเรียนที่ยืนต่อแถวรออยู่หันมองจ้องมาที่เดวิดเป็นตาเดียวกัน สายตาของพวกนั้นเย็นชาและเหยียดหยาม
ถ้าเป็นนักเรียนธรรมดาทั่วไป โทษของการไม่ออกไปปฏิบัติภารกิจทดสอบ คือการไล่ออก! ส่งตัวไปทำหน้าที่อย่างอื่นในสถาบัน และจะไม่มีทางคงสถานะนักเรียนได้อีกต่อไป ภารกิจทดแทน!? นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ นี่มันเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว
นักเรียนธรรมดาจะไม่มีโอกาสแก้ตัว แต่ไม่ใช่สำหรับนักเรียนที่มีผู้สนับสนุนที่ทรงอำนาจ ภารกิจทดแทนจะถูกจัดหามาให้ นั่นทำให้เป็นที่แน่นอนว่านักเรียนคนนั้นจะไม่ถูกปลดสถานะนักเรียนออก อย่างน้อย ๆ ก็จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุเอาไว้ในภารกิจทดแทนนั้น
นักเรียนที่มีอภิสิทธิพวกนี้จะเป็นเป้าหมายของความเกลียดชังและความอิจฉาของผู้คนโดยทั่วไป แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ นอกจากจะสาปแช่งให้ตกตายฉิบหายไปเอง ถ้าขนาดสถาบันยังโอนอ่อนให้ แสดงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องมีอำนาจอยู่ในระดับหนึ่ง การพาตัวเข้าไปยุ่ง ก็เหมือนกับพาตัวเองไปตาย สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือส่งสายตาเหยียดหยามเข้าใส่เท่านั้น
“เอ้อ! แล้วภารกิจของผมล่ะ?” เดวิดเอ่ยถามออกมาเสียงใส ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายตาจำนวนมากที่จ้องมองเข้ามาอยู่ตอนนี้? น่าสนุกจะตาย เอาอีก ๆ! นี่สิ! บรรยากาศที่คุ้นเคย
เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ทำเรื่องให้เขากดปุ่มลงไปบนหน้าจออีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่แผ่นกระดาษโฮโลแกรมจะปรากฏออกมา “นี่คือรายละเอียดของภารกิจทดแทนที่นายจะต้องทำ
นายจะต้องทำตามกฎที่ระบุเอาไว้อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จภายในระยะเวลา 3 อาทิตย์ ไม่เช่นนั้น...” ชายหนุ่มสำลักคำพูดของตัวเองขึ้นมาทันที สายตาเบิกกว้างเหมือนกับไม่เชื่อว่าตัวเองจะเห็นข้อความที่ระบุอยู่ด้านท้ายของกระดาษแผ่นนั้น
“ไม่เช่นนั้น?”
“ม-ไม่เช่นนั้น ให้นายกลับมารายงานว่าทำไม่สำเร็จ และรับภารกิจทดแทนใหม่ไปอีกครั้ง” ดวงตาของเจ้าหน้าที่หนุ่มนั้นแดงกล่ำ เสียงกัดฟันกรอดดังออกมาพร้อมกับคำตอบแบบได้ยินอย่างชัดเจน
แววตาแห่งความเกลียดและอิจฉาทอประกายออกมาให้เห็น ก่อนมันจะถูกควบคุมให้สงบลงไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่ได้ยินต่างเบิกตาค้าง นี่มันภารกิจทดแทนอะไร? เจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งได้สติกลับมาเร็วที่สุด และสิ่งที่เธอทำเป็นอย่างแรก คือการเสยผมและส่งสายตาที่คิดว่าเย้ายวนที่สุดมาให้เดวิด ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นเด็กหนุ่มที่ควรจะทำความรู้จักสนิทสนมด้วยจริง ๆ
เดวิดไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างมากนัก เขายื่นมือไปรับแผ่นกระดาษโฮโลแกรมมาเก็บเข้าไว้ในระบบของตัวเอง ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณครับ”
หลังจากที่ผงกหัวเป็นการขอบคุณซ้ำลงไป เดวิดก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องโถงอย่างไม่ลังเล ปล่อยให้สายตาแห่งความอิจฉาเกลียดชังมองตามหลังอย่างทำอะไรไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนุกดีจริง ๆ นี่สิ! เรื่องแบบนี้ล่ะที่ฉันคิดถึง” ทันทีที่ออกมาจากหอภารกิจได้ เขาก็พึมพำออกมาอย่างอารมณ์ดี
.......
เดวิดไม่ได้รีบเรียกเรือเหาะโดยสารเพื่อเดินทางกลับ เขากวาดตามองไปรอบข้างและขยับตัวมายืนอยู่ยังจุดที่ไม่พลุกพล่านด้านข้างของลานกว้าง เปิดหน้าต่างโฮโลแกรมเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของภารกิจทดแทนก่อน
ในนั้นระบุชื่อ อายุ ชั้นเรียน และระดับความแข็งแกร่งเอาไว้ ดูเหมือนข้อมูลของสถาบันจะยังไม่อับเดตมากนัก ระดับของเขายังระบุเอาไว้ว่าเป็นเฟสเซอร์ระดับ 2 ยีนเท่านั้น น่าจะเป็นศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ที่เป็นคนระบุความแข็งแกร่งของเขา เพราะตอนที่กลับมาถึงสถาบันครั้งล่าสุด เดวิดยังไม่ได้อับเดตข้อมูลของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
หลังจากอ่านเนื้อหาของภารกิจ เขาก็ต้องยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ตาแก่นั่นจะเกินไปหน่อยมั้ยเนี่ย? นี่มันใช่ภารกิจเสียที่ไหน นี่มันข้อสอบปลายภาคชัด ๆ ให้สร้างเซรั่มพันธุกรรมที่แตกต่างกันออกมา 3 ชนิดด้วยตัวเอง ในระยะเวลา 3 อาทิตย์! เจ้าแก่กำลังพยายามทำอะไร? จะให้เขากลายเป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดใน 3 อาทิตย์เลยหรือยังไงเนี่ย?
เดวิดถอนหายใจยาว แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าการทำเซรั่มพันธุกรรมด้วยตัวเองนั้นยากขนาดไหน แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมือใหม่แน่ ถ้าจะให้กล่าวออกไปตามความสัตย์ เดวิดไม่คิดว่าตัวเองจะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ เซรั่มพันธุกรรม 3 ชนิดในระยะเวลา 3 อาทิตย์ ฝันไปเถอะ!
ต่อให้ความจำของเขาจะดีแค่ไหน ต่อให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มหัว แต่เดวิดยังไม่เคยเข้าไปในห้องทดลองเลย หลอดทดลองสักอันก็ยังไม่เคยจับ สารตั้งต้นที่จำเป็นจะต้องใช้? เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเคยเห็นของจริงมาก่อนเสียด้วยซ้ำ แค่การทำความคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ เวลา 3 อาทิตย์ที่ให้มาก็คงจะหมดไปแล้ว
เดวิดปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ช่างมัน! ทำไม่สำเร็จก็เปลี่ยนภารกิจใหม่ ยังไงเสียเขาก็ต้องเข้าห้องทดลองเพื่อเรียนรู้การเป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดอยู่แล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอะไรมากขึ้นเลย ดีเสียอีกที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน บางที! เขาอาจจะต้องส่งรายละเอียดของภารกิจนี้ไปให้ตาแก่นั่นยืนยันเสียหน่อยว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดพลาด
“เดวิด ซินเทค... ช่างเป็นคนที่หาตัวเจอได้ยากจริง ๆ!” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน...