นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 343 - รากฐาน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งจะขจัดความหวาดหวั่นกลัวเกรงออกไปจากจิตใจได้ กลิ่นอาย และคลื่นพลังที่ไวท์และเฒ่าขี้ยาปล่อยออกมาตอนต่อสู้กัน มันไม่ใช่สิ่งที่รับมือได้ง่ายดายขนาดนั้น
เพราะมันไม่ใช่แค่คลื่นพลังความแข่งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กลิ่นอายที่กดข่มน่าเกรงขามของสิ่งมีชีวิตระดับสูงกว่า คลื่นพลังที่แฝงไปด้วยอำนาจแห่งพลังพันธุกรรม ไม่เพียงแต่จิตใจเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ สัญชาตญาณที่ฝังลึกอยู่ในยีนจะกระตุ้นเตือนออกมาอย่างบ้างคลั่งด้วย
มันเป็นสัญชาตญาณที่ต้องการหลบหนีของสิ่งมีชีวิตที่ด้อยกว่า สัญชาตญาณหวาดกลัวของเหยื่อที่มีต่อนักล่า การจะกดข่มมันเอาไว้ ต้องมีพลังใจและเจตจำนงที่แรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง
ชายผมขาวคิดว่าลูกศิษย์ของตัวเองจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนี่งถึงจะจัดการกับสัญชาตญาณเหล่านี้ได้ แต่ก็ต้องประหลาดใจที่มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย ความรู้สึกยินดีเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทำให้เขาเพียงแค่ทุบมือลงไปบนโต๊ะพร้อมกับตวาดเปลี่ยนเรื่องออกมาเท่านั้น
“เจ้าลูกศิษย์ตัวแสบ! นี่แกตั้งใจหลบหน้าฉันใช่มั้ย รู้มั้ยว่ากี่วันแล้วที่ฉันพยายามติดต่อไป ทำไม? ไม่อยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันจัดการเรื่องการทดสอบให้ถึงไหนแล้ว!” สายตาดุร้ายเริ่มทอประกายออกมา
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมถึงไม่รับสาย!!??”
ดวงตาของเดวิดกระตุกไปเล็กน้อย ขาชะงักอ่อนแรงจนเกือบเซ หัวใจแทบจะหยุดเต้นกับเสียงตวาดที่ดังก้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ดวงตาอันใสซื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง เขาใช้สายตานั่นมองกับไปพร้อมกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสา ก้าวเท้าต่อไปช้า ๆ เพื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาจารย์! จะตะโกนทำไม? ผมจะหัวใจวายตายอยู่แล้วเนี่ย! อาจารย์น่าจะระวังอารมณ์ของตัวเองหน่อยนะ แก่มากแล้ว โมโหบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หัวใจวายตายหรอก”
น้ำเสียงของเดวิดจริงจัง ดวงตากระพริบถี่ สีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมาอย่างเต็มที่
ผลตอบรับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ชายผมขาวยืดมือข้ามโต๊ะมาอย่างฉับพลัน คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาคลุมตัวของเดวิดเอาไว้ แรงกดดันมหาศาลรอบตัวเพิ่มขึ้นในพริบตา มันทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก น้ำหนักที่กดลงมาไม่ต่างจากน้ำหนักของภูเขาลูกใหญ่กดทับ แม้แต่เก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ก็ส่งเสียงเอียดอาดประท้วงออกมาแล้วเช่นกัน
ที่ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันนี้ยังเหมือนกับเป็นฟิล์มบาง ๆ รัดแน่นอยู่รอบตัว การขยับตัวแม้แต่นิดเดียวก็ไม่สามารถทำได้ เดวิดต้องทนรับแรงกดทับนั้นต่อไปอย่างขมขื่น ไม่สิ! เขาต่อต้านแล้ว! ไม่มีทางที่จะยอมตกอยู่ในเงื้อมมือของตาแก่บ้านี่แน่ ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะทรมานอะไรตัวเองอีก
ดวงตาเป็นประกายวาบออกมาพร้อมกับกล้ามเนื้อที่สั่นไหว เสียง ‘หึ่ง’ ดังกระหึ่มออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย ก่อนที่กล้ามเนื้อจะขยายและหดตัวอย่างรวดเร็ว มันสร้างช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างร่างกายกับแรงกดดันที่กดทับลงมา ไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เดวิดขยับตัวหลบฝ่ามือที่ตะปบใส่บ่าของตัวเองได้พ้น
“ตาแก่! ผมรู้แล้วน่าว่าเก่ง! ไม่เห็นจะต้องโชว์ออกมาบ่อย ๆ เลย” เดวิดตวาดกลับแล้ว คิ้วเลิกสูงขึ้นอย่างท้าทาย
ไม่ได้ผลเหมือนเดิม ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลย ดวงตานั้นหรี่เล็กลง และมันใช้กวาดไปทั่วร่างกายของลูกศิษย์อย่างตกตะลึง
“ก-แกเป็นเฟสเซอร์ 3 ยีนแล้วอย่างนั้นหรือ?” สีหน้านั้นเก็บอาการเอาไว้ไม่ไหว มันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกันกับน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปาก
ได้เวลาที่เดวิดจะเชิดหน้าอย่างภาคภูมิแล้ว รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นเป็นการตอบรับ
นั่นทำให้ชายผมขาวนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่มือซึ่งยังยกค้างอยู่จะขยับมาจับบ่าของลูกศิษย์ตัวแสบอีกครั้ง และคราวนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด เดวิดไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ เขาได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมาอย่างรับสภาพเท่านั้น
แต่สีหน้าและท่าทางที่อาจารย์ของตัวเองแสดงออกมาทำให้เดวิดแปลกใจ มันไม่ได้มีความดุร้ายเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเล็กน้อยนั่นเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมครุ่นคิด แววตาดูจริงจังและเป็นกังวลเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าแกเพิ่งยกระดับเป็นเฟสเซอร์ 2 ยีนตอนทำภารกิจทดสอบหรือยังไง?” เสียงที่ถามออกมาเคร่งขรึมไม่แพ้กัน ตัวนั้นเดินออกมาจากหลังโต๊ะแล้ว มือหนึ่งยังจับอยู่ที่บ่า ส่วนอีกมือที่ว่างถูกใช้ทาบลงไปที่หน้าอกของเดวิด ตรงตำแหน่งที่หัวใจตั้งอยู่พอดี
เดวิดผงะไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากอะไรออกมา เสียงตวาดก็ดังออกมาดักเอาไว้ก่อน “หุบปาก! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
กระพริบตาถี่! เดวิดทำได้แค่นั้น อย่าว่าแต่พูดเถียงอะไรออกมาเลย แม้แต่จะขยับตัวหนีเขายังไม่กล้าทำเลยด้วยซ้ำ
ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ก็ไม่ได้ขยับตัวอีก เขาหลับตาลงอย่างเงียบ ๆ ท่าทางเหมือนกับกำลังตั้งใจฟังอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากที่ทั่วท้องห้องอยู่ในความเงียบอยู่เกือบ 20 วินาที เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นมา ชายผมขาวปล่อยมือออกจากตัวลูกศิษย์และเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง แต่สายตาที่มองมายังเดวิดยังคงเต็มไปแววตาของการครุ่นคิด
เดวิดขยับตัวกลับมานั่งอยู่อย่างเรียบร้อยแล้ว ในความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วถูกผู้ปกครองจับได้ แถมเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะสำคัญไม่น้อย เสียอยู่อย่างเดียวเท่านั้น เดวิดไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคือเรื่องอะไร
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากถาม ศาสตราจารย์อาวุโสเป็นก็เปิดปากตัดหน้าอีกครั้ง
“ถึงแม้ว่าการยกระดับจะช่วยทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่การยกระดับขึ้นเร็วเกินไปแบบนี้ จะมีผลเสียต่อร่างกายและความก้าวหน้าในระยะยาว เธอต้องจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ขึ้นใจ”
ชายผมขาวเอนร่างตัวเองพิงไปกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะกล่าวต่อออกมา “เท่าที่ฉันตรวจสอบดูแล้ว เธอยังโชคดีที่รากฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง มันเลยไม่ได้เกิดปัญหาแอบแฝงอะไรอยู่มากนัก และชิ้นส่วนจีโนมที่ปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกายก็ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนอะไร”
เดวิดขมวดคิ้ว นึกคันปากยิบ ๆ อยากจะอวดอ้างว่ารากฐานของตัวเองไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง แต่มันเป็นรากฐานขั้นสุดยอดเลยต่างหาก แต่ก็สะกดใจเอาไว้ได้ทัน และพยักหน้ารับอย่างเด็กว่าง่าย
ถึงแม้ว่าอาจารย์ของตนจะเข้าใจผิดไป ไม่รู้ว่าเขาถูกบังคับให้ยกระดับขึ้นไปจากพลังงานพันธุกรรมที่สะสมเอาไว้จนเกิดขีดจำกัด การระงับเอาไว้จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดีเสียด้วยซ้ำ แต่เดวิดก็ตัดสินใจที่จะไม่โต้เถียงอธิบายออกไป แค่ความห่วงใยที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก็ทำให้เขาอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาไม่น้อยเลย
“ครับ! ครั้งต่อไปผมจะตรวจสอบสภาพร่างกายตัวเองให้ชัดเจนก่อนยกระดับ จะไม่รีบร้อนจนเกินไปอีก” เดวิดเอ่ยปากรับคำย้ำออกไป
ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์พยักหน้าอย่างพอใจ อันที่จริง ตอนที่เดวิดดิ้นหลุดจากแรงกดดันจากฝ่ามือของตัวเองไปได้ เขาตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อให้เป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนระดับไหน การยกระดับอย่างรวดเร็วต่อเนื่องเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีต่อความก้าวหน้าในอนาคตทั้งนั้น แล้วจากข้อมูล ลูกศิษย์คนนี้มีระดับการปรับตัวเข้ากับชิ้นส่วนจีโนมแค่ 3 ดาว การปรับตัวให้เข้ากับยีนอย่างสมบูรณ์น่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน ไม่ใช่ 3 เดือน 3 ยีนแบบนี้ ชายผมขาวเป็นกังวลว่าลูกศิษย์ตัวแสบจะสูญเสียการควบคุมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบตรวจสอบร่างกายและรากฐานของเดวิด แต่ในที่สุดก็โล่งใจที่สิ่งที่ตัวเองเป็นห่วงไม่ได้เกิดขึ้น มิหนำซ้ำ เจ้าลูกศิษย์ตัวดีดูเหมือนจะมีรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะระดับสูงกว่าไปอีกไม่น้อย เจ้านี่มีประสบการณ์กระตุ้นพลังพันธุกรรมจนเกิดขีดจำกัดมานับครั้งไม่ถ้วนเลย
‘นี่แสดงว่าตอนที่ทำภารกิจทดสอบในเมืองวูล์ฟฟิน เจ้านี้ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดมาอย่างหนักแน่ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ต้องกระตุ้นตัวเองจนสุดตัวขนาดนั้น แต่ก็ยังถือว่าน่าทึ่งอยู่ดี”
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และชั่วร้ายเล็กน้อย ‘อืม? ถ้าอย่างนั้น มอบภารกิจเสี่ยงตายไห้เด็กนี่ไปทำอีกสักรอบสองรอบดีมั้ยนะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เพื่อจะได้ก้าวหน้าเร็วขึ้นอีก’
นี่ไม่ใช่ความคิดเพียงชั่ววูบเลย สีหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์แสดงออกมาว่าครุ่นคิดอยู่จริง ๆ และสายตาที่มองไปยังลูกศิษย์นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกสนุกและอยากทดลอง
มันเป็นสายตาที่ทำให้เดวิดนั้นขนลุกไปทั้งตัว เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ากำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้น
“อ-อาจารย์คิดอะไรอยู่หรือครับ” ไม่ได้! เดวิดต้องขัดจังหวะการวางแผนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
“อ้อ! ไม่มีอะไร!” เสียงตอบกลับมานั้นราบเรียบ แต่รอยยิ้มกับแววตา! มันทำให้ขนของเดวิดตั้งชันมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก
“เอาล่ะ! มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่ฉันเรียกเธอมาในวันนี้มีอยู่ 2-3 เรื่องที่ต้องคุย อย่างแรก หนังสือที่ให้ไปอ่านจบหมดแล้วหรือยัง?”
เดวิดกระพริบตาถี่เพื่อตั้งสติ ก่อนจะพยักหน้ารับเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าคราวนี้ชายผมขาวไม่ได้แปลกใจมาเท่าไรนัก เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นการรับรู้เช่นกัน “ดีมาก! ถ้าอ่านจบแล้วก็ดี ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการฝึกฝนเป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดจริง ๆ เสียที ต่อจากนี้ไป เธอไม่ต้องออกไปทำภารกิจนอกสถาบันอีก และคงจะไม่มีภารกิจบังคับอะไรให้ออกไปอีกสักพักหนึ่ง พวกเราจะใช้เวลาฝึกฝนในห้องทดลองกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่แน่! เธออาจจะได้เป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดในเวลาไม่นานนัก”
ระหว่างที่เขากล่าวคำพูดพวกนั้นออกมา ชายผมขาวก็เปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้น ก่อนจะขยับมือส่งสัญญานบางอย่างออกมา
เดวิดเข้าใจได้ไม่ยากนัก เขารีบเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้น ก่อนจะหยิบเอาหนังสือทั้งหมดที่ได้รับมาออกจากห้องสมุดของตัวเอง ก่อนจะยื่นส่งไปให้อาจารย์ของตัวเอง แม้ว่าหางตาจะเหลือบเห็นบางอย่างบนหน้าต่างโฮโลแกรม แต่เดวิดก็ปิดมันลงเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์รับหนังสือทั้งหมดไปเก็บเข้าไว้ในห้องสมุดของตัวเอง หันมามองจ้องหน้าเดวิดอยู่สักพัก ก่อนจะยักไหล่แล้วเลือกที่จะปิดหน้าต่างโฮโลแกรมลง คำพูดต่าง ๆ มากมายเริ่มหลั่งไหลออกมาจากปาก เดวิดได้แต่นั่งฟังและพยักหน้าเป็นระยะ
ในที่สุด การพบปะระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ครั้งนี้ก็จบลง
...........................
ทันทีที่เดินออกมาจากอาคารที่ห้องทำงานของอาจารย์ตัวเองตั้งอยู่ได้ สีหน้าท่าทางของเดวิดก็เปลี่ยนเป็นราบเรียบเฉยเมยตามปกติ พร้อมกับเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้นมาอ่านข้อความ
“สุนัขโลหิต! การชุมนุมจัดขึ้นที่ถนนหมายเลข 9 มาร่วมชุมนุมด้วย พวกเรารู้ว่านายกลับมาแล้ว”
เขาเพิ่งกับมาถึงสถาบันได้ไม่กี่วัน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เดวิดออกมาจากห้องพัก แต่ปีศาจแห่งความมืดก็ยังรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเขากลับมาแล้ว...