ตอนที่ 225 ร้านขายยา(ฟรี)
(ตอนเดียวนะครับวันนี้กลับมาแปลไม่ทัน ขออภัยด้วย)
ที่โรงเรียนในเมืองเต่าทมิฬ
เยี่ยลี่ยี่กำลังสอนหนังสือเด็กๆ อยู่
เธอได้เริ่มสอนหนังสือเด็กๆ อย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้ และได้สอนวิชาการอ่านเขียนซึ่งเทียบได้กับครูสอนภาษา
“เอาล่ะ คาบเรียนเช้านี้ก็หมดแล้ว ไม่ต้องแข่งกันกลับบ้านหล่ะ เดินกันระวังๆ ด้วย”
เยี่ยลี่ยี่เก็บหนังสือพร้อมกับกล่าวเตือนนักเรียนของเธอ
“ครับ/ค่ะ”
เด็กๆ ทุกคนลุกขึ้นและโบกมือลาให้กับเยี่ยลี่ยี่อย่างร่าเริง
“เที่ยงนี้มีอะไรกินงั้นหรอ?”
“แม่ฉันบอกว่าจะให้รางวัลที่ฉันอ่านออกเขียนได้ จะทำเนื้อย่างให้ฉันกินเป็นมื้อเที่ยง”
เยี่ยลี่ยี่ฟังสิ่งที่เด็กน้อยสนทนากันอย่างไร้เดียงสา ก่อนที่เธอจะอมยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสบายใจ
เธอพบว่าเธอรักงานนี้มาก ซึ่งมันน่าสนใจยิ่งกว่าเป็นผู้คุมโรงพิมพ์เสียอีก
เด็กๆ ออกไปจากห้องหมดแล้ว เหลือเพียงเฉิงเซียวที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ
“หนูเซียว?”
เยี่ยลี่ยี่รู้สึกสงสัย และเรียกเด็กน้อยสองสามครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบสนอง
เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติเลยเข้าไปเขย่าตัวเด็กน้อยเบาๆ
“หนูเซียว เป็นอะไร”
“อือ….”
เฉิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมเต็มหน้าผากพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
ริมฝีปากของเด็กน้อยแห้งและซีด ขอบตาหมองคล้ำ แววตาดูเหม่อลอย
“อาจารย์ …..เลิกเรียน…แล้วหรอ”
เสียงของเฉิงเซียวแหบมากเวลานี้
“ใช่เลิกเรียนแล้ว”
เยี่ยลี่ยี่เห็นอาการไม่ดีเลยถามขึ้น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม? หนูดูเหมือนไม่สบายเลย”
“หนูสบายดี แค่ง่วงนอนนิดหน่อย เลยเผลอหลับไป”
เฉิงเซียวพยายามยืนขึ้นด้วยสภาพที่จะล้มได้ทุกเมื่อ
“เมื่อคืนไม่ได้นอนงั้นหรอ?”
เยี่ยลี่ยี่ถามพร้อมกับช่วยพยุงแขนของเด็กน้อย และสัมผัสได้ว่าตัวของเฉิงเซียวอุ่นๆ
“นอนค่ะ”
เฉิงเซียวฝืนยิ้มตอบกลับไป
เธอกอดถุงกระเป๋าหนังสัตว์ของเธอ พร้อมกับกล่าวลาเยี่ยลี่ยี่อย่างนอบน้อม
“อาจารย์ หนูขอกลับบ้านก่อน แล้วจะกลับมาตอนบ่าย”
“หนูเซียวไม่ต้องฝืนมาแล้วก็ได้ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยมาโรงเรียน”
เยี่ยลี่ยี่พูดอย่างจริงจัง
“ไม่ได้….งั้นจะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน”
เฉิงเซียวหัวเราะแห้งๆ
“ไม่ต้องกลัวเรียนตามไม่ทัน เดี๋ยวฉันหาเวลาไปสอนให้ตัวต่อตัว วันนี้หนูกลับบ้านไปพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถอะ”
เยี่ยลี่ยี่ย้ำอีกครั้ง
“.....งั้นก็ได้ค่ะ”
เด็กน้อยเองก็รู้ว่าอาการของเธอนั้นไม่ดีเหมือนกัน และออกไปทางหนักมาก จมูกของเธอตันจนใช้หายใจไม่ได้ และต้องหายใจทางปากเท่านั้น
“ทำให้อาจารย์เป็นห่วงแล้ว”
เฉิงเซียวกล่าวเบาๆ
“ให้พาไปส่งไหม?”
เยี่ยลี่ยี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร หนูสบายดีค่ะ”
เฉิงเซียวฝืนยิ้มและพูดต่อ
“บ้านหนูอยู่ถัดไปไม่กี่ซอย เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง”
เฉิงเซียวโบกมือให้เยี่ยลี่ยี่อีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
“เวียนหัวจัง จะตายไหมเนี้ย?”
เฉิงเซียวบ่นกับตัวเองเบาๆ และเดินไปตามถนนด้วยสภาพอ่อนแรง
เมื่อเช้าเธอแค่รู้สึกง่วงมากกว่าปกติ และเวียนหัวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าอาการจะกำเริบถึงขนาดนี้
เยี่ยลี่ยี่ที่เฝ้าดูอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง และเดินตามเฉิงเซียวไปห่างๆ เผื่อเด็กน้อยจะเป็นลม
เยี่ยลี่ยี่ตามเด็กน้อยจนเห็นว่าเธอมาถึงบ้านแล้วเธอก็โล่งใจขึ้นมาทันที
ก็อกๆ
เฉิงเซียวพยายามที่จะยกมือขึ้นเพื่อเคาะประตู
“ลูกเซียวกลับมาแล้วหรอ?”
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับอวี๋จือที่ถือไม้พายอันเล็กอยู่ในมือ
เฉิงเซียวเวลานี้ใบหน้ายิ่งซีดขาวมากขึ้นกว่าเก่า และกล่าวอย่างอ่อนแรง
“แม่ หนูกลับมาแล้ว”
“ลูกเซียว! เป็นอะไรลูก! ทำไมหน้าตาถึงเป็นแบบนี้!”
อวี๋จือขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นทันที
“ใครที่โรงเรียนรังแกมารึป่าว”
“ไม่แม่ ไม่มีใครรังแกหนูหรอก”
เฉิงเซียวทำหน้ามุ้ยไม่พอใจ
ก่อนที่ร่างของเด็กน้อยจะเซไปเซมา และทำท่าจะล้มลง
“ลูกเซียวเป็นอะไร!”
อวี๋จือถึงกับตื่นตระหนก และทิ้งไม้พายลงเข้าไปพยุงร่างลูกสาวทันที
“หนูเวียนหัวมากเลยแม่ หนูจะตายงั้นหรอ?”
เฉิงเซียวพูดอย่างอ่อนแรง
“อย่ามาพูดไร้สาระ ลูกเป็นเด็กดีจะตายได้ไง!”
อวี๋จือกำลังวิตกสุดๆ แต่ก็พูดปลอบใจลูกสาวออกไป
เธอหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ลง ก่อนที่จะพาลูกสาวเข้าห้องนอน
“ลูกเซียว ลูกนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะออกไปตามพ่อกลับมา เขาต้องมีวิธีช่วยลูกแน่”
อวี๋จือห่มผ้าให้ลูกสาวของเธอ
“แต่พ่อทำงานอยู่…”
เฉิงเซียวตอบกลับมาโดยที่ตานั้นลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว
“ชีวิตของลูกสำคัญกว่างาน!”
อวี๋จือพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไปตามหาเฉิงเหมา
เจ็ดแปดนาทีต่อมา
อวี๋จือกำลังหอบอย่างรุนแรง เธอวิ่งผ่านกลุ่มคนที่มากผิดปกติที่อยู่ตามท้องถนน และมีเสียงพูดคุยดังตลอด
“มีประกาศอะไรมาติดใหม่?”
“ใครอ่านหนังสือออกช่วยอ่านให้พวกเราฟังที!”
“ประกาศใหม่เขียนว่า ท่านเจ้าเมืองได้เปิดร้านขายยาที่ถนนหลัก 3 หากใครรู้สึกเจ็บป่วยไม่สบายให้ไปหาหมอ และรับยารักษาได้ที่นั้น”
“ร้านขายยางั้นหรอ พึ่งได้ยินอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย”
อวี๋จือถึงกับหยุดนิ่งไปเมื่อได้ยิน
ร้านขายยา ? ให้ไปหากรู้สึกเจ็บป่วยไม่สบาย?
“เราหาพี่เฉิงไม่เจอด้วยตอนนี้ คงต้องพาลูกเซียวไปร้านขายยาเองแล้ว”
อวี๋จือตัดสินใจใหม่และวิ่งกลับไปบ้านทันที
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าร้านขายยาคืออะไร แต่เธอมั่นใจว่ามันต้องช่วยเธอได้เพราะเจ้าเมืองเป็นคนเปิดร้านนี้ด้วยตัวเอง
ที่เตียงเฉิงเสียวดูกระสับกระส่ายไม่น้อย และปวดหัวอย่างมาก
“ยังไม่อยากตาย ยังต้องอ่านหนังสือ….เราอยากไปดูต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ใกล้ๆ”
ปัง!
“ลูกเซียวลุกก่อนลูก…เดี๋ยวแม่จะพาลูกไปร้านขายยา”
อวี๋จือเปิดประตูเข้ามาอย่างร้อนรน และเข้าไปอุ้มลูกสาวของเธอขึ้นมาจากเตียง
เฉิงเซียวถามด้วยความสับสนและมึนงง
“แม่ไม่ได้ไปหาพ่องั้นหรอ”
“ไปร้านขายยาก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยไปตามหาพ่อ!”
อวี๋จืออุ้มลูกสาวออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
“ร้านขายยาคืออะไรหรอแม่…”
เฉิงเซียวถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแหบแห้ง
“แม่ไม่รู้ เมื่อถึงคงจะรู้เอง”
อวี๋จือก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
เธอพาลูกสาวไปยังถนนหลักสามทันที
“มันน่าจะอยู่แถวนี้สิ….ตรงนี้ถนนสายสองแล้ว นั้นไงถนนหลักสาม!”
อวี๋จือวิ่งมาตามทางจนถึงอาคารแห่งหนึ่งในถนนสายหลักสาม
อาคารแห่งนี้มีรูปทรงรียบๆ และมีป้ายเขียนด้วยตัวอักษรว่าร้านขายยาเต่าทมิฬ
“ที่นี่แหละ”
อวี๋จืออุ้มลูกสาวเข้าไปในอาคารทันที
ชั้นแรกเป็นพื้นที่รองรับ เมื่อเข้ามาจะพบกับพนักงานยืนอยู่ที่หลังเคาเตอร์ ซึ่งตอนนี้กำลังจดบันทึกอะไรสักอย่างในสมุดเล่มใหญ่
“สวัสดี มาหาหมอหรอ”
พนักงานถามขึ้น
“ใช่แล้ว ลูกสาวฉันดูแย่มากเลย”
อวี๋จือพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
“ฉันเห็นแล้ว”
พนักงานมองไปยังเฉิงเซียว และเห็นว่าใบหน้าของเด็กสาวนั้นซีดเซียวจนแทบจะไร้เลือดแล้ว
“ช่วยด้วย…ได้โปรดทำอะไรสักอย่าง”
“ใจเย็น ได้กินยาสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
พนักงานพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
“แต่ที่นี่มียารักษาอยู่สองแบบที่รักษาลูกสาวของเธอได้”
“มันต่างกันยังไง?”
อวี๋จือถามอย่างใจร้อน
“แน่นอน มียาธรรมดาใช้แต้มสะสม 10 แต้ม จะออกฤทธิ์ช้าหน่อย แต่อาการจะดีขึ้น และต้องนอนพักหนึ่งวัน”
พนักงานกล่าวก่อนที่จะพูดต่อ
“ยาอีกตัวเป็นยาพิเศษใช้แต้มสะสม 20 แต้ม แต่มันจะออกฤทธิ์รวดเร็วกว่าและรักษาหายได้ในครึ่งวัน”
ความจริงแล้วยาทั้งสองต่างกันแค่มีน้ำตานางฟ้ากับไม่มีเท่านั้น
“เอายาแบบ 20 แต้มสะสม!!”
อวี๋จือตอบอย่างไม่คิดทันที
เมื่อเห็นแบบนั้นพนักงานเลยแนะนำอย่างใจเย็น
“ใจเย็นก่อน อาการของเด็กน้อยแค่ยาธรรมดาก็รักษาได้แล้วไม่ต้องจ่ายแพงขนาดนั้น หลังจากกินยาเข้าไปแล้วก็พักสักหนึ่งวันก็จะหายดี”
“ถ้างั้นขอเป็นยาธรรมดา”
อวี๋จือทำตามคำแนะนำของพนักงาน
พนักงานตอบอย่างสุภาพ
“งั้นขอใบแต้มสะสมด้วย”
“เอ้านี้”
อวี๋จือเอาใบแต้มสะสมส่งให้พนักงานทันที
พนักงานก็ทำการหักแต้มสะสมและประทับตราลงใหม่อย่างช่ำชอง
“นี่ยารักษา แค่ให้ลูกสาวดื่มซะ”
พนักงานยื่นขวดกระเบื้องขนาดเล็กให้
“ง่ายๆ แค่นี้เลยหรอ?”
อวี๋จือรับมาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ลองดูเองเถอะ”
พนักงานตอบอย่างอดทน
“ค่ะ”
อวี๋จือรีบดึงจุกหนังที่ปิดฝาขวดออก และป้อนยาให้กับลูกสาวของเธอ
อึ้กๆ
ที่จริงเพียงแค่จิบเล็กๆ ก็พอที่จะรักษาหวัดหรือโรคเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว
เฉิงเซียวเมื่อได้กินยาเข้าไปผิวพรรณของเธอก็กลับดูมีเลือดมากขึ้นไม่ซีดเหมือนก่อนหน้านี้
“มันได้ผล!”
อวี๋จือพูดขึ้นอย่างมีความสุข
“ฤทธิ์ของยายังอยู่ รีบพาเด็กน้อยกลับไปพักผ่อนซะ”
พนักงานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
“ขอบคุณ ขอบคุณ”
อวี๋จือราวกับยกเขาออกจากอก
ก่อนที่เธอจะยิ้มให้พนักงานอีกครั้ง และพาลูกสาวกลับออกไป
เธอตัดสินใจว่าหากอาการของลูกเธอแย่ลงอีก จะกลับมาซื้อยาสูตรพิเศษอีกครั้ง