ตอนที่ 1395 นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้คุณช่วย...
ด้านนอกบาร์..
หลินฟาน ได้ถือกล่องไม้ในมือ แล้วเดินออกมาจากบาร์ ไปพร้อมกับ ลูซี่
รถเก๋งที่ดูธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่นอกประตู คนที่นั่งขับอยู่ก็คือ อัลเลน ตอนนี้ อัลเลน ดูมีสีหน้าตึงเครียดมาก ก่อนหน้านี้ หลินฟาน ได้โทรมาหาเขา บอกให้เขามารออยู่ที่นี่ ทั้งเขายังไม่ได้อธิบายถึงเงิน 10 ล้านยูโร ที่เข้ามาในบัญชีของเขา สุดท้ายเลยที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลมากๆ คือ เขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ในตอนนี้ มัน.. เป็นอย่างไรกันแน่?
เมื่อเห็น หลินฟาน เดินกลับออกมาอย่างปลอดภัย อัลเลน ก็รู้สึกโล่งใจ และรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้แล้ว
หลินฟาน ตรงมาที่รถเก๋ง และมอบกล่องไม้นี้ให้กับ อัลเลน แล้วพูดว่า : “นี่คือหัวงู คุณช่วยเอามันกลับไปด้วย”
อัลเลน มอง ลูซี่ แล้วสงสัย จึงถามไปว่า : “คุณหลิน เธอ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “เธอชื่อ ลูซี่ ผมเพิ่งซื้อเธอมาจากแก๊งกําปั้นเหล็ก เธอถูกลักพาตัวในยุโรปตะวันออก และถูกพามาที่อังกฤษ อีกอย่างผมเพิ่งพบว่า หลี่ จื่อเสีย น่าจะตกไปอยู่ในมือของแก๊งโจรนี้ด้วยเช่นกัน”
อัลเลน รู้สึกประหลาดใจ และกล่าวไปว่า : “อะไรนะ เป็นเช่นนี้แล้วเราจะทําอย่างไรต่อ ในตอนนี้?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมมีเบาะแสอยู่แล้ว”
อัลเลน ถามว่า : “แล้ว 10 ล้านยูโรนั้นล่ะ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “นี่เป็นค่าเสียหายทางจิตใจที่แก๊งกําปั้นเหล็กต้องจ่ายให้กับ ลูซี่”
อัลเลน เหงื่อตกทันทีที่ได้ยิน คือ ..โคตร โคตรสุดยอด หลินฟาน ซื้อตัว ลูซี่ จากแก๊งกำปั้นเหล็กมา โดยไม่แม้แต่ต้องใช้จ่ายเงินออกไปแม้แต่สตางค์แดงเดียว(分文不取) นั่นก็ช่างมันเถอะ! แต่นี่.. เขายังสามารถรีดไถเงินมาจากแก๊งกำปั้นเหล็กได้อีก 10 ล้านยูโร…
หลินฟาน ไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่เขายังมีความกล้าหาญมากอีกด้วย เขาได้เข้าไปคุยกับแก๊งกําปั้นเหล็กโดยตรง คือนี่เขาไม่กลัวการแก้แค้นของแก๊งกําปั้นเหล็กเลยหรือไง!?
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก หลินฟาน ไม่ทําเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถตรวจสอบที่อยู่ของ หลี่ จื่อเสีย ได้เร็วขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้ว หลินฟาน ก็ยังคงแข็งแกร่งมากกว่าอยู่ดี หากมองถึง ผลลัพธ์..
อัลเลน เองยิ่งคิด.. เขาก็ยิ่งไม่กล้าจินตนาการเลยว่าถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ตัวเขาเองคงเกรงว่า ..เขาคงไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเดินเข้าไปในบาร์ ด้วยซ้ำ!
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมได้รับรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมการประมูลในคืนนั้นมาแล้ว เดี๋ยวผมจะส่งให้คุณ คนเหล่านี้เป็นคนที่สนใจในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของ หลี่ จื่อเสีย และส่วนใหญ่อยู่ในสาขาเดียวกันกับคุณ อันนี้คุณน่าจะค่อนข้างคุ้นเคยดี ผมเลยจะขอให้คุณช่วยวิเคราะห์หน่อย ดูว่าใครมีแนวโน้มที่จะเป็นมือมืดคนนี้มากที่สุด”
อัลเลน ได้ตอบตกลงไปโดยแทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
หลินฟาน หันไปพูดกับ ลูซี่ ว่า : “ไปกันเถอะ”
จากนั้นเขาจึงพา ลูซี่ ข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามถนน ที่นั่นมีรถของ ฮาวเวิร์ด จอดอยู่ ชายร่างใหญ่สองคนยังคงหมดสติอยู่ที่เบาะหลัง
หลินฟาน เดินไปเปิดประตูหลัง กระชากชายร่างใหญ่สองคนมาทิ้งลงข้างทาง จากนั้นจึงขึ้นรถกับ ลูซี่ และขับรถออกไป
หลินฟาน ขับรถ และยื่นโทรศัพท์ไปให้กับ ลูซี่ พลางพูดไปว่า : “คุณพร้อมหรือยัง โทรไปหาครอบครัวของคุณสิ พวกเขาตอนนี้คงต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับคุณมากแน่ๆ”
ลูซี่ รับโทรศัพท์มาด้วยมือที่สั่นเทา เขามองออกว่าเธอกำลังประหม่ามาก ทั้งเธอยังอยากติดต่อกับทางครอบครัว แต่ก็รู้สึกกลัว อารมณ์ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ..ค่อนข้างดูซับซ้อนมาก
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ลูซี่ ก็สงบลงก่อนที่จะโทรออกไปหาพ่อของเธอ
อเมริกา เมืองฟิลาเดลเฟีย ณ บ้านหลังหนึ่ง ในย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลาง…
คู่สองสามีภรรยาวัยกลางคนผิวขาว กําลังนั่งอยู่ที่บ้าน ภรรยากำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟา นี่ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอหลั่งน้ำตาออกมา สามีเองกําลังคุยโทรศัพท์อยู่ ด้วยอารมณ์ที่ดูยุ่งเหยิงไปหมด
“คือฉันอยากรู้ว่าลูกสาวของฉันหายไปไหนกันแน่?” ชายวัยกลางคนคํารามออกไปอย่างสิ้นหวัง : “นี่มันก็หลายวันแล้ว พวกคุณมีความคืบหน้าบ้างหรือยัง?”
คนที่อยู่ปลายสายพูดปลอบใจว่า : “คุณครับ โปรดใจเย็นๆ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางของเราได้มาถึงยุโรปตะวันออกแล้ว และกําลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ ตอนนี้สิ่งที่ทําได้คือรอข่าวอย่างอดทนเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนพูดว่า : “คุณรับประกันได้ไหมว่าลูกสาวของฉันจะไม่เป็นไร เพราะครอบครัวเราใกล้จะพังทลายอยู่แล้ว และเราก็แทบทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
คนที่อยู่ปลายสายพูดว่า : “ต้องขอโทษครับ เราไม่สามารถให้คํามั่นสัญญาใดๆ กับคุณได้ในตอนนี้ คุณต้องใจเย็นๆ พยายามปลอบใจคนในครอบครัวของคุณ และอดทนรอผลการสอบสวนของทางเราอย่างอดทน”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างสิ้นหวังไปว่า : “ฉันจะทําอะไรได้? แค่นี่พวกเราก็แทบจะคลั่งอยู่แล้ว หรือคุณจะปล่อยให้พวกเราเป็นบ้าตายกันไปเลยหรือยังไง?”
คนที่อยู่ปลายสาย กล่าวว่า : “คุณครับ โปรดรออย่างอดทน นอกจากนี้ โปรดระวังสายที่โทรเข้ามาหาคุณ เราสงสัยว่านี่อาจเป็นการลักพาตัว แบล็กเมล์ ให้ระวังหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย มันมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายอาจโทรเข้ามาหาคุณได้ตลอดเวลา ผมเคยสอนคุณไปในก่อนหน้านี้ คุณทำได้ใช่ไหม?”
ชายวัยกลางคน พูดว่า : “อืม ยืดเวลาพวกเขา แล้วปล่อยให้พวกเขาโทรมาอีกครั้ง แล้วแจ้งให้พวกคุณทราบ”
คนที่อยู่ปลายสาย กล่าวว่า : “ใช่ เราจำเป็นต้องดักฟังโทรศัพท์ของอีกฝ่าย เพื่อที่เราจะล็อคตําแหน่งของอีกฝ่ายได้”
คนที่ปลายสายกำชับบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก็วางสายไป
ชายวัยกลางคนถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าว่างเปล่า เดินไปหาภรรยาของเขา และนั่งลง เขาได้สบตากับภรรยาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ได้แต่ส่ายหัวออกไปเท่านั้น
“โอ้.. พระเจ้า!” หญิงวัยกลางคนได้ร้องไห้ออกมา : “ที่รัก มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทั้งหมด.. ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ควรตกลงให้เธอไปเที่ยวที่นั่น…”
เธอร้องไห้ พร้อมกับกล่าวโทษตัวเองไปพลาง
ชายวัยกลางคนวางโทรศัพท์ลง ยกมือทั้งสองข้างกอดภรรยาของเขา เขาอยากจะพูดปลอบใจ แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย นั่นเพราะเขาเองก็ไม่สามารถปลอบใจตัวเองได้ นอกจากจะได้รับข่าวที่ว่า ..ลูกสาวของเขาปลอดภัยแล้ว นอกเหนือจากนี้ คงไม่มีคําพูดใดๆ ที่สามารถปลอบใจเขาได้อีก
กริ๊งๆ กริ้งๆ กริ๊ง...
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ชายวัยกลางคน มองออกไปแวบหนึ่ง และสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไป : “เป็นเบอร์แปลกๆ นี่เป็นหมายเลขที่โทรเข้ามาจากอังกฤษ!”
หญิงวัยกลางคนก็ตื่นตัวขึ้นทันที : “ทําไมจู่ๆ มีหมายเลขอังกฤษโทรเข้ามา หรือว่าเป็นพวกโจรลักพาตัวจริงๆ?”
ทั้งคู่เริ่มเครียดขึ้นมา
ชายวัยกลางคนสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองลงก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และต่อสาย : “ฮัลโหล?”
“พ่อ?” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์
ชายวัยกลางคนพอได้ยินเสียงนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก : “โอ้.. พระเจ้า! ลูซี่ เกิดอะไรขึ้นกับลูก ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน?”
อะไรนะ? เป็นสายจากลูกสาว หญิงวัยกลางคนก็กระโดดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันที
“พ่อคะ!” ลูซี่ ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก : “หนูไม่เป็นไร ตอนนี้หนูไม่เป็นอะไรแล้ว…”
ชายวัยกลางคน ถามว่า : “มันเกิดอะไรขึ้น หลายวันมานี้ลูกหายไปไหนมา?”
ลูซี่ กล่าวว่า : “หนูเองไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรออกไปดี เราถูกลักพาตัวในยุโรปตะวันออก และถูกพามาขายยังอังกฤษ พ่อค่ะ เอ.. เอมิลี่ เธอ... เธอตายแล้ว”
ชายวัยกลางคน ตกใจมาก แล้วพูดออกไปทันทีว่า : “โอ้.. พระเจ้า! แล้ว... แล้วลูกล่ะ ลูกหนีออกมาได้ยังไง?”
ลูซี่ เหลือบมองไปที่ หลินฟาน และพูดว่า : “มีคนคนหนึ่งช่วยหนูไว้ และเขาได้ช่วยหนูออกมา เขาเก่งมาก คุณพ่อค่ะ หนูอยากกลับบ้าน หนูคิดถึงพ่อกับแม่มาก!”
ชายวัยกลางคนรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า : “เราจะบินไปหาลูกที่อังกฤษทันที โอ้.. ต้องขอบคุณพระเจ้า ลูซี่ คนที่ช่วยลูก เขาชื่อว่าอะไร?”
ลูซี่ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอพอจําได้ว่าจนถึงตอนนี้ เธอเองก็ไม่รู้จักชื่อของ หลินฟาน
“คุณ.. ชื่ออะไร?” ลูซี่ ถาม หลินฟาน
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมแซ่หลิน”
ลูซี่ ก็พูดทางโทรศัพท์ไปว่า : “คุณพ่อคะ เขาแซ่หลิน เขาเป็นคนจีน!”
บนถนนแห่งหนึ่ง ในเมืองลอนดอน ข้างถนนเป็นร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ไปทางยุโรปตะวันออก..
หลินฟาน จอดรถไว้ที่หน้าร้าน และพา ลูซี่ เดินเข้าไปในร้าน ลูซี่ ที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับพ่อของเธอเสร็จ อารมณ์ของเธอดูไม่อาจสงบลงได้พักหนึ่ง แต่พอมาถึงตอนนี้ดูจะสงบลงแล้ว พ่อแม่ของเธอวางแผนที่จะมารับเธอที่อังกฤษ กล่าวคือ เรื่องของเธอนั้น ..มันยังไม่จบ
ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว และหลินฟาน ก็เริ่มหิวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
ร้านอาหารแห่งนี้ก็ไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่ร้านถูกตกแต่งให้อารมณ์เหมือนอยู่ในหลากหลายเชื้อชาติ และไม่รู้ว่าอาหารของที่นี่อร่อยหรือไม่ แต่คงจะเป็นเพราะปัญหาเรื่องของทำเล ที่ขนาดช่วงเวลาเที่ยงเช่นนี้ ที่นี่ก็ยังคงมีแขกอยู่ไม่มากนัก..
หากไม่ นั่น.. ก็อาจเป็นเพราะธุรกิจของที่นี่ไม่ค่อยดีนัก พอ หลินฟาน และลูซี่ เดินเข้ามา พนักงานก็รีบเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
“สองท่านใช่ไหมครับ เชิญทางนี้ครับ นี่คือเมนูอาหารของเรา ทั้งสองท่านอยากเริ่มด้วยอาหารอะไรดีครับ?” พนักงานหนุ่ม พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม