ตอนที่แล้วตอนที่ 677 3 ชีวิตต่อ 3 ชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 679 เล่ห์มายา+พรางจิต

ตอนที่ 678 ไฝ 3 เม็ด


ตอนที่ 678 ไฝ 3 เม็ด

“ไม่มีทาง! นี่พี่คาเซะกำลังจะถูกเปิดโปงอีกครั้งงั้นเหรอ?” สมาชิกภายในทีมพูดขึ้นมาอย่างตกใจ

ทันใดนั้นสมาชิกคนอื่น ๆ ก็เริ่มจำได้ว่าเซี่ยเฟยเคยเปิดโปงการปลอมตัวของคาเซะมาครั้งหนึ่งแล้ว และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยทายถูกอีกครั้ง มันก็หมายความว่าคาเซะจะได้รับความพ่ายแพ้ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2

“เลิกเถียงกันได้แล้ว รู้ไหมว่าคนไหนคือตัวปลอม?”

“ไม่รู้”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ถ้าแม้แต่พวกเราก็ยังแยกไม่ออก ไอ้อาเฟยนั่นก็ไม่มีทางแยกออกแน่ ๆ อย่าลืมว่าการตอบในครั้งนี้จะต้องมีเหตุผลด้วย ถ้าหากว่าตอบมามั่ว ๆ โดยไม่มีเหตุผล มันก็จะไม่นับว่าตอบถูก”

ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับอย่างซ้ำ ๆ เพราะการที่ตัวเลือกมีเพียงแค่ 2 ตัวเลือกแบบนี้ โอกาสทายถูกมันก็มีถึง 50% ดังนั้นทุกการตอบคำถามจึงจำเป็นจะต้องมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ไม่อย่างนั้นการแข่งขันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“พี่คาเซะสรุปเขาเดาถูกหรือทายผิด?”

“ไม่ต้องเสียเวลาถามหรอก เขาก็แค่เดาสุ่มไปแค่นั้นแหละ”

“เอ๊าเหรอ? ฉันก็คิดว่าอาเฟยดูออกจริง ๆ เสียอีก”

“พี่คาเซะเป็นสุดยอดสายลับในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์เราเลยนะ แล้วเขาจะถูกเปิดโปงง่าย ๆ ได้ยังไง”

“เจ้าเด็กนั่นคงจะเดาขึ้นมามั่ว ๆ ใครมันจะไปสามารถแยกความแตกต่างได้ในเวลาสั้น ๆ แบบนั้น”

เหล่าบรรดาสมาชิกภายในทีมต่างก็พูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจว่าเซี่ยเฟยจะต้องตอบออกไปโดยไม่มีเหตุผล อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาแข่งกันโม้มากเท่าไหร่ คาเซะที่อยู่บนสะพานก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้น

คาเซะทั้งสองร่างบนสะพานมีหยดเหงื่อไหลออกมาเป็นสาย โดยคนหนึ่งใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปแล้ว ขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังกัดฟันพร้อมกับเนื้อตัวที่กำลังสั่นอยู่เล็กน้อย

ชื่อเสียงกว่า 25 ปีที่พวกเขาสั่งสมมาได้ถูกเซี่ยเฟยทำลายอย่างไร้ปรานี!!

“คุณตอบถูก” คาเซะพูดขึ้นมาเบา ๆ อย่างไม่เต็มใจ

“พี่คาเซะพูดว่าอะไรนะ? พวกเราไม่ได้ยิน พี่ช่วยตอบดัง ๆ ให้ไอ้เด็กนั่นได้ยินหน่อยได้ไหมว่าอย่ามาทำตัวเป็นพวกอวดเก่งอยู่แถวนี้”

สมาชิกภายในทีมที่อยู่ด้านหลังยังคงพูดจาถากถางเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง แต่คำพูดเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนใบมีดคม ๆ ที่แทงทะลุหัวใจของคาเซะ

“ฉัน! บอก! ว่า! เขา! ตอบ! ถูก! แล้ว!!” คาเซะตะโกนเน้นย้ำขึ้นมาทีละคำเพื่อพยายามให้สมาชิกภายในทีมของเขาเงียบเสียงไป

ห๊ะ!!

สมาชิกภายในทีมต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่า คาเซะผู้โด่งดังได้พ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในวงการสายลับของพวกเขาด้วยซ้ำ

“บอกเหตุผลมา ถ้าแค่เดาสุ่มมันก็ไม่ถือว่าคุณได้รับชัยชนะ”

“ใช่ เหตุผลคืออะไร? ถ้าอธิบายไม่ได้ถึงตอบถูกมันก็เท่านั้น”

“พี่คาเซะไม่ต้องห่วง เขาคนนั้นก็แค่โชคดีเฉย ๆ”

เหล่าบรรดาสมาชิกภายในทีมพยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย โดยหวังว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถให้เหตุผลในการแยกร่างจริงออกจากร่างปลอมได้

น่าเสียดายที่คนพวกนี้ไม่รู้จักเซี่ยเฟยแม้แต่นิดเดียว ความหวังของพวกเขาจึงได้กลายเป็นความสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว

“ฉันไม่เพียงแต่จะรู้ว่าคนทางซ้ายคือตัวปลอม แต่ฉันยังรู้ด้วยว่าเขาคือชายชราที่เคยยืนอยู่กับมังกรแดงบนสะพาน เพราะเขามีกลิ่นของสัตว์อสูรติดอยู่กับตัว แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่คลุกคลีกับสัตว์อสูรมาเป็นเวลานานแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

คำตอบนี้ถึงกับทำให้ทุกคนพูดไม่ออก เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่ารัคโค่มีนิสัยชอบเลี้ยงสัตว์อสูรมากแค่ไหน เพราะนอกเหนือจากมังกรแดงเกล็ด 9 ชั้นที่เสียชีวิตไปแล้ว ชายชรายังเลี้ยงสัตว์อสูรชนิดต่าง ๆ เอาไว้อยู่อีกมากมาย ซึ่งงานของโคตะที่อยู่กับชายชราก็คือการดูแลสัตว์อสูรพวกนี้นี่เอง

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้ดีว่าเหตุผลของเซี่ยเฟยไม่ใช่สิ่งที่พูดขึ้นมามั่ว ๆ เพราะเรื่องที่รัคโค่ชื่นชอบสัตว์อสูรเป็นเรื่องที่รู้กันดีทั่วทั้งทีม

ย้อนกลับไปในก่อนหน้านี้คาเซะพยายามคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะให้ใครมาปลอมตัวลอกเลียนแบบเป็นเขาดี ซึ่งหลังจากเขาได้คิดอยู่หลายตลบ เขาก็เลือกสมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด

อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากเซี่ยเฟยเคยเปิดเผยตัวตนของซากุระผ่านทางการสังเกตสรีระของร่างกาย เขาจึงตัดภรรยากับลูกสาวของเขาออกไป เพราะกลัวว่าเซี่ยเฟยจะใช้สรีระของผู้หญิงในการแยกความแตกต่างระหว่างร่างจริงกับร่างปลอมอีกครั้ง ดังนั้นการตัดสินใจสุดท้ายจึงได้ไปตกอยู่กับรัคโค่ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเขา

เขาเป็นลูกชายของรัคโค่ที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่ลืมตาดูโลก ดังนั้นคนที่จะปลอมตัวเป็นเขาได้อย่างแนบเนียนมากที่สุดก็คงจะต้องเป็นชายชราคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังสามารถมองทะลุการปลอมตัวของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย และอีกฝ่ายยังสามารถตอบได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ปลอมตัวเป็นคาเซะอยู่คือรัคโค่

“ไม่มีทาง! ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจะคลุกคลีกับสัตว์อสูรมาเป็นเวลานาน แต่ทุกครั้งที่เขาจะปลอมตัวเขาก็จะกำจัดกลิ่นพวกนั้นออกไปจนหมด แล้วทำไมเขาถึงยังถูกจับในเรื่องนี้ได้?” โคตะส่ายหัวพร้อมกับพึมพำขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่าเสียงของชายหนุ่มจะพึมพำขึ้นมาเบา ๆ แต่มันก็ดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน

“ใช่แล้ว ทักษะการลบตัวตนของพวกเราใช้การได้มาตลอด 25 ปี แล้วทำไมอาเฟยถึงตรวจจับกลิ่นสัตว์อสูรบนร่างของผู้อาวุโสได้?”

“เรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ นี่เขากำลังพยายามหลอกลวงพวกเราอยู่งั้นเหรอ?”

“ขอเหตุผลด้วยว่าคุณรับรู้กลิ่นของสัตว์อสูรได้ยังไง?”

ฝูงชนตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะสามารถสัมผัสถึงกลิ่นสัตว์อสูร หลังจากที่พวกเขาใช้วิชาลับในการลบตัวตนของตัวเองได้

วิชาลบตัวตนของทีมซุยเซนกับวิชาพรางจิตของเซี่ยเฟยเป็นวิชาที่มีความคล้ายคลึงกันมาก เพราะมันเป็นวิชาที่จะทำให้ผู้ฝึกสามารถกลมกลืนเข้าไปในฝูงชนได้โดยไม่กลายเป็นจุดสังเกต ดังนั้นแม้แต่คาเซะก็ยังรู้สึกลังเลว่าเซี่ยเฟยสามารถมองทะลุผ่านวิชาลับของพวกเขาไปได้จริง ๆ เหรอ

“นี่พวกคุณคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันสามารถแยกความแตกต่างได้โดยกลิ่นเพียงอย่างเดียว?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย

“คุณจะแยกแยะอะไรอย่างอื่นได้ถ้าไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่กลิ่น?”

“คุณบอกเองนะว่าผู้อาวุโสมีกลิ่นของสัตว์อสูร”

เซี่ยเฟยจ้องมองทุกคนด้วยแววตาอันเหยียดหยาม ก่อนที่เขาจะให้เหตุผลเพิ่มเติมออกมาว่า

“ทุกคนที่เลี้ยงสัตว์อสูรมาเป็นเวลานานจะซึมซับกลิ่นอายของสัตว์อสูรเข้าไปจนถึงกระดูกโดยไม่รู้ตัว ทุกการเคลื่อนไหวของคนคนนั้นจะมีการเลียนแบบสัตว์อสูรที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้ด้วย และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามลบกลิ่นอายออกไปแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางลบการเคลื่อนไหวที่ฝังลึกลงไปในกระดูกของตัวเองได้”

“สิ่งที่ผู้อาวุโสลบออกไปได้มีเพียงแค่กลิ่นที่ดมผ่านทางจมูก แต่การเคลื่อนไหวของคุณยังคงมีลักษณะที่ลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะปลอมตัวไปแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคุณไม่มีทางลบสัญชาตญาณของตัวเองไปได้หรอก”

“อีกอย่างหนึ่งเส้นผมก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ปกปิดได้ยากมากที่สุด เพราะเมื่ออายุมากขึ้นผมขาวก็จะค่อย ๆ งอกออกมามากขึ้นเช่นเดียวกัน ผมขาวพวกนี้จะมีสารอาหารน้อยกว่าเส้นผมโดยทั่วไป เส้นผมบนหัวของคนมีอายุจึงดูแห้งกว่าเส้นผมของคนหนุ่มสาว ชนิดที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย…”

เซี่ยเฟยพูดเหตุผลออกมาอย่างฉะฉาน และทุกเหตุผลที่เขาพูดออกมานั้นก็ทำให้เหล่าบรรดายอดสายลับไม่สามารถที่จะปฏิเสธความเป็นจริงในเรื่องเหล่านั้นได้

“ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์มานานแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ไร้ที่ติในจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ สาเหตุที่พวกคุณยังคงปลอมตัวได้อย่างมิดชิดมาโดยตลอด นั่นก็เพราะว่าพวกคุณยังไม่เคยเจอใครที่มีทักษะในการสังเกตที่ละเอียดอ่อนเหมือนกับฉัน”

คำพูดของเซี่ยเฟยดังก้องกังวานไปในจิตใจของทุกคน และพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ ว่าทักษะในการสังเกตของชายหนุ่มเป็นทักษะที่น่ากลัวมากสำหรับสายลับอย่างพวกเขาจริง ๆ

บางคนเริ่มที่จะสงสัยว่าชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาเป็นมนุษย์จริง ๆ หรือไม่ ถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์แล้วทำไมสายตาของเขาถึงดีกว่าสัตว์อสูรแบบนี้

“อย่าตั้งข้อสงสัยในทักษะการสังเกตของฉันเลย”

“ซากุระ! เธอมีไฝเล็ก ๆ 3 เม็ดอยู่ใต้คางใช่ไหม ไฝพวกนั้นเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมไม่ใหญ่มากนัก ที่บ้านเกิดฉันเคยมีการทำนายกันเอาไว้ว่าคนที่มีไฝลักษณะนี้เป็นพวกชอบกินของหวาน แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วนสักที” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“เอ่อ…”

ทุกคนต่างก็รีบวิ่งไปที่ซากุระเพื่อสังเกตคางของเธออย่างระมัดระวัง

“มันอยู่ไหน? ทำไมฉันถึงมองไม่เห็น”

“ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน สิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

“หลีกทางให้ฉันหน่อย ฉันมีกล้องจุลทรรศน์”

ทันใดนั้นมันก็มีคนหยิบกล้องจุลทรรศน์ออกมาจากแหวนมิติ และเมื่อเขาส่องกล้องไปที่คางของซากุระ มันก็ทำให้เขาอ้าปากค้างจนพูดไม่ออก

ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยของซากุระยังเป็นพวกชอบกินของหวานมากจริง ๆ และไม่ว่าเธอจะกินของหวานเข้าไปมากเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่เคยอ้วนเกินไปอย่างที่เซี่ยเฟยพูด

ส่วนไฝเม็ดเล็ก ๆ ใต้คางของเธอก็เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยสังเกตเห็น ซึ่งถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้พูดมาในวันนี้มันก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็นไฝพวกนี้ด้วยซ้ำ

“เจอแล้ว! มันมีไฝ 3 เม็ดอยู่ใต้คางของซากุระจริง ๆ”

“ไฝมันจะไม่เล็กเกินไปหน่อยเหรอ?”

“ใช่แล้ว เขามองเห็นได้ยังไง?”

ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจกับทักษะในการสังเกตของเซี่ยเฟยมาก เพราะขณะนี้ชายหนุ่มยืนอยู่บนสะพานไม้ ขณะที่ซากุระยืนอยู่ในป่าโดยทั้งสองฝ่ายมีระยะห่างกันมากกว่า 100 เมตร

แน่นอนว่าพวกซุยเซนไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยได้เรียนวิชามนตราอสูร และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ใช้วิชาเนตรมนตรา เขาก็สามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งเส้นผมของคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรได้

บรรยากาศแห่งความผิดหวังเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งทีม และเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปล่อยพวกเขาไปเพียงเท่านี้

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันจะทำให้ทุกคนพ่ายแพ้อย่างหมดหนทาง หลังจากนี้เตรียมตัวตายเอาไว้ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา

“นี่เขา... เขาจะฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ?” ซากุระอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะถึงยังไงการแข่งขันในครั้งนี้มันก็เดิมพันด้วยชีวิตของเธอ

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด