ตอนที่ 676 ทางเลือก 2 ทาง
ตอนที่ 676 ทางเลือก 2 ทาง
“หยุด!” ชายชราตะโกนห้ามเซี่ยเฟยเอาไว้ขณะที่ใบหน้าของเขายังคงซีดเผือด
“ทำไม? คุณมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยหันกลับไปถามด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนทั่วทั้งบริเวณต่างก็เงียบเสียงและจับจ้องมองไปยังชายชราเป็นตาเดียว แน่นอนว่าชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดนอกเสียจากรัคโค่พ่อของคาเซะ และเขาก็เป็นคนคิดแผนการทั้งหมดนี้ขึ้นมา
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เซธจึงมายืนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มเพื่อเตรียมตัว เพราะสัญชาตญาณของเขากำลังบ่งบอกว่ามันอาจจะมีความบาดหมางเกิดขึ้น
รัคโค่รู้สึกเวียนหัวด้วยความโกรธ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพูดรั้งเซี่ยเฟยเอาไว้จริง ๆ แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปเอาผิดอีกฝ่ายได้
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนวางกับดักนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง และเขายังเป็นคนประกาศท้าทายว่าใครก็ตามที่สามารถสังหารมังกรแดงเกล็ด 9 ชั้นได้ก็สามารถที่จะลงมือได้ตลอดเวลา
แต่น่าเสียดายที่อสูรราชาตัวนี้ไม่สามารถทนรับการโจมตีของบลัดบิวเทียสได้ ชายหนุ่มจึงทั้งสังหารมังกรแดงได้สำเร็จและนำวัตถุดิบล้ำค่ากลับไปโดยไม่สูญเสียอาวุธตามแผนของชายชรา
เซี่ยเฟยเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาชายชรา จึงทำให้พวกทหารรับจ้างที่ปลีกตัวออกมาก็รีบกระโจนเข้าไปอยู่เคียงข้างรัคโค่ในทันที ซึ่งในขณะนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าความจริงแล้วพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวกัน ที่พยายามแสดงละครเพื่อล่อลวงให้ชายหนุ่มตกไปอยู่ในกับดักที่พวกเขาได้วางเอาไว้
“เรื่องนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ วันนี้ฉันอุตส่าห์เดินทางมาหาพวกคุณเพื่อจ้างวาน ซึ่งการที่พวกคุณไม่รับงานมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร แต่ทำไมพวกคุณถึงคิดจะมาสร้างปัญหาให้กับฉัน หรือว่าพวกคุณติดใจอะไรฉันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เซธรู้ดีว่ากลุ่มคนด้านหน้าเป็นสายลับที่ทรงพลัง ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็ไม่อยากที่จะมีความขัดแย้งกับพวกซุยเซนเลยแม้แต่น้อย แต่สถานะในปัจจุบันเขาได้กลายเป็นทาสของเซี่ยเฟยแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องปกป้องชายหนุ่มด้วยชีวิตแม้ว่าศัตรูจะเป็นคนที่เขาไม่อยากเผชิญหน้าด้วยก็ตาม
“คุณเป็นคนรังแกหลานสาวของฉันก่อน” รัคโค่กัดฟันพูดออกไปอย่างไม่เต็มใจ
“ถ้าหลานสาวของคุณไม่ได้มาหลอกลวงฉันก่อน ฉันจะไปยุ่งกับหลานสาวของคุณทำไม? ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันเลย การที่ฉันยอมปล่อยหลานสาวของคุณไปมันยังไม่มากพออีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับอย่างเย็นชา
“พวกเราชาวซุยเซน! ไม่ใช่ใครที่แกคิดจะมารังแกง่าย ๆ ก็ได้นะเว้ย!!” ชายวัยกลางคนผมหยิกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ฟุบ!
เซี่ยเฟยหายตัวไปในทันทีและเมื่อเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้ชกใส่คางของชายวัยกลางคนคนนั้นแล้ว
ผัวะ!
การจู่โจมของชายหนุ่มทำให้ฟันหลายซี่กระเด็นหลุดออกมาจากปากอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟองเลือดสีม่วงที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศด้วยเช่นกัน
“อย่ามาทำตัวเก่งแต่ปาก! ถ้าหากว่าใครข้องใจก็เข้ามาซัดกันตรง ๆ ได้เลย!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามออกไปด้วยความโกรธจัด ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยจิตสังหารออกไปปกคลุมทั่วทั้งป่าไผ่ในทันที
สมาชิกภายในทีมซุยเซนหลายร้อยคนต่างก็จับจ้องมองไปยังชายหนุ่มเป็นตาเดียว ซึ่งในตอนนี้นอกเหนือจากคาเซะและโซระที่พูดคุยกับเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้แล้ว สมาชิกทุกคนต่างก็ได้มารวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้
การจู่โจมของเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาประกาศตัวเป็นศัตรูกับกลุ่มซุยเซน ดังนั้นการเผชิญหน้ากันในครั้งนี้จึงเป็นการเผชิญหน้าระหว่างทีมสายลับแห่งแดนเนรเทศที่โด่งดัง ส่วนอีกด้านหนึ่งมีเพียงเซี่ยเฟยและเซธเพียง 2 คน
แต่ถึงแม้ว่าทางฝั่งเซี่ยเฟยจะมีสมาชิกเพียงแค่ 2 คน ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะถอยกลับเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ราวกับว่าคนนับร้อยตรงหน้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
เซธกัดฟันคิดพิจารณาสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นราชากฎขั้นที่ 2 เขาย่อมสามารถจัดการกับศัตรูนับ 30 คนได้โดยไม่ต้องสงสัย แต่เขาไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยมีพลังอยู่ในระดับไหนกันแน่
แต่การที่ชายหนุ่มสามารถทำลายศิลาพิทักษ์ของเขาลงได้อย่างง่ายดาย มันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยไม่ได้มีความอ่อนแอไปมากกว่าเขาอย่างแน่นอน
หลังจากคิดคำนวณภายในใจเซธก็ประมาณการว่าทางฝั่งของพวกเขามีโอกาสได้รับชัยชนะสูงมาก เขาจึงรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันกล้าหาญว่า
“พวกแกกล้าดียังไงมายั่วยุเจ้านายของฉัน! พวกแกจงมาคุกเข่าขอโทษเจ้านายฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฉีกกระชากร่างของพวกแกออกเป็นชิ้น ๆ!!”
คำพูดของเซธเป็นเหมือนกับการราดน้ำมันลงในกองไฟ ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของรัคโค่เปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ในขณะที่เซธกำลังภาคภูมิใจในความภักดีของตัวเอง จู่ ๆ เขาก็ถูกเซี่ยเฟยเตะกระเด็นออกไปมากกว่า 10 เมตร และทำให้ร่างขนาดใหญ่ของเขาตกลงกระทบกับสะพานไม้จนแทบจะทำให้ร่างของเขาทะลุหล่นลงไปในแม่น้ำ
“หลบไปซะ อย่ามาขวางทางฉัน!” เซี่ยเฟยตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด
พวกซุยเซนไม่รู้จักเซี่ยเฟยแต่พวกเขาหลาย ๆ คนก็จดจำชื่อเสียงของเซธได้ พวกเขาจึงรู้ว่าชายร่างใหญ่คนนี้คือราชากฎที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปก่อนนั้นเขายังได้ครอบครองพลังศิลาพิทักษ์ที่หาได้ยากมากในจักรวาล
เพียงแค่การที่พวกเขาได้รู้ว่าเซี่ยเฟยเป็นเจ้านายของเซธ มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมากแล้ว ยิ่งพวกเขาได้เห็นเซี่ยเฟยปฏิบัติตัวต่อเซธอย่างหยาบคายแบบนี้ มันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสับสนมากขึ้นไปใหญ่
ในเวลาเดียวกันรัคโค่ก็แอบถอนหายใจอยู่อย่างลับ ๆ เพราะเมื่อเขาได้เห็นเซี่ยเฟยกล้าตบอสูรศักดิ์สิทธิ์เขาก็เลิกคิดที่จะเป็นศัตรูกับชายหนุ่มแล้ว อย่างไรก็ตามมังกรแดงเกล็ด 9 ชั้นก็อยู่กับเขามานานหลายปี การที่เซี่ยเฟยมาสังหารอสูรของเขาเองมันจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะยอมปล่อยชายหนุ่มออกไปง่าย ๆ ได้จริง ๆ
“ถ้าอยากจะหาเรื่องก็เข้ามาพร้อม ๆ กันได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างเย็นชา
สมาชิกในทีมเชื่อว่าทุกคนต่างก็กัดฟันเพื่อรอคำสั่งจากรัคโค่ แน่นอนว่าชายชราย่อมไม่กล้าที่จะออกคำสั่งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาเริ่มสั่งให้ทุกคนโจมตีเมื่อไหร่ หลังจากนี้มันคงจะไม่มีทีมซุยเซนเหลือรอดอีกต่อไปอย่างแน่นอน
เขาจึงพยายามคิดที่จะหาทางลงของสถานการณ์นี้โดยไม่เจ็บตัว และพยายามยุติข้อพิพาทกับเซี่ยเฟยโดยที่ทางฝั่งของเขาก็จะต้องไม่เสียหน้า
แต่ในทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนผมหยิกที่ถูกเซี่ยเฟยต่อยคางจนตกลงไปในแม่น้ำก็กระโจนขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับสับขวานขนาดใหญ่เข้าใส่ชายหนุ่มโดยตรง
“อย่า!!” รัคโค่รีบตะโกนเพื่อหยุดชายผมหยิกคนนั้นเอาไว้ เพราะถ้าหากว่ามันมีใครเริ่มลงมือมันก็จะไม่เหลือช่องว่างสำหรับการเจรจาอีกต่อไป
น่าเสียดายที่คำพูดของชายชราล่าช้าไปหนึ่งก้าว ร่างของเซี่ยเฟยจึงหายไปอย่างฉับพลันก่อนที่เขาจะคว้าร่างของชายผมหยิกคนนั้นเอาไว้จากกลางอากาศ
ทันทีที่เซี่ยเฟยบีบคออีกฝั่งเพียงแค่เล็กน้อย ชายผมหยิกก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างเจ็บปวด สร้างความสยดสยองให้กับทุก ๆ คนที่กำลังมองภาพตรงหน้าเป็นตาเดียว
“ไม่ใช่ว่านายมีแผนที่จะให้พวกซุยเซนทำงานให้กับนายงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าทั่วทั้งแดนเนรเทศคงจะไม่มีใครเป็นสายลับได้ดีกว่าทีมของพวกเขาแล้ว ถ้านายอยากรักษาความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเอาไว้ก็อย่าถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยจะดีกว่า” โอโร่พูดขัดจังหวะขึ้นมาขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะลงมือสังหาร
“พวกมันเป็นคนมาหาเรื่องผมก่อนเอง ถึงขนาดวางแผนจะมาขโมยอาวุธของผมไป คุณก็น่าจะรู้ดีใช่ไหมว่าการที่นักรบสูญเสียอาวุธมันมีความหมายว่ายังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
โอโร่รู้ดีว่าอาวุธของนักรบเปรียบเสมือนกับศักดิ์ศรีและชีวิตของนักรบคนนั้น ดังนั้นการที่ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยทำเพียงแค่สังหารมังกรแดงเกล็ด 9 ชั้นมันก็ถือว่าเป็นการปราณีพวกซุยเซนมากแล้ว
อดีตจอมปีศาจไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาหยุดเซี่ยเฟยเอาไว้ได้แล้วจริง ๆ เพราะถ้าหากพวกซุยเซนได้มาดูหมิ่นเขาแบบนี้ เขาก็คงจะกำจัดอีกฝ่ายไปตั้งนานแล้ว
แต่ในขณะที่สถานการณ์จะเข้าสู่จุดแตกหักอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียง ๆ หนึ่งตะโกนดังขึ้นมาซะก่อน
“อาเฟย! เซธ! ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย”
คาเซะกับภรรยารีบวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก โดยบริเวณด้านหลังของเขาคือซากุระและโคตะที่น่าจะเป็นคนไปตามทั้งสองมา
แม้ว่าซากุระจะมีนิสัยเอาแต่ใจไปบ้างแต่เธอก็ค่อนข้างจะเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด เธอจึงมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหากมันเกิดการปะทะขึ้นมา กลุ่มสายลับอย่างซุยเซนย่อมไม่มีทางสู้กับนักรบมืออาชีพอย่างเซี่ยเฟยได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีซากุระจึงรีบวิ่งไปตามพ่อกับแม่ของเธอมาในทันที เพราะเธอไม่อยากจะเสียสมาชิกภายในทีมไปแม้ว่าเธอจะต้องถูกพ่อแม่ลงโทษหนักแค่ไหนก็ตาม
“อาเฟย พวกเรามาพูดคุยกันดี ๆ ดีกว่า อย่าลงมือลงแรงทำอะไรกันเลย” คาเซะพยายามหยุดมือเซี่ยเฟยเอาไว้
“ฉันแค่ต้องการจะเชือดไก่ให้ลิงดู คุณก็น่าจะรู้ว่าอาวุธคือชีวิตของนักรบ แล้วการที่พวกคุณวางแผนมาขโมยอาวุธของฉันไปแบบนี้ มันจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเยาะเย้ย
แต่ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพูดกลับไปแบบนั้น แต่มือของเขาที่คว้าคอของชายผมหยิกเอาไว้กลับผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะจู่ ๆ เขาก็คิดถึงแผนการที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้คาเซะหน้าซีดในทันที และเนื่องจากว่าซากุระอยู่กับพ่อของเธอมานานหลายปี เธอจึงสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าแววตาแบบนี้มันมีความหมายว่ายังไง
“อาเฟย ฉันเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นฉันควรเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คุณช่วยวางเขาลงก่อนแล้วเรามาค่อย ๆ เจรจากันดีไหม?” คาเซะพยายามเจรจาโดยคิดจะใช้ชีวิตของตัวเองในการจบปัญหาทุกอย่างลง
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของหนูเอง!!” จู่ ๆ ซากุระก็กัดฟันตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยรู้สึกได้ตั้งนานแล้วว่าเรื่องนี้มันดูมีอะไรแปลก ๆ ดังนั้นเมื่อซากุระได้ยอมรับความผิดของตัวเอง เขาก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างได้ในทันที
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ฉันไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะมีเหตุผลอะไร ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วฉันก็มีทางเลือกให้กับคุณเพียงแค่ 2 ทางว่าเราจะสู้กันในแบบฉบับของนักรบ หรือเราจะแข่งกันในแบบฉบับของสายลับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
คำท้าทายในครั้งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงในทันที เพราะใครจะไปคิดว่าเซี่ยเฟยจะกล้าประกาศแข่งขันเรื่องสายลับกับสุดยอดสายลับแบบพวกเขา
หยิ่ง!
ชายคนนี้มันจะยิ่งผยองมากจนเกินไปแล้ว!
***************
มาช้าอีกนิดคือฆ่าล้างบางเลยนะ