บทที่ 33 : โฮคาเงะผู้ไร้ความสามารถและอ่อนแอ
บทที่ 33 : โฮคาเงะผู้ไร้ความสามารถและอ่อนแอ
ทั้งหมู่บ้านมีชีวิตชีวามาก แผงขายของเล็กๆ เต็มไปทั่วท้องถนน และเสียงพูดคุยซื้อขายก็ดังก้องไปทั่วทุกมุม
ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็สามารถมองเห็นเกะนินที่แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ได้ทั่วทุกจุด
ณ ตึกของโฮคาเงะ
“ซาโตรุ ตอนที่เธอเป็นอาจารย์หน่วยที่ 7 และเอาชนะซาบุสะแห่งหมู่บ้านคิริงาคุเระได้ เธอได้อาวุธนินจาที่มีชื่อว่าดาบสะบั้นเศียรมาใช่ไหม?” ฮิรุเซ็นหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ปล่อยควันบางเบาออกมา ก่อนจะมองไปทางซาโตรุด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน
“ตาแก่ อาวุธที่ถามถึงน่ะผมใช้มันเป็นไม้เขี่ยไฟไปแล้ว” ซาโตรุหยิบคัมภีร์ออกมาแล้วเปิดมัน มีอักขระแปลกๆ ในคัมภีร์และมีคำ (ดาบ) อยู่ระหว่างตัวอักขระ
*ปุ้ง*
หลังจากที่เปิดคัมภีร์ ควันสีขาวก็ลอยขึ้นอย่างช้าๆ และดาบคมกริบก็ปรากฏขึ้นออกมาจากอากาศ
ซาโตรุเกือบลืมไปแล้วว่ามีดาบสะบั้นเศียร ครั้งสุดท้ายที่เขาใช้ดาบนี้ก็คือตอนที่เขาย่างปลา เขาจึงใช้ดาบนี้เป็นไม้เขี่ยไฟ
“ดาบสะบั้นเศียรคือตัวตนของเจ็ดดาบนินจา เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดของหมู่บ้านคิริงาคุเระ” ฮิรุเซ็นมองดูดาบสะบั้นเศียรที่รุ่งริ่งแล้วถอนหายใจเงียบๆ
ในมือของซาโตรุ อาวุธนินจาชั้นยอดกลับถูกทำเหมือนเศษขยะ
“พวกหมู่บ้านคิริงาคุเระไล่ล่าซาบุสะ พวกเขาต้องการเอาอาวุธนินจาที่เป็นตัวแทนของหมู่บ้านของพวกเขากลับคืน แต่พวกเขาก็ล้มเหลว” ฮิรุเซ็นกล่าวต่อ "หลังจากที่พวกเขารู้ว่าเธอเอาชนะซาบุสะได้ พวกเขาจึงต้องการให้เธอคืนดาบสะบั้นเศียร "
“ดาบสะบั้นเศียรในมือของเธอมันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วใช่ไหม? งั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองหมู่บ้านเลย คืนอาวุธนินจาของคิริงาคุเระกลับไปให้พวกเขาเสีย” ฮิรุเซ็นมองซาโตรุอย่างสงบพร้อมกับสูบบุหรี่
เขาใช้วิธีที่สงบสุขเพื่อปกป้องหมู่บ้านโคโนฮะมาโดยตลอด เขาถึงขั้นสามารถก้มศีรษะให้หมู่บ้านอื่นเพื่อยอมรับความผิดพลาดของเขาได้อีกด้วย
กระทั่งในอดีต ตระกูลฮิวงะก็ถูกนินจาจากหมู่บ้านคิริงาคุเระสังหาร จนส่งผลให้สูญเสียเนตรสีขาวไป
ทำให้มันเกิดสงครามนินจาขึ้น และเมื่อหมู่บ้านโคโนฮะกำลังจะชนะ พวกเขาก็เสนอข้อตกลงสันติขึ้น
ฮิรุเซ็นตอบตกลงสัญญาและไม่เรียกร้องค่าชดเชยใดๆ
ประตูห้องทำงานมีเสียงดัง "เอี๊ยด" และถูกผลักให้เปิดออก ชายคนหนึ่งในเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินและมีผ้าปิดตาสีดำก็เดินเข้ามาในห้อง
เขาคือโจนินระดับสูงแห่งหมู่บ้านคิริงาคุเระ มือขวาของเทรุมิ เมย์
อาโอ
อาโอก้มตัวเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความเคารพ “ดาบนินจาทั้งเจ็ดเป็นสัญลักษณ์ของหมูบ้านคิริงาคุเระ ต้องขออภัย แต่คงต้องขอให้ท่านคืนดาบสะบั้นเศียรให้เราด้วย”
แม้คำพูดจะดูให้ความเคารพ แต่ท่าทางของเขากลับดูเรียบเฉยยิ่ง
ซาโตรุยกนิ้วขึ้นแล้วพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้าต้องการก็ย่อมได้ แต่ต้องให้เทรุมิมาเต้นรำเปลื้องผ้าให้ดูก่อนสิ”
ฮิรุเซ็นขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า "ซาโตรุ ระวังคำพูดของเธอด้วย!"
เจ้าเด็กซาโตรุคนนี้มันโง่เกินไปแล้ว!
การดูหมิ่นเทรุมิมีแต่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองหมู่บ้านขึ้น
“แก...” ใบหน้าของอาโอพลันปรากฏร่องรอยของความโกรธฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา
ซาโตรุ ไอ้สารเลวนั่นกล้าดูถูกมิซึคาเงะรุ่นที่ห้า ท่านเทรุมิ!
เทรุมิ เมย์ ครั้งหนึ่งได้ยุติยุคหมอกโลหิตของหมู่บ้านคิริงาคุเระเพียงลำพัง
นินจาทุกคนในหมู่บ้านคิริงาคุเระจึงต่างให้ความเคารพเทรุมิ เมย์ เป็นอย่างมาก
อาโอเหลือบมองฮิรุเซ็น จากนั้นก็มองซาโตรุ ในที่สุดเขาก็สูดลมหายใจยาวออกมาเพื่อระงับความโกรธในใจ
"ฮู..."
เอาเถอะ ในเมื่อเขามาอยู่ใต้หลังคาของอีกฝ่าย ก็มีแต่ต้องก้มหัวให้ไปก่อน
อาโอเหลือบมองดาบสะบั้นเศียรแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำอันแสบแหบห้าว “ขอให้เปลี่ยนเงื่อนไขด้วย”
“โตแล้วยังอายที่จะเปลื้องผ้าอีกเหรอ? ถ้าไม่เปลี่ยนแล้วจะยังไงเล่า?” ซาโตรุบีบคางแสร้งทำเป็นกำลังคิด
“ไอ้นั่นของเทรุมิ เมย์คงใหญ่มาก จะให้เต้นยังไงดีนะ? โอ้ ส่วนชุดจะต้องทำจากผ้าไหมสีขาวเท่านั้น” ซาโตรุกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ท่านโฮคาเงะรุ่นสาม!” ใบหน้าของอาโอเริ่มดำทะมึนลง มือของเขากำหมัดแน่นช้าๆ มีเส้นเลือดปรากฏบนหน้าผากของเขา และเขาก็แผ่จักระที่กดไว้ออกมาอย่างแผ่วเบา
อีกฝ่ายดูถูกเทรุมิครั้งแล้วครั้งเล่า ยามนี้มันทำให้เขาโกรธมากยิ่ง
การดูถูกเทรุมิ เมย์คือการดูถูกหมู่บ้านคิริงาคุเระ!
“ซาโตรุ หยุดพูดบ้าๆ ได้แล้ว ดาบสะบั้นเศียรคืออาวุธนินจาของหมู่บ้านคิริงาคุเระ เอามันคืนให้พวกเขาเถอะ” ฮิรุเซ็นเป็นคนที่อารมณ์ดีมาโดยตลอด แต่ในเวลานี้ เขากลับเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมากับการกระทำแบบนี้ของอีกฝ่าย
“ใครกันแน่ที่ทำให้เรื่องมันยุ่ง” รอยยิ้มของซาโตรุพลันหายไป เท้าของเขาเหยียบพื้นเล็กน้อย ลมกระโชกแรงพัดผ่านกำแพง และโต๊ะของโฮคาเงะก็สลายกลายเป็นผง
ซาโตรุก้มลงโดยเอามือล้วงกระเป๋า อีกมือคว้าเคราของฮิรุเซ็นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งออกมา “ตาแก่ซารุโทบิ สามารถออกคำสั่งผมได้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?”
เขาเคยคิดที่จะขายดาบสะบั้นเศียรให้กับหมูบ้านคิริงาคุเระในราคา 50 ล้านเรียว
แต่ฮิรุเซ็นทำให้เขาล้มเลิกแผนการขายดาบทิ้งลงไป
“จุดประสงค์ที่ต้องการปกป้องหมู่บ้านนั้นถือว่าดี แต่หากเพื่อปกป้องหมู่บ้านแล้วจำเป็นต้องประนีประนอมและอ่อนข้อให้หมู่บ้านอื่นด้วย มันช่างน่าสังเวชจริงๆ”
“อย่าลืมคำเตือนที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้สิ เจตจำนงแห่งไฟสามารถผันแปรเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”
“ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอุจิวะหรือตระกูลฮิวงะ ความอ่อนแอของคุณล้วนทำให้รากของมันกำลังแตกหน่อ” ซาโตรุดึงเคราของฮิรุเซ็น และมองลงไปที่เคราที่หลุดออกมาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
ความอ่อนแอของฮิรุเซ็นทำให้ชิมูระ ดันโซกระทำการโดยประมาท แทนที่จะแก้ไขปัญหาของตระกูลอุจิวะ เขากลับบีบอุจิวะให้ออกไปแทน
หลังจากถูกกีดกันจากทั้งหมู่บ้าน ก็ทำให้เกิดการก่อกบฏขึ้น
ในที่สุดจึงนำไปสู่การกำจัดอุจิวะ
มันก็เหมือนกันกับตระกูลฮิวงะเมื่อก่อน
ควักลูกตาออกและต้องถูกสังหาร
หลังจากการเกิดขึ้นของสงครามโลกนินจา นามิคาเซะ มินาโตะใช้กำลังของเขาปราบปรามและในที่สุดหมู่บ้านอื่นๆ ก็ตัดสินใจกลับมาเป็นพันธมิตรกัน
แต่ฮิรุเซ็นนั้นกลับเพิกเฉยต่อการบาดเจ็บล้มตายของตระกูลฮิวงะ ไม่ต้องการค่าชดเชยจากศัตรู และตกลงที่จะยุติสงครามทันที
“หมู่บ้านคือครอบครัวของฉัน และฉันเป็นโฮคาเงะของหมู่บ้านนี้ ในฐานะผู้นำ ฉันมีหน้าที่สร้างสันติภาพกับหมู่บ้านอื่นๆ” ฮิรุเซ็นไม่ได้โกรธ แต่สูบบุหรี่ไปหนึ่งมวนพร้อมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ในฐานะโฮคาเงะ เขาต้องปกป้องหมู่บ้านด้วยวิธีของเขาเอง
มันจะได้อะไรจากการชนะสงครามกัน?
จะขอสินสงครามไปเพื่ออะไร?
การตายของตระกูลฮิวงะ นินจาที่เสียชีวิตระหว่างสงคราม ไม่มีทางที่จะดึงพวกเขากลับมาได้
ดังนั้นการทำข้อตกลงกับหมู่บ้านอื่น ย่อมสามารถป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของนินจารุ่นใหม่ได้อย่างมากขึ้น
“นินจาในหมู่บ้านเป็นคนในครอบครัวงั้นเหรอ? ตอนที่อุจิวะถูกกวาดล้าง ผมคิดว่าคุณคงมีความสุขมากเลยสินะ ตลกเหลือเกินที่อะไรหลายอย่างมันย้อนแย้งกันแบบนี้” ซาโตรุปล่อยฮิรุเซ็นแล้วตบไหล่เขา ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ตาแก่ ผมบอกแล้วไงว่าให้ตาสว่างให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะได้ตายก่อนใครซะหรอก"
ทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถ ช่างเป็นโฮคาเงะที่น่าสมเพชจริงๆ
จุดเริ่มต้นของเจตจำนงแห่งไฟของเขาคือการปกป้องนินจาทุกคนในหมู่บ้านโดยไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่ออุจิวะถูกกำจัด เจตจำนงแห่งไฟก็พลันเปลี่ยนไป
มันกลับกลายเป็นคำโกหกเสแสร้งที่เกิดมาเพื่อปกป้องศรัทธา
“สถานการณ์นี้ค่อนข้างตลกชะมัด ถ้าคิดว่าตลกก็เชิญหัวเราะออกมาดังๆ ได้เลย” ซาโตรุมองไปที่อาโอและจ้องไปที่ผ้าปิดตาของเขา
“ผู้ใช้เนตรสีขาวกลับเดินเข้ามาถามหาดาบสะบั้นเศียร”
“ตาแก่ซารุโทบิเองก็ดันตกลงที่จะคืนดาบสะบั้นเศียรให้เสียอย่างนั้น”
"ช่างตลกเหลือเกิน" ยิ่งซาโตรุคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากแล้วหัวเราะออกมา "ฮ่าๆ"
จุดอ่อนของฮิรุเซ็นคืออาโอ นินจาแห่งสายหมอก
อาโอผู้มีดวงตาแห่งตระกูลฮิวงะ ได้เข้ามายังหมู่บ้านแล้วถามถึงดาบสะบั้นเศียรและฮิรุเซ็นผู้เป็นโฮคาเงะกลับตอบตกลง
ช่างเป็นเรื่องตลกที่ไม่น่าตลกเลย
ทั้งที่เป็นต้นเหตุให้ตระกูลฮิวงะต้องสูญเสียดวงตาไป แต่ฮิรุเซ็นกลับไม่ต้องการคืนดวงตา เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตระกูลฮิวงะ
นอกจากนี้เขายังตัดสินใจไปประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้าม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของนินจาที่อาจจะมีมากขึ้น
ศักดิ์ศรีของตระกูลฮิวงะไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัยของทั้งหมู่บ้านสินะ
ซาโตรุเข้าใจเจตนาของฮิรุเซ็นดี แต่เขาก็ดูถูกความอ่อนแอและไร้ความสามารถของฮิรุเซ็นเช่นกัน
มันไม่มีถูกหรือผิด อยู่ที่มุมมองเท่านั้น
แก่นแท้ของเจตจำนงแห่งไฟที่เซ็นจู ฮาชิรามะ สร้างขึ้นก็คือเขาต้องแข็งแกร่งพอที่จะป้องปรามหมู่บ้านนินจาหลักทั้งห้าแห่งได้
แต่ฮิรุเซ็นไม่มีความแข็งแกร่งเช่นนั้น เขาได้แต่ต้องปกป้องสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แล้วละทิ้งสิ่งเล็กๆ ไป
แต่ในสายตาของซาโตรุ อุจิวะ อิทาจินั้นคิดผิดอย่างแน่นอน เพื่อปกป้องหมู่บ้าน เขาได้สังหารคนในตระกูลและแม้แต่พ่อแม่ของเขาด้วยน้ำมือของเขา
ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าพ่อแม่อีกแล้ว
ซาโตรุจึงรักซึนาเดะผู้เป็นแม่บุญธรรมของเขาเป็นอย่างมาก
“อาโอ ใช่ไหม? ไปบอกเทรุมิ เมย์ว่าดาบอยู่กับฉัน” ซาโตรุตบไหล่อาโอด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า "ถ้าเธอต้องการได้คืน ก็ลองเอาชนะฉันให้ได้สิ"
เขาเคยอยากขายดาบสะบั้นเศียรให้กับหมู่บ้านคิริงาคุเระ
แต่ตอนนี้
ยิ่งคนพวกแข็งแกร่งมากเท่าไร พวกเขาก็มีโอกาสจะก่อกบฏมากขึ้นเท่านั้น หากส่งมอบดาบไปง่ายๆ คงไม่อาจพ้นเหตุการณ์อีหรอบเดิม
อาโอกัดฟันแน่นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันจะบอกให้”
ซาโตรุประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน และเมื่อเขากำลังจะปล่อย [ไร้ขีดจำกัด] เขาก็หยุดแล้วมองไปที่ฮิรุเซ็น
“โอ้ จะว่าไปแล้วตาแก่ซารุโทบิ เห็นแก่ที่เป็นอาจารย์ของสึนะ ผมจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างเพิ่มอีก”
“คุณน่ะทำผิดที่ปล่อยโอโรจิมารุหนีไป ทั้งที่คุณบอกว่าต้องการปกป้องหมู่บ้าน”
“การสอบจูนินครั้งนี้ โอโรจิมารุต้องการชีวิตของคุณ และการที่องค์กรรากเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันก็เพราะความไร้ความสามารถและความอ่อนแอของคุณ”
"ตั้งใจทำงานให้หนักและรีบขึ้นสวรรค์ไปเร็วๆ ล่ะ" ซาโตรุโบกมือแล้วหายไปจากอากาศ
“ไอ้เด็กนี้ เพื่อที่จะปกป้องหมู่บ้าน ถึงกระดูกฉันมันจะแก่ แต่ฉันก็ยังมีเวลาอีกสองสามปีนะ” ฮิรุเซ็นกล่าว
“ฉันขอโทษด้วย ยามนี้กลับไปก่อนเถิด ดาบสะบั้นเศียรอยู่ในมือของซาโตรุแล้ว ฉันคงไม่สามารถทำอะไรได้” ฮิรุเซ็นกล่าวขณะที่สูบบุหรี่
“ครับท่านโฮคาเงะ” อาโอหันหลังกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ที่ซาโตรุพูดมามันหมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าโอโรจิมารุจะปรากฏตัวยังสถานที่สอบจูนิน? ถ้าเป็นเช่นนั้นคงลำบากแน่” ดวงตาของฮิรุเซ็นครุ่นคิดอย่างหนัก เขาตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปอีกสักพักหนึ่งเลย