นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 338 - คาดเอาไว้ไม่ผิด!
สภาพอากาศตอนเช้าในสถาบันตอนนี้นั้นเหน็บหนาวมาก
บนโลกใบนี้ ธรรมชาตินั้นเปลี่ยนแปลงและแปรปรวนได้ง่าย มันถึงขึ้นที่ไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้นานมากนัก ฤดูกาล? สิ่งนั้นเรียกได้ว่าไม่มีอยู่จริง ร้อน ฝน หนาว สภาพอากาศทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดปี
ลมหนาวที่พัดเข้ามาในครั้งนี้รุนแรงไม่น้อย คนธรรมดาประสบปัญหากับอุณหภูมิที่ต่ำลงอย่างกะทันหันนี้อย่างหนัก แต่สำหรับผู้ฝึกฝน มันไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่มากนัก สไปร์เยอร์อาจจะมีตัวสั่นบ้าง แต่สำหรับเฟสเซอร์ มันก็แค่อากาศที่เย็นกว่าปกติไปบ้างเท่านั้น
และยิ่งสำหรับนักเรียนชั้นปี 1 ของสถาบัน อากาศหนาวแค่นี้ไม่สามารถทำให้ใจที่ร้อนรุ่มของพวกเขาเย็นลงได้เลย แรงกดดันในตอนนี้ทำให้พวกเขาแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ไม่มีใครสนใจว่าอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แรงกดดันเรื่องชะตาชีวิตและอนาคตของพวกเขานั้นสำคัญกว่า
ใช่แล้ว! นักเรียนจำนวนมากเดินทางกลับมาจากการทำภารกิจทดสอบแล้ว ต่างกำลังเฝ้ารอผลการประกาศคะแนนอยู่ด้วยความตึงเครียด
แต่นี่ไม่รวมถึงเดวิด! เพราะเขายังไม่ตื่น ไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริงมากนักถ้าบอกว่าเดวิดกำลังนอนหลับอยู่ มันควรบอกว่าเขาหมดสติ นอนสลบเป็นตายมากกว่า
เป็นเวลา 3 วันเต็ม ๆ ที่เดวิดนอนนิ่งอยู่บนเตียง ในช่วง 2 วันแรกเขาแทบจะไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อเข้าวันที่ 3 เสียงกรนค่อย ๆ ดังออกมาจากปากและจมูก จนถึงตอนนี้ ทั้งห้องก็เหมือนกับอยู่ในพายุ เสียงกรนพวกนั้นดังลั่นราวกับฟ้าร้องฟ้าผ่า ทั้งห้องสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุด เสียงเลื่อนลั่นนั้นก็สงบลง พร้อมกับเปลือกตาของเดวิดที่ถูกเปิดขึ้น
เริ่มแรก คิ้วของเขาขมวดติดกันแน่น สายตาถูกกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนก จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพัก เดวิดก็ระบายลมหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งอย่างวางใจ ที่นี่ปลอดภัย เขานอนหลับตาอยู่นิ่ง ๆ อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากบิดตัวอย่างแรงจนเสียงกระดูกลั่นเกรียวกราวดังออกมา เดวิดก็รีบเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้นมาทันที นิ้วมือกดไล่ลงไปตามปุ่มต่าง ๆ ในนั้นอย่างรวดเร็ว เขาหิวมาก! หิวจนนอนต่อไม่ไหว และตัดสินใจที่จะสั่งอาหารพิเศษแบบส่งถึงห้องมากินให้เต็มคราบ ถ้าจะให้นับจริง ๆ ตอนนี้เดวิดเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งแล้ว การใช้เงินเสียบ้างไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร
ในเวลาไม่ถึง 3 นาที อาหารที่สั่งก็ถูกนำมาส่งถึงหน้าประตูห้องแล้ว นี่เป็นเดลิเวอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เดวิดไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป หลังจากล้างหน้าล้างตาลวก ๆ เขาก็เริ่มจัดการส่งทุกอย่างที่สั่งมาลงท้องไปทันที
ขาแกะเขายาวย่างน้ำผึ้งที่หอมกรุ่นทั้งขาเหลือเพียงกระดูกในพริบตา สลัดและเครื่องดื่มหายตามไปติด ๆ พลังงานอันอบอุ่นเริ่มกระจายตัวออกจากกระเพาะหมุนเวียนไปทั่วร่างกาย เดวิดยกมือขึ้นตบท้องเบา ๆ อย่างพอใจ ใช้ได้! พอจะมีแรงขึ้นมาหน่อยแล้ว
หลังจากที่จัดการส่งเศษซากอาหารและภาชนะทั้งหมดลงถังขยะเรียบร้อย เดวิดก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง สายตากวาดมองไปรอบห้องก่อนจะพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “สงสัยต้องหาอะไรมาแต่งห้องเสียหน่อยแล้ว”
นอกจากเตียงที่เขานอนอยู่ ในห้องนี้ว่างเปล่า มันไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของประดับตกแต่งอะไรอยู่อีกเลย แม้แต่เก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนสักตัว ทั้ง ๆ ที่เขาอาศัยอยู่ในห้องนี้มานานหลายเดือนแล้ว
“อืม? น่าเสียดายที่เฮเซลยังไม่ตื่น ไม่อย่างนั้นให้เธอจัดการเลยก็ได้”
หลังจากบ่นจบ เดวิดก็หลับตาลงไปอีกครั้ง ก่อนที่จะเบิกตาโพลง พร้อมกับลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ถ้าเฮเซลหลับอยู่ แล้วตัวเองเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมได้ยังไง? แล้วจะสั่งอาหารได้อย่างไร? ถ้าป้ายประจำตัวทำงานแล้ว เธอก็ต้องตื่นแล้วด้วยสิ!!
“หือ? ในที่สุดก็นึกถึงฉันสินะ! สิ่งแรกที่นายเรียกหาหลังจากตื่นขึ้นมาคือของกินเนี่ยนะ น่าผิดหวังจริง ๆ” น้ำเสียงที่แสดงความเหยียดหยามดังออกมาในหัวของเขาทันที
เดวิดหัวเราะออกมาเบา ๆ ขยับตัวให้นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิอย่างมั่นคง “ฮ่าฮ่า! เรื่องกินต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว ที่สำคัญฉันรู้ว่าเธอต้องไม่เป็น ก็แค่การหมดพลังงานไปธรรมดา ๆ ไม่ใช่หรือ แค่สงสัยนิดหน่อยว่าจะต้องปิดระบบตัวเองไปนานแค่ไหนเท่านั้น”
ส่วนประโยคหลังเขาพึมพำออกมาแค่เบา ๆ เท่านั้น “ดูเหมือนว่าจะตื่นมาเร็วเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
“นายว่าอะไรนะ?” เฮเซลเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“หือ? ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไร แค่ดีใจที่เธอตื่นขึ้นมาแล้ว แค่ดีใจที่เธอตื่นขึ้นมาเร็วกว่าที่คิด” เดวิดหัวเราะแก้เก้อออกมา เขาลืมไปว่าเธอได้ยินทุกอย่างที่ตัวเองคิดเลย
“หึ! เอาเถอะ อย่างน้อย ๆ นายก็พาตัวเองกลับมาที่สถานบันได้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว” เสียงของเฮเซลเต็มไปด้วยความโล่งใจ
“ใช่! แล้วเรื่องนี้ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของเธอเลย” เดวิดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ถ้าเฮเซลไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกมา ตอนนี้เขาน่าจะยังถูกกักบริเวณอยู่ในเมืองนั้นแน่
น่าแปลกที่เฮเซลนั้นเงียบไป เดวิดรู้ว่าการเงียบหมายถึงเธอยอมรับการขอบคุณของตัวเอง แต่มันก็แปลกอยู่ดี ถ้าเป็นไปตามปกติ คำพูดเย้ยหยันทวงบุญคุณต้องพ่นออกมาเป็นพายุแล้วสิ
ในหัวของเขายังมีความสงสัยติดอยู่ไม่คลาย บุคลิกภาพของเฮเซลนั้นแตกต่างไปจากที่ควรจะเป็นไม่น้อย มันเหมือนกับว่าไม่ได้มีพื้นฐานมาจากนิสัยของตัวเองทั้งหมดอีกต่อไป เดวิดเริ่มคิดแล้วว่าข้อมูลจากชุดรบขาด ๆ ไม่น่าจะเป็นแค่เพียงชุดข้อมูลธรรมดา ๆ มันสามารถส่งผลให้บุคลิกของ AI เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังกลายเป็นบุคลิกที่แย่ลงไปกว่าเดิมอีกด้วย เฮ้อ!
สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และเริ่มเอ่ยถามออกมาอย่างจริงจัง “ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทั้งห้องมีแต่ความเงียบหลังจากที่เขาถามจบ ใช้เวลาสักพัก ก่อนที่เฮเซลจะเอ่ยตอบออกมา “ดูเหมือนว่าพันธุกรรมของร่างแวมไพร์และร่างมนุษย์หมาป่าจะพัฒนาตัวตน สร้างบุคลิกที่แปลกแยกขึ้นมาแล้ว ทั้งคู่เลย”
หัวใจของเดวิดบีบรัดอย่างรุนแรง นี่เป็นเรื่องที่เขากลัวอยู่ลึก ๆ ยิ่งพอได้มาฟังแบบนี้ สมองก็แทบจะขาวโพลนไปหมด นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย บุคลิกที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นแข็งแกร่งจนทำให้ตัวเองหมดสติลงไปได้ เดวิดรู้ดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรง ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง ตัวตนของเขาอาจจะถูกกลืนหายไปเลย และมันมีความเป็นไปได้สูงเสียด้วย
ถึงแม้ว่าเดวิดจะมีเจตจำนงที่ทรงพลัง แต่สิ่งที่หลับใหลอยู่ร่างกายของเขาตอนนี้คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง สัตว์ร้ายในตำนาน 2 ชนิด เดวิดไม่คิดว่าตัวเองจะจัดการกับพวกมันได้อย่างง่าย ๆ ไม่สิ! เขาไม่คิดว่าจะจัดการได้เลยถ้ามันออกมาในสภาวะวิกฤติ ในสภาวะที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับอันตรายจนพวกมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
สิ่งที่เดวิดเข้าใจนั้นไม่ผิด แต่สิ่งที่ไม่รู้คือเขาเป็นคนทำให้เจตจำนงของสัตว์ร้ายนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาเอง ความสามารถในการควบคุมร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งใช้มันมากเท่าไร เจตจำนงและพลังใจของเดวิดจะยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่านั้น สมองและสมาธิจะถูกกระตุ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างอัตโนมัติ และตอนที่ไม่ได้ใช้มัน คลื่นพลังส่วนเกินที่สมองสร้างขึ้นจะถูกส่งไปเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เจตจำนงอื่นในร่างกาย มันหล่อเลี้ยงจนสัญชาตญาณดิบให้เติบโตขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านับเฮเซลเข้าไปด้วย ในร่างกายของเดวิดตอนนี้ มีเจตจำนงที่ไม่ใช่ของตัวเองอยู่ถึง 3 บุคลิกด้วยกัน
“เรื่องนี้คงต้องรีบจัดการ ฉันต้องรีบสื่อสารกับพวกมัน!” เดวิดกล่าวออกมาอย่างจริงจัง หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่
ถ้าปล่อยให้พวกมันตื่นขึ้นมาตอนที่สติของตัวเองไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ความหวังในการควบคุมแทบจะเป็นศูนย์ เดวิดต้องการจัดการพวกมันในตอนที่สติและเจตจำนงสมบูรณ์เต็มที่แบบตอนนี้ พวกมันต้องรู้ว่าเป็นแค่เพียงผู้อาศัยเท่านั้น พวกมันต้องเจียมตัว!!
“แล้วถ้าเจ้าพวกนั้นไม่ยอมฟังนายล่ะ?” เฮเซลถามออกมา
ดวงตาของเดวิดทอประกายอันดุร้ายออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างไม่ลังเล
“การฝึกทักษะมรดกสืบทอดไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้สำหรับฉัน แต่เป็นวิธีเดียวของเจ้าพวกนั้น! พวกมันต้องฟัง”
นี่คือร่างกายของเขา เดวิดไม่มีทางจะปล่อยให้ผู้อาศัยมามีอิทธิพลเหนือกว่าตัวเองแน่ ถ้าไม่ฟังกัน เขาจะปล่อยให้เจ้าสัตว์ร้ายพวกนั้นแห้งตายอยู่ข้างในนั่นแหละ...