ตอนที่แล้วตอนที่ 672 ครอบครัวของซุยเซน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 674 มังกรแดงเกล็ด 9 ชั้น

ตอนที่ 673 ไร้ความผิดพลาดมา 25 ปี


ตอนที่ 673 ไร้ความผิดพลาดมา 25 ปี

ซากุระนั่งอยู่ภายในห้องด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ซึ่งในความเป็นจริงเธอเลียนแบบเซธได้ดีมากแล้ว แต่จุดหนึ่งที่เธอพลาดไปคือเธอได้มาพบกับเซี่ยเฟยซึ่งมีดวงตาอันแหลมคม

“แล้วบ้านของฉันที่ซ่อนอยู่ในป่าไผ่ล่ะ? นายค้นหามันเจอได้ยังไง?” ซุยเซนเริ่มถามอีกครั้ง

“ในฐานะของสายลับที่มีชื่อเสียง คุณก็คงจะไม่สร้างบ้านในตำแหน่งที่โดดเด่นชนิดที่สามารถสังเกตเห็นจากบนถนนได้อย่างง่ายดาย ผมจึงสามารถคาดเดาได้ว่าบ้านหลังนั้นจะต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน”

“ส่วนการหาบ้านที่แท้จริงพบเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ เพราะผมสังเกตเห็นว่าป่าไผ่บริเวณนั้นมันเติบโตมากจนเกินไป ผมเลยลองทำลายพื้นที่แถวนั้นดู” เซี่ยเฟยกล่าว

“ไม้ไผ่ที่ใช้พรางตัวถูกกฎแห่งสสารย้ายมาจากที่อื่น รากของมันเลยได้รับความเสียหายเล็กน้อย ฉันเลยเพิ่มสารอาหารให้กับพวกมันเพื่อที่จะให้พวกมันไม่แห้งเหี่ยวมากจนเกินไป ไม่คิดเลยว่าการที่พวกมันเติบโตมากกว่าต้นไผ่ต้นอื่นในป่าไผ่บริเวณนี้ มันจะเป็นการเผยตำแหน่งบ้านของตัวเอง คราวนี้พวกเราได้อาเฟยสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเราแล้ว” ซุยเซนกล่าวพร้อมกับพยักหน้าซ้ำ ๆ

โซระที่อยู่ด้านข้างซุยเซนก็ได้มองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมเช่นเดียวกัน สวนซากุระกำลังยืนกอดอกหน้ามุ่ยโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“เมื่อกี้คุณทำให้ฉันตกใจมากเลยนะที่ใช้ดาบสีแดงเล่มนั้นแทงเข้าใส่ลูกสาวของฉัน มันเลยเผลอทำให้ฉันคิดว่าคุณจะฆ่าเธอไปจริง ๆ แล้วซะอีก” เมื่อซุยเซนเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีเขาถึงพยายามพูดเรื่องตลกขึ้นมา

“ตอนนั้นผมไม่ได้ล้อเล่นแต่ผมคิดจะฆ่าจริง ๆ แต่โชคดีที่ซากุระใช้กฎแห่งสสารในระหว่างการหลบหนี มันเลยทำให้ผมเห็นว่าเธอยังอ่อนแอมากเกินไป ผมเลยล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าเธอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“อะไรนะ?! นี่ถ้าหากว่าตอนนั้นมันเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมาหลอกคุณ ตอนนี้คุณก็คงจะฆ่าเขาไปแล้วใช่ไหม?” ซุยเซนถามอย่างตกใจ

“คนที่ปลอมตัวเป็นเซธอาจจะเป็นศัตรูของผมก็ได้ และผมก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะยอมปล่อยตัวศัตรูไปด้วยสิ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับอย่างสงบ

คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้ใบหน้าของเซธซีดเผือดลง เพราะถ้าหากวันหนึ่งเขาทำเรื่องอะไรไม่ดีกับเซี่ยเฟยขึ้นมา เขาก็คงจะถูกฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

คำตอบนี้ทำให้ซากุระชะงักค้างไปด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเธอเพิ่งรู้ว่าสาเหตุที่เธอรอดชีวิตกลับมาได้นั้นเป็นเพราะว่าเธออ่อนแอมากจนเกินไป ถ้าหากว่าผู้ลงมือในก่อนหน้านี้เป็นพ่อหรือแม่ของเธอ ผลลัพธ์ในตอนนี้มันก็อาจจะ…

“นาย... นายมันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว!” ซากุระส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไปจากห้องด้วยความไม่พอใจ

“มันเป็นความผิดของพวกเราเองที่เลี้ยงเธอมาอย่างตามใจมากเกินไป เอาเป็นว่าพวกเราขอโทษแทนเธอด้วยก็แล้วกัน” ซุยเซนกล่าวด้วยความเขินอายอยู่เล็กน้อย

ในความเป็นจริงความคิดของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากลูกสาวของเขามากนัก เพราะเขาก็รู้สึกว่าเซี่ยเฟยเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ชนิดที่ว่าสามารถลงมือสังหารศัตรูได้โดยไม่จำเป็นจะต้องถามหาเหตุผล

“แล้วไม่ทราบว่าอาเฟยมีธุระอะไรกับพวกเรางั้นเหรอ?” ซุยเซนเริ่มถามเข้าเรื่อง

“ฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้วว่าคุณคือสายลับอันดับ 1 ในดินแดนเนรเทศ ฉันเลยอยากจะมาพบกับคุณด้วยตัวเองมาโดยตลอด และในคราวนี้ฉันก็ต้องการความช่วยเหลือจากคุณให้ไปเดินเล่นในกลุ่มดาวม้าขาวสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าว

ซุยเซนพยักหน้ารับคำชื่นชมของเซี่ยเฟย ซึ่งมันก็ทำให้เขาผ่อนคลายความไม่สบายใจออกไปได้มากพอสมควร แต่มันก็ยังเหลือหนทางอีกยาวไกลหากว่าพวกเขาต้องการที่จะสนิทสนมกัน

“กลุ่มดาวม้าขาวถือว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนเทพ ความเป็นจริงเผ่ามุราซากิของพวกเราก็ถือว่ามีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มาก ว่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกเราเป็นญาติห่าง ๆ กัน ไม่ทราบว่าอาเฟยพอจะเคยได้ยินเรื่องลักษณะนี้มาบ้างไหม?”

“บรรพบุรุษเป็นญาติกัน?” เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนไปเล็กน้อย เพราะซุยเซนกำลังพูดคุยถึงรายละเอียดธุระเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่เลย แต่จู่ ๆ เขากลับพูดถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างเผ่าพันธุ์มุราซากิกับเผ่าพันธุ์มนุษย์

“ฉันคิดว่าข่าวลือพวกนั้นคงไม่ใช่ข่าวที่น่าเชื่อถือ เพราะถึงแม้ว่าภายนอกเผ่ามุราซากิจะมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มากแต่เลือดของมนุษย์เราเป็นสีแดง แต่ทางฝั่งของมุราซากิมีเลือดสีม่วง รูปร่างโดยส่วนใหญ่ของชาวมุราซากิก็ใหญ่โตกว่ามนุษย์ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้วฉันก็ไม่สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างพวกเราสองเผ่าพันธุ์มากนัก” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับอย่างสบาย ๆ

หลังจากพูดคุยกันมาอย่างยาวนานซุยเซนก็ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดของงานอย่างจริงจัง จนทำให้เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกเบื่อ เขาจึงเปลี่ยนมาคุยเรื่องธุระของตัวเองโดยตรง

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดูเหมือนความตึงเครียดระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์จะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ากันว่าสงครามครั้งใหญ่ใกล้ที่จะรุกคืบเข้ามาเต็มที่แล้ว แม้แต่การป้องกันในแต่ละดินแดนก็ทวีความเข้มงวดขึ้นมากกว่าเดิมด้วยเหมือนกัน” ซุยเซนพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ

“ถ้าหากเนื้อหาการจ้างวานของอาเฟยคือการขอให้พวกเราเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลางของทั้งสองเผ่าพันธุ์ มันก็คงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรามากนัก แต่กลุ่มดาวม้าขาวเป็นพื้นที่มั่นหลักของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนเทพ การพยายามแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มดาวม้าขาวจึงจำเป็นจะต้องใช้ความพยายามสูงมาก และกระบวนการในระหว่างการแฝงตัวเข้าไปก็มีความซับซ้อนมากด้วยเหมือนกัน”

“ในความเป็นจริงในบรรดาเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงเรื่องการแฝงตัวในแดนเนรเทศก็มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน อย่างทางฝั่งของพวกเชพเพิร์ดก็มีความเชี่ยวชาญในการแฝงตัวเข้าไปในแดนเทพ ทางฝั่งพวกเราเผ่ามุราซากิก็มีความเชี่ยวชาญในการแฝงตัวเข้าไปในแดนมาร ดังนั้นการขอให้พวกเราแอบเข้าไปในกลุ่มดาวม้าขาวจึงถือว่าเป็นงานที่พวกเราไม่ถนัด”

“ฉันได้ยินมาว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พวกเชพเพิร์ดได้พบกับวิธีการบางอย่างที่ช่วยให้สามารถแฝงตัวเข้าไปในแดนเทพได้ง่ายมากขึ้น และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ถึงขนาดแฝงตัวเข้าไปในงานชุมนุมมังกรฟ้า ซึ่งเป็นงานสำคัญของทางฝั่งนั้น”

“ด้วยเหตุนี้การที่พวกเชพเพิร์ดสามารถแฝงตัวเข้าไปในงานชุมนุมได้สำเร็จ มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเชี่ยวชาญในการแฝงตัวภายในแดนเทพมากแค่ไหน”

“หากอาเฟยไม่อยากให้งานของตัวเองล่าช้า การไปขอความช่วยเหลือจากพวกเชพเพิร์ดคงจะทำให้คุณจัดการเรื่องของคุณได้เร็วมากกว่า มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากจะช่วยเหลือแต่อัตราความสำเร็จของงานที่ลูกค้าต้องการถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

หลังจากสนทนาไปอย่างยืดยาวเซี่ยเฟยก็ได้ข้อสรุปสั้น ๆ มาว่าพวกซุยเซนไม่ต้องการจะรับงานจากเขาและอยากให้เขาไปว่าจ้างพวกเชพเพิร์ดมากกว่า

หลังจากที่ซากุระวิ่งหนีออกมาจากห้องเธอก็รู้สึกคับแค้นใจในตัวเองมาก เพราะการที่เซี่ยเฟยสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาได้ ก็ถือว่าเป็นการทำลายความภาคภูมิใจของเธอมากแล้ว แต่เขายังบอกว่าเขาไม่ได้ลงมือสังหารเธอเนื่องมาจากว่าเธออ่อนแอมากจนเกินไป มันจึงยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจของเธอมากขึ้นไปกว่าเดิม

ซากุระเคยแต่ใช้ชีวิตกับครอบครัว เธอจึงยังไม่เคยได้พบกับความโหดร้ายของโลกแห่งความเป็นจริง ความโหดเหี้ยมที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมา มันจึงถือว่าเป็นประสบการณ์อันดำมืดครั้งแรกในชีวิตของเธอ

“ไหน ๆ ใครทำให้หลานปู่ไม่สบายใจบอกปู่มาสิ?” ชายชรากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขณะที่ซากุระยังคงซ่อนตัวอยู่ภายในป่า

เด็กชายที่ปรากฏตัวขึ้นมานี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับซากุระ และเขาก็ยังเป็นชายหนุ่มคิ้วหนาที่ซุยเซนได้ใช้รูปร่างของเขาปลอมตัวไปในก่อนหน้านี้ เพียงแต่ชายหนุ่มตรงหน้าใช้ใบหน้าจริง ๆ ไม่ได้มีการปลอมตัวแต่อย่างไร

“คุณปู่!!” ซากุระวิ่งเข้าไปหาชายชราราวกับเด็กน้อย ก่อนที่จะซุกหน้าเอาไว้ภายในหน้าอกปู่ของเธออย่างออดอ้อน

“มีคนมารังแกหนู พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมเข้าข้างหนูเลย”

“ใครมันกล้ามารังแกเธอ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเขาเอง!” ชายหนุ่มคิ้วหนาพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ

ผู้คนภายในกลุ่มซุยเซนส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น ชายชราคนนี้คือบิดาผู้ให้กำเนิดซุยเซนและเขาก็ยังเป็นผู้อาวุโสของเผ่ามุราซากิอีกด้วย

ในอดีตชนเผ่ามุราซากิมักจะปลีกวิเวกออกไปซ่อนตัวอยู่ตามลำพัง โดยไม่ค่อยมีความยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ใด ๆ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับงานเป็นสายลับบ้าง แต่การรับงานของพวกเขาก็มีข้อจำกัดเยอะมาก

ย้อนกลับไปในตอนนั้นซุยเซนถือว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีสายตาอันกว้างไกล และเขาก็เชื่อว่าหากเผ่ามุราซากิยังคงยึดติดกับวิถีชีวิตเดิม ๆ ไม่ช้าก็เร็วเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะต้องสูญพันธุ์หายไปจากจักรวาลอย่างแน่นอน

ซุยเซนจึงเริ่มจัดตั้งทีมขึ้นมาด้วยตัวเองและใช้จุดเด่นของสมาชิกภายในทีมเพื่อทำภารกิจที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อมันมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในเผ่าพันธุ์ ย่อมต้องมีการต่อต้านเป็นเรื่องปกติ แม้แต่รัคโค่พ่อของซุยเซนก็ไม่เห็นด้วย พวกเขาจึงมีการโต้เถียงกันนานกว่า 3 วัน 3 คืนกว่าที่จะได้ข้อสรุป

ในตอนแรกซุยเซนกับโซระเริ่มรับงานกันเป็นคู่ แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มสมาชิกภายในทีมขึ้นมาทีละคน เมื่อสมาชิกภายในเผ่าเริ่มเห็นประโยชน์จากการรวมทีมกัน พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านอีกต่อไปและทำให้ชื่อเสียงของเผ่ามุราซากิโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้

ทีมของซุยเซนคือทีมที่ดีที่สุดของเผ่าพันธุ์และราคาที่เซธเคยบอกเซี่ยเฟยเอาไว้นั้นมันก็คือราคาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ด้วยชื่อเสียงที่ยังคงเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีราคาค่าจ้างของพวกเขาในตอนนี้มันก็เพิ่มขึ้นจากเดิมไปหลายเท่า

พวกเชพเพิร์ดเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายที่มักจะกลืนกินร่างของเหยื่อในภารกิจเข้าไปเสมอ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมจ้างพวกเชพเพิร์ดไปทำภารกิจมากนัก เว้นแต่ว่าเป้าหมายในภารกิจคือการทำลายเป้าหมายตั้งแต่แรกแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ภารกิจการแฝงตัวเข้าไปในงานชุมนุมมังกรฟ้า ที่มันก่อให้เกิดความเสียหายชนิดที่ว่ายากจะฟื้นฟูกลับมาในระยะเวลาอันสั้น

ในทางกลับกันพวกซุยเซนจะทำภารกิจอย่างเงียบ ๆ และหลบหนีออกมาในทันทีที่ภารกิจถูกจัดการจนเสร็จ อัตราความสำเร็จของภารกิจที่พวกเขารับจึงมีความใกล้เคียงกับ 100% มาก และในช่วง 25 ปีที่ผ่านมานี้พวกเขาก็ไม่เคยทำภารกิจผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หากเซี่ยเฟยสามารถโน้มน้าวซุยเซนได้สำเร็จ เขาก็จะได้รับสายลับชั้นยอดมาเข้าร่วมทีม ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทีมสายลับทีมนี้คือทีมที่ปฎิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงมาได้ด้วยดีอย่างยาวนาน และการจ่ายค่าจ้าง 3,000 คริสตัลเหลืองต่อวันก็คงจะไม่ใช่ราคาที่สูงมากจนเกินไป

“หลานกำลังพูดถึงไอ้หนุ่มที่มาหาเราในวันนี้ใช่ไหม? เขาคนนั้นมีทักษะการสังเกตที่ค่อนข้างดี ถ้าหากว่าเขาได้รับการฝึกฝนบางทีเขาอาจจะเป็นสายลับที่ดีกว่าพ่อของหลานก็ได้” รัคโค่เริ่มชื่นชมเซี่ยเฟย

“อาเฟยมีพรสวรรค์มากกว่าพ่องั้นเหรอ!?”

เมื่อได้ยินปู่ของเธอพูดชมคนอื่นแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ซากุระรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น

“อันที่จริงหนูก็คิดว่าอาเฟยมีความสามารถสูงมากจนถึงขนาดมองผ่านการปลอมตัวของพ่อไปได้ แต่หนูแค่โกรธคำที่เขาพูดออกมา” ซากุระกล่าว

“เขาพูดอะไร?” รัคโค่ถามอย่างสงสัย

“เขาบอกว่าชื่อเสียงซุยเซนเป็นเพียงแค่เรื่องจอมปลอม ที่แม้แต่คนธรรมดาอย่างเขาก็สามารถมองผ่านการปลอมตัวของพวกเราได้ พวกเราไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองว่ายอดสายลับได้ด้วยซ้ำ” ซากุระเริ่มใส่สีตีไข่พร้อมกับสังเกตใบหน้าตาของเธอเป็นระยะ ๆ และเธอก็ได้พบว่าตอนนี้ปู่ของเธอกำลังโกรธจนใบหน้าแทบที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!” รัคโค่ร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ

“เรียกรวมทุกคนเดี๋ยวนี้! ฉันจะสั่งสอนให้ไอ้หนุ่มนั่นรู้ว่าพวกเราทีมซุยเซนโด่งดังขึ้นมาได้ยังไง!!”

***************

เฮ้อออออออออ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด