ตอนที่ 11 : โจมตีก่อนได้เปรียบ
ตอนที่ 11 : โจมตีก่อนได้เปรียบ
เมื่อเธอถูกปิดปาก หลิวอ้ายหยวนจึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้และเธอก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาด้วย
หลังจากถูกพาตัวเข้ามาในเซฟเฮาส์ที่ชายทั้งสี่เลือกไว้แล้ว หลิวอ้ายหยวนก็ส่งเสียงครวญครางอยู่สองครั้ง
เหยาเจิ้งพูดออกมาเบาๆ “อย่าร้อง ถ้าพวกเราดึงดูดซอมบี้เข้ามา พวกเราจะตายกันหมดได้ เข้าใจไหม?”
หลิวอ้ายหยวนพยักหน้าซ้ำๆ
แต่แววตาของเธอก็ฉายแววความเกลียดชังขึ้นมา
มันก็จริง…
ด้วยนิสัยของหลิวอ้ายหยวน เธอจะไม่แค้นได้ยังไง? เธอจะไม่โมโหได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอดึงดูดซอมบี้เข้ามา เธอก็อาจจะตายเพราะพวกมันได้ เธอย่อมไม่อยากตายไปพร้อมกับผู้ชายทั้งสี่คนนี้
นี่คือความกลัวตายที่สามารถก้าวข้ามได้ทุกสิ่ง
เธอกลอกตาและคิดแผนการ
หลิวอ้ายหยวนตัดสินใจที่จะยอมคนทั้งสี่นี้ไปก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้แค้นทีหลัง
ในทันทีที่เธอปรับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็เริ่มเร่าร้อนขึ้นมา
เสื้อผ้าเริ่มหลุดออกไปจากตัวเธอทีละชิ้น เมื่อรวมกับท่วงท่าอันมีเสน่ห์ของเธอ เหยาเจิ้งและชายอีกสามคนจึงถูกหลิวอ้ายหยวนดึงดูดไว้อย่างรวดเร็ว
เหยาเจิ้งกลืนน้ำลายเสียงดังและกล่าวว่า “ประตูกับหน้าต่างล่ะ…”
“ปิดหมดแล้ว”
“งั้นพวกเราจะรออะไรอีกล่ะ!”
เหยาเจิ้งเป็นคนแรกที่กระโจนเข้าใส่เธอ ทำให้หลิวอ้ายหยวนหัวเราะออกมาอย่างมีเสน่ห์
เธอสามารถบอกได้เลยว่าสภาพจิตใจของเหยาเจิ้งและชายอีกสามคนนั้นผิดปกติเล็กน้อย บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันและความตื่นตระหนกมากเกินไป
วิธีการของเธอย่อมไร้ประโยชน์ต่อหน้าคนที่มีจิตใจที่ไม่ปกติแบบนี้
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเลย
หลังจากปลอบใจสัตว์ร้ายเหล่านี้แล้ว หลิวอ้ายหยวนก็มีวิธีมากมายที่จะจัดการกับพวกเขา
ในขณะที่เธอให้ความร่วมมือ เธอก็จินตนาการไปไกล
ในไม่ช้า มันก็ไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ในบ้านได้อีก
…
ถนนเงียบมาก
ฝีเท้าของลู่หมิงเองก็เบามากด้วย
ต้องขอบคุณกองทัพอีกครั้ง
แม้ว่าลู่หมิงจะไม่รู้ว่ากองทัพทำอะไร แต่การปรากฏตัวของพวกเขาก็ได้ล่อซอมบี้เกือบทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลู่หมิงได้เป็นอย่างดีในการออกมาข้างนอก
ลู่หมิงต้องจดจำความเมตตาของพวกเขาเอาไว้ที่ทำให้เขาไม่เจอซอมบี้ระหว่างทางเลย
ในไม่ช้าลู่หมิงก็มาถึงมินิมาร์ทวานด้า
มินิมาร์ทวานด้าเป็นร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านในเมือง มันมีขนาดแค่ประมาณ 50 ตารางเมตรเท่านั้น ซึ่งชั้นล่างใช้สำหรับขายสินค้า ส่วนชั้นสองใช้เป็นห้องนอนของเจ้าของร้าน
ในช่วงเวลาปกติ ลู่หมิงก็เคยมาซื้อของเบ็ดเตล็ดเช่นหลอดไฟจากที่นี่มาก่อนและค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
แต่ในตอนนี้ ประตูกระจกของมินิมาร์ทแห่งนี้ก็ได้ปิดอยู่ แต่ประตูเหล็กม้วนด้านบนก็ยังปิดไม่สนิท หูของลู่หมิงดีมาก และเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากชั้นสองเบาๆ
เสียงนี้ทำให้ลู่หมิงต้องเกาหัว
คนพวกนี้ไม่กลัวซอมบี้กันเลยเหรอ?
เสียงนี่ดังมากจนแม้แต่ฉันยังได้ยิน งั้นพวกซอมบี้ก็น่าจะได้ยินด้วยเหมือนกัน
โชคดีที่ทหารล่อซอมบี้ออกไป ไม่เช่นนั้นเหล่าคนที่อยู่บนชั้นสองก็คงจะกลายเป็นอาหารของซอมบี้ไปแล้ว
ลู่หมิงไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่
และเขาก็ไม่อยากคิดด้วยเหมือนกัน
ขึ้นไป จัดการพวกมัน แล้วก็กลับบ้าน!
ง่ายๆ แค่นั้น!
เขาดันประตูเปิดเบาๆ
ประตูปิดอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ล็อค
เขาหยิบหน้าไม้ออกมาและบรรจุลูกศร จากนั้นเขาก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง
ภาพอันวุ่นวายได้ปรากฏขึ้นในสายตาของลู่หมิง
เมื่อมองดูกลุ่มชายสี่คนและผู้หญิงหนึ่งคนที่กำลังพัวพันกัน ลู่หมิงก็ขมวดคิ้ว
“พวกมันสำส่อนกันจัง…”
เขาแสดงความเห็นอยู่ภายในใจ แต่การกระทำของเขาก็รวดเร็วมาก
ลู่หมิงยกหน้าไม้ขึ้นและมองผ่านศูนย์เล็ง เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดของเขา
จนกระทั่งได้โอกาส
ฟิ้ว!
ลูกศรพุ่งออกไป!
…
พลังของหน้าไม้เทียบได้กับอาวุธปืนธรรมดาในระยะใกล้
คนทั้งห้าที่กำลังมีความสุขอยู่นั้นไม่อาจตอบสนองได้ทันเลย!
ลูกศรพุ่งทะลุคอของเหยาเจิ้งที่อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุด
ลูกศรยังไม่หยุดลงหลังจากทะลุคอของเหยาเจิ้งไปแล้ว มันพุ่งทะลุเข้าไปเสียบใบหน้าของเว่ยไคต่อ
ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว!
ทันใดนั้นเลือดก็กระเซ็นออกมาและขัดภาพแห่งความสุขบนชั้นสอง
อย่างไรก็ตาม อีกสามคนที่เหลือก็อึ้งจนไม่อาจตอบสนองได้ทัน…
ภาพการสังหารอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทั้งสามนิ่งไป มันมีแค่ลู่หมิงที่ทำการโจมตีอย่างเย็นชาเท่านั้นที่ยังคงเงียบขรึม
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ลู่หมิงโยนหน้าไม้ทิ้งไป หยิบหนังสติ๊กขึ้นมา และเริ่มโจมตีต่อ
เศษโลหะมีคมพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงมาก มันกระแทกเข้าใส่เบ้าตาของเฟิงฉินอย่างแม่นยำ
โลหิตสีแดงและเศษเนื้อสีขาวสาดกระเซ็นออกมาอีกครั้ง
ในขณะที่หวังกังและหลิวอ้ายหยวนกำลังจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เสียงเบาๆ เขาลู่หมิงก็ดังขึ้นซะก่อน
“อย่าร้อง นี่คือการปล้น”
ความตกใจถูกระงับไว้ทันที และหวังกังที่กำลังจะยอมจำนนก็ถูกกระสุนพุ่งเข้าใส่เป้าตาเต็มๆ
เห็นได้ชัดว่าการปล้นเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อลดความวุ่นวายเท่านั้น
ลู่หมิงคิดที่จะฆ่าพวกเขามาตั้งแต่ต้นแล้ว
หลิวอ้ายหยวนดูเหมือนจะเข้าใจถึงเจตนาของลู่หมิง
จากมุมมองของลู่หมิง เขาก็มองเห็นเพียงปากของหลิวอ้ายหยวนที่เปิดกว้างเท่านั้น และครู่ต่อมา เสียงโซปราโนที่แหลมเสียดแก้วหูก็ดังก้องไปทั่วถนน
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เขาถอนหายใจออกมาจากภายในใจเมื่อรู้ว่าฝูงซอมบี้กำลังจะมาถึงสมรภูมินี้ ลู่หมิงเร่งการเคลื่อนไหวของเขาอีกครั้ง
เขาบรรจุกระสุนและยิงหนังสติ๊กออกไป
เศษโลหะพุ่งออกมาอีกครั้ง และพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหลิวอ้ายหยวนผ่านทางปากที่เปิดอ้าของเธอ
“แค่ก!”
หลิวอ้ายหยวนกระอักเลือดออกมาเต็มคำซึ่งก็มีฟันของเธอปนออกมาด้วย หลังจากนั้นเธอก็ตาเหลือก และทรุดตัวลงไปบนเตียงทันที
กระสุนนี้พุ่งทะลุปากของเธอ ทำลายกระดูกสันหลังส่วนคอของหลิวอ้ายหยวนทันที และก็พุ่งทะลุคอของเธอ และทำให้หน้าต่างที่อยู่ด้านหลังของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่หมิงก็คว้าหน้าไม้อย่างแน่วแน่และวิ่งลงไปชั้นล่างโดยไม่ต้องคิดอีก
เขาไม่คิดที่จะตรวจสอบความเรียบร้อยอีก
เพราะลู่หมิงได้ยินเสียงฝีเท้าของซอมบี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
…
ระยะทางจากที่นี่ถึงบ้านน่าจะประมาณร้อยเมตร
ในทันทีที่ลู่หมิงก้าวออกมาจากมินิมาร์ท เขาก็เริ่มวิ่งสุดกำลังทันที
ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา ในเวลาแค่สิบวินาที ลู่หมิงก็มาถึงหน้าประตูบ้านของเขาแล้ว
เขาคว้าที่จับประตู ดึงมันออกแรงๆ แล้วรีบเข้าไปในบ้าน เขาปิดประตูอย่างระมัดระวังและล็อคมัน จากนั้นลู่หมิงก็ได้ยินเสียงฝูงซอมบี้วิ่งไปตามถนนด้านนอก
“โชคดีจริงๆ ที่ทันเวลา!”
หลังจากลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้ว ลู่หมิงก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง เขาเปิดช่องสังเกตการณ์ขึ้นมาและมองออกไปข้างนอก เขาเห็นซอมบี้หลายสิบตัวกำลังวิ่งไปทางวานด้ามินิมาร์ทตามเสียงกรีดร้องของหลิวอ้ายหยวน อย่างไรก็ตาม มันก็มีซอมบี้เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงปิดประตูของลู่หมิง พวกมันอ้อยอิ่งอยู่หน้าบ้านของลู่หมิงโดยไม่เต็มใจที่จะจากไป
“สี่ตัว พอรับมือไหว”
การถูกซอมบี้สี่ตัวขวางประตูไว้ถือเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก
แต่หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ลู่หมิงก็ยังเชื่อว่าการตัดสินใจที่เด็ดขาดของเขาในครั้งนี้มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
“ถ้ามีใครคิดจะทำร้ายฉัน ฉันก็จะตอบโต้ก่อนและดับไฟตั้งแต่ต้นลม”
ความรู้สึกผิดที่ได้ปลิดชีพของคนอื่นสลายไปภายในใจของเขา
ลู่หมิงพยักหน้าอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!”
จากนั้นเขาก็มองไปทางวานด้ามินิมาร์ท
ซอมบี้ที่เก่งกาจได้ทำลายประตูกระจกของร้านวานด้าแตกเป็นเสี่ยงๆ และกรูเข้าไปข้างในเพื่อเริ่มงามเลี้ยงของพวกมัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะมีผู้รอดชีวิต แต่พวกเขาก็คงไม่สามารหลบหนีออกมาได้
หลังจากกินกล้วยเข้าไปลูกหนึ่งแล้ว ลู่หมิงก็ปิดช่องสังเกตการณ์และเตรียมที่จะเริ่มการออกกำลังกายในตอนบ่ายของเขา