ตอนที่ 105 การฝึกฝนขั้นสูงของนามิ
“วีวี่ ยามาโตะ โรบิน โนจิโกะ ซาดี้ ฉันจะพานามิไปฝึกฝนในห้องศักดิ์สิทธิ์ บางทีมันอาจจะใช้เวลาที่ยาวนานสักหน่อยกว่าฉันจะออกมา”
“ถ้าพวกเธอมีอะไรบางอย่างที่อยากจะกลับไปทำล่ะก็ ฉันก็จะส่งพวกเธอกลับไปตอนนี้เลย”
“ห้องศักดิ์สิทธิ์?” ดวงตาของยามาโตะเป็นประกาย จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเหยาะๆ ไปหาหลี่ฟานทันที
“อาจารย์หลี่ฟาน ฉันขอเข้าไปด้วยได้ไหม ฉันเองก็อยากจะฝึกเหมือนกัน!”
“เธอไปด้วยไม่ได้” หลี่ฟานส่ายหัว
“ห้องศักดิ์สิทธิ์นี้ มีไว้สำหรับเหล่าลูกศิษย์ที่ฝึกมาจนถึงรสภาวะคอขวด และในบรรดาพวกเธอทั้งสี่คน มีเพียงแค่นามิเท่านั้น ที่มาถึงสภาวะคอขวดในการฝึกฝนวิชาดาบ”
“เมื่อพวกเธอไปถึงสภาวะคอขวด และสามารถเข้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ได้ ฉันจะพาพวกเธอเข้าไปอย่างแน่นอน”
“โอ้…” ยามาโตะมุ่ยปากด้วยความผิดหวัง
"อาจารย์หลี่ฟาน ฉันยังไม่ต้องรีบกลับไปที่อลาบาสต้า” วีวี่ยิ้ม
“ก่อนที่ฉันจะมากับคุณ ฉันได้บอกกับพ่อของฉันเอาไว้แล้ว และฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนก็ตาม”
“เจ้าหญิงวีวี่กับฉันมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกมาก ดังนั้น ฉันเองก็ไม่ได้รีบกลับไปเหมือนกัน” โรบินหัวเราะเบาๆ
สำหรับยามาโตะและซาดี้ ทั้งสองคนไม่มีความคิดเห็นใดๆ และพวกเธอก็แสดงความเต็มใจที่จะอยู่ในโรงฝึกแห่งนี้ต่อ
หลังจากที่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับทุกคนแล้ว หลี่ฟานก็พานามิเข้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ และเริ่มต้นขั้นตอนฝึกแบบใหม่เพื่อทำลายคอขวดทันที
“มันไม่ค่อยมีชีวิตชีวาในโรงฝึกแห่งนี้สักเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะไปทำขนมมาให้ทุกคนกินนะ”
หลังจากที่หลี่ฟานและนามิเข้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ โนจิโกะก็ลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
"มันน่าทึ่งมากที่ฉันได้เจอกับทุกคนในวันนี้ และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวเองกำลังจะมีพี่สาวน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนเลยล่ะ”
“บังเอิญจังเลยคะ ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” วีวี่เดินไปจับมือของโนจิโกะด้วยรอยยิ้ม และมองไปที่โนจิโกะ
“ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะมีพี่สาว”
อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเธอทั้งสองคนมีสีผมสีเดียวกัน วีวี่จึงรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดที่แตกต่างกัน ในร่างกายของโนจิโกะ
“ถ้าพวกเราเป็นพี่น้องกัน อาจารย์หลี่ฟานก็คงจะเป็นคุณพ่อ ถึงแม้ว่าบางครั้ง… เขาจะไม่ได้มีท่าทีที่ดูเหมือนกับคุณพ่อ แต่เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าก็ตาม” โรบิน ที่มีอายุมากขึ้นสองปี พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่
จากนั้นเธอก็เดินไปหาโนจิโกะและวีวี่
"ถ้าพวกเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ พวกเราจะเรียกกันว่าอะไรดีล่ะ?"
“ตามลำดับของลูกศิษย์ เธอควรเรียกฉันว่าศิษย์พี่วีวี่ แต่ในแง่ของอายุ ดูเหมือนว่าเธอจะมีอายุมากกว่าฉันนะ” วีวี่หันไปพูดคุยกับโรบินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ในตอนที่หลี่ฟานปรากฏตัวขึ้นที่โรงฝึกในอลาบาสต้ากับโรบิน วีวี่ก็ไม่รู้จักโรบินเลยสักนิด
หลังจากผ่านการฝึกฝนไปสองปีกับหลี่ฟาน โรบินก็เปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่ร่างกายของเธอจะดูอวบอิ่มขึ้นเท่านั้น แม้แต่ผิวพรรณของเธอก็ยังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จนกระทั่งโรบินเริ่มแนะนำตัวเอง วีวี่ก็จดจำเธอได้ในทันที ‘มิสออลซันเดย์’ แห่งองค์กรบาร็อคเวิร์ค
แม้ว่าโรบินจะเคยเป็นคู่หูของคร็อกโคไดล์ และมันก็ทำให้เธออึดอัดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของหลี่ฟานแล้ว วีวี่ก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจกับโรบินเลยสักนิด
หลังจากที่ได้พูดคุยกันอย่างละเอียดแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถขจัดความอึดอัดใจออกไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่พวกเธอก็ยังก้าวไปข้างหน้าเสมอ
และในตอนที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันนั้นเอง ยามาโตะก็ได้เดินลูบท้องไปหาพวกเธอ
“นี่! เธอไม่ได้อยากจะไปทำขนมงั้นเหรอ?”
“ตอนนี้ฉันหิวแล้ว เมื่อไหร่จะได้กินขนมล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของยามาโตะ โรบิน วีวี่ โนจิโกะ ทั้งสามสาวก็หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะพากันระเบิดเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความร่าเริง และความสดใสออกมาทั่วโรงฝึก
"ฮะ? พวกเธอสามคนหัวเราะอะไรกันเนี่ย?” ยามาโตะกะพริบตาปริบๆ
“ซาดี้ เธอรู้ไหมว่าทำไมพวกเธอถึงหัวเราะออกมากัน?”
“อืมมม พวกเธอน่าจะกำลังคิดว่ายามาโตะน่ารักนะ ฮิฮิ” ซาดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันน่ารักงั้นเหรอ?” ยามาโตะขมวดคิ้ว
“ไม่มีทาง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของฉัน ที่จะมีหน้าตาที่น่ารักแบบนี้หรอกนะ ฮ่าฮ่าๆ”
“เอาล่ะๆ ไปทำขนมด้วยกันเถอะ พวกเราจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น” โรบินพูดกับทุกคน
ในขณะพูด เธอก็ได้แอบมองไปที่วีวี่เป็นพิเศษอีกด้วย
สาวๆทุกคนพยักหน้า และพากันเดินออกไปจากโรงฝึกท่ามกลางกันและกัน โดยมีเป้าหมายก็คือบ้านของโนจิโกะ
…
ในเวลานี้ ณ ห้องศักดิ์สิทธิ์
"อาจารย์หลี่ฟาน ทำไมที่นี่มันถึงไม่มีอะไรเลย?”
ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ นามิมองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆห้อง และจับไปที่แขนของหลี่ฟานด้วยความกลัวเล็กน้อย
เพราะในตอนนี้ ทั้งนามิและหลี่ฟานก็กำลังยืนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ว่างเปล่า
ยกเว้นอีกด้านหนึ่ง ที่มีเพียงความมืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในสายตาของเธอ
แม้ว่ามันจะมีความรู้สึกจริงๆในการเหยียบพื้นใต้ฝ่าเท้า แต่นามิก็มักจะรู้สึกเสมอว่า หากเธอไม่สามารถรับมือกับมันได้ เธอก็จะตกลงไปในความมืดมิดที่ไร้ขอบเขตนี้
“ห้องศักดิ์สิทธิ์จะจำลองสภาพแวดล้อมที่ผู้ฝึกฝนต้องการในตอนนั้นมากที่สุด”
“นามิ เธอจะต้องทำให้วิชาดาบของเธอไปถึงระดับ [ ว่างเปล่า ] โดยสมบูรณ์ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและมืดมิดแบบนี้ มันมีความเหมาะสมกับการฝึกของเธอมากที่สุด”
“ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาที่นี้ เธอไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆเหรอ?”
หลี่ฟานตบไปที่ไหล่ของนามิ เพื่อบ่งบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวล
“ฟังแล้วดู… มันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ” นามิพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“หลังจากที่ได้เข้ามาในห้องนี้ จิตใจของฉันก็ดูสงบลงมาก และความคิดที่วอกแวกมากมายก็ได้หายออกไปจากหัว”
“นี่คือหน้าที่ของห้องศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถช่วยให้เธอกำจัดความคิดที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นออกไป และนำพาเธอเข้าสู่สภาวะของการฝึกฝนที่พิเศษได้อย่างสมบูรณ์”
ร่างของหลี่ฟานวาบออกไป และปรากฏตัวขึ้นห่างจากนามิเพียงไม่กี่เมตร
“ยิ่งไปกว่านั้น ในสภาวะนี้ ความสามารถในการทำความเข้าใจของเธอก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!”
“ตอนนี้เธอต้องดูให้ดีว่า ฉันได้ใช้วิชานี้ออกมาได้ยังไง และเธอก็จะต้องตั้งใจฝึกฝนตัวเองให้หนัก!”
“ถ้าเธออยากจะชุบชีวิตแม่บุญธรรมของเธอจริงๆ เธอก็จะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างของเธอลงไป ในการฝึกฝนครั้งนี้!”
ทันทีที่เสียงของหลี่ฟานไป ดาบแห่งแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา และแผ่ขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลี่ฟานเงยหน้าขึ้นและฟันดาบแสงลงไปที่นามิ
“อิชานะ ไดเทนโช!”
…
อีสบูล บนเกาะที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
“ฉันสำรวจเกาะนี้ดูแล้ว มันไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่”
“บนเกาะมีวัตถุดิบอยู่มากมายทั้งผัก ผลไม้ และสัตว์ต่างๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารได้เลยไอ้หัวมอส” ซันจิที่เดินออกมาจากป่าทึบพูดกับโซโล ลูฟี่ และอุซป
“ขอบใจมาก ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากรบกวนนายหรอก” โซโลพูดกับซันจิ ในขณะที่เขาพยายามทำจิตใจให้สงบลง
“ยังไงซะ นายก็อยากจะท้าทายวิสต้าเพื่อเอาม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพ และชุบชีวิตคนสำคัญของนาย เรื่องนี้ฉันเข้าใจได้” ซันจิพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปาก ก่อนที่จะตอบโซโล
“ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหาร และตั้งใจฝึกฝนได้สบายใจได้เลย”
“เพราะงั้น นายจะต้องทำให้คุณคุอินะฟื้นคืนชีพขึ้นมาให้ได้ล่ะ ไอ้นักดาบหัวมอส”
“ไม่อย่างงั้น นายก็เตรียมตัวล้างจานไปหนึ่งเดือนได้เลย”
ซันจิเอง ก็มีคนสำคัญที่อยากจะให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอยู่ด้วย ดังนั้นหลังจากได้ยินว่าโซโลอยากจะหาสถานที่เงียบๆเพื่อทำการฝึกฮาคิเกราะคราว
และเอาชนะวิสต้าที่อยู่ในอันดับที่ 10 ของอันดับนักดาบให้ได้ เพื่อม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพแบบสุ่ม ซันจิจึงไม่ต้องการที่จะทะเลาะกับโซโล และเลือกที่จะสนับสนุนเขามากกว่า
“คุอินะจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน!” โซโลพยักหน้าด้วยความหนักแน่น และจับไปที่ดาบสีขาวที่อยู่ในมือของเขา
“ขอโทษนะ ลูฟี่ อุซป ฉันขอรบกวนเวลาพวกนายให้อยู่ที่นี่สักพัก” โซโลหันไปมองลูฟี่และอุซป ที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“ฮี่ฮี่ ไม่เป็นไรโซโล พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า” ลูฟี่ลดหมวกฟางของเขาลง
“ถ้าซาโบ้ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันเองก็อยากที่จะเอาชนะวิสต้า และรับม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนมาเหมือนกัน”
“ขอโทษนะโซโล เพราะพวกเราไม่ใช่นักดาบ พวกเราเลยช่วยอะไรนายไม่ได้เลย”
ความคิดของลูฟี่นั้นง่ายมาก ถ้าเขาเป็นนักดาบ เขาก็จะสามารถช่วยโซโลท้าทายวิสต้าได้
โซโลยิ้มให้กับลูฟี่และส่ายหัวของเขาเบาๆ
“ฉันมีความสุขมากกัปตัน ที่นายมีความคิดแบบนี้”
“แต่ว่าตอนนี้ โอกาสในการฟื้นคืนชีพของคุอินะ มันก็ขึ้นอยู่กับฉันอยู่กับฉันแล้ว!”
“เพราะงั้น… พวกเราทุกคนมาช่วยกันฝึกฮาคิเกราะด้วยกันเถอะ!”
ซันจิพยักหน้า และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในขณะนั้น รายการทองคำบนท้องฟ้าก็ส่องแสงสีทองออกมาทันที
"เกิดอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่า มีคนไปท้าทายวิสต้าแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
ซันจิเงยหน้าขึ้น และสังเกตเห็นคนสองคนที่กำลังยืนอยู่ในหน้าจอของรายการทองคำ
หนึ่งในนั้นคือนักดาบอันดับที่ 10 ใน [ อันดับนักดาบ] ‘ฟาวเวอร์ วิสต้า’
ส่วนอีกคนเป็นนักดาบที่สวมชุดกิโมโนสีเทา แว่นกลมสีทอง และถือดาบคาตานะไว้ในมือ พร้อมกับมีรอยยิ้มบางๆ
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน เขาถึงกับกล้าท้าทายวิสต้าเป็นคนแรก!” อุซปยืนขึ้นและมองไปที่รายการทองคำอย่างสงสัย
"จริงสิ! ด้วยวิธีนี้ เราจะได้เห็นความแข็งแกร่งของวิสต้าแล้วสินะ ใช่หรือเปล่าโซโล?”
“หืม? โซโล นายเป็นอะไรไปน่ะ?”
อุซปหันไปมองโซโล และพบว่าเขากำลังมองไปที่รายการทองคำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“โซโล นักดาบที่อยู่ในรายการทองคำคนนั้น นายรู้จักเขาใช่ไหม?” ซันจิถาม
“ผู้ชายคนนั้น… เขาเป็นอาจารย์ของฉัน!” โซโลลุกขึ้นยืนทันที และตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
…