ตอนที่ 104 เปิดห้องศักดิ์สิทธิ์
[ราชสีห์ทองคำ ชิกิ: นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีใครเข้ามาท้าทายชายชราคนนี้เลย? ไอ้พวกคนขี้ขลาดเอ้ย พวกแกทุกคนเป็นนักดาบแบบนี้กันหมดเลยใช่ไหม? หรือว่า… พวกนายไม่กล้าที่จะต่อสู้กับชายชราคนนี้? ]
[ราชสีห์ทองคำ ชิกิ: แล้วก็คุณทหารเรือทั้งหลาย พวกนายต้องการดูฉันได้รับอาวุธอย่าง [ เทย์กุ ยาสุฮุซะ ] สินะ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะยินดีมาก รอให้ฉันได้รับมันมาก่อน แล้วฉันจะไปเยี่ยมพวกนายทุกคนที่กองบัญชาการทัพเรืออย่างแน่นอน ]
[ราชสีห์ทองคำ ชิกิ: ว่าแต่ ถ้าฉันฆ่าเก็กโค โมเรียแล้วทำให้เขากลายเป็นตุ๊กตาศพของฉัน ฉันจะสามารถสร้างกองทัพซอมบี้ได้รึเปล่านะ? เดี๋ยวก่อน! ความคิดนี้ดูเหมือนจะเลวเลยทีเดียว… ]
“ไอ้สารเลวนั่น มันต้องการทำให้ฉันกลายเป็นตุ๊กตาศพของมันงั้นเหรอ!” โมเรียจ้องมองไปที่รายการทองคำบนท้องฟ้าอย่างโกรธเคือง
เขาเป็นผู้ที่โขมยเงาของคนอื่นมาโดยตลอด และได้ใช้เงาเหล่านี้สร้างกองทัพซอมบี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้ กลับมีคนวางแผนที่จะทำให้เขากลายเป็นตุ๊กตาศพ และใช้ความสามารถของเขาเพื่อสร้างกองทัพซอมบี้ขึ้นมาแทนแบบนี้
เก็กโค โมเรียผู้หยิ่งผยองจะทนได้อย่างไร?
แต่เมื่อเขาคิดถึงพลังของราชสีห์ทองคำ ชิกิ โมเรียก็ย่อร่างของเขาให้กลายเป็นลูกบอลในพริบตา
“อย่ามายุ่งกับฉัน คนบ้าคนนี้จะต้องไม่มาหาฉัน!”
โมเรียกระซิบกับตัวเอง ถ้าชิกิมาหาเขาจริงๆ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ที่จะทิ้งเกาะลอยฟ้าลงมาสักสองสามเกาะ เพื่อทำลายเรือทิลเลอร์ ปาร์คของเขา
ในขณะนี้ โมเรียกำลังพิจารณาอยู่ว่า เขาจะหนีไปเก็บตัวและอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักดีหรือไม่
“ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ [ เทย์กุ ยาสุฮุซะ ] เลย ฉันจะกลัวอะไร?”
ทันใดนั้น สีหน้าของมอเรียก็ดูดีขึ้นมา เขาละอายใจกับความกลัวที่พึ่งจะก่อกำเนิดขึ้นมาเมื่อกี้
ใบหน้าที่แต่เดิมดำคล้ำด้วยความกังวล ได้แปลเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธและความละอาย
“ดูเหมือนว่านักดาบทุกคนจะระมัดระวังตัวกันมาก” นั่งอยู่บนดาดฟ้า โรเจอร์ดูจะเสียใจเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าฉันจะได้เห็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อีกสักสองถึงสามครั้งซะอีก แต่หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง มันก็ยังไม่มีใครที่เริ่มต้นการท้าทายเลยสักคน”
“พูดถึงเรื่องนี้ นายตาเหยี่ยวคนนั้น อยากจะท้าทายหลี่ฟานมากไม่ใช่หรอ? ทำไมเขายังไม่เริ่มอีกล่ะ?”
โรเจอร์บ่นกับตัวเอง เขาไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่ในโลกใบนี้ ตอนนี้เขาเหลือเวลาอีกเพียงประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้น
ถ้าเขายังไม่ได้เห็นแม้แต่การต่อสู้สักครั้งเดียวภายในห้าชั่วโมงนี้ โรเจอร์ก็รู้สึกว่าตัวเขาอาจจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ที่จะกลับไปยังนรก
“เฮ้ เข้าหนูแชงค์ ทำไมนายไม่ไปท้าทายหลี่ฟาน และแสดงให้ฉันเห็นพลังของเขาสักหน่อยล่ะ?”
“ไม่ได้สิ! ม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพขั้นกลางเป็นสิ่งจำเป็นในการชุบชีวิตภรรยาของฉัน และมันก็ไม่สามารถเสี่ยงได้ ถึงแม้ว่านายจะสามารถเอาชนะหลี่ฟานได้ แต่อันดับของนายก็จะเปลี่ยนแปลงไป และไม่ได้รับของรางวัลในอันดับนี้อีกต่อไป”
“ใช่แล้ว ต้องให้เรย์ลี่เป็นคนท้าทายหลี่ฟาน!!” โรเจอร์กำหมัดด้วยมือขวา และเคาะลงไปที่ฝ่ามือซ้ายของเขา
“รองกัปตันเรย์ลี่จะไม่เห็นด้วยแน่นอน ถ้าเขาได้ยินคำพูดนี้ของคุณน่ะกัปตัน” แชงค์ยิ้มขึ้นพร้อมกับส่ายหัว
“แต่ฉันรู้จักคนอย่างตาเหยี่ยวเป็นอย่างดี”
“ผู้ชายคนนั้นพึ่งได้รับซันเงสึไป และเขาจะต้องท้าทายหลี่ฟานอีกครั้งอย่างแน่นอน”
“เหตุผลที่ตาเหยี่ยวยังไม่ได้ไปท้าทายหลี่ฟานในตอนนี้ มันก็อาจจะเป็นเพราะว่า เขาอาจจะยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของเขาก็ได้”
หลังจากที่ได้ฟังการวิเคราะห์ของแชงค์ โรเจอร์ก็เหลือบมองที่ข้อความในรายการทองคำ และมุมปากของเขาก็ผงะขึ้น
“จริงๆแล้ว นักดาบเหล่านี้คงกำลังต้องเตรียมการ และหารือเกี่ยวกับอะไรบางอย่างอยู่สินะ? ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กันด้วยคำพูด”
“แค่ตราบใดที่พวกเขายังไม่ตาย พวกเขาก็ยังสามารถที่จะทำการท้าทายต่อไปในภายหลังได้”
“สิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่มันฟังดูยิ่งใหญ่จริงๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อสู้จริง ฉันก็อยากรู้จริงๆว่า ฝีมือของพวกเขาจะยิ่งใหญ่เหมือนกับคำพูดไหม?”
“ใช่ครับ ทุกคนกำลังรอการท้าทายครั้งแรกๆจากนักดาบคนอื่นๆอยู่ เพื่อที่พวกเขาขจะสามารถได้รับข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับนักดาบในรายการทุกคนได้อย่างง่ายดาย” แชงค์ถอนหายใจ
…
“อาจารย์หลี่ฟาน ทำไมตอนนี้ ถึงไม่มีใครสักคนที่เริ่มต้นการท้าทายเลยล่ะ?” นามิถามหลี่ฟานด้วยความสงสัย
“นักดาบทั่วโลก คงกำลังรอให้เหล่านักดาบคนอื่นๆ เข้าไปท้าทายก่อนพงกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพลังของนักดาบที่อยู่ในรายการทองคำนะสิ” หลี่ฟานลูบผมที่นุ่มของนามิ และตอบข้อสงสัยของเธอ
“แม้ว่า [ อันดับนักดาบ ] นี้ จะจัดอันดับขึ้นโดยอิงจากข้อมูลของนักดาบแต่ล่ะคน แต่หากได้ลองทำการต่อสู้กันจริงๆ มันก็จำเป็นเสมอไปที่นักดาบที่มีอันดับสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ”
“อีกอย่างหนึ่ง หากพวกเขามีข้อมูลของคู่ต่อสู้เอาไว้มากๆ โอกาสที่จะได้รับชัยชนะก็จะยิ่งสูงมากขึ้น”
“แต่ถ้าพวกเขาเป็นคนที่เริ่มต้นการท้าทายตั้งแต่แรกๆ พวกเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะไม่รู้อะไรเลยก็ได้”
“ยังไงซะ ระยะเวลาการท้าทายก็คือหนึ่งเดือน การที่เหล่านักดาบทั่วโลกระมัดระวังตัวมากขึ้นแบบนี้ มันก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้”
นามิผู้ซึ่งถูกหลี่ฟานขยี้ผมอยู่ กำลังเหล่มองไปที่เขาด้วยสายตาเหมือนลูกแมว จากนั้นเธอพยักหน้าเล็กน้อย และพึมพำอะไรบางอย่างในปากของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์หลี่ฟาน เรามาเริ่มการฝึกกันก่อนดีไหม?”
“ตอนนี้ฉันอยู่ในอันดับที่ 5 เพราะงั้น ฉันคงจะไม่ถูกท้าทายในเร็วๆนี้หรอก”
หลี่ฟานลูบคางหลัง จากครุ่นคิดเล็กน้อยเขาก็ตอบเธอ
“ฉันสามารถเปิดห้องศักดิ์สิทธิ์ให้เธอเข้าไปฝึกฝนได้ แต่เธอจะสามารถเข้าไปใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“ถ้าเธอถูกขัดจังหวะ เธอก็อาจจะไม่สามารถเข้าไปฝึกได้อีกในภายหลัง”
“ก่อนหน้านี้ฉันกังวลว่า ในช่วงเวลาที่เธอกำลังฝึกอยู่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ มันอาจจะมีใครบางคนที่เข้ามาท้าทายเธอ และทำให้เธอเสียโอกาสที่จะฝึกฝนอยู่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ไป แต่ว่า… ฉันคงต้องเปลี่ยนความคิดนี้แล้วล่ะ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องมานั่งบนตักฉันเลย ฉันจะพาเธอไปที่ห้องศักดิ์สิทธิ์เพื่อเริ่มต้นการฝึกฝนเดี๋ยวนี้เลย” หลี่ฟานพูดขึ้น ในขณะที่ตบไปที่หลังของนามิ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลี่ฟาน นามิก็ลุกออกจากตักของหลี่ฟานอย่างไม่เต็มใจ และยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างเชื่อฟัง
…