Chapter 6: ถูกขายไปแนวหน้า 1
“เจ้ายอมเชื่อฟังแบบนี้ก็ดี” โจชัวพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“มีอะไรอีกรึเปล่าครับ ท่านพ่อ?” วัลถามอย่างใจเย็น เหมือนกับว่าการสูญเสียสถานะและการถูกพ่อทรยศนั้นไม่ได้กระทบกระเทือนเขาเลย!
“อืม มี เจ้าจะถูกส่งไปที่ชายแดนทางตอนเหนือช่วงสิ้นเดือนนี้” โจชัวเผย “เพราะฉะนั้น ข้าว่าช่วงนี้เจ้าควรเริ่มจัดกระเป๋าเตรียมตัวได้แล้ว”
อาณาจักรวิคตอเรียแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ได้แก่เขตชั้นนอก, เขตชั้นใน, และเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกใช้เป็นที่พำนักของจักรพรรดินีและราชวงศ์ ส่วนเขตชั้นในถือเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับมนุษย์ในเอลดริชเพราะไม่มีดันเจี้ยนอยู่ใกล้ๆ ในอีกด้านหนึ่ง เขตนอกนั้นจะกระจัดกระจายไปด้วยฐานที่มั่นต่างๆ ในขณะที่มีทุ่งรกร้างทอดยาวระหว่างฐานที่มั่นเหล่านี้ที่แฝงไปด้วยดันเจี้ยนแสนอันตรายมากไป
อาณาจักรนี้มีปัญหาอยู่ไม่ใช่น้อย
จักรวรรดิ์ดูร์กาลที่เต็มไปด้วยปีศาจนั้นคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรวิคตอเรีย
ชายแดนเหนือรับหน้าที่เป็นด่านหน้าและเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดต่อศัตรูที่น่าเกรงขามนี้
การปะทะกันของสองขุมกำลังนี้ถือเป็นเรื่องปกติในภูมิภาคนั้น
มันคือสถานที่อันตรายซึ่งการตายของพวกปกตินั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป
โจชัวไม่รู้ว่าวัลกลายเป็นผู้ใช้สายเลือดแล้ว ในสายตาของเขา วัลยังเป็นพวกปกติ แต่เขาก็ยังส่งวัลไปที่ชายแดนเหนือ เห็นได้ชัดว่าเขาโหดร้ายถึงขนาดที่กล้าส่งลูกแท้ๆ ของตัวเองไปหาความตาย!
“นี่ท่านกำลังบอกให้ข้าไปตายสินะ!”
วัลตะคอกกลับ!
“ถ้าพวกปกติอย่างข้าไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่รอถูกฆ่า ท่านกำลังส่งข้าไปหาความตาย ท่านพ่อ นี่ท่านทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร!?”
ในความเป็นจริงนั้น วัลที่เพิ่งได้รับทักษะใหม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นผู้ใช้สายเลือด และผู้ใช้สายเลือดก็สามารถเอาตัวรอดได้แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายอย่างแนวหน้า แน่นอนว่า ไวท์มอร์อาจจะมีอำนาจในฐานที่มั่นไอรอนสไปร์ แต่พวกเขาไม่สามารถอวดเบ่งได้ที่ชายแดน ในที่แห่งนั้น วัลสามารถใช้ทักษะสายเลือดของเขาได้อย่างเต็มที่!
สำหรับคนอย่างเขา การเอาตัวรอดในชายแดนเหนือไม่ได้เป็นการต่อสู้ที่อันตรายอย่างที่เขาว่ากัน
อันที่จริงการที่เขาพูดไปแบบนั้นมันมีสาเหตุอยู่ เขาอยากจะวัดดูว่าตัวเขานั้นมีพื้นที่อยู่ในใจของพ่อเขามากแค่ไหน และจากคำตอบที่กำลังจะตามมา เขาก็พร้อมที่จะละทิ้งเศษเสี้ยวความกตัญญูส่วนสุดท้ายที่เขายังเหลืออยู่ให้พ่อของเขา
โจชัวเป็นตัวตนที่พิเศษในใจของวัลจริงๆ
การจะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขาให้มากขึ้น ก็คงจะต้องรู้ถึงอดีตของพวกเขา
โจชัวได้พบเจอกับผู้หญิงได้รับบาดเจ็บนอนหมดสติอยู่คนหนึ่งในระหว่างที่เขาเดินทางกลับบ้านผ่านแดนรกร้าง ในสมัยนั้นยังไม่มีรถไฟในเขตชั้นนอก สามารถเดินทางได้แค่ทางเท้าหรือรถม้าเท่านั้น แต่ผู้ใช้สายเลือดไวกว่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะเดินทางเท้ามากกว่าในสถานการณ์ที่เร่งด่วน
เขาพาเธอมาที่บ้านและช่วยชีวิตของเธอเอาไว้
หลังจากพักฟื้นจนดีขึ้นแล้ว เธอต้องการจะจากไป แต่โจชัวบังคับให้เธออยู่ต่อ ในตอนที่เธอขัดขืน เขาได้ใช้กำลังกับเธอ
ซึ่งวัลก็คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดนั้น—การข่มขืน แม่ไม่ได้รังเกียจเขาโดยไร้สาเหตุ เพราะเขาคือสิ่งที่คอยกระตุ้นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของเธอ
เธอ ผู้หญิงที่งดงามหาที่ใดเปรียบได้ถูกลดบทบาทให้กลายเป็นแม่พันธุ์ผลิตลูกและถูกกักขังเอาไว้ในรั้วคฤหาสน์ราวกับสัตว์เลี้ยง เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะเสียสติ
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเห็นวัล เธอก็จะระบายความโกรธใส่เขาด้วยถ้อยคำด่าทอต่างๆ
อย่างไรก็ตาม วัลคือวิญญาณร้ายในร่างของเด็ก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจเธอ เขาไม่รู้ว่าจะแสดงความสงสารกับเธออย่างไรดี ถึงยังไง ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน
แต่ถึงอย่างไร เขาก็รู้ว่าคนที่ผิดคือพ่อของเขา
ในวันหนึ่ง เมื่อแม่ได้อ้อนวอนกับเขา เขาก็ได้ทำการตัดสินใจที่กล้าหาญด้วยการปล่อยเธอเป็นอิสระ ซึ่งเธอก็ได้หนีไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมา ทิ้งเอาไว้แค่หนังสือสีดำเล่มเก่าๆ ในมือของเขา
จากการมอบอิสระให้เธอ วัลได้รับบทลงโทษที่รุนแรง
เขารู้ว่าจะถูกลงโทษจากการช่วยเหลือเธอ แต่เขาก็ยังช่วยเธอ เพราะมันคือการชดใช้ให้กับเธอจากการมอบโอกาสที่สองให้เขาได้ใช้ชีวิต เธอสามารถพยายามฆ่าทารกตอนที่อยู่ในครรภ์ได้ เธอสามารถทำร้ายเขา เธอสามารถปฏิเสธการให้นมเขาได้ แต่เธอไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลย หลังจากถูกทรมานทางร่างกายมานานหลายปี เธอกล้าทำมากที่สุดก็แค่ดุด่าเขา และคำด่าทอของเธอก็ค่อนข้างน่าเอ็นดูด้วย เธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีด่าทออย่างเหมาะสม บางทีเธออาจจะทำให้จิตใจของวัลหวั่นไหวได้สำเร็จหรือไม่ก็เขาทนความโง่ของเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้วก็เลยช่วยเธอหนี
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรไม่ว่าจะถูกลงโทษแบบไหน มันไม่ได้สำคัญเลย
แม้ว่าเขาจะถูกจับไปต้มทั้งเป็น เขาก็คงแค่หาวและตายไป
ในวัยหกขวบ เขาได้ทนกับการถูกฟาดและถูกขังเอาไว้ในกรงโดยที่ไม่ได้รับอาหารใดๆ เขาเกือบจะหิวตายไปแล้วก่อนที่พ่อจะยอมปล่อยเขาออกมาในที่สุด
แม่ของวัลหลุดรอดเงื้อมมือของเขาไปได้
แต่ความเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นผู้ใช้สายเลือดมากพรสวรรค์ ทำให้โจชัวไม่สามารถปล่อยเขาตามไปด้วยได้
จากนั้นสิบปีต่อมา ชายคนนี้ก็ให้อาหารเขา มอบเครื่องแต่งกายให้เขา และแม้กระทั่งสั่งสอนเขา วัลได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากเขา ซึ่งโจชัวก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของวัลตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก เขาถึงกับเรียกนักบวชประจำของไวท์มอร์มารักษาวัลด้วย ในตอนที่ล้มเหลว เขาก็ได้สอนวัลถึงศิลปะการแสดงอารมณ์ มันต้องขอบคุณเขาวัลถึงสามารถแกล้งแสดงอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหลอกพวกที่อยู่รอบตัวเขาให้คิดว่าเขาเหมือนคนปกติได้ แต่ว่าเขาไม่ใช่ เขาแตกต่าง แต่เพราะการแสดงที่สมบูรณ์แบบของเขา จึงไม่มีใครจับสังเกตได้จนถึงตอนนี้ เว้นแต่ตัวเขาเองและพ่อของเขา ไม่มีใครรู้ว่าวัลคือสัตว์ประหลาดที่ไร้ความรู้สึกและบกพร่องทางการแสดงอารมณ์
เขาไม่มีพ่อในชีวิตก่อน แต่โจชัวก็ได้ทำให้เขาได้รู้ถึงความเลวร้ายและความยอดเยี่ยมในการมีบุคคลที่เรียกว่าพ่อในชีวิต
นี่คือสาเหตุที่ถึงแม้เขาจะได้พบเจอกับเรื่องต่างๆ มาจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังมีเศษเสี้ยวความกตัญญูหลงเหลือให้แก่พ่อของเขา ความพยายามทั้งหมดของโจชัวทำให้เขาได้รับสิ่งนี้มา แต่มันก็อาจจะหายไปขึ้นอยู่กับว่าคำตอบของเขาจะเป็นเช่นไร!