Chapter 5: ประกาศจากหัวหน้าพ่อบ้าน!
‘แต่ว่ามันคงจะใช้เวลาซักหน่อย’
นักบวชมีตำแหน่งที่ได้รับความเคารพเป็นอย่างมากในตระกูลไวท์มอร์ ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่วัลจะกล่าวหาเขาอย่างเปิดเผย การใช้คำพูดเพียงอย่างเดียวอาจถูกมองว่าเป็นแค่การดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง มีแต่จะทำให้ตัวเขาถูกลงโทษ สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ก็คือหลักฐานที่จับต้องได้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม เขาก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับนักบวชหรือกระทำการใดๆ กับเขาได้
แต่ถ้าเกิดนักบวชทำตามแผนอย่างแยบยลและไม่มีหลักฐานเหลืออยู่ละ? วัลมีพรสวรรค์ในการสร้าง “หลักฐาน” ขึ้นมาเมื่อถึงยามจำเป็น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจุดจบของนักบวชกำลังใกล้เข้ามา เพราะวัลตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเปิดโปงการกระทำอันหลอกลวงและเอาชีวิตของเขาต่อหน้าฝูงชน!
‘ไอ้นักบวชโง่! คนทรยศอย่างแกไม่ได้ลอยนวลไปง่ายๆ แน่!’
ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้นักบวชตายอย่างไร
มันจะเป็นการประหารต่อหน้าสาธารณชน!
ตึง ตึง ตึง!
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูอย่างแรงก็ดังขึ้น ดึงวัลออกมาจากความคิดอันแสนชั่วร้ายของเขา
“นั่นใคร?” วัลถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรำคาญและความสงสัย
“ข้าเองครับ นายน้อย” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
โดยไร้ซึ่งความลังเล วัลก็เปิดประตูออกเผยให้เห็นร่างที่น่าเคารพยำเกรงของเรจินัลด์ แอชเวิร์ธ หัวหน้าพ่อบ้านที่น่านับถือของตระกูลไวท์มอร์
เรจินัลด์มีหน้าตาที่คมเข้ม ซึ่งถูกเสริมด้วยโหนกแก้มสูงและรูปกรามที่แข็งแรง
แค่ยืนตรงเฉยๆ เขาก็แผ่กลิ่นอายที่ทรงอำนาจออกมาแล้ว
ด้วยผมสีดำทรงสลิคแบคและดวงตาสีเทาที่เฉียบคมได้ยิ่งเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามของเขา และเขาก็ถือเป็นตัวอย่างที่ถูกต้องในด้านของแก่นแท้ความเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงด้วยชุดสูทสีดำที่สั่งตัดมาอย่างประณีต เสื้อเชิ๊ตสีขาวเรียบหรู และเนคไทสีดำขลับ
สุดท้ายนี้ สิ่งที่แสดงอยู่อย่างชัดเจนบนปกคอเสื้อของเขาก็คือตราสัญลักษณ์อันโดดเด่นของตระกูลไวท์มอร์—ตราเงินที่สลักเป็นรูปกวางมีเขา
หลังจากที่ประตูเปิดออก เรจินัลด์ก็มองเห็นสภาพห้องของวัลที่เละเทะไปหมด และความตกใจก็เผยออกมาบนใบหน้าของเขา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับนายน้อย? ทำไมห้องของท่านถึงเละเทะขนาดนี้?” เขาถาม
วัลยักไหล่ราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในขณะที่ตอบกลับ “พอดีมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาสองตัวก็เลยให้การดูแลไปน่ะ”
“แขกไม่ได้รับเชิญหรือครับ? นี่ท่านทำอะไรกับพวกเขากันแน่?” เรจินัลด์ถาม
“ใช้เศษไม้แทงตายไปตัวนึง ส่วนอีกตัวพอเห็นคู่หูตายก็กลัวจนหนีหางจุกตูดไปละ” วัลตอบกลับพร้อมยักไหล่เหมือนกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
จากการอธิบายที่เฉยเมยของวัลที่บอกว่า “แทงตายไปตัว” เรจินัลด์ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าแขกที่พูดถึงนี้ก็คือปีศาจ!
ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนแทบจะใหญ่เท่ากับจานรอง!
“การจะจัดการกับปีศาจโดยไม่ใช้พลังพิเศษนี่มัน....ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะครับนายน้อย ท่านแข็งแกร่งและรวดเร็วกว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกับท่าน คนที่มีพรสวรรค์มากมายคงจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร่างกายของท่าน ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ท่านไม่ใช่ผู้ใช้สายเลือด แต่พอนึกถึงความเป็นไปได้แล้ว...”
“ข้ามเรื่องไร้สาระไปเถอะ ที่เจ้ามาหาข้าในเวลาที่ไม่สมควรแบบนี้มีอะไรกันแน่?” วัลพูดขัด
“นายท่านต้องการพบนายน้อยครับ” พ่อบ้านตอบกลับ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเคร่งขรึม
มีแค่คนเดียวที่เรจินัลด์จะเรียกว่า “นายท่าน” และคนๆ นั้นก็คือหัวหน้าตระกูลไวท์มอร์และเป็นพ่อของวัลด้วย
วัลรู้ดีว่าไม่ควรให้พ่อของเขารอ ดังนั้นเขาจึงตอบในทันที “ก็ดี ถ้างั้นนำทางไปเถอะ”
วัลเดินตามพ่อบ้านไปติดๆ ในตอนที่เขาพาไปถึงห้องทำงาน พ่อบ้านก็เปิดประตูออกและพูดกับวัล
“เชิญครับนายน้อย” พ่อบ้านพูดอย่างใจดี
“ขอบใจ” วัลตอบกลับด้วยรอยยิ้มและก้าวเข้าไปในห้องทำงาน
ห้องทำงานนั้นเต็มไปด้วยชั้นหนังสือทอดยาวจากพื้นไปจนถึงเพดาน แสดงให้เห็นหนังสือหลากสีสันในรูปร่างและขนาดต่างๆ และด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างสูงเข้ามา ทำให้เกิดแสงที่อบอุ่นและน่าดึงดูดบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีที่ขัดจนเงาวับอยู่กลางห้อง
คนที่นั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะคือพ่อของวัล ชายผู้ที่มีรูปลักษณ์ห่างไกลจากคำว่าน่าดึงดูด
ฟันของเขาเหยินและเป็นคราบเหลือง โผล่ออกมาจากใต้หนวดที่เล็มอย่างเรียบร้อย และแว่นตาก็เอียงตกลงมาบนจมูกของเขา เหมือนกับออกแบบมาเพื่อดวงตาแค่ข้างเดียว
นอกจากสีผมและสีตาแล้ว วัลไม่มีอะไรคล้ายกับพ่อของเขาเลย นี่คือสาเหตุที่เห็นได้ชัดว่าหน้าตาที่หล่อเหลาของวัลนั้นเป็นของขวัญจากแม่ของเขา
“นั่งสิ” โจชัวเชื้อเชิญด้วยการผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามจากฝั่งของเขา
วัลยอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่เสนอให้
“เอาล่ะ เจ้าคงพอเดาได้สินะว่าทำไมข้าถึงเรียกเจ้ามาเป็นการด่วน?” โจชัวถาม
“พูดตามตรง ข้าไม่รู้ครับ” วัลส่ายหัว คิ้วของเขาย่นลงเล็กน้อย
โจชัวโน้มตัวเข้ามาข้างหน้า ดวงตาของเขาไม่กะพริบและจ้องเขม็ง จากนั้นเขาก็ถามคำถามที่กระตุ้นความทรงจำที่อยู่เบื้องลึกที่สุดของวัล
“แล้วเจ้าพอนึกออกรึเปล่าว่าทำไมข้าถึงเปลี่ยนชื่อเจ้าเป็นวัลในตอนที่เจ้าอายุแค่สามขวบ?”
สติของวัลย้อนกลับไปช่วงสมัยเขายังเด็ก และนึกได้ว่าแต่เดิมนั้นแม่ตั้งชื่อให้เขาว่า “สัตว์ประหลาด” ซึ่งมันก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวัลโดยพ่อของเขาก็หลังจากที่เขาได้ใช้ความพยายามในการที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นจากคนอื่น เดินและพูดได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่ยังเด็กมากๆ และก้าวข้ามเพื่อนในวัยใกล้เคียงกันในทุกๆ ด้าน
“ท่านใฝ่ฝันที่จะกลายเป็นผู้สร้างราชา” วัลตอบกลับ “และเห็นแววของราชาในตัวข้า ดังนั้นท่านก็เลยตั้งชื่อข้าตามราชาวาเลเรียสซึ่งเป็นราชาองค์แรกของอาณาจักร”
“แต่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้เป็นคนโดดเด่นเหมือนที่ข้าหวังเอาไว้ ข้ามองไม่เห็นอีกแล้วว่าโชคชะตานั้นจะประสบผลได้อย่างไร” โจชัวพูดตามตรง ความผิดหวังแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา “ดังนั้น ข้าจะริบชื่อของเจ้าคืนและยกเลิกสิทธิพิเศษที่เจ้าเคยได้รับจากการเป็นนายน้อยลำดับสองของตระกูลไวท์มอร์”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อด้วยสายตาที่แน่วแน่ “นับจากนี้ไป เจ้าถูกห้ามให้ใช้ชื่อวัล และจะต้องกลับไปใช้ชื่อที่แม่ของเจ้าตั้งให้แทน เข้าใจไหม?”
“ในเมื่อท่านอยากได้คืน ข้าเป็นใครจะไปปฏิเสธท่านล่ะ?” วัลที่ตอนนี้จะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดอีกครั้งพยักหน้ารับทราบ
แม้มันอาจจะดูเหมือนว่าวัลจะได้รับอะไรมากมายจากการทำตัวมั่นใจและมุ่งมั่นนั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ
โจชัวไม่ได้แค่เป็นพ่อที่ห่วยแตกคนหนึ่งแต่เขายังเป็นคนน่าสงสัยและไร้ศีลธรรมที่มือเคยเปื้อนเลือดคนบริสุทธิ์มามากมาย เขาไม่ได้คว้าตำแหน่งผู้ปกครองฐานที่มั่นไอรอนสไปร์มาอย่างใสสะอาด นอกจากนี้เขายังกำจัดผู้คนไปนับไม่ถ้วนอย่างไร้ความปรานีเพื่อสร้างอำนาจให้ตระกูลไวท์มอร์
เรื่องอย่างการขโมยความดีความชอบของลูกชายนั้นคนอย่างเขาคงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
นี่คือสาเหตุที่วัลเลือกที่จะเงียบเพื่อปกป้องตัวเองและเก็บงำข้อมูลทั้งหมดที่เขาพึ่งประสบมาไม่นานนี้
แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะซ่อนพลังของเขาไว้นานนัก
เขามีวิธีการที่จะหลอกโจชัวให้เชื่อว่าเขาถูกปลุกสายเลือดของไวท์มอร์แล้ว แต่ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพละกำลังทางร่างกายก่อนเพื่อที่จะทำให้แผนการนั้นบรรลุผล
ในส่วนของวิธีการนั้นเขาได้คิดแผนเอาไว้แล้ว!
เขาก็แค่จำเป็นต้องปฏิบัติตามนั้น
แต่ในขณะที่เรื่องดูเหมือนจะเป็นไปตามที่หวังนั้น เขาก็ถูกขัด!