Chapter 3: ต่อกรปีศาจ!
ร่างที่สลักมาจากความมืดบริสุทธิ์ยืนอยู่เบื้องหน้าวัล วี ไวท์มอร์ ที่ส่วนปลายของมันสะบัดไปมาเหมือนกับหมึกที่ถูกหยดลงไปในน้ำ แขนทั้งสองข้างของมันคมกริบเหมือนกับเคียวของยมทูต และเปล่งแสงชั่วร้ายภายใต้ตะเกียงสีแดงน่าขนลุก
วัลพึมพำออกมาด้วยความที่เขารู้จักเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ “ปีศาจเงาสินะ?”
ปีศาจเกิดมาจากความวุ่นวายและความคิดเชิงลบที่ท่วมท้นเอลดริช พวกมันดูดกลืนพลังชีวิตเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จนในที่สุดพวกมันก็จะวิวัฒนาการจนมีตัวตนที่สามารถทำอันตรายกับร่างกายภาพได้ พวกคนธรรมดาหวาดกลัวกับการพบเจอเช่นนี้ เพราะความตายของพวกเขาเป็นสิ่งแน่นอนเมื่อได้ประสบกับมัน
“เข้าใจล่ะ แกเองสินะ ข้าต้องเอาตัวรอดจากแกให้ได้เป็นเวลา 5 นาที” วัล พึมพำและสังเกตเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยคุกคามนี้
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเอง ความเงียบในห้องก็ถูกทำลายลงด้วยการโจมตีอย่างกะทันหันของเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดุจนักล่า ของมันทำให้ร่างเบลอเหมือนแสงสลัวในขณะที่มันพุ่งเข้าใส่วัล แม้ว่าจะเป็นการโจมตีอย่างกะทันหัน สติที่เยือกเย็นของวัลก็ไม่ได้หวั่นไหว ร่างกายของเขาขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด และหลบการโจมตีถึงตายได้อย่างทันท่วงที
‘เกือบไปแล้วสิ’ วัลคิดพร้อมกับสัมผัสได้ถึงแรงลมจากการโจมตีของเจ้าสิ่งมีชีวิตในขณะที่เขากระโดดหลบไปข้างหลัง และรอดตายไปได้แค่ไม่กี่นิ้ว
พวกปกติคงจะจบเห่แล้วถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา อย่างไรก็ตาม แทนที่จะรู้สึกกลัว อะดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่านในตัวเขา และทำให้เขามีสมาธิเพิ่มขึ้นไปอีก
ด้วยนิสัยของวัลทำให้เขาแตกต่างจากพวกปกติ การตายด้านเรื่องความกลัว แม้จะไม่ปกติ แต่ก็มีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยเช่นนี้ ในขณะที่คนอื่นคงจะตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว วัลยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ ด้วยสมองที่ปลอดโปร่งและสมาธิที่มั่นคงทำให้เขามีข้อได้เปรียบที่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพวกปกติหรือผู้ใช้สายเลือดทำได้แค่ฝันถึง
“เหมือนเจ้าจะมีอะไรแปลกๆ นะ ข้าสัมผัสได้ถึงร่องรอยบางอย่างอันน่าคุ้นเคยจากเจ้า มันแทบจะเหมือนว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจที่สวมหนังมนุษย์” ปีศาจเงาชั่วร้ายพูดขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะสัมผัสได้ถึงความไม่ลงรอยบางอย่างในตัวตนของวัล
“แม่ของข้ายังพูดจาโหดร้ายกว่าอีก” วัลตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เธอบอกว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาดตั้งแต่ตอนที่ข้ายังอายุแค่สามขวบเอง”
“จะเป็นปีศาจหรือไม่ วันนี้เจ้าก็จะถูกพวกข้าล่าอยู่ดี ความตายของเจ้าคือสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง” ปีศาจเงาประกาศกร้าว แต่ละคำที่พูดออกมาเปี่ยมไปด้วยการคุกคามอย่างเปิดเผย
วัลจ้องมองปีศาจก่อนจะหันไปหาประตูที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด จากการวิเคราะห์บทสนทนาที่รวบรวมมา เขาก็สันนิษฐานได้ว่ามันไม่ได้มีปีศาจตัวเดียวแต่เป็นปีศาจสองตัวที่มาไล่ล่าเขา
สายตาของเขาเบิกกว้างจากสิ่งที่ได้รับรู้ “อา เจ้าต้องเป็นคู่หูจอมฉาวโฉ่ที่สร้างความวุ่นวายในฐานที่มั่นของเราแน่ๆ”
“เดาเก่งนี่ ทีนี้ก็ตายซะ!”
ปีศาจเงาไม่ได้หยุดลงแม้ว่าวัลจะหลบได้ มันทำการโจมตีต่อ การโจมตีอย่างไม่ลดละของมันแทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้เขาหลบเลย อย่างไรก็ตาม วัลเผชิญหน้ากับการโจมตีแต่ละครั้งด้วยการหลบหลีกที่พลิ้วไหวและงดงาม การเคลื่อนไหวของเขานั้นลื่นไหลเหมือนกับนักเต้นมืออาชีพ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกในการหนีของเขาค่อยๆ ถูกจำกัดในทุกเวลาที่ผ่านไป และไม่นานนักเขาก็รู้สึกตัวว่าหลังของเขาพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะ การล่าถอยของเขาถูกขัดขวาง ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่กำลังใกล้เข้ามา
‘มันน่าจะใช้เป็นอาวุธได้นะ’
วัลประเมินสถานการณ์ และตระหนักได้ว่าเก้าอี้สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เขาเอามือคว้าพนักเก้าอี้
ด้วยเก้าอี้ข้างหลังเขาและมือที่อยู่นอกระยะสายตา ปีศาจเงายังคงไม่ทันสังเกตเห็นแผนการของเขา วัลกำลังอดทนรอ รอช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบในการตอบโต้กลับ
การมองเห็นคือความเชื่อ ปีศาจเงามั่นใจว่าเหยื่อติดกับแล้ว มันพุ่งเข้าหาวัลอีกครั้ง แขนที่คมกริบของมันพร้อมที่จะปลิดชีพแล้ว อย่างไรก็ตาม วัลทำการเคลื่อนไหวก่อนที่มันจะพุ่งไปถึงเขาด้วยซ้ำ เขาเหวี่ยงเก้าอี้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แรงเหวี่ยงถูกเสริมขึ้นด้วยพลังกายทั้งหมดของเขา
เก้าอี้ตัวนี้ทำขึ้นมาจากต้นไม้ต้องสาปที่มีความหนากว่าไม้ทั่วๆ ไปถึง 20 เท่า มันหนักมากจนถ้าเกิดวัลมีร่างกายที่อ่อนแอเขาคงไม่สามารถขยับมันได้เลยด้วยซ้ำ!
ผลัวะ!
เสียงฟาดดังก้องไปทั่วห้องในขณะที่เก้าอี้ปะทะกับรูปร่างอันแปลกประหลาดของปีศาจ
“อั๊กก!”
เจ้าสิ่งมีชีวิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่มันถูกฟาดหงายไปกับพื้น มันกำลังดิ้นพล่านอยู่ในขณะที่เงาร่างของวาร์ลเข้ามาเหนือมัน
“แกหาเรื่องผิดคนแล้ว”
ผลัวะ! ผลัก! ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊กก!
วาร์ลทำการโจมตีต่อด้วยการฟาดเก้าอี้ใส่เจ้าสิ่งมีชีวิตไม่ยั้ง เศษไม้กระจัดกระจายไปทั่วห้องพร้อมๆ กับเสียงร้องของเจ้าสิ่งมีชีวิตในขณะที่วาร์ลกระหน่ำฟาดปีศาจเงาอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ปล่อยโอกาสให้พักฟื้นหรือตอบโต้กลับ เขาฟาดจนมันแน่นิ่งไร้ความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม เก้าอี้พังไปแล้วเพราะการโจมตีที่รุนแรงของวาร์ล และเหลืออยู่แค่เศษไม้ในมือของเขา
ปีศาจเงาสัมผัสได้ว่าวัลเสียอาวุธไปแล้ว มันรวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่เตรียมพร้อมที่จะสวนกลับด้วยช่องว่างนี้ แต่วัลได้ทำในสิ่งที่มันต้องสั่นสะท้าน
ฉัวะ!
เสียงเนื้อถูกเจาะดังออกมาในขณะวัลใช้เศษที่เหลืออยู่ของเก้าอี้แทงร่างปีศาจเงาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ดึงเศษออกมาแล้วแทงกลับเข้าไปอีก วงจรอุบาทว์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งร่างปีศาจเงาเละเป็นเศษสีดำๆ ที่ดูน่าสะอิดสะเอียน
“ดูเหมือนที่เรียนมาจากโรงเรียนจะเป็นความจริงสินะ ปีศาจเงาสามารถถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายถ้าพวกมันถูกแทง” วัลพึมพำในขณะที่มองศัตรูหายไปด้วยสายตาที่เฉยเมย
อย่างไรก็ตามชัยชนะที่ได้ก็แลกมาด้วยผลกระทบ ร่างของวัลชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกจนแนบสนิทกับร่างกาย และผมของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอออกมา การแสดงความอ่อนไหวนั้นอาจร้ายแรงได้ถึงชีวิตเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าศัตรู!
วัลค่อยๆ หันไปมองประตูที่อาบไปด้วยเลือดอย่างช้าๆ
“ต่อไปตาแก”
เขาขู่อย่างคุกคาม
ราวกับกำลังตอบสนองต่อคำประกาศกร้าวของเขา เลือดที่ละเลงอยู่ทั่วประตูกระจายออกอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงที่ส่งเค้าลางโชคร้ายของตะเกียงเริ่มเบาบางและห้องก็กลับสู่สภาพปกติ
วัลมองดูในขณะที่ปีศาจเลือดที่น่ายำเกรงซึ่งมาที่นี่เพื่อหลอกหลอนเขาพร้อมกับปีศาจเงากำลังหนีไปอย่างเร่งรีบ เขาคิดว่ามันคงเป็นปีศาจพึ่งเกิดที่ยังอ่อนประสบการณ์ ขาดความสามารถทั้งการรุกและการรับ มันมีแค่ความสามารถในการขู่ให้กลัวและวางกับดักทางจิตใจ นี่คือสาเหตุที่สิ่งแรกที่มันทำหลังจากที่พรรคพวกอันแข็งแกร่งพ่ายแพ้ไปคือการหนี
‘โชคดีไปนะไอ้ปีศาจ’
เขาไม่ได้ไล่ตามเนื่องจากเขารู้ดีว่าไม่สามารถตามมันทันได้