1173 - สู้เพียงลำพัง
1173 - สู้เพียงลำพัง
วังที่สร้างด้วยหยกห้าสีเรียงต่อกันลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเปล่งแสงจางๆ
ในขณะนี้เสาพลังศักดิ์สิทธิ์ของยอดฝีมือหลายสิบคนปรากฏขึ้นยามค่ำคืนและทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน
เย่ฟ่านรู้ดีว่าเขาไม่มีทางต่อสู้กับคนเหล่านี้เพียงคนเดียวได้ ดังนั้นเขาจึงใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบพกพาเปิดประตูมิติออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในขณะที่ประตูมิติถูกสร้างขึ้นมันก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนปิดกั้นสถานที่แห่งนี้โดยไม่อนุญาตให้เขาหลบหนีอย่างจงใจ
เย่ฟ่านตกตะลึง ชายชราคนนี้มีจิตใจชั่วร้ายอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาเป็นผู้สืบทอดของสวรรค์ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นด้วยว่าเขามีคุณสมบัตินั้น
ท้องฟ้าและเส้นทางทั้งหมดถูกปิดกั้น เย่ฟ่านรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุดเขากัดฟันและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดจะเอาแบบนี้จริงๆ!”
ฉีลั่วยิ้มและไม่กล่าวอะไร
ในขณะที่นักพรตเปาจื่อตกตะลึงโดยไม่คิดเลยว่าปู่ของเขาจะเล่นไม้นี้
เย่ฟ่านพุ่งออกจากวังสวรรค์และออกวิ่งด้วยความเร็วสูง เขาจำเป็นต้องปลีกตัวออกจากสถานที่แห่งนี้ชั่วคราวไม่เช่นนั้นเขาจะตกเป็นเป้ารุมของยอดฝีมือหลายสิบคน
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเจ้าจะไปไหน ลู่ตงฟาจากเผ่าเทียนอวี่อยู่ที่นี่!”
ด้านหน้าเขาชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เบื้องหลังของเขามีปีกอีกาห้าสิบสี่คู่กำลังโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว
“ก่อนหน้านี้เจ้าดูหมิ่นบรรพชนของข้า วันนี้ข้ามาเพื่อล้างแค้นแล้ว!”
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ไม่ว่าเจ้าจะมองอย่างไรสิ่งมีชีวิตโบราณตนนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรจากเทวทูตตกสวรรค์ตามคัมภีร์ไบเบิลที่เขาเคยได้ยิน
เขารู้ว่านี่คือความแค้นที่ต้วนเต๋อสร้างขึ้น ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นต้วนเต๋อได้เอาร่างของเขาไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรบ้าง
“เฉียง”
ปีกห้าสิบสี่คู่ด้านหลังลู่ตงฟาสั่นราวกับกระบี่ และทันใดนั้นปราณอสูรก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาต่อมาสายฟ้าสีเลือดได้ฟาดเข้าหาเย่ฟ่านด้วยพลังทำลายล้างที่ไร้ขอบเขต
สิ่งที่เย่ฟ่านหวาดกลัวน้อยที่สุดในโลกนั้นก็คือสายฟ้านี่เอง ทันทีที่มองเห็นสายฟ้าสีเลือดตกลงมากำปั้นที่แข็งแกร่งของเย่ฟ่านก็กระแทกออกไปและทำให้สายฟ้ากระเด็นไปในทิศทางอื่น
“มออออ...”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นราวกับเสียงคำรามของวัวสวรรค์ กำแพงของเมืองศักดิ์สิทธิ์สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
จากนั้นราชากระทิงที่มีเส้นขนสีดำปกคลุมอย่างแน่นหนาก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า ในมือของเขาถือตรีศูลอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านราวกับก้อนเมฆสีดำ
“ปัง”
ความว่างเปล่ากำลังสั่นไหว ความเร็วของเขาน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง หลังจากเย่ฟ่านโจมตีสายฟ้าสีเลือดออกไปแล้วเขาก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของเย่ฟ่านทันที
“อสูรกระทิงหนิวอี้มาที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่ได้ชื่อว่ามีร่างกายแข็งแกร่งที่สุด!”
เขาคำราม ปราณโลหิตของเขาโหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องฟ้า ความแข็งแกร่งของอสูรผู้นี้ยากที่ใครจะปราบปรามได้
“บูม”
จากนั้นร่างที่กำยำของวัวกระทิงสีดำก็ปะทะกับเย่ฟ่านอย่างตรงไปตรงมา การต่อสู้ของพวกเขาทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนราวกับดวงดาวโบราณสองดวงพุ่งชนกัน
ปัง!
หนิวอี้ถูกเตะกระเด็นลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งทางร่างกายของเย่ฟ่านได้
“มออออ...”
ปัง!
เย่ฟ่านเหยียบย่ำแขนข้างที่ถือตรีศูลของหนิวอี้จนแหลกละเอียด
หนิวอี้กระอักเลือดคำใหญ่ เขาข้างหนึ่งของเขาหักสะบั้น ในขณะที่แขนก็ถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ อย่างไรก็ตามเขายังส่งเสียงคำรามอีกครั้งและรีบหลบหนีจากสนามรบด้วยความหวาดกลัว
“ตามที่คาดไว้ ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ แม้แต่อสูรกระทิงที่ทรงพลังในหมู่เผ่าพันธุ์โบราณยังไม่อาจเปรียบเทียบความเข้มแข็งทางร่างกายกับเขาได้” ลู่ตงฟาแห่งเผ่าเทียนอวี่กล่าวด้วยความหวาดหวั่น
เย่ฟ่านไม่หยุด เขาเคลื่อนไหวด้วยทักษะซิงจื่อและไล่ตามหนิวอี้แห่งเผ่าอสูรกระทิงไปอย่างรวดเร็ว ในครั้งนี้หากเขาไม่แสดงความโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดมันจะมีคู่ต่อสู้หลั่งไหลออกมาท้าทายเขาไม่หยุดหย่อน
ดังนั้นเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเขาจำเป็นต้องฆ่าหนิวอี้ซึ่งเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งด้วยการโจมตีที่โหดร้ายและดุดัน
“มออออ!”
ทันใดนั้นหนิวอี้ก็ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ คลื่นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวนั้นกวาดเข้าหาเย่ฟ่านราวกับพายุ
ในเวลาเดียวกันได้มียอดฝีมืออีกสามคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาลงมือด้วยความเร็วอย่างยิ่งโดยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการฆ่าเย่ฟ่านโดยไม่สนใจวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น
“ฮึ่ม!”
เย่ฟ่านแค่เสียงอย่างเย็นชา ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับโจมตีออกไปด้วยหมัดหกสังสารวัฏ ทันทีที่เขาออกจากวังโบราณ เขาถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าสิ่งนี้ได้กระตุ้นความอำมหิตของเย่ฟ่านขึ้นมาแล้ว
ในขณะนี้ท้องฟ้าเบื้องบนได้ปรากฏแผนภูมิเต๋าขนาดใหญ่ขึ้น ในเวลาต่อมาแสงสีดำและสีทองได้ยิงลงมาข้างล่างและกลายเป็นมังกรสองตัวพุ่งผ่านความว่างเปล่าพร้อมกับไล่ล่ายอดฝีมือทั้งสามคนไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเย่ฟ่านเบ่งบานด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก มังกรทั้งสองตัวของเขาไล่ล่ายอดฝีมือทั้งหมดโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดเข้าใกล้ตัวเขาได้!
ชัวะ!
ภายใต้ดอกไม้สีเลือดที่สาดกระจายไปทั่วท้องฟ้าร่างของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสามถูกผ่าครึ่ง เลือดของพวกเขากระเซ็นไปในความว่างเปล่าและซากศพทั้งหกซีกได้ตกลงบนพื้นอย่างโหดร้าย
หลังจากสังหารทั้งสามคนแล้วเสื้อผ้าของเย่ฟ่านไม่มีรอยเปื้อนของเลือดปรากฏขึ้นด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายในขณะที่กวาดตามองยอดฝีมือจากทุกเผ่าพันธุ์ที่กำลังรุมล้อมเข้ามา
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณสมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของโลก พลังการต่อสู้ของเจ้าไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง” ลู่ตงฟาแห่งเผ่าเทียนอวี่กล่าว
ในอีกทางหนึ่งหนิวอี้ซึ่งร่างกายแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้กระดูกของเขาถูกเชื่อมต่อขึ้นใหม่และทำให้ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยความสดใสมากกว่าเดิม
“ความสามารถของเจ้าเทียบได้กับทายาทของจักรพรรดิโบราณ ข้ายอมรับว่าไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้!” หนิวอี้กล่าว
ในความว่างเปล่ามีร่างของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนทยอยปรากฏตัวออกมา แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้าแต่ลักษณะการยืนของพวกเขาเห็นได้ชัดว่ากำลังปิดล้อมเย่ฟ่านอยู่ตรงกลาง
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถสังหารจื่อเทียนตู และท้าทายเทียนหวงจื่อกับหยวนกู่ได้ คนผู้นี้มีขาที่วิ่งเร็วจริงๆ”
หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นางเป็นอัจฉริยะผู้ทรงพลังจากเผ่าโหวอวิ๋น
“ในยุคโบราณที่ข้าหลับไหลอยู่นั้นทุกเผ่าพันธุ์ต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดในขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์กลับหลบซ่อนตัวเองอย่างขลาดเขลา”
อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มที่มีเขาสีขาวใบหน้าหล่อเหลาและสวมผ้าคลุมสีเขียวปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณทรงพลังแค่ไหน และวันนี้มันถึงเวลาที่ข้าจะทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าเอง...”
เสียงหัวเราะอย่างเย็นชาดังมาจากอีกด้านหนึ่งซึ่งมีหมอกสีดำปกคลุมอย่างแน่นหนา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นจะต้องเป็นยอดฝีมือของศาลสวรรค์อย่างแน่นอน
“แม้ว่าสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการต่อสู้ของคนรุ่นเยาว์ แต่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์โบราณกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ทายาทราชาโบราณคนแรกของเราอย่างจื่อเทียนตูถูกเจ้าฆ่าไปแล้ว แต่นั่นจะเป็นความสำเร็จครั้งสุดท้ายของเจ้าเช่นกัน”
อสูรโบราณที่มีร่างกายสูงใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมา เขาสวมผ้าคลุมสีแดงมีร่างกายคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่มีความสูงมากกว่าเกือบสองเท่า
“เลือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์มีกลิ่นหอมชวนให้คิดถึงมาก ข้าไม่รู้ว่าเลือดของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนี้จะมีรสชาติยอดเยี่ยมมากกว่าที่ข้าเคยกินหรือไม่?”
ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นมีรอยยิ้มสดใส นางมีรูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากหญิงสาวชาวมนุษย์
อย่างไรก็ดีเย่ฟ่านสัมผัสกลิ่นอายที่ชั่วร้ายของหญิงงามผู้นี้ได้อย่างชัดเจน และมันทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่านางจะต้องมาจากเผ่าพันธุ์โบราณที่รับประทานเนื้อมนุษย์เป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
…….