ตอนที่แล้วบทที่ 45: ความลึกลับ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47: นายน้อย (1)

บทที่ 46: โดดเดี่ยว


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 46: โดดเดี่ยว

หลังจากออกจากหอพักของแผนกฮีโร่ ฉันก็เดินไปอย่างไร้จุดหมาย เสียงฝีเท้าของฉันดังก้องไปด้วยเสียงทุ้มของแต่ละข้าง

ฉันสาบานว่าจะให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยที่ทำให้ฉันอับอายขายหน้า แต่แทนที่จะรู้สึกสดชื่น ความเสียใจกลับเขาปกคลุมฉัน

มันคือความโดดเดี่ยว

“ฟิ้ว...”

ฉันพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

การจบการศึกษาด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมจากแผนกฮีโร่เป็นเรื่องของชีวิตและความตายสำหรับฉัน

แม้ตอนนี้ อัตราต่อรองดูเหมือนจะน้อย ดังนั้น ฉันจึงจงใจรักษาระยะห่างจากผู้อื่นและไม่เปิดใจให้กับใครทั้งนั้น

ฉันคิดว่านั่นจะทำให้เหงาเล็กน้อย แต่จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากฉัน

มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบนั้น

นีกี้, พีล, ไอชา, จางวูฮี, แอนดรูว์, เอชิลด์ และคนอื่นๆ - เราแบ่งปันกิจวัตรประจำวันของเรา และฉันเกือบจะไม่รู้ตัวเลยว่าชอบพวกเขามากขึ้น

มันเศร้ามาก ใช่ สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้มันคือความผิดหวัง

หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงจากที่อันไกลโพ้นเรียกชื่อฉัน เสียงนั้นเป็นของนีกี้

เขาวิ่งมาจากระยะทางที่ไกลมาก เพียงเพื่อพยายามปลอบโยนฉัน

ฉันผลักเขาออกไป

“ช่างเป็นเด็กเหลือขอไร้ยางอายอะไรเช่นนี้”

ฉันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

นีกี้ ตัวเอกของเรื่อง 'ไคเรน เซน่า' ถูกควบคุมโดยคนอื่นๆอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเขาไม่มีหัวคิด สิ่งนี้มักจะทำให้ผู้เล่นใหม่ละทิ้งเกมและขนานนามเขาว่า 'ไอ้มันหวาน'

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนดี แต่เขาขาดความคิดที่เป็นของตัวเอง บางทีฉันควรจะเรียกเขาว่าผืนผ้าใบเปล่า ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมรอบๆได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ประเทศ และอาชีพใดๆ

จนกระทั่งเขาได้รับการตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งและตื่นขึ้นมาในอีกสองปีต่อมา เขาก็ยังคงอ่อนแอเหมือนลูกไก่ที่ยังไม่โตเป็นไก่เต็มตัว

"ต้องพูดอย่างนั้น..."

ฉันตระหนักว่าตัวเองก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

โดยไม่คำนึงถึงข้อกล่าวหาเท็จที่โยนมาให้ฉัน ฉันมีพฤติกรรมเหมือนวัยรุ่นที่หุนหันพลันแล่น ถ้าเพียงแต่ฉันยังคงสงบนิ่งอยู่ฉันอาจจะคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

[...มันไม่ใช่นาย ใช่ไหม?]

[... ตอนนี้นายยังหันหลังกลับได้นะ]

คำพูดของพีลผุดขึ้นมาในหัวของฉัน

เธอคงมีข้อสงสัยบางอย่าง

แต่เธอก็ยังจับผิดคนอื่นอยู่ดี

"เฮ้อออ..."

ฉันยังคงถอนหายใจต่อไป

ภาพสะท้อนของความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ฉันรู้สึก มันราวกับว่าฉันอยู่คนเดียวในโลกนี้โดยไม่มีพันธมิตรใดๆแม้แต่คนเดียว

ฉันไม่เคยรู้เลยว่าฉันมีอารมณ์แบบนี้ด้วย

เหลือเวลาอีกประมาณสามปีครึ่งจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาจากที่นี้

เนื่องจากฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจึงตัดสินใจที่จะยอมรับสถานการณ์ของฉันอย่างเงียบๆ

แต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปในตัวของฉัน

"มันนานเกินไปแล้ว"

เพียงเดือนกว่าๆที่ฉันมาถึงโลกนี้ และกรอบความคิดของฉันก็ได้สั่นคลอนจนถึงขนาดนี้แล้ว

ขณะที่ฉันเดินอย่างไร้จุดหมาย หลงทางในความคิดอยู่ ฉันเห็นเซียน่ากำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง

"ธีโอ!"

เธอวิ่งเข้ามาหาฉันกระตือรือร้น เหมือนจะอยากมีส่วนร่วมในการสนทนา

"การประชุมจบแล้วเหรอ?"

"ใช่" ฉันตอบไปอย่างเหน็ดเหนื่อย

“อิอิ เราจะไปไหนกันดี? ไปกันเถอะ”

"..."

ฉันรวบรวมกำลังเพื่อให้การตอบสนองกับเธอ แต่แทบจะไม่เข้าใจคำพูดของเซียน่า และเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย

ฉันเดินมานานแค่ไหนแล้ว?

ในที่สุด ฉันก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าสนามฝึก

'ทำไมฉันถึง... มาที่นี่?'

บางทีฉันหวังว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงจะทำให้จิตใจของฉันปลอดโปร่ง

แม้แต่ในโลกสมัยใหม่ เมื่อความเครียดทำให้ฉันหนักใจ ฉันก็พบว่ามีการปลอบประโลมจากการออกกำลังกาย

เนื่องจากฉันอยู่ที่สนามฝึกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจที่จะผลักดันร่างกายของฉันให้ถึงขีดจำกัด

ฉันต้องสลัดอารมณ์เหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด-

ฉันเปิดประตูไปที่สนามฝึกและก้าวเข้าไปข้างในโดยมีเซียน่าตามมาติดๆ

“อย่างที่คาดไว้ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่”

ฉันไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการยกน้ำหนัก

ที่นั่นผมเห็นน็อคตาร์และเพื่อนร่วมชั้นออร์คของเขาแข่งกันยกบาร์เบลหนักๆ

"ฮู่ว! สิบสามสิบสี่... สิบห้า !"

ตุ๊บ!

น็อคตาร์ทิ้งบาร์เบลลงไป น้ำหนักของมันกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง

จากนั้นสายตาของเขาก็มาบรรจบกับฉัน ขณะที่ฉันยืนอยู่ที่ทางเข้า

“เฮ้ ธีโอ นายมาที่นี่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีใช่ไหม?”

"...... น็อกตาร์"

"หือ มีอะไรเหรอ?"

น็อคตาร์เหลือบมองเซียนาที่ยืนอยู่ข้างฉัน

"อืมมม มันยังคงดำเนินต่อไป หือ"

"······."

ในอีกทางหนึ่ง น็อคตาร์เป็นตัวอย่างที่สำคัญของตัวละครที่ชะตากรรมถูกเปลี่ยนแปลงไปเพราะฉัน

ฉันสงสัยว่าเขาคิดยังไงกับฉัน

“ฉันมีบางอย่างจะพูด” ฉันพูดขึ้น

"มันคืออะไรล่ะ?

ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่

"ฉัน... ฉันเป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ดันเจี้ยนเวทมนตร์ ”

ปฏิกิริยาของเขาทำให้ฉันประหลาดใจ

น็อคตาร์ยังคงไม่สงสัยและพูดว่า "จริงเหรอ? เอาล่ะ บอกฉันได้ถูกเมื่อเลยนะเทื่อนายพร้อมแล้ว"

“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ” ฉันยืนกรานพร้อมกับสบตาของเขา

สายตาของน็อคตาร์ยังคงนิ่ง เหมือนเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

"แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ธีโอนายไม่ใช่คนประเภทที่จะล้อเล่นหรอกนะ แต่ฉันไม่เชื่อว่านายจะลงมือด้วยเจตนาร้ายแบบนั้น”

ความเงียบได้เข้ามาปกคลุม

“นายต้องมีเหตุผลของนาย ถูกไหม?”

การตอบสนองของน็อคตาร์รวดเร็วและไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย

ไม่มีร่องรอยความสงสัยใดๆในดวงตาของเขา

ราวกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา

ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

มีอะไรเกี่ยวกับฉันที่ทำให้เขามีศรัทธาที่แน่วแน่ในนิสัยของฉันกันนะ?

“ทำไมนายถึงมีความเชื่อขนาดนี้กับฉันกัน? เป็นเพราะฉันช่วยนายในเรื่องทางทฤษฎีเหรอ? หรือเพราะฉันสอนวิธีตอบโต้เทคนิคของแอนดรูว์ให้?”

น็อกตาร์ตอบสนองโดยการยักไหล่ของเขา

“มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? เมื่อฉันเชื่อใจใครสักคน ฉันก็เจะชื่อใจพวกเขาจนถึงที่สุด”

ออร์คตนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยราวกับว่ามันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

มีก้อนคำพูดเกิดขึ้นในลำคอของฉัน

ฉันเคยได้รับความไว้วางใจอย่างไม่มีเงื่อนไขแบบนี้ในชีวิตของฉันหรือไม่?

“...มันเป็นแค่เรื่องตลกน่ะ น็อคตาร์ ฉันไม่ใช่อาชญากรนะเว้ย และ... ฉันก็แค่พิสูจน์ว่าเล่นตลกได้เหมือนคนอื่น”

ฉันเบือนหน้าหนีขณะที่พูดอยู่

“ฮิฮิ” เซียน่าหัวเราะเบาๆขณะที่เธอมองดูฉัน

“งั้น ธีโอ นายกำลังวางแผนที่จะจับตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดันเจี้ยนเวทมนตร์ใช่ไหม?”

น็อคตาร์กระแอมในลำคอ

"มีสิ นายเข้าใจถูกแล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้กระทำผิด และมันจะเป็นการดีที่จะจับพวกเขาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่”ฉันตอบไป

"เข้าใจแล้ว พี่น้อง พวกนายได้ยินกันแล้วใช่ไหม? เตรียมอาวุธของพวกนายให้พร้อม”น็อคตาร์ออกคำสั่งพร้อมกับกระตุ้นให้พวกออร์คทำงานกันอย่างรวดเร็ว

พวกเขาต่างคว้าอาวุธฝึกซ้อมออกมาจากขาตั้ง

ผู้ที่มีขวานมือ ขวานคู่ และหอกได้ยืนอยู่ด้านหลังน็อคตาร์ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับแผนที่กำลังจะเกิดขึ้น

“... มันอาจเป็นอันตรายนะ คนร้ายเป็นแค่ฮีโร่ระดับต่ำแต่ก็ยังเป็นฮีโร่อยู่ พวกเขายังมีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสูงที่สามารถใช้เวทมนตร์ดีบัฟต่างๆได้” ฉันเตือนพวกเขาอย่างจริงใจ

โดยไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาตกลงที่จะช่วย ซึ่งทำให้ฉันประหลาดใจอยู่บ้าง

“เอาล่ะ เราสามารถทำตามที่นายสอนครั้งที่แล้วได้ใช่ไหม” น็อคตาร์แตะขมับของเขา

มันเป็นวิธีที่ใช้ในการบังคับให้เปิดใช้งาน [สัญชาตญาณการต่อสู้], [โทสะโลหิต] และ [พรแห่งเทพสงคราม] ในระหว่างการแข่งขันประเมินผลในทางปฏิบัติกับแอนดรูว์

ฉันยิ้มเยาะๆ

"ใช่แล้ว นายเข้าใจถูกแล้ว แม้จะสู้กับเวทมนตร์ดีบัฟของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสูง เราก็ควรจะสามารถตอบโต้มันได้สักครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นฉันขออธิบายแผนก่อน -”

ฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบคริสตัลสื่อสารฉุกเฉินขึ้นมา

'ถ้าเราสามารถเรียกเอมี่ได้ เราน่าจะสามารถจับคนร้ายได้ด้วยแค่คนเหล่านี้กับฉัน'

ขณะที่ฉันรวบรวมความคิด ดวงตาของพวกออร์คก็เบิกกว้าง

"มันคืออะไร?"

“อัญมณีเหรอ?”

อา ไอ้พวกบ้านนอกพวกนี้

“ไม่ใช่ มันเป็นคริสตัลสื่อสารฉุกเฉิน ฉันจะใช้มันเพื่อเรียกกำลังเสริม” ฉันอธิบายพร้อมกับดึงสายที่ติดอยู่กับคริสตัลสื่อสาร

หลังจากผ่านไปประมาณ 30 วินาที เสียงของเอมี่ก็ดังขึ้นผ่านผลึกแก้วใส

- ท่านเรียกฉันมาเหรอคะนายน้อย?

การสนทนามาพร้อมกับเสียงบางอย่างแทรกมา

มันเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำ และระยะทางมันก็ค่อนข้างไกล

“ใช่ เอมี่ มีบางอย่างที่ฉันอยากให้เธอทำ -”

คำพูดของฉันถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน

"โว้ว นี่มันคืออะไรกัน ธีโอ? มันเป็นหนึ่งในสิ่งกีดขวางที่พวกพ่อมดสร้างขึ้นหรือไม่? ไอ้พวกบ้านั่น... ฉันรู้ว่าพวกเขาทำแต่สิ่งไม่ดี คิดค้นสิ่งต่างๆแบบนี้ออกมามากมาย "

“นี่หรือคือความตกตะลึงทางวัฒนธรรมที่พวกเขาสอนเราในชั้นเรียน...? โลกนอกทะเลทรายเป็นอันตรายอย่างแท้จริงเลยนะเนี่ย”

"น่าทึ่งจริงๆ เมื่อนายใช้มันเสร็จแล้ว ให้ฉันยืมหน่อยนะ ธีโอ ฉันต้องติดต่อจูลมารันกลับไปที่บ้านเกิดของเรา ถ้ามันมีตัวสร้างปัญหา ฉันจะจัดการกับพวกมันในทันที "

พวกออร์คประหลาดใจและหัวเราะเยาะกันอย่างไม่รู้จบ

-นายน้อยคะ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?

เอมี่ถามด้วยเสียงงงงวยจากอีกด้านหนึ่งของผลึกคริสตัล

“... มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในปัจจุบัน แค่มาที่หน้าสนามฝึกของแผนกฮีโร่ก็พอ”

- เข้าใจแล้วค่ะ นายน้อย มีอะไรที่ท่านต้องการอีกไหม?

ฉันไตร่ตรองคำถามของเอมี่

... มีอะไรอีกไหมที่ฉันต้องการ

“นำเสื้อผ้าที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายมาด้วย เธอควรเปลี่ยนไปใส่อะไรที่สบายๆด้วย”

-เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะออกเดินทางทันทีค่ะ นายน้อย หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ได้โปรดติดต่อฉันทันที "

"เข้าใจแล้ว"

ฉันดึงสายอีกครั้งและยุติการสื่อสาร

เซียน่าที่กำลังสังเกตการณ์อยู่เงียบๆพูดขึ้น

“อิอิ ธีโอ แล้วฉันควรทำอะไรบ้าง?”

"... เธอสามารถอยู่ในที่ที่เธออยู่ตอนนี้ได้นะ"

นี้ฉันเสียสติไปแล้วเหรอ? ฉันไปเจออะไรมาบ้าง?

ความช่วยเหลือของเซียน่ามันไม่จำเป็นเลย

ด้วยสหายออร์คของฉันและเอมี่ ฉันสามารถดำเนินการจับกุมได้อย่างง่ายดาย

เอมี่ด้วยลักษณะของ [ความอดทน] [ซ่อนตัว] และ [กายกรรม] มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแทรกซึม

เมื่อเธอค้นพบที่อยู่ของคนร้ายแล้ว ฝูงออร์คก็สามารถจับกุมพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว

เซียน่าแสดงรอยยิ้มที่สุภาพออกมา

"นี้นายเอาจริงเหรอ"

"ใช่"

"...คือนายจะบอกว่านายไม่ต้องการฉันเหรอ?"

"ใช่"

"อะไรกัน? ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า?”

เซียน่าหรี่ตาลง สายตาของเธอคล้ายกับของนักล่า

ฉันรีบแก้ไขคำพูดของตัวเองอย่างรวดเร็ว

"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ความช่วยเหลือของเธอมันจำเป็นมากเลยนะ"

"ฉันก็คิดอย่างนั้น"

"ใช่ ใช่แล้ว"

"อิอิ"

เซียน่าเกาะแขนฉันไว้แน่น

พวกออร์คมองผมด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะสงสารและส่ายหัวไปด้วย

'ให้ตายสิ นี่คือชีวิตของฉันในตอนนี้สินะ'

ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเซียนา แต่เธออาจเป็นตัวปัญหาได้

คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าเอมี่จะมาถึง

เป็นการดีที่สุดที่จะแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อควรระวังไว้ล่วงหน้า

'เซียน่าและเอมี่จะเข้าใจในพริบตา แต่...'

เพื่อนออร์คที่มีความคิดเรียบง่ายเหล่านี้จะไม่ใช่อย่างนั้น

"ฟังทางนี้สักครู่ ฉันจะใช้โอกาสนี้อธิบายแผนนะ"

“ฟังดูดีนี่ น่าตื่นเต้นจัง”

“มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันอายุสิบขวบและไปปล้นเผ่าเพื่อนบ้าน นั่นคือตอนที่ขวานของฉันอาบเลือดของคนอื่นเป็นครั้งแรก”

"... ดังนั้น หากพวกนายมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆโปรดบอกให้ฉันทราบทันที"

ฉันเริ่มการบรรยายสรุป

***

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด