บทที่ 46: โดดเดี่ยว
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 46: โดดเดี่ยว
หลังจากออกจากหอพักของแผนกฮีโร่ ฉันก็เดินไปอย่างไร้จุดหมาย เสียงฝีเท้าของฉันดังก้องไปด้วยเสียงทุ้มของแต่ละข้าง
ฉันสาบานว่าจะให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยที่ทำให้ฉันอับอายขายหน้า แต่แทนที่จะรู้สึกสดชื่น ความเสียใจกลับเขาปกคลุมฉัน
มันคือความโดดเดี่ยว
“ฟิ้ว...”
ฉันพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
การจบการศึกษาด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมจากแผนกฮีโร่เป็นเรื่องของชีวิตและความตายสำหรับฉัน
แม้ตอนนี้ อัตราต่อรองดูเหมือนจะน้อย ดังนั้น ฉันจึงจงใจรักษาระยะห่างจากผู้อื่นและไม่เปิดใจให้กับใครทั้งนั้น
ฉันคิดว่านั่นจะทำให้เหงาเล็กน้อย แต่จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากฉัน
มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบนั้น
นีกี้, พีล, ไอชา, จางวูฮี, แอนดรูว์, เอชิลด์ และคนอื่นๆ - เราแบ่งปันกิจวัตรประจำวันของเรา และฉันเกือบจะไม่รู้ตัวเลยว่าชอบพวกเขามากขึ้น
มันเศร้ามาก ใช่ สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้มันคือความผิดหวัง
หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงจากที่อันไกลโพ้นเรียกชื่อฉัน เสียงนั้นเป็นของนีกี้
เขาวิ่งมาจากระยะทางที่ไกลมาก เพียงเพื่อพยายามปลอบโยนฉัน
ฉันผลักเขาออกไป
“ช่างเป็นเด็กเหลือขอไร้ยางอายอะไรเช่นนี้”
ฉันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
นีกี้ ตัวเอกของเรื่อง 'ไคเรน เซน่า' ถูกควบคุมโดยคนอื่นๆอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเขาไม่มีหัวคิด สิ่งนี้มักจะทำให้ผู้เล่นใหม่ละทิ้งเกมและขนานนามเขาว่า 'ไอ้มันหวาน'
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนดี แต่เขาขาดความคิดที่เป็นของตัวเอง บางทีฉันควรจะเรียกเขาว่าผืนผ้าใบเปล่า ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมรอบๆได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ประเทศ และอาชีพใดๆ
จนกระทั่งเขาได้รับการตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งและตื่นขึ้นมาในอีกสองปีต่อมา เขาก็ยังคงอ่อนแอเหมือนลูกไก่ที่ยังไม่โตเป็นไก่เต็มตัว
"ต้องพูดอย่างนั้น..."
ฉันตระหนักว่าตัวเองก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
โดยไม่คำนึงถึงข้อกล่าวหาเท็จที่โยนมาให้ฉัน ฉันมีพฤติกรรมเหมือนวัยรุ่นที่หุนหันพลันแล่น ถ้าเพียงแต่ฉันยังคงสงบนิ่งอยู่ฉันอาจจะคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
[...มันไม่ใช่นาย ใช่ไหม?]
[... ตอนนี้นายยังหันหลังกลับได้นะ]
คำพูดของพีลผุดขึ้นมาในหัวของฉัน
เธอคงมีข้อสงสัยบางอย่าง
แต่เธอก็ยังจับผิดคนอื่นอยู่ดี
"เฮ้อออ..."
ฉันยังคงถอนหายใจต่อไป
ภาพสะท้อนของความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ฉันรู้สึก มันราวกับว่าฉันอยู่คนเดียวในโลกนี้โดยไม่มีพันธมิตรใดๆแม้แต่คนเดียว
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าฉันมีอารมณ์แบบนี้ด้วย
เหลือเวลาอีกประมาณสามปีครึ่งจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาจากที่นี้
เนื่องจากฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจึงตัดสินใจที่จะยอมรับสถานการณ์ของฉันอย่างเงียบๆ
แต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปในตัวของฉัน
"มันนานเกินไปแล้ว"
เพียงเดือนกว่าๆที่ฉันมาถึงโลกนี้ และกรอบความคิดของฉันก็ได้สั่นคลอนจนถึงขนาดนี้แล้ว
ขณะที่ฉันเดินอย่างไร้จุดหมาย หลงทางในความคิดอยู่ ฉันเห็นเซียน่ากำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง
"ธีโอ!"
เธอวิ่งเข้ามาหาฉันกระตือรือร้น เหมือนจะอยากมีส่วนร่วมในการสนทนา
"การประชุมจบแล้วเหรอ?"
"ใช่" ฉันตอบไปอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อิอิ เราจะไปไหนกันดี? ไปกันเถอะ”
"..."
ฉันรวบรวมกำลังเพื่อให้การตอบสนองกับเธอ แต่แทบจะไม่เข้าใจคำพูดของเซียน่า และเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย
ฉันเดินมานานแค่ไหนแล้ว?
ในที่สุด ฉันก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าสนามฝึก
'ทำไมฉันถึง... มาที่นี่?'
บางทีฉันหวังว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงจะทำให้จิตใจของฉันปลอดโปร่ง
แม้แต่ในโลกสมัยใหม่ เมื่อความเครียดทำให้ฉันหนักใจ ฉันก็พบว่ามีการปลอบประโลมจากการออกกำลังกาย
เนื่องจากฉันอยู่ที่สนามฝึกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจที่จะผลักดันร่างกายของฉันให้ถึงขีดจำกัด
ฉันต้องสลัดอารมณ์เหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด-
ฉันเปิดประตูไปที่สนามฝึกและก้าวเข้าไปข้างในโดยมีเซียน่าตามมาติดๆ
“อย่างที่คาดไว้ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่”
ฉันไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการยกน้ำหนัก
ที่นั่นผมเห็นน็อคตาร์และเพื่อนร่วมชั้นออร์คของเขาแข่งกันยกบาร์เบลหนักๆ
"ฮู่ว! สิบสามสิบสี่... สิบห้า !"
ตุ๊บ!
น็อคตาร์ทิ้งบาร์เบลลงไป น้ำหนักของมันกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง
จากนั้นสายตาของเขาก็มาบรรจบกับฉัน ขณะที่ฉันยืนอยู่ที่ทางเข้า
“เฮ้ ธีโอ นายมาที่นี่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีใช่ไหม?”
"...... น็อกตาร์"
"หือ มีอะไรเหรอ?"
น็อคตาร์เหลือบมองเซียนาที่ยืนอยู่ข้างฉัน
"อืมมม มันยังคงดำเนินต่อไป หือ"
"······."
ในอีกทางหนึ่ง น็อคตาร์เป็นตัวอย่างที่สำคัญของตัวละครที่ชะตากรรมถูกเปลี่ยนแปลงไปเพราะฉัน
ฉันสงสัยว่าเขาคิดยังไงกับฉัน
“ฉันมีบางอย่างจะพูด” ฉันพูดขึ้น
"มันคืออะไรล่ะ?
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
"ฉัน... ฉันเป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ดันเจี้ยนเวทมนตร์ ”
ปฏิกิริยาของเขาทำให้ฉันประหลาดใจ
น็อคตาร์ยังคงไม่สงสัยและพูดว่า "จริงเหรอ? เอาล่ะ บอกฉันได้ถูกเมื่อเลยนะเทื่อนายพร้อมแล้ว"
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ” ฉันยืนกรานพร้อมกับสบตาของเขา
สายตาของน็อคตาร์ยังคงนิ่ง เหมือนเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
"แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ธีโอนายไม่ใช่คนประเภทที่จะล้อเล่นหรอกนะ แต่ฉันไม่เชื่อว่านายจะลงมือด้วยเจตนาร้ายแบบนั้น”
ความเงียบได้เข้ามาปกคลุม
“นายต้องมีเหตุผลของนาย ถูกไหม?”
การตอบสนองของน็อคตาร์รวดเร็วและไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีร่องรอยความสงสัยใดๆในดวงตาของเขา
ราวกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา
ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
มีอะไรเกี่ยวกับฉันที่ทำให้เขามีศรัทธาที่แน่วแน่ในนิสัยของฉันกันนะ?
“ทำไมนายถึงมีความเชื่อขนาดนี้กับฉันกัน? เป็นเพราะฉันช่วยนายในเรื่องทางทฤษฎีเหรอ? หรือเพราะฉันสอนวิธีตอบโต้เทคนิคของแอนดรูว์ให้?”
น็อกตาร์ตอบสนองโดยการยักไหล่ของเขา
“มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? เมื่อฉันเชื่อใจใครสักคน ฉันก็เจะชื่อใจพวกเขาจนถึงที่สุด”
ออร์คตนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยราวกับว่ามันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
มีก้อนคำพูดเกิดขึ้นในลำคอของฉัน
ฉันเคยได้รับความไว้วางใจอย่างไม่มีเงื่อนไขแบบนี้ในชีวิตของฉันหรือไม่?
“...มันเป็นแค่เรื่องตลกน่ะ น็อคตาร์ ฉันไม่ใช่อาชญากรนะเว้ย และ... ฉันก็แค่พิสูจน์ว่าเล่นตลกได้เหมือนคนอื่น”
ฉันเบือนหน้าหนีขณะที่พูดอยู่
“ฮิฮิ” เซียน่าหัวเราะเบาๆขณะที่เธอมองดูฉัน
“งั้น ธีโอ นายกำลังวางแผนที่จะจับตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดันเจี้ยนเวทมนตร์ใช่ไหม?”
น็อคตาร์กระแอมในลำคอ
"มีสิ นายเข้าใจถูกแล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้กระทำผิด และมันจะเป็นการดีที่จะจับพวกเขาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่”ฉันตอบไป
"เข้าใจแล้ว พี่น้อง พวกนายได้ยินกันแล้วใช่ไหม? เตรียมอาวุธของพวกนายให้พร้อม”น็อคตาร์ออกคำสั่งพร้อมกับกระตุ้นให้พวกออร์คทำงานกันอย่างรวดเร็ว
พวกเขาต่างคว้าอาวุธฝึกซ้อมออกมาจากขาตั้ง
ผู้ที่มีขวานมือ ขวานคู่ และหอกได้ยืนอยู่ด้านหลังน็อคตาร์ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับแผนที่กำลังจะเกิดขึ้น
“... มันอาจเป็นอันตรายนะ คนร้ายเป็นแค่ฮีโร่ระดับต่ำแต่ก็ยังเป็นฮีโร่อยู่ พวกเขายังมีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสูงที่สามารถใช้เวทมนตร์ดีบัฟต่างๆได้” ฉันเตือนพวกเขาอย่างจริงใจ
โดยไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาตกลงที่จะช่วย ซึ่งทำให้ฉันประหลาดใจอยู่บ้าง
“เอาล่ะ เราสามารถทำตามที่นายสอนครั้งที่แล้วได้ใช่ไหม” น็อคตาร์แตะขมับของเขา
มันเป็นวิธีที่ใช้ในการบังคับให้เปิดใช้งาน [สัญชาตญาณการต่อสู้], [โทสะโลหิต] และ [พรแห่งเทพสงคราม] ในระหว่างการแข่งขันประเมินผลในทางปฏิบัติกับแอนดรูว์
ฉันยิ้มเยาะๆ
"ใช่แล้ว นายเข้าใจถูกแล้ว แม้จะสู้กับเวทมนตร์ดีบัฟของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสูง เราก็ควรจะสามารถตอบโต้มันได้สักครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นฉันขออธิบายแผนก่อน -”
ฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบคริสตัลสื่อสารฉุกเฉินขึ้นมา
'ถ้าเราสามารถเรียกเอมี่ได้ เราน่าจะสามารถจับคนร้ายได้ด้วยแค่คนเหล่านี้กับฉัน'
ขณะที่ฉันรวบรวมความคิด ดวงตาของพวกออร์คก็เบิกกว้าง
"มันคืออะไร?"
“อัญมณีเหรอ?”
อา ไอ้พวกบ้านนอกพวกนี้
“ไม่ใช่ มันเป็นคริสตัลสื่อสารฉุกเฉิน ฉันจะใช้มันเพื่อเรียกกำลังเสริม” ฉันอธิบายพร้อมกับดึงสายที่ติดอยู่กับคริสตัลสื่อสาร
หลังจากผ่านไปประมาณ 30 วินาที เสียงของเอมี่ก็ดังขึ้นผ่านผลึกแก้วใส
- ท่านเรียกฉันมาเหรอคะนายน้อย?
การสนทนามาพร้อมกับเสียงบางอย่างแทรกมา
มันเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำ และระยะทางมันก็ค่อนข้างไกล
“ใช่ เอมี่ มีบางอย่างที่ฉันอยากให้เธอทำ -”
คำพูดของฉันถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน
"โว้ว นี่มันคืออะไรกัน ธีโอ? มันเป็นหนึ่งในสิ่งกีดขวางที่พวกพ่อมดสร้างขึ้นหรือไม่? ไอ้พวกบ้านั่น... ฉันรู้ว่าพวกเขาทำแต่สิ่งไม่ดี คิดค้นสิ่งต่างๆแบบนี้ออกมามากมาย "
“นี่หรือคือความตกตะลึงทางวัฒนธรรมที่พวกเขาสอนเราในชั้นเรียน...? โลกนอกทะเลทรายเป็นอันตรายอย่างแท้จริงเลยนะเนี่ย”
"น่าทึ่งจริงๆ เมื่อนายใช้มันเสร็จแล้ว ให้ฉันยืมหน่อยนะ ธีโอ ฉันต้องติดต่อจูลมารันกลับไปที่บ้านเกิดของเรา ถ้ามันมีตัวสร้างปัญหา ฉันจะจัดการกับพวกมันในทันที "
พวกออร์คประหลาดใจและหัวเราะเยาะกันอย่างไม่รู้จบ
-นายน้อยคะ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
เอมี่ถามด้วยเสียงงงงวยจากอีกด้านหนึ่งของผลึกคริสตัล
“... มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในปัจจุบัน แค่มาที่หน้าสนามฝึกของแผนกฮีโร่ก็พอ”
- เข้าใจแล้วค่ะ นายน้อย มีอะไรที่ท่านต้องการอีกไหม?
ฉันไตร่ตรองคำถามของเอมี่
... มีอะไรอีกไหมที่ฉันต้องการ
“นำเสื้อผ้าที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายมาด้วย เธอควรเปลี่ยนไปใส่อะไรที่สบายๆด้วย”
-เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะออกเดินทางทันทีค่ะ นายน้อย หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ได้โปรดติดต่อฉันทันที "
"เข้าใจแล้ว"
ฉันดึงสายอีกครั้งและยุติการสื่อสาร
เซียน่าที่กำลังสังเกตการณ์อยู่เงียบๆพูดขึ้น
“อิอิ ธีโอ แล้วฉันควรทำอะไรบ้าง?”
"... เธอสามารถอยู่ในที่ที่เธออยู่ตอนนี้ได้นะ"
นี้ฉันเสียสติไปแล้วเหรอ? ฉันไปเจออะไรมาบ้าง?
ความช่วยเหลือของเซียน่ามันไม่จำเป็นเลย
ด้วยสหายออร์คของฉันและเอมี่ ฉันสามารถดำเนินการจับกุมได้อย่างง่ายดาย
เอมี่ด้วยลักษณะของ [ความอดทน] [ซ่อนตัว] และ [กายกรรม] มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแทรกซึม
เมื่อเธอค้นพบที่อยู่ของคนร้ายแล้ว ฝูงออร์คก็สามารถจับกุมพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
เซียน่าแสดงรอยยิ้มที่สุภาพออกมา
"นี้นายเอาจริงเหรอ"
"ใช่"
"...คือนายจะบอกว่านายไม่ต้องการฉันเหรอ?"
"ใช่"
"อะไรกัน? ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า?”
เซียน่าหรี่ตาลง สายตาของเธอคล้ายกับของนักล่า
ฉันรีบแก้ไขคำพูดของตัวเองอย่างรวดเร็ว
"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ความช่วยเหลือของเธอมันจำเป็นมากเลยนะ"
"ฉันก็คิดอย่างนั้น"
"ใช่ ใช่แล้ว"
"อิอิ"
เซียน่าเกาะแขนฉันไว้แน่น
พวกออร์คมองผมด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะสงสารและส่ายหัวไปด้วย
'ให้ตายสิ นี่คือชีวิตของฉันในตอนนี้สินะ'
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเซียนา แต่เธออาจเป็นตัวปัญหาได้
คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าเอมี่จะมาถึง
เป็นการดีที่สุดที่จะแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อควรระวังไว้ล่วงหน้า
'เซียน่าและเอมี่จะเข้าใจในพริบตา แต่...'
เพื่อนออร์คที่มีความคิดเรียบง่ายเหล่านี้จะไม่ใช่อย่างนั้น
"ฟังทางนี้สักครู่ ฉันจะใช้โอกาสนี้อธิบายแผนนะ"
“ฟังดูดีนี่ น่าตื่นเต้นจัง”
“มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันอายุสิบขวบและไปปล้นเผ่าเพื่อนบ้าน นั่นคือตอนที่ขวานของฉันอาบเลือดของคนอื่นเป็นครั้งแรก”
"... ดังนั้น หากพวกนายมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆโปรดบอกให้ฉันทราบทันที"
ฉันเริ่มการบรรยายสรุป
***