บทที่ 103 ความคืบหน้าของกลุ่มวิจัยอสูรกินเหล็ก
สภาพอากาศในเมืองหลวงโบราณเริ่มเย็นแล้วในเดือนธันวาคม
นอกสนามบินเมืองหลวงโบราณ เครื่องบินขึ้นลงทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
นี่เกือบจะเดือนมกราคมแล้ว ในตอนนี้ ทั้งประเทศกำลังให้ความสนใจกับเรื่องหนึ่ง
การประเมินมืออาชีพ!
ในเมืองโบราณของตงหวง ทุกเมืองที่สูงกว่าเมืองชั้นสองได้เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการประเมินมืออาชีพแล้ว
ในบรรดาเมืองเหล่านั้น การประเมินมืออาชีพที่จัดขึ้นโดยสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเก้าเมืองชั้นหนึ่งนั้นมีจำยวนผู้เข้าร่วมมากที่สุดและมีคุณภาพสูงสุด
ในเวลานี้ นักฝึกสัตว์อสูรกึ่งมืออาชีพส่วนใหญ่มาจากเมืองชั้นสองประมาณสิบแห่งรอบเมืองหลวงโบราณ
นักฝึกสัตว์อสูรมารวมตัวกันแล้ว!
มีคนมากยิ่งกว่าวันเปิดมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณในเดือนกันยายนเสียอีก!
ในสนามบิน ซืออวี๋สวมชุดแขนสั้นสีขาวที่มีลายหมีแพนด้าอยู่ตรงกลาง เขาสวมกางเกงกีฬาสีดำและสะพายกระเป๋าเป้สีดำ รองเท้ากีฬาสีขาวของเขาเหยียบลงบนพื้นในขณะที่เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อออกจากฝูงชน
“บัดซ* มีคนเยอะกว่าครั้งก่อนเสียอีก”
ซืออวี๋ผู้ที่ออกมาจากฝูงชนได้สูดหายใจเข้าลึกราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่
“ทางนี้!!”
ในขณะที่พวกเขาออกจากสนามบิน ซืออวี๋ยังคงมองรอบตัวในตอนที่รถหรูคันหนึ่งบีบแตร หน้าต่างถูกลดต่ำลงมา และรุ่นพี่แพนด้าในที่นั่งคนขับโผล่หัวออกมาและโบกมือให้แก่ซืออวี๋
สายตาของหนุ่มสาวที่ออกมาจากสนามบินก็จับจ้องอยู่ในรถหรูและรุ่นพี่แพนด้าแสนสวยเป็นเวลานาน จากนั้นพวกเขาก็เห็นซืออวี๋เข้าไปในรถด้วยรอยยิ้มและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
น่าอิจฉามาก!
พวกเขาทุกคนมาที่เมืองหลวงโบราณ ทำไมเจ้าถึงมีรถหรูและสาวสวยมารับเจ้าล่ะ?
“รถมาจากที่ไหนเหรอ?” ซืออวี๋เอ่ยถามอย่างสงสัยหลังจากเข้าไปในรถ
แม้ว่ารถคันนี้จะไม่ใช่ชีวิตจักรกล แต่มันก็ไม่ได้มีราคาถูกกว่าสัตว์อสูรที่มีเผ่าพันธุ์ที่ดีเลย…
“รุ่นน้องหลินหยูเอ้อ” หลินซิ่วจูยิ้มและกล่าวเสริมว่า “ข้ายืมมันมารับเจ้า”
“โอ้ว” ซืออวี๋พยักหน้า เจ็ดยอดนักโบราณคดี!
ในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรที่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณได้ นอกเหนือจากอัจฉริยะบางคนที่มีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรที่หายากหรือมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ส่วนใหญ่เป็นทายาทนักฝึกสัตว์อสูรรุ่นสองหรือทายาทคนรวยรุ่นสอง ไม่แปลกที่พวกเขาจะมีรถหรู
ในสองสามเดือนที่ผ่านมา เจ็ดยอดนักโบราณคดีมีสถานะสูงมากจนพวกเขาแทบจะระเบิด
ปรมจารย์หลิน หลินซิ่วจู และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นในสาขาเพาะพันธุ์ สาขาวิจัย และสาขาโบราณคดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณได้จัดตั้งกลุ่มวิจัยวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก เจ็ดยอดนักโบราณคดีก็ประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าไปได้เช่นกัน แม้ว่าพวกเขาทำได้แค่งานเบ็ดเตล็ดในตอนนี้ แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาได้เพิ่มประวัติที่ดีในเรซูเม่ของพวกเขา
ในสามเดือน การศึกษาวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กของปรมจารย์หลินและคนอื่นเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว
ตามคำเชิญของปรมจารย์หลินและคนอื่น นักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์สองคนที่บ่มเพาะอสรกินเหล็กในประเทศได้เสร็จสิ้นการวิวัฒนาการแล้ว พิสูจน์ความเป็นไปได้ของวิธีการวิวัฒนาการนี้ ในเวลาเดียวกัน กลุ่มวิจัยอสูรกินเหล็กก็ได้หลอกเงินทุนวิจัยจำนวนมากจากพวกเขาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ จากการเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับรูปแบบวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กและอสูรกนิเหล็กธรรมดา ทีมวิจัยยังได้ค้นคว้าวิธีปล่อยให้อสูรกินเหล็กธรรมดาปลุกทักษะกลายร่างยักษ์ในระดับปลุกตื่นก่อนการวิวัฒนาการ
หากเขาสามารถหาวิธีปลุกที่เสถียรได้ ระดับเผ่าพันธุ์ของอสูรกินเหล็กอาจถูกประเมินใหม่ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติขั้นสูง
ซืออวี๋ค่อนข้างพอใจกับประสิทธิภาพการวิจัยของทีมวิจัยนี้ น่าเสียหาย อีเลฟเว่นไม่จำเป็นต้องเรียนวิธีกลายร่างยักษ์เลย หลักการของกลายร่างยักษ์นั้นเหมือนกับการทวีคูณ มันไม่สามารถซ้อนทับกันได้และใช้ได้เช่นเดียวกับการเคลือบแข็งกับการแข็งกร้าว มันไร้ความหมายมาก
“วิวัฒนาการอสูรกินเหล็กจะประกาศตอนไหน?”
ในรถ ซืออวี๋เอ่ยถามออกมา
“เรายังขาดข้อมูลบางส่วน”
“ยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการประเมินเผ่าพันธุ์ด้วยเช่นกัน”
“หลังจากทดลองกับอสูรกินเหล็กของปรมจารย์อีกสองคน ในที่สุดเราก็ยืนยันได้ว่าวัสดุวิวัฒนาการเป็นตัวกำหนดศักยภาพเผ่าพันธุ์ของอสูรกินเหล็กหลังจากการวิวัฒนาการ”
“ตัวอย่างเช่น ระดับเผ่าพันธุ์ของอสูรกินเหล็กพ่อข้าหลังจากวิวัฒนาการได้รับการประเมินว่าเป็น ‘ระดับราชันย์ขั้นกลาง’”
“ระดับราชันย์ขั้นกลาง? ไม่เลวเลย”
“อย่างแรก เนื่องจากทักษะ ‘พลังภายใน’ เป็นทักษะต่อสู้ที่โดดเด่นมากแม้กระทั่งในบรรดาทักษะระดับสุดยอด อย่างที่สอง เนื่องจากความแข็งแกร่งทางกายภาพโดยรวมของอสูรกินเหล็กหลังจากวิวัฒนาการไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรพันธุ์ทางบางตัวเลย ทั้งหมดต้องขอบคุณความแข็งแกร่งทางร่างกายของมัน”
ซืออวี๋พยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม มีปรมจารย์ที่ใช้วัสดุวิวัฒนาการน้อยกว่า ความแข็งแกร่งทางกายภาพของอสูรกินเหล็ฏตัวนี้อ่อนแอลงมากหลังจากวิวัฒนาการ มันสามารถถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์ขั้นต่ำเท่านั้น”
“ยังมีปรมจารย์อีกคน เนื่องจากการเปรียบเทียบ… ดังนั้นอสูรกินเหล็กของนางจึงใช้วัสดุวิวัฒนาการน้อยเพื่อให้การวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ หลังจากวิวัฒนาการ มันไม่ได้ปลุกทักษะอะไรเลย และระดับเผ่าพันธุ์ของมันสามารถตัดสินได้ว่าเป็นเพียงระดับผู้บัญชาการขั้นสูงเท่านั้น”
“อสูรกินเหล็กเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากซึ่งไม่ได้มีระดับเผ่าพันธุ์คงที่หลังจากวิวัฒนาการ”
“ใช่แล้ว ในระหว่างนั้น เราพยายามใช้โลหะผสมระดับสูงอื่นเพื่อให้การวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ ทว่าเราล้มเหลว โลหะผสมทีคณบดีฮ่าวสังเคราะห์ตามเศษโลหะนั้นเป็นอัตราส่วนผสมวิวัฒนาการที่ดีที่สุด”
“ดังนั้นในอนาคต เมื่ออีเลฟเว่นของเจ้าวิวัฒนาการ เจ้าต้องไม่ประหยัดวัสดุวิวัฒนาการ ขายทุกอย่างที่เจ้ามี! น่าเสียหายที่เจ้าไม่มีเงินทุนเพียงพอ มิฉะนั้น เราคงต้องศึกษาว่าอสูรกินเหล็กสามารถวิวัฒนาการในชุดเกราะยักษ์ได้ไหม”
ซืออวี๋ :“…”
ก่อนหน้านี้ เจิ้งอิ๋งเจียเคยกล่าวว่าอีเลฟเว่นสามารถหดตัวได้มากกว่า 10 เซนติเมตรและสวมชุดเกราะต่อสู้โลหะผสมเพื่อวิวัฒนาการ สิ่งนี้สามารถประหยัดเงินได้มาก ทว่าจากลักษณะแล้ว พวกมันเป็นเพียงหลุมพรางเท่านั้น
หากเขาทำเช่นนั้นจริง นั่นจะทำให้ศักยภาพวิวัฒนาการของอีเลฟเว่นต่ำลง
อย่างไรก็ตาม การสวมชุดเกราะต่อสู้หลังจากกลายร่างยักษ์??
หากเขาให้มันขยายร่างเป็นหลายสิบเมตรและสวมชุดเกราะที่สูงหลายสิบเมตร ค่าใช่จ่ายจะมากเพียงใดกัน?
แม้กระทั่งหมื่นล้านหยวนก็ไม่สามารถจ่ายได้!
แม้ว่านั่นจะสามารถกระตุ้นศักยภาพเผ่าพันธุ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ แต่พวกเขาจะหาวัสดุวิวัฒนาการจำนวนมากเช่นนี้ในประเทศได้ไหม?
สีหน้าของซืออวี๋มืดลง
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยได้ทำการวิจัยแล้วว่ามีโอกาสที่จะปลุกกลายร่างยักษ์ก่อนอสูรกินเหล็กจะวิวัฒนาการ บางทีนั่นอาจเป็นวิธีใช้การกลายน่างยักษ์เหรอ??
“เอ่อ เจ้าเป็นอะไรไหม?”
รุ่นพี่แพนด้ามองไปที่ซืออวี๋ผู้ที่นั่งอ่อนแรงอยู่ข้างนางและเอ่ยถามอย่างว่างเปล่า
ซืออวี๋ : “ไม่ ข้าสบายดี ข้าแค่ปวดท้องเท่านั้น”
ทีมวิจัยนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ซืออวี๋รู้สึกสับสนมาก ทีมวิจัยนี้มาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาของเขาหรือหลอกให้เขาจ่ายเงินกันแน่?
“แม้ว่าจะมีความขัดแย้งเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่นานนัก ในปัจจุบัน ขั้นตอนการประเมินสุดท้ายกำลังดำเนินอยู่ คาดว่าไม่เกินหนึ่งเดือนข้อมูลเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กจะถูกประกาศ ในขณะเดียวกัน มันจะถูกรวมไว้ในหนังสือเรียนและข้อสอบอีกเช่นกัน” รุ่นพี่แพนด้าวางมือลงบนพวงมาลัยและยิ้มออกมา
“น่าเสียหายที่ไม่มีความคืบหน้าในการศึกษาจารึก เราใกล้จะถึงแล้ว…”
คราวนี้ ซืออวี๋ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงแรม เขาแค่ต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณเท่านั้น
สถาบันวิจัยอสูรกินเหล็กที่สร้างขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นไม่เล็กเลย มันอาจทำให้ซืออวี๋ว่างได้อย่างสมบูรณ์
แม้ว่าตอนนี้ซืออวี๋จะเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังดูเหมือนจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้อยู่
…
หลังจากมาถึงสถาบันวิจัย ซืออวี๋ก็ตระหนักได้ว่าปรมจารย์หลินฮงเหนียนและคนอื่นไม่ได้อยู่บริเวณนี้เลย ในทางกลับกัน เจ็ดยอดนักโบราณคดีสองสามคนเป็นคนที่ใช้งานที่นี่
สิ่งที่ควรมีไม่มี สิ่งที่ไม่ควรมีแต่กลับมี เขายังคงต้องการจับแพนด้ายักษ์และจำลองทักษะด้วยมือของเขา
ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสในวันนี้
“รุ่นพี่ซืออวี๋ เจ้ามาแล้ว”
หลินหยูเอ้อ หญิงสาวอีกคนหนึ่ง เจิ้งอิ๋งเจีย หวังเล่อและหลู่เหยากำลังเล่นไพ่กันอยู่ที่ชั้นหนึ่งของสถาบันวิจัย เมื่อเขาเห็นพวกเขา ใบหน้าของซืออวี๋ก็มืดลง
เขาทำตัวว่างเพราะเขามาที่นี่เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประเมิน ทว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงทำตัวว่างเช่นกันล่ะ?
รุ่นพี่แพนด้าข้างซืออวี๋ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าให้อาหารอสูรกินเหล็กเสร็จแล้วเหรอ? การตรวจสอบอุปกรณ์ทดลองเสร็จแล้วเหรอ?”
“เราทำเสร็จแล้ว!” ทุกคนกล่าวออกมา
อย่างไรก็ตาม นั่นยังคงเป็นเพราะว่าภารกิจของพวกเขาไม่หนักมากนัก ในสถาบันวิจัย ยังมีอสูรกินเหล็กน้อยสองสามตัวระดับปลุกตื่นในสวนเพื่อการวิจัย ภารกิจของพวกเขาก็คือการดูแลอสูรกินเหล็กน้อยให้ดีและบันทึกข้อมูลการเติบโตของพวกมัน
พวกเขามาจากสาขาโบราณคดีอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากำลังทำงานของสาขาเพาะพันธุ์และสาขาวิจัย โชคดี ที่นี่ไม่มีงานที่ลำบาก ด้วยคำแนะนำของจากผู้จบการศึกษาจากสาขาเพาะพันธุ์ที่เชี่ยวชาญด้านการบ่มเพาะอสูรกินเหล็กเช่นหลินซิ่วจู พวกเขาจึงไม่เป็นไร
“รุ่นน้อง ข้าเห็นพลังงานของเจ้าแล้ว เจ้าต้องพร้อมแล้วใช่ไหม?”
“เป็นไงบ้าง? ระดับมิติฝึกสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นแล้วใช่ไหม? อสูรกินเหล็กได้อยู่ระดับเหนือธรรมชาติแล้วใช่ไหม?”
“เจ้าทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองหรือยัง?”
เมื่อซืออวี๋มาถึง พวกเขาก็หยุดเล่นการ์ดและเริ่มเอ่ยถามซืออวี๋เกี่ยวกับผลลัพธ์การฝึกฝนของเขาด้วยความสงสัย
ในตอนแรก หลังจากที่สถาบันถูกสร้างขึ้น ทุกคนก็เชิญให้ซืออวี๋อยู่ที่นี่ต่อ
อย่างไรก็ตาม ซืออวี๋ปฏิเสธทันที ช่างเป็นเรื่องตลก มีคนที่นี่่เยอะมาก เขาจะเพิ่มแต้มให้แก่สัตว์อสูรของเขาได้อย่างสบายใจได้ยังไงกัน?
“ใช่แล้ว โดยพื้นฐานแล้วไม่มีปัญหาอะไร” ซืออวี๋ยิ้มออกมา
ตอนนี้ ความไม่แน่นอนเพียงอย่างเดียวก็คือการสอบข้อเขียน
คลังคำถามสำหรับการประเมินมืออาชีพนั้นลึกยิ่งกว่าในหนังสือเรียนสมัยมัยธมเสียอีก เขาฝึกทำพวกมันไม่นานนัก เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ไหม…
แม้ว่าจะไม่ต้องให้มีคะแนนที่โดดเด่น แต่หากไม่ผ่านการสอบข้อเขียน พวกเขาจะถูกคัดออกโดยตรงเช่นเดียวกัน กลไกนี้ซับซ้อนมากเกินไป
“ดีแล้ว” เจิ้งอิ๋งเจียพยักหนา้และกล่าวว่า “ยังไงก็ตาม เจ้าต้องการข่าวอะไรไหม?”
“ข้าได้ยินมาว่ามีสัตว์ประหลาดอัจฉริยะหลายตัวที่เข้าร่วมการประเมินมืออาชีพนี้ ข้าสงสัยว่าเจ้าจะได้เจอพวกเขาไหม”
“บอกข้าหน่อยสิ”
ในขณะนี้ ซืออวี่ได้นั่งลงและกำลังดื่มน้ำแข็ง เขาฟังรุ่นพี่คุยโม้อย่างเงียบสงบ
“ดูเหมือนจะมีคนหนึ่ง พ่อของเขาเป็นผู้สื่อวิญญาณและแม่ของเขาเป็นนักฝึกมังกร เขาทำสัญญากับมังกรหนุ่มกระดูกยมโลกที่มีทั้งธาตุอันเดตและมังกร รวมทั้งสัตว์อสูรตัวที่สองเช่นเดียวกัน จิตวิญญาณมังกรที่หลงเหลืออยู่แห่งตระกูลอันเดต สิ่งที่ไร้สาระที่สุดก็คือสัตว์อสูรทั้งสองตัวของเขายังสามารถหลอมรวมเพื่อต่อสู้ด้วยกัน แม้ว่าตัวหนึ่งจะเป็นมังกรกระดูกและอีกตัวจะเป็นจิตวิญญาณมังกร แต่พวกมันก็ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมังกรแท้จริงได้ ทว่าเมื่อพวกมันหลอมรวมกัน มันให้ความรู้สึกที่คล้ายกับมังกรแท้จริงมาก อาจไม่มีสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการแม้แต่ตัวเดียวที่สามารถต้านทานมันได้” เจิ้งอิ๋งเจียเดาะลิ้นของเขา
“ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่การประเมินจะเริ่มขึ้น เขาได้ถูกจองตัวโดยสาขาต่อสู้และชมรมต่อสู้แล้ว ไม่ว่ายังไง ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเขาจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณซึ่งเป็นปรมจารย์ชั้นนำที่มีชื่อเสียง นี่เป็นเส้นทางการเติบโตที่ถูกวางแผนไว้อย่างแน่นอน”
ซืออวี๋ : “อืมมม”
ในตอนแรก ซืออวี๋ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการ ตราบใดที่ระดับการเติบโตของพวกมันยังคงอยู่ในระดับเหนือธรรมชาติ อีเลฟเว่นก็สามารถต่อสู้กับมันได้ อย่างไรก็ตาม อะไรคือสัตว์อสูรสองตัวที่หลอมรวมกัน? จิตวิญญาณมังกรครอบครองมังกรกระดูกเหรอ? นั่นได้เหรอ?
เมื่อเทียบกันแล้ว เขารู้สึกว่าอีเลฟเว่นและบักกี้ไม่ได้ร่วมมือกันมากนัก… นี่ประมาทเกินไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีเวลามากเกินไปและเขาไม่มีเวลาให้กลยุทธ์ต่อสู้คู่ที่ทรงพลังแก่บักกี้และอีเลฟเว่น
“ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้ยินมาว่าลูกชายวัย 12 ปีของตำนานหยินจะเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพนี้ด้วยเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงไหม ทว่านั่นไร้สาระมาก ตอนอายุ 12 ปี ข้ายังไม่ได้ปลุกพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรเลย”
“ทำไมถึงมีเด็กอายุ 12 ปีด้วยล่ะ…” ซืออวี๋ไร้คำกล่าว
ไม่แปลกใจเลยที่จะมีผู้เข้าร่วมอายุ 32 42 และ 52 ปี ทว่าผู้เข้าน่วมอายุ 12 ปีนั้นต่ำเกินไป!
“บางทีเขาอาจได้รับสืดทอดพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของตำนานหยิน… ความแข็งแรก่งของพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรพิเศษของเขาสามารถจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรกในบรรดาพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรทั้งหมด”
“พรสวรรค์อะไรเหรอ?” ซืออวี๋เอ่ยถามออกมา
พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรพิเศษ… เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หากสารบัญทักษะของเขาถูกพิจารณาว่าเป็นพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรพิเศษ มันอาจจะอยู่ในระดับที่ผิดปกติอย่างมาก
ในขณะนี้ พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่เป็นที่รู้จักกันยังคงเป็นของนักฝึกสัตว์อสูรจากศตวรรษก่อน ว่ากันว่าเขามีพรสวรรค์ ‘การวิวัฒนาการ’ และสามารถช่วยสัตว์อสูรทุกตัวให้วิวัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังเป็นนักฝึกสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้กับระดับเทพนิยายในเรื่องเล่าขานมากที่สุด
ซืออวี๋รู้สึกว่าสารบัญทักษะของเขาด้อยกว่าพรสวรรค์การวิวัฒนาการนี้เล็กน้อย
บางครั้ง พรสวรรค์พิเศษก็ไร้เหตุผลเมื่อเทียบกับพรสวรรค์เสริมพลัง พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรที่อ่อนแอที่สุดต้องเป็นพรสวรรค์พิเศษ ทว่าพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ต้องเป็นพรสวรรค์พิเศษเช่นเดียวกัน
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน