ตอนที่ 224 ส่งมอบอาวุธ(ฟรี)
(งดสองวันนะครับออกต่างจังหวัดครับ)
เช้าของวันใหม่
ตูม!!
เต่าทมิฬกำลังก้าวเดินไปข้างหน้า และเปลี่ยนทุกย่างก้าวของมันให้ราบเป็นหน้ากอง
มันใช้พลังเปลี่ยนเส้นทางข้างหน้าให้กลายเป็นถนน
ในเวลานี้ที่เมืองเต่าทมิฬ
ที่ชั้นสองของปราการซานไห่ เป็นพื้นที่พักอาศัยของทหารที่ประจำที่อยู่ที่นี่
และช่วงที่ฟ้าใกล้จะสว่างเต็มที่
ปัง!!
เสียงประตูที่ถูกเปิดออกอย่างรุนแรงดังขึ้น
วันนี้เว่ยกังเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยก่อนสิบนาที และเข้าไปดูพื้นที่พักด้วยสีหน้าเย็นชา
เสียงเปิดประตูเสียงดังทำให้ทหารที่หลับอยู่ตื่นขึ้น
ในหอพักของปราการซานไห่นั้นจะมีเตียงเรียงกันเป็นแถวและเว้นห่างกันอย่างเป็นระเบียบหากทหารลุกตื่นขึ้นมาก็พร้อมยืนตรงข้างเตียงได้เลย
ที่อีกฝั่งของหอพักจะเป็นพื้นที่ห้องน้ำและห้องซักล้าง มีอ่างล้างหน้าแถวยาวพร้อมกับของใช้ส่วนตัวเช่นแปรงสีฟันของทหารวางอยู่บนชั้นหน้าอ่างล้างหน้า
แปรงสีฟันเองเป็นสิ่งที่มู่เหลียงสร้างขึ้น มันทำมาจากขนของสัตว์และใยของแมงมุม
ยาสีฟันถูกทำขึ้นมาจากผงถ่านซึ่งมันใช้ทำความสะอาดฟันได้เหมือนกัน
“นี้มันเป็นเวลาอะไรแล้ว ทำไมยังถึงนอนกันอยู่อีก!”
เว่ยกังตะโกนเสียงดัง ด้วยใบหน้าที่ขึงขัง ทำให้ทหารที่ยังง่วงนอนอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นออกจากภวังทันที
เว่ยกังมองไปรอบๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม
“ให้เวลาทุกคนครึ่งกองไฟ ทำความสะอาดทุกอย่างให้เรียบร้อย หากฉันเจออะไรไม่เข้าตา ตารางการฝึกตอนเช้าจะเพิ่มเป็นสองเท่า!”
“รับทราบ!”
ทุกคนในห้องตอบที่ละคนและไม่พร้อมเพรียงกัน
“พวกแกไม่ได้กินมื้อเช้ากันมารึไง! ตอบยังกับพวกปวกเปียก!!”
นั้นก็ถูกต้องทุกคนยังไม่ได้กินมื้อเช้าเลยด้วยซ้ำ
“รับทราบ!!”
ครั้งนี้ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรีนงกันทันที
“ดี ค่อยดูมีพลังขึ้นมาหน่อย”
เว่ยกังหันหลังแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าขึงขัง
ทันทีที่เขาก้าวขาออกไป ทุกคนในหอพักก็เรียบจัดแจ้งเก็บกวาดทุกอย่างทันที
“เร็ว!! รีบจัดเตียงแล้วแต่งตัว!”
“เวรเอ๊ย! ฉันปูผ้าที่นอนไม่เก่งด้วย แบบนี้ซวยแน่!”
“นี้แกพูดเล่นรึไง อยู่มาต้องหลายังแล้วยังทำไม่เป็นอีก!”
ทั่วทั่งหอพักเกิดความวุ่นวายขึ้น สำหรับทหารเก่าที่มีประสบการณ์แล้วก็จัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและเสร็จเป็นกลุ่มแรกๆ
บ้างคนเริ่มที่จะมาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว การแปรงฟันเริ่มจากเอาผงถ่านมาผสมกับน้ำเล็กน้อยก่อนที่จะใช้แปรงจุ่มลงไป แค่นี้ก็จะแปรงฟันได้แล้ว
พวกเขาแยกเขี้ยวและแปรงฟันอย่างรวดเร็ว จนฟันของพวกเขาดำสนิท
“นี้ แบบนี้มันจะทำให้ฟันสะอาดได้จริงงั้นหรอ”
ทหารใหม่ที่พึ่งมาประจำการรู้สึกสับสน
“ได้อยู่แล้ว หลังแปรงฟันด้วยผงถ่านพวกนี้ฉันรู้สึกเลยว่าปากของฉันสะอาดขึ้น”
“ใช่มันดีมาก อย่างน้อยเสียงของฉันมันก็ไม่แย่เท่าเมื่อก่อน”
“ฮะๆๆ”
พื้นที่อ่างล้างหน้า มีเสียงของผู้คนหยอกล้อกัน
“หยุดเล่นกันได้แล้ว ฉันไม่อยากให้ตารางฝึกตอนเช้าเพิ่มขึ้น”
ชายสูงวัยมากประสบการณ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
สิบนาทีต่อมาเว่ยกังเดินเข้ามาในหอพักอีกครั้ง
เขาตะโกนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทุกคนจัดแถว”
พรึบ!!
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนยืนตรงหน้าเตียงของตัวเอง
เว่ยกังเริ่มสำรวจดูเตียงแต่ละคนอย่างละเอียด
และเขามีหยุดชะงักไปเล็กน้อยมองไปยังเตียงนอนหนึ่ง
พร้อมกับชี้ไปที่ผ้าปูที่นอน
“ใครนอนเตียงนี้!”
“ผมครับ”
เจ้าของเตียงก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ
“ฉันเคยสอนวิธีการปูผ้าไปแล้วใช่รึป่าว!”
เว่ยกังถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ครับ”
เจ้าของเตียงได้แต่ตอบอย่างขมขื่น
เว่ยกังมองและหรี่ตาลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลง
“แล้วแบบนี้หมายความว่าไง…”
“มันยากเกินไป ผมยังไม่เข้าใจดีครับ…”
เจ้าของเตียงพยายามอธิบาย
“ยากเกินไป?”
สีหน้าของเว่ยกังถึงกับมืดครึ้มลง และตวาดออกมา
“แค่พับผ้ามันยากมาก!! แบบนี้คงไปคาดหวังให้ต่อสู้กับใครหน้าไหนไม่ได้แล้ว แบบนี้ใครจะปกป้องดูแลครอบครัวของแกที่อยู่ในเมืองได้!”
เจ้าของเตียงถึงกับคอหด
“ยืดตัวตรง! ทหารควรมีวินัยและปฏิบัติตัวให้สมกับเป็นชาตินักรบ!”
เว่ยกังขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่จะเหลือบมองไปที่ทุกคนในห้อง พร้อมกับพูดเสียงดัง
“ทุกคนเป็นหน้าเป็นตาของเมืองเต่าทมิฬ ทำตัวปวกเปียกแบบนี้จะทำให้ศัตรูกลัวได้ยังไง!”
คำพูดเหล่านี้ได้สั่นสะเทือนไปถึงหัวใจของทหารทุกคนในหอพัก พวกเขาหลับตาและคิดภาพตาม
“หากว่าพวกแกคิดว่าที่นี่อยู่แล้วลำบาก ก็บอกฉันคนนี้มาซะ ฉันจะอนุญาตให้ออกจากกองทัพไปเอง”
เว่ยกังพูดพร้อมกับเหลือบมองไปยังทุกคนด้วยสายตาที่ไม่แยแส
“อย่าลืมว่า ชีวิตเป็นอยู่ตอนนี้มีได้เพราะอะไร”
ทหารทุกคนถึงกับชะงักไป
หลังจากเข้าร่วมกับกองทัพของเมืองเต่าทมิฬ พวกเขาก็ได้กินอาหารวันละ 3 มื้อ ได้กินผักสีเขียวที่ครั้งหนึ่งพวกเขาได้แต่ฝันใฝ่ว่าจะกินให้ได้สักวัน
ทุกคนรู้สึกทราบซึ้งในบุณคุณของมู่เหลียงอย่างมาก มันได้เพิ่มความรู้สึกทนงตนในการเป็นทหารของเมืองเต่าทมิฬมากขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ ทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามฝึกได้แล้ว ตารางฝึกตอนเช้าของวันนี้จะถูกเพิ่มเป็นสองเท่า!”
คำพูดของเว่ยกังดังก้องเข้าไปในโสตประสาทหูทุกคน
“รับทราบ!”
ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่มีท่าทางไม่พอใจออกมาเลย
เว่ยกังเคยกล่าวเอาไว้ว่าผิดหนึ่งคน ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด
สิ่งนี้ช่วยทำให้ต่างคนต่างดูแลกัน ไม่ให้ทำเรื่องผิดพลาด
ห้านาทีต่อมา ทหารแห่งป้อมซานไห่ก็มารวมตัวกันที่สนามฝึก
สถานที่ฝึกนั้นอยู่เส้นทางหลักของเมืองชั้นนอก ซึ่งเป็นสนามฝึกประจำของกองทหาร
รูปแบบการฝึกตอนเช้านั้นง่ายๆ มีแค่วิดพื้นแบบเพิ่มน้ำหนัง ซิทอัพแบบถ่วงน้ำหนัก กระโดดตบแบบถ่วงน้ำหนัก
จะให้เข้าใจว่าเพิ่มน้ำหนักยังไง อย่างวิดพื้นจะมีแผ่นหินขนาดใหญ่วางอยู่บนหลังเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นไปอีก
น้ำหนักจะมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน
“ในเมื่อมากันครบแล้ว เริ่มฝึกตอนเช้าได้”
เว่ยกังออกคำสั่งเสียงดังสนั่น
ฮึบ!! ฮา!!
ทุกคนเริ่มแบกหินขึ้นมาบนร่างกาย และเริ่มออกกำลังกาย
“ในที่สุด ก็เริ่มจะดูเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น”
เว่ยกังบ่นออกมาอย่างแผ่วเบา
จากนั้นก็มีทหารจากหน่วยอื่นวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรีบร้อน
“แม่ทัพเว่ยกัง ท่านเจ้าเมืองเรียกไปพบ”
“เข้าใจแล้ว”
เว่ยกังพยักหน้าตอบทันที
ก่อนที่เขาจะวิ่งขึ้นไปบนเนินสูง และผ่านด่านตรวจก่อนเข้าตำหนักเจ้าเมือง
เว่ยกังที่มาถึงประตูห้องทำงาน ก็จัดแจ้งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเคาะประตู
“เข้ามา”
แอ๊ด!
หลังจากได้ยินเสียงตอบรับ เว่ยกังก็ผลักประตูเข้าไปทันที
มู่เหลียงกำลังเล่นเกล็ดสีม่วงอยู่ในมือ ซึ่งมันถูกถอดมาจากเสี่ยวจื่อ
เกล็ดสีม่วงพวกนี้มีพลังงานสายฟ้าไหลอยู่ และมู่เหลียงกำลังคิดว่าจะใช้สิ่งนี้ทำอะไรดี
เกราะสายฟ้างั้นหรอ หรือว่าจะทำแบตสำรอง
“ท่านเจ้าเมือง เรียกกระผมมาพบงั้นหรอครับ”
เว่ยกังกล่าวทักอย่างสุภาพ
“ตอนนี้เราใกล้ถึงเมืองปักษาแล้ว ฉันเองมีอาวุธใหม่ที่จะส่งให้กับกองทัพ”
มู่เหลียงวางเกล็ดสีม่วงลง และมองไปทางเว่ยกัง
“แม่ทัพเว่ยกังจงรับผิดชอบนำอาวุธจากโรงงานผลิตทางการทหารไปแจกจ่ายให้กับกองทัพทั้งสองที่เหลือด้วย”
นัยน์ตาของเว่ยกังฉายเป็นประกาย
“รับทราบ”
“มันคือหน้าไม้มันมีทั้งหมด 24 อัน แบ่งให้กับทุกกองทัพเท่าๆ กัน จะได้ทัพละ 8 อัน”
มู่เหลียงพูดขึ้นพร้อมกับผลักกองเอกสารให้เว่ยกัง และพูดอย่างใจเย็น
“นี้คือเอกสารรับอาวุธกับวิธีการใช้อาวุธ จงศึกษามันอย่างดี”
“รับทราบ”
เว่ยกันขานรับ
เขาหยิบเอกสารที่น่าจะเป็นคู่มือการใช้อาวุธขึ้นมาและอ่านทุกคำอย่างละเอียด
มู่เหลียงวางมือเท้ากับโต๊ะ และพูดต่อ
“ยังไงก็ตาม หลังจากที่ทหารได้รับหน้าไม้ไปแล้ว ให้พวกเขาฝึกการยิงแบบเป็นชุดยิงด้วย”
“รับทราบ”
เว่ยกังตอบด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“ไปได้แล้ว”
มู่เหลียงโบกมือ และหันมาสนใจเกล็ดสีม่วงต่อ
“งั้นขอตัวท่านเจ้าเมือง”
เว่ยกังทำความเคารพก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงาน กลับไปที่สนามฝึกอีกครั้ง
“จะทำยังไงถึงจะถอดเกล็ดของเสี่ยวจื่อออกมาได้อีกนะ”
มู่เหลียงพูดกับตัวเองเบาๆ
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เว่ยกังมาที่โรงงานทางการทหาร พร้อมกับใบคำสั่งรับเบิกอาวุธจากมู่เหลียง
เมื่อผ่านการตรวจสอบเรียบร้อบแล้ว เจ้าหน้าที่ทำการส่งมอบหน้าไม้ให้แล้วก็จากไปโดยไม่สนใจอะไรเว่ยกังอีกเลย
เว่ยกังกับไปที่ป้อมซานไห่ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกอธิบายยากหลังจากเจอการกระทำเช่นนั้น
เขาเรียกเกาเฉากับซานหยางมาพบ
“นี้คืออาวุธประจำการใหม่ของกองทัพ หน้าไม้ทั้งหมด 24 อัน”
ซานหยางกับเกาเฉาหยิบหน้าไม้ขึ้นมาและสำรวจมันด้วยความตื่นเต้น
“พวกมันเป็นอาวุธวิญญาณทั้งหมดเลย และเป็นระดับต่ำ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยกัง
“นี่มันมากเกินไปรึป่าว ที่จะให้อาวุธแบบนี้กับทุกคน”
ซานหยางตื่นเต้นมาก ทุกครั้งที่เขาสัมผัสไปบนหน้าไม้ เขารู้ได้เลยว่ามันมีมูลค่าหลายผลึกสัตว์อสูร
แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนของเมืองเต่าทมิฬแล้ว ความคิดที่จะขโมยเอาไปขายนั้นได้หายไป ไม่งั้นศพเขาคงไม่สวยแน่
“เลิกคิดอะไรไร้สาระซะ”
เว่ยกังพูดเตือนสติ
“.....”
ซานหยางถึงกับเอามือขึ้นมาเกาหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ที่เผลอปล่อยนิสัยเก่าออกมา
“นี่คือระเบียดและขั้นตอนการใช้อาวุธจากเจ้าเมือง อ่านมันและจดจำให้ขึ้นใจ”
เว่ยกังส่งกระดาษเอกสารให้กับทั้งสองคน
“ข้อ 1 หากไม่มีคำสั่งให้ใช้หน้าไม้ ห้ามนำออกมาใช้ทั้งสามป้อมปราการ”
“ข้อ 2 หากจงใจทำลายอาวุธ หรือรวมไปถึงลูกศร ลูกดอกหน้าไม้ และเครื่องแบบจะถูกจำคุก”
“ข้อ 3 ห้ามทำการนำอาวุธที่อยู่ในการควบคุมออกไปภายนอกเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนโทษประหารชีวิต”
“ข้อ 4….”
เกาเฉาและซานหยานอ่านทุกข้ออย่างตั้งใจ และอ่านซ้ำทวนอย่างละเอียด
เว่ยกังเลยพูดขึ้น
“แต่ละกองทัพจะได้หน้าไม้ 8 อัน พวกนายเอาไปเก็บไว้กับกองทัพตัวเองได้ และอย่าลืมจัดหาเวลาฝึกซ้อมใช้อาวุธให้กับทหารในกองทัพด้วย”
“เข้าใจแล้ว”
ซานหยานกับเกาเฉาตอบรับทันที และเตรียมที่จะสั่งให้คนของกองทัพตัวเองมาขนหน้าไม้กลับ
“จำเอาไว้ว่า เมื่อออกเวรทุกครั้งหน้าไม้ต้องถูกส่งกลับคืนคลังแสง”
เว่ยกังย้ำเตือนอีกครั้ง เพราะนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังให้ดี
ป้อมปราการทั้งสาม ต่างมีคลังแสงของตัวเองที่เก็บอาวุธ
เช่น ดาบ หน้าไม้ และลูกดอกหน้าไม้
ทหารที่ประจำการที่อยู่ในป้อมจะมีการเปลี่ยนกะเวรทุกสี่ชั่วโมง
เมื่อมีการเปลี่ยนกะเวร ทหารจะต้องคืนอาวุธให้กับคลังแสงทุกครั้ง และเมื่อใครมารับต่อจะต้องระบุตัวตนพร้อมกับลงทะเบียนเบิกอาวุธด้วย
เพื่อแน่ใจว่าของที่เบิกไปจะมีคนดูแล และไม่เสียหาย
“เข้าใจแล้ว”
ซานหยางกับเกาเฉาตอบรับอีกครั้ง
พวกเขาพาคนของตัวเองมาขนของกลับไปยังป้อมปราการที่ตัวเองดูแล และพร้อมที่จะฝึกใช้งานอาวุธนี้ต่อไป