1171 - ฆ่าปิดปาก
1171 - ฆ่าปิดปาก
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
เย่ฟ่านหัวเราะอย่างมีความสุข เขาไม่ได้คาดหวังว่าราชวงศ์โบราณทั้งสองจะตื่นตระหนกกับทองคำโลหิตหงส์และยาเซียนกิเลนม่วงถึงขนาดนี้
“เจ้าต้องระมัดระวังไว้ หากผู้คนในถ้ำโหวหลินทนไม่ไหวมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะลงมือต่อเจ้าโดยตรง” จักรพรรดิดำกล่าวอย่างเป็นกังวล
เย่ฟ่านพยักหน้าและกล่าวว่า “นี่เป็นปัญหาจริงๆ แต่ถ้าเจ้าควบคุมพวกเขาให้ดีคนเหล่านี้จะกลายเป็นกระบี่สังหารที่ทรงพลังที่สุด บางทีอาจจะสามารถทำลายอเวจีและพิภพได้เลย”
จากนั้นเย่ฟ่านก็ประกาศออกไปว่าจะไม่ขายยาเซียนกิเลนม่วงและทองคำโลหิตหงส์โดยเด็ดขาด สมบัติทั้งสองจะถูกใช้เพื่อเป็นรางวัลตามเงื่อนไขเดิมเท่านั้น
เผ่าพันธุ์โบราณทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นพวกเขาทำได้เพียงระดมกำลังของตัวเองออกตามล่าศาลสวรรค์เท่านั้น
“เยี่ยมมาก แม้ว่ามันจะเป็นกระบี่สองคม แต่ถ้าเจ้าใช้มันอย่างเหมาะสม การทำลายอเวจีและพิภพมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือจินตนาการอีกต่อไป!” หลี่เหอสุ่ยกำหมัดแน่นหลังจากได้ยินข่าว
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นมาตงหวงก็ไม่สงบอีกต่อไป ผู้คนนับแสนต่างระดมกำลังออกหาร่องรอยของศาลสวรรค์ เรื่องนี้ไม่เพียงมีมหาอำนาจเผ่าพันธุ์มนุษย์เข้าร่วมเท่านั้น ยังมีเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนมากที่เกิดความกระตือรือร้นอย่างถึงที่สุด
ในระหว่างนี้เย่ฟ่านได้ขนส่งต้นกำเนิดสวรรค์จำนวนมากไปเก็บรักษาไว้ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นรางวัลที่ใช้ในภารกิจนี้ แสงของต้นกำเนิดสวรรค์เปล่งประกายแวววาวและทำให้ผู้คนตระหนักได้ทันทีว่าเย่ฟ่านจะไม่บิดพลิ้วค่าจ้างอย่างแน่นอน
ความสามารถที่เย่ฟ่านแสดงออกมาตอนนี้ทำให้มหาอำนาจหลายแห่งเกิดความเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้รับเย่ฟ่านเข้าเป็นศิษย์ในนิกายของตัวเองตั้งแต่แรก
คนอย่างปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์หากคบหาฉันมิตรเขาจะนำผลประโยชน์มาให้อย่างไม่รู้จบ แต่เมื่อเป็นศัตรูเขาจะกลายเป็นภัยพิบัติอย่างแท้จริง
เย่ฟ่านนำสมบัติทั้งหมดมาไว้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน(หยกพลิกสวรรค์) และทำให้ผู้คนจ้องมองด้วยความอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องสมบัติเหล่านี้
ใครก็ตามที่คิดจะยื่นมือเข้ามาย่อมไม่แตกต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย นั่นก็เพราะสถานที่แห่งนี้มีเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นคนคอยดูแลอยู่นั่นเอง
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนก็ตกตะลึงเช่นกันเย่ฟ่านเกี่ยวข้องกับเซียนคนนี้ได้อย่างไร? ดูเหมือนเครือข่ายความสัมพันธ์ของเย่ฟ่านจะน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้
คราวนี้เย่ฟ่านเป็นผู้เปิดเผยว่าชายชราผู้บ้าคลั่งได้ต่อสู้กับปราชญ์ของเผ่าพันธุ์โบราณมากมายในดวงดาวโบราณจื่อเว่ยความแข็งแกร่งที่ชายชราผู้บ้าคลั่งแสดงออกมาทำให้เผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เย่ฟ่านหายตัวไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน ผลลัพธ์ก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ศิษย์มากกว่ายี่สิบคนจากศาลสวรรค์ถูกสังหารอย่างโหดร้าย
ในระหว่างนี้กิจการของศาลสวรรค์แทบจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ที่ว่าจ้างพวกเขาทำภารกิจลอบสังหารในตอนนี้ต่างก็ปรารถนาที่จะสังหารพวกเขาด้วยเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลให้ศาลสวรรค์ไม่กล้ารับงานลอบสังหารแม้แต่ครั้งเดียว
ต้นกำเนิดมากมายนับไม่ถ้วนถูกวางไว้ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ นั่นรวมไปถึงทองคำโลหิตหงส์ และยาเซียนกิเลนม่วงอีกด้วย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการนองเลือดเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ลูกศิษย์ของอเวจีและพิภพถูกสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นก็จะมียอดฝีมือมากมายไล่ล่าสังหารพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
“ในโลกนี้คงมีเพียงปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้นที่จะจ่ายต้นกำเนิดในราคาที่มากมายถึงขนาดนี้ได้!”
จักรพรรดิดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม ตลอดหลายวันที่ผ่านมามันมีโอกาสยักยอกต้นกำเนิดสวรรค์ไว้จำนวนมาก
เย่ฟ่านคิดเสมอว่าตัวเขาหลบซ่อนตัวดีมาตลอด อย่างไรก็ตามกลับมียอดฝีมือของศาลสวรรค์คนหนึ่งค้นพบที่อยู่ของเขาจนได้ คนผู้นั้นคือนักพรตเปาจื่อ(ใบมีดผุ)
ในอดีตเย่ฟ่าน เฉินฮวยหยวน หลี่เต๋อซ่ง นักพรตเปาจื่อ บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง และสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเคยเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายของเหมืองโบราณต้นกำเนิดด้วยกัน
แต่หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปเย่ฟ่านก็ไม่เคยเห็นนักพรตเปาจื่ออีกเลย เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันที่นี่
“ปู่ของข้าอยากเจอเจ้า” นักพรตเปาจื่อแก่ชราอย่างยิ่งแต่เขากลับบอกว่ามีปู่คนหนึ่ง?
“ปู่ของท่านเป็นใคร?” เย่ฟ่านถามอย่างงุนงง
“สวรรค์!” นักพรตเปาจื่อผู้ลึกลับกล่าวเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
สวรรค์ผู้ซึ่งครอบครองมรดกอันยิ่งใหญ่ของเซียนโบราณผู้แข็งแกร่งยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
เมื่อหลายแสนปีก่อนดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งร่วมมือกันแม้กระทั่งใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วจึงสามารถขับไล่สวรรค์ผู้เป็นปรมาจารย์ลำดับหนึ่งของศาลสวรรค์ให้ตกจากบัลลังก์ได้ ไม่คิดว่าเย่ฟ่านจะได้ยินชื่อของนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกคนนี้อีกครั้ง
“สวรรค์ยังอยู่ในโลก?” เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย ปัญหานี้ร้ายแรงมาก สำหรับเขามันเป็นเรื่องของชีวิตและความตายเลยทีเดียว
เพราะด้วยทักษะซิงจื่อและม้วนคัมภีร์ของสวรรค์ที่อยู่ในมือของเขานั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจะต้องปรารถนาแย่งชิงมันอย่างแน่นอน
นักพรตเปาจื่อดูเหมือนจะเดาได้ว่าเย่ฟ่านกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลปู่ของข้าไม่มีเจตนาร้าย เขาแค่อยากพบเจ้า”
จักรพรรดิดำมีดวงตาทอประกายลึกล้ำ มันเดินไปรอบๆ นักพรตเปาจื่อและกล่าวด้วยความสงสัย “ในตอนนั้นวังสวรรค์พังทลายไปแล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?”
“มันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ นั่นคือสิ่งเดียวที่ข้ารู้ อย่างไรก็ตามทันทีที่เจ้าไปถึงเจ้าจะเข้าใจเอง” ชายชรากล่าวอย่างเรียบง่าย
“ตกลง ข้าจะไปหาปู่ของท่าน” เย่ฟ่านกล่าว หากอีกฝ่ายต้องการทำร้ายเขาคงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวออกมาตั้งแต่แรก
หลี่เทียน เอี๋ยนอี้ซี และจักรพรรดิดำก็ต้องการไปด้วย แต่นักพรตเปาจื่อปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ในท้ายที่สุดมีเพียงเย่ฟ่านเท่านั้นที่ร่วมเดินทางกับเขา
“ระวัง นักฆ่าโบราณเหล่านี้ล้วนมีความเจ้าเล่ห์ไม่เหมือนใคร อย่าตกหลุมพรางของพวกมัน!” จักรพรรดิดำเตือน
เย่ฟ่านพยักหน้า หัวใจของผู้คนนั้นซับซ้อนที่สุด บางครั้งการสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง มันอาจเป็นเพียงอุบายที่ต้องการหลอกลวงเอาทักษะซิงจื่อเท่านั้น
หลังจากออกเดินทางหลายวันในที่สุดพวกเขาก็กลับมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง นักพรตเปาจื่อบอกว่าปู่ของเขาพักผ่อนอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เสมอมา
เย่ฟ่านไม่ต้องการมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง นั่นก็เพราะมีผู้คนจำนวนมากกำลังรอคอยเขาอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาดีกับเขา
“ผู้พิทักษ์เทียนซวนอยู่ที่นี่จะไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้กับเจ้า ปู่ของข้าคำนวณมาดีแล้ว” นักพรตเปาจื่อกล่าว
“จริงหรือ? มีบางอย่างที่ข้าอยากจะถามโดยละเอียดมาตลอด แต่ข้าไม่เคยมีโอกาสเลย” เย่ฟ่านสอบถามอย่างจริงจัง
“เรื่องอะไร?” เหล่าเต้าเป่าจือถาม
“ในตอนที่เราออกจากเหมืองโบราณต้นกำเนิดได้สำเร็จแล้วก็มีคนบุกโจมตีเราในตอนกลางคืน เขาตัดศรีษะของผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและไล่ล่าสังหารเราอย่างบ้าคลั่ง เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?” เย่ฟ่านยังคงเฝ้าคิดถึงเหตุการณ์นี้อยู่เสมอ
“ไม่ใช่ข้าแน่นอน เจ้าอาจยังไม่รู้ในตอนนั้นตัวข้าตกเป็นเป้าหมายของอีกฝ่าย และข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีเท่านั้น” นักพรตเปาจื่อกล่าว
จากนั้นเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เย่ฟ่านแตกตื่นตกใจ พวกเขาไม่ใช่คนเดียวที่เข้าไปในเมืองโบราณต้นกำเนิด ยังมียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอีกคนติดตามอยู่ด้านหลังของพวกเขาอีกต่อหนึ่ง
“นั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตโบราณใช่ไหม?”
“ไม่ เป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาติดตามอยู่ด้านหลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตั้งแต่แรกแล้ว”
เหตุการณ์ในตอนนั้นฐานการบ่มเพาะของเย่ฟ่านค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางรับรู้ได้ว่ามียอดฝีมือผู้ทรงพลังติดตามอยู่เบื้องหลัง
“คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ข้าสัมผัสถึงตัวเขาได้ตั้งแต่แรกแต่ไม่สามารถเปิดเผยให้พวกเจ้ารู้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะฆ่าข้าอย่างแน่นอน”
นักพรตเปาจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน เพียงประโยคนี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่านั่นจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ
“แสดงว่าคนที่ลงมือคืนนั้นไม่ใช่เหยากวง” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“ไม่ใช่ ดูจากประสบการณ์หลายปีของข้าบุคคลนั้นกำลังปกป้องบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอยู่ พวกเขามีการติดต่อกันอยู่เสมอ” นักพรตเปาจื่อกล่าว
“คนคนนั้นอาจจะเป็นผู้พิทักษ์ประจำตัวของเหยากวง” เย่ฟ่านอุทานด้วยความตกใจ
“คืนนั้นข้าต้องหนี หลังจากที่ข้าค้นพบความลับแล้วพวกเขาจะต้องฆ่าปิดปากข้าอย่างแน่นอน” นักพรตเปาจื่อกล่าว
“ใช่ เมื่อผู้อาวุโสหลบหนีไปคนเหล่านั้นก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะฆ่าปิดปากข้า” เย่ฟ่านกล่าว แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
….