ตอนที่แล้วตอนที่ 668 ทาสเจ้าปัญหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 670 ตามหาคน

ตอนที่ 669 ศิลาหางฟีนิกซ์


ตอนที่ 669 ศิลาหางฟีนิกซ์ 

“ผมทำเพื่อความอยู่รอด ถ้าหากว่าผมไม่กลายเป็นทาสผมก็จะต้องถูกเขาคนนั้นฆ่า” เซธกล่าวขึ้นมาด้วยความกลัว

“ใครเป็นคนอยากฆ่านาย?” เซี่ยเฟยถามอย่างแปลกใจ

เซธคือราชากฎที่มีความแข็งแกร่งมาก และถ้าหากว่าใครต้องการที่จะขู่ฆ่าชายคนนี้ คนคนนั้นก็จะต้องเป็นผู้มีพลังระดับราชากฎขั้นสูงเป็นอย่างน้อย

“นายท่านคงจะรู้แล้วว่าในอดีตผมเคยเป็นทหารรับจ้างที่ออกเดินทางไปจับทาสยังสถานที่ต่าง ๆ มาขายเพื่อเลี้ยงชีพ ซึ่งหลังจากที่ได้ประกอบอาชีพนี้มานานหลายปี ผมก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีเงินเก็บอยู่มากพอสมควร”

“ตอนแรกผมตั้งใจที่จะวางมือแล้วหาสถานที่อันเงียบสงบเพื่อใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย แต่ในตอนนั้นเองพ่อค้าทาสที่ชื่อหลู่หยู่หมิงก็เดินทางมาหาผม และว่าจ้างทีมของผมให้ไปกวาดล้างเผ่าพันธุ์หนึ่งด้วยราคาที่พวกผมไม่สามารถจะปฏิเสธได้จริง ๆ”

“ผมคิดว่าพวกผมจะรับงานนี้เป็นงานสุดท้ายก่อนที่จะวางมือ เพราะราคาที่ทางฝั่งนั้นเสนอมามากพอที่จะทำให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องทำงานอะไรไปอีกนานหลายปี ผมจึงตกลงรับข้อเสนอและนำพี่น้องภายในทีมเดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล”

“ในช่วงเริ่มต้นงานของเราดำเนินไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีปัญหาอะไร และถึงแม้ว่าพวกบัลรอคจะรู้จักวิธีการต่อสู้อยู่บ้าง แต่พวกมันก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ชอบใช้สมอง พวกเราจึงยุยงให้พวกมันแตกคอกันเองได้อย่างง่ายดาย และเมื่อพวกนักสู้ระดับสูงในเผ่าพันธุ์ห่ำหั่นกันเอง เราก็ใช้โอกาสนั้นในการกวาดล้างพวกมันทั้งเผ่าพันธ์ุ”

“วิธีการลักษณะนี้เป็นวิธีการทั่ว ๆ ไปที่พวกเราใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว พวกเราจึงสามารถจับตัวพวกบัลรอคได้มากกว่า 30,000 คนและภารกิจก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”

เซธเล่าถึงเรื่องในอดีตอย่างภาคภูมิใจ แต่หลังจากที่เขาได้เล่ามาจนถึงประโยคนี้สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นน่าเกลียดอย่างฉับพลัน

“แต่ในระหว่างที่เรากำลังจะขนสินค้ากลับไปส่งมอบงาน ชาวไลอ้อนฮาร์ทร่างสูงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น สิงโตพวกนี้ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่สูงศักดิ์ภายในดินแดนของมาร เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจึงมักไม่ค่อยปรากฏตัวในดินแดนเทพ”

“ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีพลังระดับราชากฎขั้นสูงสุดเท่านั้น แต่เขายังได้ครอบครองหินแปลก ๆ ที่เป็นหินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนและมีหางยาวเหมือนกับหางของไก่ฟ้าอีกด้วย”

“หินก้อนนั้นทรงพลังมากและมันก็เป็นอาวุธที่สามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับว่ามันมีชีวิต และถึงแม้ว่าพี่น้องของเราจะถูกสังหารไปแล้วหลายพันคน แต่ผมก็ยังไม่สามารถจะหาวิธีจัดการกับหินก้อนนั้นได้”

“ตอนนั้นผมกลัวมาก เพราะถ้าหากอีกฝ่ายจู่โจมอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างมากที่สุดผมก็คงจะทนได้ไม่เกิน 10 นาที ชาวไลอ้อนฮาร์ทคนนั้นจึงได้มอบทางเลือก 2 ทางให้กับผม ทางเลือกแรกคือให้ผมตายตรงนั้นซะ หรือทางเลือกที่ 2 ให้ผมเดินทางไปหาตระกูลหลิวแล้วขายตัวเองกลายเป็นทาสซะ”

ระหว่างที่เซธกำลังเล่าเซี่ยเฟยก็คอยสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังตลอดเวลา และเขาก็ได้พบว่าสิ่งที่ชายฉกรรจ์คนนี้เล่าดูไม่เหมือนเรื่องโกหก ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้ข้อสรุปว่าเหตุผลที่ทำให้เซธยอมตกเป็นทาส นั่นก็เพราะว่าเขาถูกข่มขู่จากชาวไลอ้อนฮาร์ทที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง

ด้วยระบบการสื่อสารแบบใหม่ที่ติดตั้งเข้าไปทำให้โอโร่สามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เซี่ยเฟยเห็นและได้ยินในเวลาพร้อม ๆ กัน แล้วเรื่องเล่าของเซธมันก็ทำให้อดีตจอมมารคนนี้ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ลองถามเขาสิว่าชาวไลอ้อนฮาร์ทคนนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? และเขามีชื่อว่าอะไร?” โอโร่ถามเสียงดังจนแทบจะตะโกนออกมา

เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าทำไมโอโร่ถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงถามเซธตามคำถามที่โอโร่สงสัย

“ผมไม่รู้จักชื่อของเขาหรอก แต่ผมไม่มีวันลืมรูปร่างหน้าตาของเขาไปตลอดชีวิต เขาคนนั้นแตกต่างจากชาวไลอ้อนฮาร์ทคนอื่น ๆ เพราะผมสีทองครึ่งศีรษะซ้ายของเขาโล้นว่างเปล่า ส่วนผมทางซีกขวาก็มีสีแดงเพลิงแตกต่างจากชาวไลอ้อนฮาร์ทที่จะมีผมสีทองสวยงาม บริเวณหน้าทางซีกซ้ายของเขามีรอยข่วน 5 เล็บราวกับว่าหนังศีรษะบริเวณนั้นถูกใครบางคนฉีกกระชากออกไป”

“แต่เนื่องมาจากว่าเขาสวมใส่หน้ากากประจำชนเผ่าไลอ้อนฮาร์ท ผมจึงไม่สามารถระบุรูปร่างหน้าตาที่อยู่หลังหน้ากากของเขาได้”

“รูปร่างภายนอกเขามีความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร เท่าที่เขาพูดมาดูเหมือนว่าเขาจะอาศัยอยู่บนดาวดวงเดียวกับพวกบัลรอคจนสนิทสนมกัน เขาจึงออกมาจัดการกับพวกเรานั่นก็เพราะว่าเราไปยุ่งกับเพื่อนของเขา และสิ่งที่เขาทำในตอนนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การเตือนเท่านั้น หากเขาพบเจอกับพวกเราเป็นครั้งที่ 2 เขาก็ขู่ว่าเขาจะฆ่าพี่น้องเราในส่วนที่เหลือรอดให้ตายกันทั้งหมด”

เซธเล่าเหตุการณ์ในอดีตด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความโกรธที่ถูกประทับเอาไว้ภายในจิตใจของเขาติดตราตรึงมากแค่ไหน

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่ถามคำถามใด ๆ เพราะเขากำลังสังเกตปฏิกิริยาของโอโร่ภายในแหวนมิติที่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังบ้าคลั่งไปแล้ว

“ผมไม่เคยเห็นใครในชีวิตที่สามารถทะลวงศิลาพิทักษ์ของผมเข้ามาได้อย่างง่ายดายเหมือนกับคุณ ถ้าหากว่าผมติดตามคุณไปชาวไลอ้อนฮาร์ทคนนั้นคงจะตามมาทำอันตรายอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว ได้โปรดเถอะนายท่านช่วยพาผมให้หลุดออกไปจากฝันร้ายในครั้งนี้สักที” เซธยังคงอ้อนวอนเซี่ยเฟยต่อไป

ในทางกลับกันเซี่ยเฟยยังคงนิ่งเฉยโดยเฝ้าดูปฏิกิริยาของโอโร่อย่างระมัดระวัง เพราะเขาไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้อดีตจอมมารเกราะดำผู้สง่างามกำลังคลั่งได้ถึงขนาดนี้

“เอาตัวมันไปเป็นทาสแล้วตามหาไลอ้อนฮาร์ทคนนั้นซะ!” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“คุณรู้จักคนที่เซธเล่างั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างตกใจอยู่เล็กน้อย

“เรียกว่ารู้จักมันน้อยไป ในอดีตฉันเคยเดินทางมาที่ดินแดนเนรเทศหลายครั้งเพื่อตามล่ามัน ในที่สุดวันนี้โชคชะตาก็เข้าข้างฉันแล้ว คราวนี้แกไม่มีทางรอดไปจากเงื้อมมือของฉันได้แน่ไอ้ควินซี่!!” โอโร่ร้องคำรามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“เขาคนนั้นชื่อควินซี่งั้นเหรอ?”

“ใช่ รอยแผลเป็นบนหน้ามันคือรอยที่ฉันเป็นคนทิ้งเอาไว้เอง” โอโร่กล่าว

“เขามีพลังระดับราชากฎขั้นสูงสุดไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาจะมีชีวิตยาวนานนับแสนปีได้ยังไง เป็นไปได้ไหมที่คุณจะเข้าใจอะไรผิด?” เซี่ยเฟยถาม

โอโร่คือนักรบผู้เป็นอมตะแล้วศัตรูของชายคนนี้จะมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบันได้ยังไง?

“ราชากฎขั้นสูงสุดย่อมไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวนับแสนปีได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากมันคนนั้นฝึกฝนกฎแห่งชีวิต พวกมันย่อมมีชีวิตยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันได้ ควินซี่คือผู้ได้รับสืบทอดกฎแห่งชีวิตจากฉันเป็นคนสุดท้าย เพราะในอดีตมันคือลูกศิษย์ของฉันเอง” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“อะไรนะ?! ลูกศิษย์ของคุณงั้นเหรอ?”

เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนที่จะนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

“ควินซี่มีสายเลือดของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทและมีความสัมพันธ์กับฉันทางสายเลือดที่ห่างกันไม่ไกล เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กควินซี่ถือได้ว่าเป็นนักรบที่มีพรสวรรค์มากจนถึงขนาดเลื่อนระดับเป็นราชากฎได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 17 ปี”

“ทุกคนในตระกูลต่างก็ยกย่องพรสวรรค์ของควินซี่ และในฐานะที่ฉันเป็นหนึ่งในผู้นำตระกูลในเวลานั้นฉันก็ตัดสินใจรับเขามาดูแลเป็นการส่วนตัว”

“ย้อนกลับไปในตอนนั้นฉันไม่เพียงแต่จะสอนกฎแห่งความมืดให้กับเขาเท่านั้น แต่ฉันยังสอนกฎแห่งชีวิตที่สำคัญที่สุดให้กับเขาด้วย ซึ่งในตอนนั้นควินซี่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง เพราะหลังจากที่เขามาเป็นลูกศิษย์ฉันได้เพียงแค่ไม่กี่ปีชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังไปทั่วทั้งดินแดน”

“น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดี ๆ เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่นาน ในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ควินซี่ก็ได้ขโมยศิลาหางฟินิกซ์ที่เป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเราไป ในเวลานั้นฉันจึงจู่โจมเข้าใส่เขาด้วยความโกรธและทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง”

“แต่ด้วยความช่วยเหลือของศิลาหางฟินิกซ์ มันจึงทำให้เขาหลบหนีมายังดินแดนเนรเทศได้สำเร็จ และถึงแม้ว่าฉันจะเคยเดินทางมาที่นี่แล้วหลายครั้ง แต่ฉันก็ไม่เคยได้พบตัวเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว” โอโร่เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต

“ศิลาหางฟินิกซ์!? ศิลาหางฟินิกซ์ที่เป็นหนึ่งในอาวุธมายาธาตุดินใช่ไหม?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ใช่แล้ว 4 ศิลาแห่งดาวใต้เคยเป็นสมบัติของตระกูลไลอ้อนฮาร์ทของฉันเอง บรรพบุรุษของพวกเราเคยรวมอาวุธมายาทั้งสี่ชิ้นนี้ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว และทำให้ตระกูลของพวกเรามีความแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน”

“น่าเสียดายที่หลังจากบรรพบุรุษของเราเสียชีวิต 4 ศิลาแห่งดาวใต้ก็กระจัดกระจายออกไปทั่วทั้งจักรวาล ภารกิจหลักในตระกูลของเราคือการพยายามรวบรวมอาวุธมายาทั้งสี่ชิ้นกลับเข้ามาที่ตระกูลอีกครั้ง”

“แต่น่าเสียดายที่ในช่วงชีวิตของฉันพวกเราสามารถหาศิลาหางฟินิกซ์กลับมาได้เพียงแค่ชิ้นเดียว แต่ควินซี่ก็ทรยศพวกเราและขโมยมันไป” โอโร่กล่าวด้วยความแค้น

“เท่าที่ผมรู้มาการจะทำให้อาวุธมายายอมรับการเป็นเจ้าของได้คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ถึงยังไงควินซี่ก็เคยเป็นลูกศิษย์คนโปรดของคุณและเขาก็เป็นสมาชิกราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทด้วย แล้วทำไมพวกคุณถึงต้องโกรธหลังจากที่เขาได้ครอบครองศิลาหางฟินิกซ์ไปแบบนั้น?” เซี่ยเฟยถามอย่างไม่เข้าใจ

“เหตุผลที่เขาถูกตัดสินโทษตายไม่ใช่เพราะว่าเขาขโมยศิลาหางฟินิกซ์ แต่มันเป็นเพราะว่าเขาฆ่าพ่อของตัวเองหลังจากถูกจับได้ว่าเป็นคนขโมยศิลาหางฟินิกซ์ไปต่างหาก” โอโร่อธิบายเพิ่มเติม

เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าควินซี่จะเหี้ยมโหดมากจนถึงขั้นสังหารบิดาของตัวเอง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงถูกตัดสินโทษประหารชีวิตจากตระกูลของตัวเองแบบนี้

“พ่อของควินซี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสามารถทางด้านการต่อสู้แต่เขาก็เป็นคนซื่อสัตย์ที่รับใช้ตระกูลมาอย่างดี ฉันจึงไว้ใจเขามากและฝากความลับที่สำคัญเอาไว้กับเขาอย่างมากมาย”

“แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะระมัดระวังตัวมาชั่วชีวิต แต่เขาก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือลูกชายของตัวเอง ไหนนายลองบอกฉันมาซิว่าฉันสมควรจะฉีกกระชากร่างของมันออกเป็นชิ้น ๆ ไหม?”

โอโร่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธราวกับว่าเขาต้องการจะออกไปสังหารควินซี่ซะเดี๋ยวนี้เลย

“การลงมือของฉันในครั้งนั้นทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นถึงแม้เวลาจะผ่านพ้นมานานหลายปี แต่เขาก็ยังคงมีพลังระดับราชากฎอยู่เหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่ฉันสอนกฎแห่งชีวิตให้กับเขาด้วย มันเลยมีชีวิตรอดอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้ง

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโอโร่ถึงคลั่งได้มากขนาดนั้น เพราะคนที่โหดร้ายแบบนี้สมควรที่จะถูกฆ่าแล้วจริง ๆ แล้วมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงว่าพ่อของควินซี่เคยเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของโอโร่ในอดีตอีกด้วย

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเนิ่นนานควินซี่คงจะคิดว่าการตามล่าจากชาวไลอ้อนฮาร์ทคงจะสิ้นสุดลงแล้ว เขาจึงปรากฏตัวออกมาอย่างกล้าหาญแบบนี้ แต่เขาก็คงจะไม่คิดว่าเซี่ยเฟยกับโอโร่จะได้รับข่าวสารของเขาโดยบังเอิญ

“ถึงแม้ว่านายจะปล่อยฉันออกไปในตอนนี้ แต่ฉันก็คงจะไม่สามารถสังหารควินซี่ได้ เพราะท้ายที่สุดฉันได้สูญเสียพลังทุกอย่างไปจนหมดแล้ว และมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาอีกนานสำหรับการพัฒนาพลังกลับมาอีกครั้ง แต่ฉันไม่อยากให้มันมีชีวิตรอดต่อไปอีกสักวินาทีเดียว เซี่ยเฟยนายช่วยฆ่ามันให้ฉันได้ไหม?” โอโร่กล่าวด้วยความโกรธ

“ผมอยากจะช่วยเหลือคุณอยู่แล้ว แต่ควินซี่มีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นสูงสุดที่แม้แต่เซธที่มีพลังระดับราชากฎขั้นที่ 2 ก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ผมคิดว่าพลังของผมในตอนนี้ยังไม่มากพอที่จะจัดการกับเขา ถึงยังไงเขาก็ฝึกฝนกฎแห่งชีวิตเขาจะต้องอยู่ต่อไปอีกนานหลายปี เราค่อย ๆ คิดหาวิธีจัดการเขากันดีไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว

“แม้ว่าควินซี่จะมีศิลาหางฟินิกซ์แต่นายก็มีหงส์ครามที่ได้รับการพัฒนามาแล้วเหมือนกัน นอกจากนี้คนที่สอนพลังให้กับมันคือฉันเอง ไม่มีใครรู้จักมันไปดีกว่าฉันแล้ว ด้วยพลังของนายในตอนนี้รวมกับความรู้ที่ฉันมี นายย่อมไม่มีปัญหาในการจัดการกับมันอย่างแน่นอน” โอโร่กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

‘หงส์ครามปะทะกับศิลาหางฟินิกซ์งั้นเหรอ!? เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีจริง ๆ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

***************

ทุกคนคิดว่าพี่เฟยจะไปหรือไม่ไป?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด