ตอนที่แล้ว1167 - วิญญาณเทพจากตำหนักเต๋า 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1169 ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับศาลสวรรค์ 

1168 - เรื่องปกติของผู้บ่มเพาะ


1168 - เรื่องปกติของผู้บ่มเพาะ

“คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่โหดร้ายต่อศัตรูเท่านั้น พวกยังโหดร้ายกับตัวเองด้วย การทำลายเทพในตำหนักเต๋าของตัวเองย่อมส่งผลกระทบต่อการบรรลุเต๋าในอนาคต น่าเหลือเชื่อจริงๆ” หลี่เหอสุ่ยถอนหายใจ

“พิภพ อเวจี ข้าจะเป็นคนลบชื่อของพวกเจ้าออกจากโลกนี้เอง!” เย่ฟ่านมองไปในระยะไกลและคำรามเสียงดัง

ผังป๋อ ตงฟางเย่ อู๋จงเทียน และคนอื่นๆ ล้วนถูกมือสังหารจากศาลสวรรค์ทำร้าย บางคนบาดเจ็บบางคนสูญหาย ความแค้นนี้ไม่มีทางเลิกลากันโดยสันติ

“จะทำอย่างไรต่อไป เราจะสร้างนิกายขึ้นมาหรือออกตามหาที่ตั้งของศาลสวรรค์ก่อน?” หลี่เหอสุ่ยถาม

พวกเขาต่างเห็นพ้องกันว่าตอนนี้พวกเขาควรใช้ความสัมพันธ์เพื่อค้นหาเบาะแสต่างๆ เกี่ยวกับศาลสวรรค์และทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้ราบคาบ

“ข้าเคยค้นพบสถานที่อันงดงามแห่งหนึ่งเราจะตั้งนิกายขึ้นที่นั่น” เย่ฟ่านให้ที่อยู่โดยละเอียด

วานรศักดิ์สิทธิ์คุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวแต่ก็ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้าร่วมนิกายกับเย่ฟ่าน หลี่เหอสุ่ยประกาศเสียงดังว่าเขาจะต้องค้นพบที่อยู่ของศาลสวรรค์ได้อย่างแน่นอน

หลี่เหอสุ่ยสามารถขอคำแนะนำจากกลุ่มโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบสามได้ ไม่ต้องกล่าวถึงจี้จื่อเยว่ที่เป็นทายาทของตระกูลโบราณ ข้อมูลที่นางค้นพบนั้นทำให้เย่ฟ่านมั่นใจว่าจะค้นหาศัตรูได้อย่างแน่นอน

“ถึงเวลาคืนสมบัติแล้ว” ต้วนเต๋อกล่าว

เย่ฟ่านกล่าวว่ายังมีบางอย่างที่เขาต้องทำ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นจะคืนหม้ออสูรกลืนสวรรค์นี้ให้กับต้วนเต๋ออย่างแน่นอน จากนั้นทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางไปยังดินแดนลับของราชามังกรเขียว

เมื่อมาถึงที่นี่เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพ อสูรโบราณทั้งหมดล้วนให้เกียรติเขาราวกับเป็นเย่ฟ่านทายาทของราชามังกรเขียวอย่างแท้จริง

เย่ฟ่านมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับชิงยี่และนักพรตมังกรแดงเพื่อคืนร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณให้เผ่าพันธุ์อสูร

นี่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ แม้ว่าเผ่าพันธุ์อสูรจะใจกว้าง แต่ก็ไม่ใจกว้างพอที่จะมอบร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่บรรลุการเป็นเซียนให้กับผู้อื่นอย่างไร้เงื่อนไข

ยิ่งไปกว่านั้น โลกทุกวันนี้ยังเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำและอาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ เผ่าพันธุ์อสูรจำเป็นต้องใช้สมบัติชิ้นนี้เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

“เจ้าอยากให้หรูอวี้กลับมาไหม หากจำเป็นข้าจะเรียกนางกลับจากทะเลทรายตอนตกทันที” นักพรตมังกรแดงกล่าว

“ยังไม่ถึงเวลา”

เย่ฟ่านถอนหายใจและเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับการเดินทางตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาให้ทุกคนฟัง

“ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจักรพรรดิชิงอีกคนจะถือกำเนิดขึ้น”

หลังจากกล่าวแบบนี้ เย่ฟ่านแสดงความเคารพต่อนักพรตมังกรแดงก่อนจะขอตัวจากไป

เขากำลังจะไปพบสหายเก่าคนหนึ่ง เขามีความกังวลอย่างมากในตอนที่มายืมร่างเซียนกับชิงยี่เพราะไม่ได้เจอนางที่นี่ แต่เมื่อเขากลับมาในครั้งนี้เขาก็ค้นพบความจริงอันน่าตกใจ

“คนรักของเจ้าหรือ?” หลี่เทียนถามด้วยรอยยิ้ม

จักรพรรดิดำเม้มปากและไม่สามารถพูดอะไรได้ มันรู้จักภูตสาวฉินเหยาเป็นอย่างดี นี่เป็นหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงามและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเย่ฟ่าน ความตายของนางย่อมสร้างความเศร้าโศกให้กับเขาอย่างถึงที่สุด

เย่ฟ่านเดินขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความเศร้าโศก ลึกเข้าไปในป่าสนมีเพียงหลุมศพเดียวดาย นี่เป็นหลุมศพที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก บนแผ่นหินหน้าหลุมศพสลักชื่อฉินเหยาไว้อย่างชัดเจน

ร่างกายของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน นี่เป็น ‘สหายเก่า’ อีกคนที่เสียชีวิตในระหว่างที่เขาเดินทางเข้าสู่ทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ย

“สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

เย่ฟ่านหลงทางอยู่พักหนึ่ง หลังจากเดินทางอย่างยาวนานตลอดสิบสองปีเขาหวังอย่างยิ่งว่าจะได้พบนางอีกสักครั้ง แต่สิ่งที่พบเจอกลับมีเพียงหลุมศพที่อยู่ตรงหน้า

“เจ้าก็รู้สึกเสียใจเป็นด้วยหรือ? นางรอคอยเจ้ามาโดยตลอดแต่เจ้ากลับเดินทางข้ามทุ่งดวงดาวเพียงลำพัง ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากกลับมาในใจของเจ้าก็ไม่เคยคิดถึงนางแม้แต่ครั้งเดียว” หญิงสาวสวมเสื้อคลุมขนนกสีทองปรากฏตัวและกล่าวอย่างเย็นชา

เย่ฟ่านจำหญิงสาวคนนี้ได้ นางคือจินเอี๋ยนหญิงสาวตัวเล็กๆที่ทำตัวน่ารำคาญเสมอ อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของนางเขากลับไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด มีเพียงความเศร้าโศกอย่างถึงที่สุดเท่านั้น

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่ด้านหลังของจินเอี๋ยน ทายาทของอสูรผู้ยิ่งใหญ่สามคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือไป๋เฟิง จินอวี้และกู่จู้ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะแข่งขันเย่ฟ่านเพื่อคว้าหัวใจของฉินเหยา

“นางจากไปได้อย่างไร นางเสียชีวิตได้อย่างไร?” เย่ฟ่านถามหลังจากเงียบไปนาน

“นางเพิ่งเสียชีวิตไม่ถึงสองร้อยวัน” ไป๋เฟิงตอบ

“อะไรนะ?” เย่ฟ่านตกตะลึง นั่นเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เขากลับมาถึงโลกใบนี้แล้ว

“หลังจากรู้ว่าเจ้ากลับมาแล้วนางก็มีความสุขมาก แต่ไม่นานนางก็เริ่มฝึกฝนอย่างหนักอีกครั้ง” กู่จู้กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบห้าว

“ทำไม เกิดอะไรขึ้น” เย่ฟ่านมองดูเขา

“เพราะเจ้าและนางเป็นเหมือนบุคคลจากสองโลกที่แตกต่างกัน ฐานการบ่มเพาะของเจ้าแข็งแกร่งเกินไป นางพยายามอย่างยิ่งที่จะตามให้ทัน แต่มีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้น…” กู่จู้กล่าวด้วยความคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด

“มันตลกใช่ไหมล่ะ?” จินเอี๋ยนเช็ดน้ำตาก่อนจะวางช่อดอกไม้สีขาวไว้หน้าหลุมศพอันโดดเดี่ยวและกล่าวว่า “สำหรับเจ้านางอาจเป็นเพียงผู้ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่นับตั้งแต่พบกับเจ้าชีวิตของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ภายใต้สายลมหวีดหวิวเย่ฟ่านยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า หน้าอกของเขารู้สึกโหวงเหวงแม้แต่ลมหายใจก็ยังเร่งร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้าเจ้าไม่เคยปรากฏตัวนางจะยังคงเป็นนางและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป บางทีนางอาจจะแต่งงานกับพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปแล้ว”

คำพูดที่สงบลอยมาในสายลม เหมือนกับมีดกรีดเข้าไปในหัวใจของเย่ฟ่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถพูดอะไรได้

“ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องผิดหวัง ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่มีความจำเป็น หลังจากผ่านไปหลายปีเมื่อเจ้านึกถึงนางอาจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเพียงประสบการณ์เล็กๆ ในชีวิตของเจ้า พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่มันไม่ใช่โลกที่พวกเราจะติดตามไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉินเหยาก็รู้เรื่องนี้ดีเพียงแต่นางไม่ยอมรับเท่านั้น”

จินเอี๋ยนเป็นคนน่ารำคาญเสมอมา อย่างไรก็ตามคำพูดของนางในตอนนี้เย่ฟ่านกลับไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามคำพูดของนาง นั่นคือมันไม่มีความจำเป็นจริงๆ

สิบสองปีผ่านไปเมื่อเขากลับมาทุกสิ่งทุกอย่างก็แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ป่าสนเงียบสงบ เหลือเพียงหลุมศพอันโดดเดี่ยว เขาจะไม่มีโอกาสได้พบหญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์และอ่อนหวานคนนั้นอีก

ลมพัดดอกไม้สีขาวที่กู่จู้และคนอื่นๆ นำมาให้กระจัดกระจายไปจากหลุมศพ ในไม่ช้าดอกไม้เหล่านั้นก็จะเหี่ยวเฉาเช่นเดียวกับชีวิตของฉินเหยา

“ครั้งสุดท้ายที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าเพียงต้องการพบผู้อาวุโสมังกรแดงและจากไปโดยไม่เคยเอ่ยถามสักคำ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าจะมีใครบางคนรอคอยเจ้าอยู่ที่นี่?” เสียงของจินเอี๋ยนเกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้ารีบขนาดนั้นเลยหรือ? มีเรื่องน่าสะเทือนใจรอเจ้าทำอยู่หรือเปล่า? เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่ามีโลงศพเย็นๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่นี่ มันไม่สำคัญขนาดนั้นจริงๆ หรือ? เจ้าไม่มีแม้กระทั่งเวลามาเยี่ยมนาง? หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าเคยมีนางอยู่ในชีวิต” จินเอี๋ยนกระชากเสียง

ป่าสน สุสาน ฝนกำลังตก เย่ฟ่านยืนนิ่งอยู่นานและไม่สามารถกล่าวอะไรได้

ฉินเหยาเหี่ยวเฉาเหมือนบุปผาที่ร่วงหล่น ชีวิตของนางสิ้นสุดลงอย่างน่าเศร้า นางเคยงดงามอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ แต่สุดท้ายชีวิตของนางกลับจบลงอย่างรวดเร็วราวกับดอกไม้ไฟ

จินเอี๋ยน กู่จู้และคนอื่นๆ จากไปแล้ว ทิ้งเย่ฟ่านไว้ตามลำพังบนภูเขา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา เขายืนอยู่หน้าหลุมศพแห่งนี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้

ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็เทลงมาจนทำให้ร่างกายของเขาเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า หยดน้ำที่ตกลงมาทำให้เสียงของทุกสรรพสิ่งถูกกลบฝัง

เย่ฟ่านใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์มองผ่านชั้นดินและโลงศพ เขาเห็นหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งนอนหลับไหลอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว

กลิ่นหอมยังคงอบอวลอยู่ทั่วร่างกายของนาง ความงามของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางนอนอยู่ในโลงศพอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากเย่ฟ่านไม่ถึงครึ่งวาแต่ความจริงเขาไม่สามารถสัมผัสนางได้อีกแล้ว

ระยะห่างของพวกเขาถูกคั่นด้วยชีวิตและความตาย แม้จะเป็นเพียงชั้นดินตื้นๆ แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่สดใสของนางได้อีกต่อไป

เย่ฟ่านนั่งอยู่หน้าหลุมศพและวางมือบนดิน ปล่อยให้ฝนตกหนักลงมาบนร่างกาย เขากล่าวอะไรบางอย่างเบาๆ จนกระทั่งรุ่งสาง

ในวันที่สองฝนยังไม่หยุดตก แต่เบาลงมาก หมอกยังคงค้างอยู่ในป่าสน เย่ฟ่านมองดูสุสานเป็นครั้งสุดท้ายและเดินลงจากภูเขา

ที่ตีนเขา จินเอี๋ยน กู่จู้ และคนอื่นๆ ยืนมองเย่ฟ่านเดินผ่านสายฝนด้วยความโกรธแค้น ในที่สุดจินเอี๋ยนก็อดไม่ได้ นางชี้หน้าเขาและตะโกนด่าทอด้วยคำพูดที่เลวร้ายทุกประเภท

บางคำพูดก็รุนแรงเกินไปและไม่มีความจริงแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านไม่ได้ตอบโต้อะไรเขารู้ดีว่านางเพียงต้องการระบายความโกรธแค้นเท่านั้น

“หากพี่สาวของเจ้ารักเย่ฟ่านจริง เจ้าคิดว่านางจะมีความปรารถนาให้เขาเจ็บปวดหรือไม่?” หลี่เทียนไม่สามารถกดกลั้นได้อีกต่อไป

“ไปกันเถอะ”

เย่ฟ่านหยุดหลี่เทียนและไม่เปิดโอกาสให้เขาตอบโต้อะไรกลับไปอีก จากนั้นทุกคนก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป

“นางหนูนั่นเป็นหนึ่งในอัจฉริยะเผ่าพันธุ์อสูรที่มีพรสวรรค์มากที่สุด นางไม่ควรตายเช่นนั้น” จักรพรรดิดำพึมพำ

บนเส้นทางแห่งการฝึกฝนอันยาวนานไม่รู้ว่ามีผู้บ่มเพาะล้มตายไปมากมายเท่าใด ถนนสายนี้โหดเหี้ยมเกินจะจินตนาการ

ความจริงนี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ผู้คนให้ความสนใจกับเหล่าวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ใครจะมาเสียเวลาใส่ใจกับบุคคลที่ล้มเหลวเหล่านี้

…….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด