บทที่ 28 : ตายเพื่ออุดมการณ์งั้นเหรอ?
บทที่ 28 : ตายเพื่ออุดมการณ์งั้นเหรอ?
ทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในห้องมนตราผลึกน้ำแข็งกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง แม้ว่าฮาคุจะต่อสู้กับทีมที่เจ็ดได้ แต่เขากลับไม่ได้ต่อสู้กับพวกเขาอย่างเต็มกำลังเลย
ในขณะที่สกัดกั้นทีมที่เจ็ด ฮาคุก็คอยระวังซาโตรุที่อยู่นอกขอบเขตคาถาและในขณะเดียวกัน ก็ยังคงมองหาโอกาสที่จะหลบหนีจากที่นี่ไปพร้อมกับซาบุสะ
ณ ยามนี้ ด้านนอกผลึกน้ำแข็ง
"การฝึกฝนเจ้าพวกเด็กตัวแสบเป็นไปด้วยดี" ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมา แกะออกและโยนมันเข้าไปในปากของเขาแล้วเริ่มดูดมันเบา ๆ เขาใช้ตาทิพย์ของเขาเพื่อดูการต่อสู้ของทีมที่เจ็ด
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของทีมที่เจ็ด การเอาชนะฮาคุคงเป็นเรื่องยากราวกับตกนรก
แต่ฮาคุคนนี้ทั้งไร้เดียงสาและใจดีมาก ก่อนที่จะฆ่าศัตรู เขาคงจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ซาโตรุใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ฮาคุไม่สามารถฆ่าคนได้ เพื่อฝึกฝนทีมที่เจ็ด
ไม่มีศัตรูที่เหมาะสมสำหรับการฝึกฝีมือไปมากไปกว่านี้แล้ว
“ซาโตรุ ในเมื่อแกมีพลังมหาศาล ทำไมแกถึงยอมเป็นอาจารย์ทีมเด็กขยะนี้กันล่ะ?” ซาบุสะลุกขึ้นพร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลไปทั่วทั้งร่างกาย กระดูกสองชิ้นในช่องท้องของเขาหัก เขาได้แต่จ้องมองซาโตรุอย่างเย็นชา
มันเป็ฯเรื่องยากที่จะเข้าใจ เพราะซาโตรุมีพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงตัดสินใจมาเป็นอาจารย์กัน?
ตัวเขาเองก็กระตือรือร้นที่จะได้รับพลังมาโดยตลอด ต้องการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านคิริงาคุเระที่รู้จักกันในชื่อหมู่บ้านหมอกโลหิต
เขาเกลียดการปกครองแบบเผด็จการของหมู่บ้านคิริงาคุเระ อยากเปลี่ยนแปลงถึงขั้นก่อกบฏครั้งหนึ่ง แต่จบลงด้วยความล้มเหลว
ทว่าหากมีพลังของซาโตรุ...
“เพราะสึนะจังไงล่ะ” ซาโตรุแตะคางแสร้งทำเป็นกำลังคิดอย่างจริงจัง
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่รู้จักในนามนินจาผู้กระหายเลือดและเขาได้สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ตราบใดที่มันเป็นเป้าหมายของภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ หรือเด็ก เขาก็พร้อมทำ
ทุกคนต่างได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันจากเขา
แต่ตอนนี้เขาแค่อยากเป็นคนธรรมดาและใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ
ช่วยโลก?
สร้างปัญหาหรือ?
ไม่ใช่กงการอะไรของฉันสักหน่อย!
“สึนะจัง?” ใบหน้าของซาบุสะพลันเปลี่ยนไป
ใครกัน?
ซาโตรุตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับไปอย่างไม่จริงจังนัก
“วางดาบเพื่อผู้หญิงที่ฉันรัก แกคงไม่เข้าใจสินะว่าหมายความของคำนี้คืออะไร?” ซาโตรุมองลงไปที่ซาบุสะเบาๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“คงเพราว่าท้ายที่สุดแล้ว แกก็เป็นแค่เครื่องมือที่ถูกเรียกว่านินจา”
"หลังจากที่เทรุมิขึ้นสู่อำนาจ หมู่บ้านคิริงาคุเระก็ถูกแยกออกจากหมู่บ้านหมอกโลหิต"
“ตอนนี้แกอยากเปลี่ยนแปลงอะไรกัน? สุดท้ายที่แกกำลังทำอยู่ก็ไม่ต่างกับจมปลักกับความล้มเหลว” ซาโตรุยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวประชดประชัน
"หุบปากซะ" ซาบุสะที่เงียบมาตลอดได้เผยถึงความโกรธในดวงตาของเขา
เขารู้ว่าหมู่บ้านคิริงาคุเระในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว
หลังจากที่มิซึคาเกะ เทรุมิ เมย รุ่นที่ 5 เข้ารับตำแหน่ง เธอก็เปลี่ยนการปกครองแบบเผด็จการของหมู่บ้านหมอกโลหิตในอดีตมาเป็นหมู่บ้านคิริงาคุเระเช่นยามนี้
ซาโตรุดูดอมยิ้มแล้วพูดต่ออีกว่า “แกคงไม่สามารถลืมมันได้ เพราะมันเป็นเพียงแรงจูงใจเดียวที่เป็นแรงสนับสนุนให้แกมีชีวิตอยู่ตอนนี้สินะ”
“หรือแกเกลียดคิริงาคุเระที่เคยเลี้ยงแกให้เป็นปีศาจและละทิ้งฮาคุไปล่ะ?”
"หากเป็นผู้หญิงที่รักของฉัน...ฉันคงแก้แค้นหมู่บ้านคิริงาคุเระ ถ้าฉันเป็นฮาคุ ฉันคงซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาเชียวล่ะ"
"หุบปาก หุบปาก!" ใบหน้าของซาบุสะได้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เขาประสานอิน ทันใดนั้นหมอกบางเบาก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางๆ
หมอกสีจางๆ ก่อตัวขึ้น และซาบุสะก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆด้านหลังซาโตรุ
ขีดจำกัดสายเลือดงั้นเหรอ??
ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องมีจุดอ่อน!
แสงสว่างวูบวาบไปทั่ว คุไนอันแหลมคมได้พุ่งฟันไปที่คอของซาโตรุ
“อย่ารีบร้อนไป เสียพลังงานเปล่าๆ มาคุยกันดีๆ เถอะ” ซาโตรุไม่ขยับและด้วยพลังของตาทิพย์ เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุไนที่แหลมคมกำลังพุ่งเข้ามาใกล้
*ตู้ม*
คุไนอันแหลมคมหยุดอยู่ตรงหน้าซาโตรุนิ่ง ราวกับถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นไว้
“ไม่เคยมีบันทึกในหนังสือว่าจะมีใครมีขีดจำกัดสายเลือดที่ประหลาดขนาดนี้มาก่อน!” ซาบุสะไม่ยอมแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เขาประสานอินด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อเตรียมที่จะหายไปในหมอกอีกครั้ง
“หายากนะที่จะมีนินจามุ่งมั่นแบบแกได้” ซาโตรุเอามือล้วงกระเป๋า หันกลับมาและเตะหัวของซาบุสะอย่างแรง
ด้วยการเตะ "ปัง" อย่างแรง กะโหลกของซาบุสะก็ลั่น และร่างกายของเขาก็ถูกเตะออกไปจนหมุนตัวไปในอากาศหลายครั้ง เขากระแทกเสาหินอย่างแรง ร่างของเขาได้จมลงในเสาหินจนแทบจะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
“คะ แค่ก แค่ก” ซาบุสะไออย่างรุนแรง และทุกครั้งที่เขาไอ เขาจะพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้จิตสำนึกของเขาเริ่มเบลอ สมองเริ่มไม่รับรู้ ปากของเขาพึมพำอะไรบางอย่าง
ซาโตรุไม่ได้ทำอะไรเลยเลยเมื่อครู่ กล่าวคือขีดจำกัดสายเลือดของเขาสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติงั้นหรือ?
เป็นความสามารถที่อันตรายยิ่ง
ซาโตรุคนนี้…เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!
ซาโตรุหายตัวและปรากฏตัวต่อหน้าซาบุสะ เขาก้าวขึ้นไปบนความว่างเปล่าและร่างกายของเขาก็กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
นี่คือหนึ่งในความสามารถของ [ไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด] ดึงพลังที่ไม่มีขีดจำกัดลงมาสู่ความเป็นจริงเพื่อให้สามารถยืนเหนือท้องฟ้าได้
"แกบินได้เหรอ?!" ซาบุสะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองซาโตรุด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มีขีดจำกัดสายเลือดที่สามารถทำให้บินอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ เหรอเนี่ย?!
หลังจากการต่อสู้กับซาโตรุ ทัศนะและการรับรู้ทั้งสามประการของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
ความแข็งแกร่งของซาโตรุนั้นเกินกว่าความเข้าใจของนินจาผู้นี้
“ไม่จำเป็นต้องมองหาจุดอ่อนของฉันหรอก” ซาโตรุหัวเราะเบาๆ "ฉันลืมบอกแกไปว่าฉันน่ะมีระบบป้องกันอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงเชียวนะ"
พลังของเขา [ไร้ขีดจำกัด] จะถูกเปิดใช้อัตโนมัติเสมอ มันสามารถแยกแยะการใช้ได้อย่างแม่นยำผ่านการตัดสินใจของซาโตรุเอง
ทั้งสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย
นี่คือสาเหตุที่ซาโตรุกล้าเรียกตัวเองว่าผู้ไร้เทียมทาน
เพราะนอกเหนือจากพิษและภาพลวงตาแล้ว การโจมตีทั้งหมดล้วนไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลยสักนิดเดียว
“น่าแปลก มีความสามารถประหลาดแบบนี้อยู่บนโลกด้วยสินะ” สีหน้าของซาบุสะเปลี่ยนไป
ถ้าเป็นจริงอย่างที่ซาโตรุบอก แสดงว่าคงไม่อาจโจมตีใส่ได้เลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกการโจมตีล้วนไร้ความหมาย!
มีแต่เสียแรงเปล่า
“แกชอบฮาคุใช่ไหม?” ซาโตรุถาม
“พูดบ้าอะไรเนี่ย!?” ใบหน้าของซาบุสะเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าซาโตรุจะพูดเรื่องนี้ยามนี้
“ไม่ต้องอายหรอกไอ้คนซึนเดเระ” ซาโตรุชี้ไปที่หน้าอกของซาบุสะด้วยอมยิ้มแล้วพูดด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ “พูดมาสิ แกชอบเด็กที่ชื่อฮาคุใช่ไหม?”
ซาบุสะไม่ตอบโดยตรง แต่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ในเมื่อฉันพ่ายแพ้แล้ว แกจะฆ่าหรือเชือดก็ได้ตามที่แกต้องการ แต่อย่ามาถามคำถามโง่ๆ แบบนี้!"
“หัวใจของแกเต้นเร็วขึ้นจังเลยนะ” ซาโตรุปิดปากแล้วหัวเราะเยาะ “ฮ่าๆ เห็นได้ชัดว่าแกชอบเขาจะตาย แต่แกกลับไม่กล้าตอบใจจริงออกมา ตลกมากเลยนะ”
“ฉันเคยให้โอกาสแกไปแล้ว ความจริงแกเองก็หนีไปได้ ทำไมไม่หนีไปล่ะ?” ซาโตรุพูดต่อไปเรื่อยๆ
“แกไม่เคยเจอกับความเศร้าโศก แกจะไปเข้าใจความฝันของฉันได้ยังไง!” ซาบุสะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ในฐานะนินจา ฉันมีสิ่งที่อยากจะทำให้เป็นจริง ต่อให้ฉันจะตายก็ตาม!"
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับศัตรูที่ร้ายกาจเช่นซาโตรุ
หลังจากเอาชนะเขาแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่ได้จัดการกับเขาทันที แต่กลับเอาแต่พูดคุยกับเขาด้วยเรื่องไร้สาระมากมาย
คำถามเหล่านี้เหมือนกับเป็นการทรมานเขาชัดๆ
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว แกนี่มันซึนเดเระเหลือเกิน นิสัยซึนเดเระแบบนั้นเชยมาก มันล้าหลังไปนานแล้ว” ซาโตรุพูดเบาๆ “แกเองก็เข้าใจดีไม่ใช่เหรอ?”
“แกพูดผิดแล้วล่ะ”
“เป็นเรื่องดีที่แกกับฮาคุจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ยังมีรูหลังให้ใช้นะ” ซาโตรุพูดติดตลก
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี แต่นี่คล้ายกับเป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย
"ฉันต้องต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของฉันเท่านั้น ฉันจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่แกพูดสักนิดเดียว!" ซาบุสะยังคงแน่วแน่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนเขาได้
ต่อให้จะตาย มันก็ไม่สำคัญ
ซาโตรุเฝ้าดูการต่อสู้ในผลึกน้ำแข็งผ่านตาทิพย์
ไอ้เด็กแสบนารูโตะเริ่มใช้จักระเก้าหางด้วยตัวเองเสียแล้ว
แม้ว่าจำนวนมันจะน้อย แต่อย่างน้อยเขาก็เติบโตขึ้นมาก
ตอนนี้ทีมเจ็ดฝึกฝนกันมามากพอแล้ว ก็คงถึงเวลาจัดการกับศัตรูเสียที
เช่นนั้นทางฝั่งเขาก็คงต้องรีบจัดการมันให้เรียบร้อยสินะ