นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 329 - นักล่ามนุษย์หมาป่า
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอเดโอล่าแล้ว ทันทีที่เธอเห็นสีหน้าที่มืดดำของเดวิด
มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “ยิ้มอะไร? มีอะไรน่ายินดีกะทันหันอย่างนั้นหรือ?”
สาวสวยยักไหล่ของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัดออกมา “อืม? ก็ท่านพ่อน่าจะตามมาถึงในเวลาอีกไม่ถึง 20 นาทีนี่แล้วนะสิ”
หัวคิ้วของเดวิดชนกันแล้ว “ไม่มีทาง! คราวนี้ฉันทำลายเครื่องติดตามตัวทิ้งไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะมีใครตามหาตัวได้เจอเร็วขนาดนั้นแน่”
หญิงสาวยิ้มออกมา เธอรอที่จะกล่าวประเด็นนี้อยู่เช่นกัน มันอาจจะเป็นทางรอดเดียวที่หวังได้ ทำให้เจ้าหมอนี่กลัวจนทิ้งตัวเองหนีไป “หึ! ท่านพ่อคือจ่าฝูงนะ ความสามารถของอัลฟาคือรับรู้ตำแหน่งของสมาชิกในฝูงได้ทั้งหมด โดยเฉพาะคนที่ถูกจดจำกลิ่นอายเอาไว้แล้ว แกคิดว่าท่านจะหาลูกสาวตัวเองไม่เจอเลยเชียวหรือ
ต่อให้แกพาฉันหนีออกไปนอกเมือง แต่ถ้าไม่พ้นระยะทาง 100 กิโลเมตร ท่านก็ยังสามารถระบุตำแหน่งได้อยู่ดี แกก็เป็นมนุษย์หมาป่า เรื่องแค่นี้คงเข้าใจได้ไม่ยากล่ะมั้ง?” อเดโอล่ายักไหล่ ก่อนจะเอนหลังพิงไว้กับกำแพงอย่างสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
หัวใจของเดวิดแทบจะหยุดเต้นอีกครั้งเมื่อฟังคำอธิบายนี้ เพราะสิ่งท่ี่ได้ยินมันสมเหตุสมผลไม่น้อย มนุษย์หมาป่าระดับอัลฟาน่าจะทรงพลังพอที่จะขยายขอบเขตความสามารถพื้นฐานไปถึงระดับที่เธอบอกได้จริง ๆ เขามองข้ามจุดนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลย
“ให้ตายสิ!”
เดวิดสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ต่อให้มันไม่เป็นไปตามสิ่งที่หญิงสาวบอกมา 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่ใช่ระยะทาง 100 กิโลเมตร หรืออาจจะไม่ใช่ภายใน 20 นาทีนี้ แต่พวกนั้นต้องกำลังมาแน่ สิ่งที่เธอบอกไม่ใช่เรื่องโกหกที่ไม่มีมูล
บางที อาจจะไม่ใช่การระบุตำแหน่งด้วยกลิ่นเสียด้วยซ้ำ พวกนั้นอาจจะมีวิธีในการตามตัวสมาชิกในฝูงด้วยอย่างอื่นอีก
ไม่ว่าจะเป็นอะไร? เดวิดก็ไม่คิดที่จะรอความตายอยู่ที่นี่ เขาคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง และคว้าตัวของสาวสวยแบกขึ้นบนบ่า ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากห้องไปอย่างไม่รีรอ
...
ประมาณ 30 นาทีให้หลัง บนถนนที่สกปรกและเหม็นเน่า ชายชราคนหนึ่งกำลังเดินอยู่อย่างช้า ๆ มือทั้ง 3 ข้างไพล่หลังเอาไว้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่รีบร้อนนัก ทุกย่างก้าวที่เขาเดินออกมานั้นมั่นคงและเงียบเชียบ คลื่นพลังงานไม่มีการรั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย แม้จะเป็นการเดินอย่างช้า ๆ แต่การก้าวแต่ละครั้งได้ระยะทางเป็น 10 เมตรเลยทีเดียว
การปรากฏตัวของชายแก่คนนี้ทำให้ทั่วบริเวณกลายเป็นเงียบกริบ ไม่ใช่เพราะการแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา แต่มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดบางอย่าง อำนาจการกดข่มของสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าตามธรรมชาติต่างหาก ที่ทำให้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในบริเวณรอบข้างต้องหดหัวเงียบลงไปเพราะความหวาดกลัวและเกรงขาม มันเป็นสัญชาตญาณที่ฝังลึกอยู่ในพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด หลบเลี่ยงผู้ที่อยู่เหนือกว่าอย่างสุดกำลัง อย่าพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างเด็ดขาด
หลังจากปรากฏตัวขึ้นที่หัวถนนเพียงไม่กี่วินาที ชายชราก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่เรียบเฉยเย็นชา ในแววตาเริ่มมีความหงุดหงิดเล็กน้อยผุดออกมาให้เห็น ในอาคารหลังนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่เลย
เขาหลับตาลงเงียบ ๆ และสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ อย่างใช้สมาธิ เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาก็ลืมขึ้น หันมองไปยังทิศทางที่เดวิดเคลื่อนตัวผ่านได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะก้าวเท้ามุ่งไปยังทิศทางนั้นแบบไม่ลังเล ด้วยความเร็วที่ทำให้เขาเหมือนกับหายตัวไป
บรรยากาศรอบข้างเริ่มฟื้นตัวกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนจำนวนมากเริ่มปรากฏตัวออกมาบนถนน หลายคนยังตัวสั่นเทาด้วยความกลัวที่ยังไปทุเลาลง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เสียงพึมพำอย่างสงสัยดังออกมาอย่างไม่ขาดสายเลย
.......................
ภาพที่วิ่งผ่านสายตาของเดวิดนั่นพล่าเลือน เขากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแทบจะสูงสุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพื่อมุ่งหน้ากลับไปสะสางเรื่องราวยังบาร์ที่อยู่ชายขอบของสลัม สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจนั้นสลัดไม่ออก ต่อให้เป็นการกระทำไปโดยสัญชาตญาณดิบเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นก็เป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับผู้หญิงครั้งแรกของตัวเอง ทั้งในโลกใบเก่าและโลกใบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยวางออกไปได้ง่ายดายนัก
อย่างน้อย ๆ เดวิดก็ต้องการจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เป็นอะไร แล้วหลังจากนั้น เขาจะได้จากไปอย่างสบายใจ นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของเดวิด การจะจากไปโดยไม่ได้เจอหน้าเธออีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกติดค้างบางอย่างอยู่ในใจแบบแปลก ๆ
อเดโอล่า? เขามัดและขังเธอเอาไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว เดวิดเลือกที่จะเดินทางมาสะสางเรื่องยุ่งยากในใจตามลำพัง
ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้วตอนที่เขาหยุดตัวลงที่หน้าร้าน สายตาที่มองเห็นได้ในความมืดถูกกวาดตามองสำรวจไปรอบ ๆ อย่างพิจารณา ประสาทสัมผัสถูกส่งเข้าไปตรวจสอบภายในร้าน เธออยู่ที่นี่! แต่เดวิดก็ต้องขมวดคิ้ว ไม่ได้มีอยู่แค่คนเดียว ที่สำคัญ มีคนกำลังยิงปืนใส่เขา!
ปังง!
เดวิดใช้มือตบกระสุนที่พุ่งเข้ามาออกไปอย่างง่าย ๆ ก่อนจะต้องเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ มือของเขามีความเจ็บปวดที่ประหลาดเกิดขึ้น มันไม่เหมือนกับอาการบาดเจ็บโดยทั่วไป แต่หลังจากที่สายตากวาดมองอย่างรวดเร็วไปที่กระสุนที่ตกอยู่บนพื้น ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลขึ้นมานั่นที มันเป็นกระสุนที่ทำมาจากเงินบริสุทธิ์!
และนี่ไม่ใช่การลอบโจมตีเดียวที่เกิดขึ้น เดวิดขยับร่างออกไปทางซ้ายเล็กน้อย พาใบหน้าของตัวเองให้พ้นวิถีที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วของลูกศร ก่อนจะยกมือขึ้นคว้ามันเอาไว้ในมือ ความเจ็บปวดแบบเดิมเกิดขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้เขาต้องขมวดคิ้วครุ่นคิด
“อืม? ยังมีจุดอ่อนอยู่เหมือนเดิมสินะ!” เดวิดพึมพำเบา ๆ อยู่ในหัว ลูกศรนี้ก็ทำมาจากเงินบริสุทธิ์ ดูเหมือนว่าร่างมนุษย์หมาป่าของเขาจะแพ้เงินเช่นเดียวกับตำนานที่กล่าวขานกันอยู่ในโลกใบเก่า แค่สัมผัสเข้ากับมัน ผิวหนังบนร่างกายก็เริ่มไหม้เสียหายไปทีละน้อย
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น บาดแผลเริ่มสมานตัวกลับมาพร้อม ๆ กันไปด้วย รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดออกมาจากปากของเดวิด นี่มันช่วยได้ไม่น้อยเลย
และระหว่างที่เขาใช้เวลาสนใจอยู่กับมือของตัวเอง เสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันเป็นการส่งเสียงห้ามไม่ให้การโจมตีที่พร้อมอยู่แล้วถูกปล่อยออกมา
“พอแล้ว! ทดสอบกันแค่พอหอมปากหอมคอก่อน!” พร้อม ๆ กับเสียงที่ดังขึ้น ร่างของชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากมุมมืดทางด้านข้างร้าน ก่อนที่คนอื่น ๆ จะทยอยเดินตามออกมา พวกเขามีทั้งหมด 5 คน ในมือนั้นถืออาวุธอยู่อย่างเตรียมพร้อม
เดวิดโยนลูกศรเงินในมือลงพื้น ก่อนจะเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ในที่สุดก็ออกมาแล้วสินะ”
คนกลุ่มนี้อยู่ในวัยกลางคนเกือบทั้งหมด มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง และหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก พ่อของอาเนนี ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเสียด้วย
“นายมาทำอะไรที่นี่?” ทั้งเสียงและสายตาของเขานั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่สายตาที่จะเอาไว้ใช้มองเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย
เดวิดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
“พวกคุณเป็นนักล่า!?”
“นักล่ามนุษย์หมาป่า!!” เสียงของหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มดังยืนยันออกมา ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาเย็นชาไม่ต่างจากพ่อของอาเนนีนัก
ไหล่ของเดวิดถูกยักอย่างไม่ยี่หระอะไรนัก พวกเขาจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับตัวเองอยู่แล้ว เขามาที่นี่ก็เพื่อจะสะสางธุระส่วนตัวเท่านั้น
“ผมอยากเจอเรดธอร์นเสียหน่อย อยากจะบอกลาก่อนจะออกเดินทาง” เดวิดบอกวัตถุประสงค์ของตัวเองออกไปตามตรง
“พวกเราได้ยินมาว่าแกจับตัวเจ้าหญิงหมาป่าเอาไว้ได้!” ชายอีกคนโพล่งออกมาเสียงดัง ก่อนจะกล่าวเงื่อนไขออกมาต่อทันที
“ส่งตัวเธอมาให้พวกเรา แล้วนายจะได้เจอกับอาเนนี ถ้าเธอยอมก็พาตัวไปกับนายด้วยเลยก็ได้”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย มันดูเคร่งเครียดจริงจังขึ้น
“อ้อ! ที่แท้พวกคุณกำลังลังรอผมอยู่นี่เอง รู้ได้ยังไงล่ะว่าผมจะกลับมา?” เขาเข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่ได้ นี่คือส่วนที่ยังสับสนอยู่
แม้แต่ตัวของเดวิดเองยังไม่แน่ใจเลยว่าจะกลับมา แต่ท่าทางของคนกลุ่มนี้มั่นใจเป็นอย่างที่สุด มีการเตรียมรอตอนรับเขาด้วยอาวุธที่พร้อมสรรพ พวกเขารู้ล่วงหน้าได้อย่างไร?
“หมาป่าที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเหล้าซิมโฟนี จิตใจและเจตจำนงจะเปราะบางและถูกกระตุ้นได้ง่าย ผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนด้วยในระหว่างที่มึนเมาอยู่ จะถูกจดจำโดยสัญชาตญาณว่าเป็นคู่แท้ เป็นคู่ชีวิตที่แท้จริงของตัวเอง ยังไงเสียนายก็ต้องกลับมา” คนที่อธิบายออกมาคือพ่อของอาเนนี น้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยสบายใจนักที่ต้องพูดเรื่องนี้ออกมาเอง
แต่มันก็ทำให้เดวิดเข้าใจเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าตัวตนในฐานะมนุษย์หมาป่าจะถูกเปิดเผยตั้งแต่แรก และเขาถูกวางกับดักตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปในร้าน ไม่สิ! บางทีอาจจะก่อนหน้านั่นอีกด้วยซ้ำ
ไม่น่าแปลกใจที่สัญชาตญาณของมนุษย์หมาป่าจะหลุดจากการควบคุมของเดวิดในวันนั้น ภายใต้อิทธิพลของสิ่งกระตุ้นที่รุนแรง ต่อให้เขารู้ตัวก็ไม่แน่ใจว่าจะคุมสติของตัวเองได้
สีหน้าของเดวิดกลับมาเรียบเฉยเย็นชาอีกครั้งเมื่อเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ปมต่าง ๆ ที่อยู่ในใจถูกสะสางไปแล้ว
“อ้อ! แต่ถ้าให้พวกคุณรู้ว่าผมจะกลับมา ก็น่าจะรู้ด้วยสิว่าผมมีความแข็งแกร่งขนาดไหน จะเผชิญหน้ากับคนที่กล้าลักพาตัวเจ้าหญิงของมนุษย์หมาป่า ไม่กลัวตายกันหรืออย่างไร?” น้ำเสียงที่กล่าวออกไปจะแผ่วเบา แต่ผลของมันทำให้บรรยากาศนั้นตึงเครียดขึ้นเป็นอย่างมาก จิตสังหารเริ่มถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายอย่างช้า ๆ เดวิดไม่ชอบถูกคนวางแผนใส่ ไม่ชอบการที่ต้องกลายเป็นตัวตลก มันทำให้เขาโกรธ!
แม้ว่าท่าทางจะเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพที่เตรียมพร้อม แต่สีหน้าของอีกฝ่ายยังมีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏอยู่ และเพิ่มขยับตัวเปิดเป็นช่องว่างให้ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามา
อาเนนี! เรดธอร์น! ไม่ว่าเธอจะมีชื่อจริง ๆ ว่าอะไร แต่ตอนนี้บนใบหน้าที่สวยงามนั้นกำลังแดงระเรื่อ และรอยยิ้มที่ประดับอยู่เป็นรอยยิ้มที่แสดงความเขินอาย
“ที่รัก!”
คำเรียกขานสั้น ๆ ที่หลุดออกมาจากปากของเธอทำให้เดวิดตัวแข็ง จิตสังหารของเขาสลายหายไปในพริบตา อารมณ์ห่วงหาอาวรณ์และหลงไหลพุ่งพรวดขึ้นในพริบตา สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก เขาตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว
“ที่รัก!...”