ตอนที่ 666 ทาสแถมเงิน
ตอนที่ 666 ทาสแถมเงิน
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา เซี่ยเฟยก็เดินทางไปจนถึงเมืองลอสซิตี้ผ่านการนำทางของโอโร่
บริเวณรอบ ๆ เมืองถูกล้อมรอบด้วยภูเขามากกว่า 10 ลูก ก่อให้เกิดเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้หุบเขาขนาดใหญ่ ซึ่งภายในเมืองมีกรงโลหะมากมายที่บรรจุทาสที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาด ๆ ถูกขังเอาไว้เหมือนกับสัตว์
“คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันมีเมืองตั้งอยู่ที่นี่ ซึ่งเมืองลอสซิตี้จะเป็นเมืองที่พ่อค้ารายใหญ่ปล่อยทาสที่ขายยากไปให้พ่อค้าทาสรายย่อย เพื่อรับทาสพวกนั้นไปตระเวนขายในเมืองเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งแดนเนรเทศ ภายในเมืองนี้จึงมีของดีราคาถูกอยู่มากพอสมควร” โอโร่กล่าว
แม้ว่าโอโร่จะไม่ได้มาที่เมืองนี้เป็นเวลานานแล้ว แต่สภาพแวดล้อมภายในเมืองก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าขนาดของเมืองมีขนาดใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นในอดีตเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการค้าขายทาสภายในเมืองยังคงเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
“คุณกำลังบอกว่าเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการขายทาสที่มีตำหนิใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“จะเรียกแบบนั้นมันก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่สำคัญคือพวกพ่อค้าทาสรายย่อยพวกนี้คือเป้าหมายหลักของพวกเรา เพราะนอกเหนือจากพวกเขาจะขายทาสแล้ว พวกเขายังขายทุกอย่างที่ขายได้ตราบใดก็ตามที่พวกเขาจะได้รับเงินมาเป็นของตอบแทน”
“ประชากรในดินแดนเนรเทศมีความหลากหลายมาก และมันก็มีเมืองขนาดใหญ่ภายในดินแดนนี้อยู่ไม่มากนัก เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่กระจายกันอยู่บนดวงดาวต่าง ๆ แบ่งแยกออกเป็นกลุ่มก้อนเผ่าพันธุ์ตัวเองอย่างชัดเจน”
“ทั้งพ่อค้ารายใหญ่และเผ่าพันธุ์พวกนี้ระมัดระวังตัวมาก และถ้าหากว่าเราถามคำถามอะไรมากเกินไป พวกเขาก็จะเริ่มระแวงพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“แต่ในกรณีของเมืองลอสซิตี้เป็นกรณีที่แตกต่างออกไป เพราะพวกพ่อค้ารายย่อยยินดีที่จะขายข่าวทุกอย่างออกไป ตราบใดก็ตามที่นายให้ค่าข่าวพวกเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ การเริ่มต้นหาข่าวจากพวกพ่อค้ารายย่อยจึงเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดแล้ว” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะเท่าที่เขาเคยมีประสบการณ์มา ยิ่งสังคมอยู่ในระดับต่ำมากเท่าไหร่ คนในสังคมก็จะยิ่งระมัดระวังตัวน้อยลงเท่านั้น
ชายหนุ่มเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยโคลน โดยมีคนจากทั้งสองฟากฝั่งถนนมองมายังชายหนุ่มอย่างสงสัย ซึ่งคนพวกนี้สวมใส่ผ้าคลุมหลากหลายสีสันเพื่อปกปิดร่างกายส่วนบนของพวกเขาเอาไว้
หลังจากเดินไปได้ไม่นานเขาก็ได้พบกับกรงขนาดใหญ่ที่ผู้คนในกรงกำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นดิน พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าขาด ๆ และมีโซ่โลหะหนักพันธนาการทั้งมือและเท้า ประตูกรงถูกแง้มเอาไว้เล็กน้อยเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกซื้อหาทาสได้ตามต้องการ ส่วนพวกพ่อค้าก็นั่งกินอาหารอยู่บนโต๊ะตรงบริเวณประตู
“เอ้า! ได้เวลาอาหารแล้ว” พ่อค้าถาดร่างอ้วนโยนน่องไก่ที่ถูกกัดเข้าไปภายในกรง ทำให้เหล่าบรรดาทาสที่หิวโหยรีบออกมาแย่งอาหารกันในทันที
ในที่สุดชายร่างใหญ่ที่มีตาบอดข้างซ้ายก็ซัดทาสคนอื่น ๆ ออกไป และกินน่องไก่ส่วนที่เหลืออย่างมูมมาม โดยไม่สนใจดินโคลนที่เปรอะเปื้อนอาหารเลยแม้แต่น้อย
พวกพ่อค้าทาสต่างก็ส่งเสียงหัวเราะราวกับว่าพวกเขากำลังสนุกสนานจากการที่พวกทาสมาแย่งชิงอาหารที่เขาโยนไปให้
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะในฐานะที่เขาเป็นคนในยุคสมัยใหม่ของดาวโลก การปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดเหมือนกับพวกสัตว์ป่าแบบนี้ มันก็ค่อนข้างที่จะขัดต่อสามัญสำนึกของเขาอยู่นิดหน่อย
หลังจากได้ตรวจดูทาสภายในกรงแล้วเขาก็ได้พบว่าทาสเหล่านี้เป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และมันก็มีแม้กระทั่งศพนอนอยู่ในกรงพร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นหึ่งออกมายังด้านนอก แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของดินแดนเนรเทศแห่งนี้
“พวกนี้คือพ่อค้าทาสรายย่อยที่มีทาสในครอบครองเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ส่วนพวกพ่อค้าทาสรายใหญ่มักที่จะมีทาสอยู่ในครอบครองตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนคน การค้าทาสถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในดินแดนเนรเทศมาก”
“เนื่องจากพวกที่ไม่มีเงินมักที่จะขายตัวเองเพื่อพวกเขาจะได้มีอาหารกิน แน่นอนว่าพวกที่มีลูกแต่ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ก็จะขายลูกออกไปเป็นทาสด้วยเหมือนกัน แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงพวกที่ออกไปตระเวนปล้นชิงดาวน้อยใหญ่ต่าง ๆ แล้วจับประชากรภายในดาวมาขายเป็นทาสเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตัวเองเลย”
“โดยสรุปก็คือแดนเนรเทศเป็นดินแดนที่ป่าเถื่อนมาก และมันก็มีสิ่งที่นายไม่อาจจินตนาการเกิดขึ้นที่นี่ได้ทุกเมื่อ” โอโร่กล่าวแนะนำ
ระหว่างทางเซี่ยเฟยยังคงเห็นกรงขนาดใหญ่อีกหลายแห่งที่ภายในกรงเต็มไปด้วยทาสจำนวนนับหมื่นคน น่าเสียดายที่ทาสพวกนี้ต่างกันล้วนแล้วแต่เจ็บป่วย, อ่อนแอหรือโง่เขลามากจนเกินไป เรียกได้ว่าพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าด้อยคุณภาพอย่างแท้จริง
บริเวณใจกลางเมืองมีโรงแรมที่ค่อนข้างสะอาดสูง 3 ชั้นดูค่อนข้างที่จะสะดุดตามากเป็นพิเศษ เซี่ยเฟยจึงเข้ามาตั้งหลักภายในโรงแรมแห่งนี้ก่อน โดยค่าเข้าพักกับค่าอาหารเช้ารวมแล้วก็แค่วันละ 1 คริสตัลม่วงเท่านั้น
แม้ว่าชายหนุ่มจะคิดว่าราคานี้เป็นราคาที่ถูกมาก แต่คนท้องถิ่นกลับคิดว่าราคานี้เป็นราคาที่ขูดเลือดขูดเนื้อพวกเขามากพอสมควร มันจึงมีพ่อค้าเข้าพักโรงแรมนี้ไม่มากนัก ทำให้สภาพแวดล้อมภายในโรงแรมค่อนข้างที่จะสงบ
คนที่เดินนำเซี่ยเฟยไปที่ห้องคือเด็กสาวตัวอ้วนที่มีร่างสีฟ้าซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรม
“เอานี่ไป” เซี่ยเฟยกล่าวขณะโยนคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ไปให้กับเด็กสาว
เด็กสาวรีบเช็ดคริสตัลต้นกำเนิดด้วยผ้ากันเปื้อนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะยัดคริสตัลไปเก็บไว้บริเวณร่องหน้าอกด้วยความดีใจ โดยในสายตาของเธอนั้นเซี่ยเฟยคือเศรษฐีที่เดินทางมาจากนอกเมือง เพราะคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้เป็นพวกพ่อค้าและทาสที่สกปรก มันจึงมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่แต่งกายอย่างสะอาดเรียบร้อยเหมือนกับชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยขอให้เด็กสาวเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวภายในห้อง ซึ่งเด็กสาวก็เดินเข้าไปนั่งพร้อมกับยืดหน้าอกขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกสนใจรูปร่างของเธอมากนัก มันจึงทำให้เธอค่อนข้างที่จะรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย
“ถ้าหากคุณลูกค้าอยากรู้เรื่องตลาดค้าทาสภายในเมือง ฉันพอจะบอกคุณได้ แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการจะรู้เรื่องนอกเมือง คุณก็จำเป็นจะต้องไปถามพวกพ่อค้าเท่านั้น แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวันพวกพ่อค้าที่พักอยู่ในโรงแรมต่างก็ล้วนแล้วแต่ออกไปด้านนอกกว่าจะกลับมาอีกครั้งก็คงจะเป็นช่วงค่ำ”
“ถ้าหากว่าคุณลูกค้ารีบ ฉันแนะนำให้คุณเข้าไปภายในเมือง ฉันได้ยินมาว่ามีพวกนักร้องสาวกลุ่มใหม่มาที่ร้านคุณหลิวบริเวณทางใต้ของเมือง ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นพวกแม่ม่าย แต่ฉันก็มั่นใจว่าพวกเธอคงจะให้บริการคุณได้เป็นอย่างดี” เด็กสาวกล่าวกับเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเมื่อพิจารณาจากคำพูดของเด็กสาวแล้ว มันก็ดูเหมือนกับว่าเด็กสาวคนนี้จะคิดว่าเขาเดินทางมาที่นี่เพื่อซื้อทาสมาบำเรอกาม
‘นั่นสินะ พวกเศรษฐีจะมาทำอะไรที่เมืองนี้ถ้าหากว่าไม่ได้มาซื้อทาส?’
พวกบรรดาสาวสวยที่ร้องเพลงและเต้นรำได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นทาสที่มีราคาแพงมาก พวกเธอจึงเป็นสินค้าที่จะถูกขายให้กับคนรวยเท่านั้น แต่พวกเศรษฐีที่เดินทางมายังเมืองนี้มักจะเป็นเศรษฐีตัวน้อย ๆ ที่มีเงินไม่มากนัก พวกเขาจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อหวังจะเสพสุขกับทาสที่พอจะมีของดีแต่ราคาไม่แพง
“เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นฉันจะแนะนำพวกพ่อค้าทาสให้คุณได้รู้จักเอง แต่คุณไม่ควรแต่งตัวแบบนี้เลย เพียงแค่มองแว๊บเดียวทุกคนก็รู้แล้วว่าคุณเป็นพวกมือใหม่ที่พร้อมจะถูกหลอกได้ทุกเวลา เดี๋ยวคุณรออยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกันฉันจะไปเอาของบางอย่างมาให้” เด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความแปลกใจ
หลังจากผ่านไปสักพักเด็กสาวก็กลับเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับเสื้อคลุมของคนท้องถิ่นที่มีกลิ่นไม่ค่อยน่าอภิรมย์มากนัก
“ที่เมืองนี้ฝนตกบ่อยและมีอากาศค่อนข้างเย็น คนพื้นที่จึงมักจะใส่เสื้อคลุมแบบนี้เอาไว้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าชุด ๆ นี้จะทำให้คุณดูเหมือนมือสมัครเล่นไปบ้าง แต่อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าชุด ๆ นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงินไปได้เยอะมาก”
หลังจากกล่าวจบเด็กสาวก็รีบช่วยเซี่ยเฟยแต่งตัวด้วยความกระตือรือร้น ก่อนที่เธอจะเรียกเด็กชายอายุประมาณ 12 ปีเข้ามาหา
“สโตนนี่ ช่วยพาลูกค้าคนนี้ไปเดินรอบ ๆ เมืองที เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะให้รางวัลเป็นข้าวหน้าเนื้อ 1 จานและถ้าหากว่านายทำหน้าที่ได้ดีฉันจะเพิ่มขนมให้นายด้วย”
เด็กชายที่ชื่อ ‘สโตนนี่’ มีรูปร่างผอมเพรียว แววตาของเขาค่อนข้างที่จะฉลาดหลักแหลม และเมื่อเขาได้ยินว่างานนี้ได้ผลตอบแทนเป็นอาหาร เขาก็รีบตอบตกลงและเอามือมาตบหน้าอกในทันที
“สโตนนี่เป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาจากการช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในเมือง เขาจึงมีความคุ้นเคยกับตลาดค้าทาสภายในเมืองมาก และเขาก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในฐานะของไกด์นำทาง”
เซี่ยเฟยไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธความหวังดีของเด็กสาว ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปภายในเมืองพร้อมกับผ้าคลุมผืนใหม่
การสวมผ้าคลุมนี้ลดสายตาแปลก ๆ ที่มองมาทางเขาได้เยอะมาก ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าการทำตามคำแนะนำของคนท้องถิ่นมันช่วยให้เขาประหยัดเวลาไปได้มากเลยจริง ๆ
ระหว่างการนำทางสโตนนี่เอามือกุมท้องอยู่ตลอดเวลา เซี่ยเฟยจึงคิดว่าเด็กชายหิว เขาจึงซื้อเนื้อย่างริมถนนมากินชิ้นหนึ่งและมอบส่วนที่เหลือให้กับเด็กหนุ่ม
“ค่อย ๆ กินช้า ๆ ก็ได้” เซี่ยเฟยยื่นขวดน้ำให้เด็กชายหลังจากที่ได้เห็นสโตนนี่กินเนื้อย่างอย่างตะกละตะกลาม
อึก ๆ ๆ ๆ
สโตนนี่ดื่มน้ำเข้าไปครึ่งขวดในครั้งเดียวและเก็บน้ำในส่วนที่เหลือเอาไว้ในกระเป๋าของเขา
“คุณเป็นคนดีหรือเปล่า?”
“ใช่มั้ง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่ เพราะมันถือว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะตอบคำถามแบบนี้
“ถอดผ้าคลุมผืนนั้นออกซะ เงื่อนที่พี่สาวผูกไว้เป็นรหัสลับให้พวกพ่อค้าฟันราคาจากคุณอย่างเต็มที่ แล้วพวกเขาค่อยไปแบ่งเงินกันทีหลัง” สโตนนี่กล่าว
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย ซึ่งในตอนแรกเขาก็คิดว่าเด็กสาวพยายามผูกเงื่อนเพื่อใช้ในเชิงสวยงาม แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นรหัสลับที่เอาไว้บอกพ่อค้าทาสว่าเขาคือมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“มันไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก ถึงยังไงฉันก็ไม่คิดที่จะซื้อทาสอยู่แล้ว เธอคนนั้นคงไม่มีทางทำกำไรจากฉันได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณไม่ได้คิดจะซื้อทาสงั้นเหรอ?”
“อืม ฉันไม่ซื้อ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าหากพี่สาวเห็นว่าปมบนเสื้อคลุมถูกแก้ ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่มีอาหารกินเท่านั้นแต่ฉันคงจะถูกทุบตีด้วย” สโตนนี่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยเงียบเสียงโดยไม่พูดอะไรแล้วเขาก็เพิ่งตระหนักว่าทุกย่างก้าวภายในดินแดนเนรเทศแห่งนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกับดัก
“คุณสนใจไปดูทาสที่ทรงพลังที่สุดไหม?”
“ทาสที่ทรงพลังที่สุดงั้นเหรอ? ถ้าเขาเก่งขนาดนั้นน่ะเขามาเป็นทาสได้ยังไง” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“การครอบครองทาสคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เสียเงินเท่านั้น แต่คุณหลิวยังจะจ่ายเงินให้คนที่ยอมซื้อทาสคนนี้ไปจากเขาด้วย ทาสคนนี้เลยกลายเป็นตำนานในหมู่ทาสด้วยกันที่ทำให้แม้แต่พ่อค้าทาสก็ยังเกรงกลัวเขา” สโตนนี่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยอดที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทาสคนนั้นจะต้องเป็นทาสแบบไหน จนถึงขนาดที่พ่อค้าทาสพร้อมที่จะแถมเงินให้กับคนที่นำตัวทาสออกไปแบบนี้
***************
ทาสตัวจี๊ดแน่ ๆ