ตอนที่ 665 เงื่อนไขของเยว่เกอ
ตอนที่ 665 เงื่อนไขของเยว่เกอ
หลังจากโอโร่เสนอให้เซี่ยเฟยรับสมัครคนจากดินแดนเนรเทศ เซี่ยเฟยก็ตอบตกลงเห็นด้วยกับแผนการนี้หลังจากที่ได้คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ความแข็งแกร่งของเซี่ยเฟยในปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะต่อกรกับพวกหยูฮัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังพ่อค้าคนนี้ยังมีจักรพรรดิกฎเข้าร่วมในปฎิบัติการด้วย เขาจึงต้องการกองกำลังที่แข็งแกร่งมากพอ และนักรบจากดินแดนเนรเทศก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาในเวลานี้แล้ว
หลังจากตกลงกับโอโร่แล้ว เซี่ยเฟยก็หยิบเข็มทิศมิติขึ้นมาพร้อมกับกดหมายเลขที่เฉินตงได้ทิ้งเอาไว้ให้
ตี๊ด ตี๊ด…
ไม่กี่วินาทีต่อมาภาพของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ โดยเธอคนนี้มีรูปร่างเล็กกระทัดรัดและมีเสน่ห์ยั่วยวนอยู่เช่นเคย แน่นอนว่าเธอจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากเยว่เกอ สหายร่วมค่ายฝึกจัสทิสลีกที่เคยอยู่ทีมเดียวกันกับเซี่ยเฟย
ปัจจุบันเยว่เกอกำลังนั่งอยู่บนเตียงและกัดแตงกวา ขณะดูแผนผังที่อยู่บริเวณด้านหลังของเธอ บริเวณผนังมีพรมขนาดใหญ่ถูกแขวนเอาไว้และมีผ้าไหมราคาแพงถูกปูเอาไว้อยู่บนเตียง
เมื่อได้เห็นว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาคือเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เยว่เกอชะงักไปเล็กน้อย เพราะชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าเขาจะติดต่อเข้ามาหาเธอได้
“ว่าไง เธอสบายดีไหม?” เซี่ยเฟยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“นี่นายยังไม่ตายอีกเหรอ?!” เยว่เกอกระโดดขึ้นจากเตียงพร้อมกับใช้แตงกวาที่ถูกกัดไปครึ่งลูกชี้ไปที่หน้าของเซี่ยเฟย
“นี่คือคำทักทายจากเธองั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอดที่จะส่ายหัวขึ้นมาไม่ได้
“นายจะอยู่หรือตายมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ว่าแต่นายรู้เบอร์ฉันได้ยังไงหรือว่านายกำลังแอบซุ่มดูฉันอยู่ ช่วงนี้ฉันยิ่งรู้สึกว่ามันกำลังมีใครแอบมองฉันอยู่เหมือนกัน ถ้านายอยากจะเจอฉันก็โผล่หัวออกมาสิจ้ะ มาแอบตามฉันเหมือนพวกโรคจิตไปทำไม?” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับนั่งลงบนเตียงและเริ่มกัดแตงกวาในมืออีกครั้ง
“ฉันได้เบอร์ติดต่อของเธอมาจากเฉินตง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
“นี่ไอ้บ้าเฉินแจกเบอร์ฉันไปทั่วโดยที่ไม่ขออนุญาตจากฉันก่อนงั้นเหรอ?!” เยว่เกอเริ่มสาปแช่งเฉินตงก่อนที่เธอจะหันไปถามเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่ดูเหมือนคนไม่สนใจ
“ว่าแต่นายติดต่อมานายต้องการอะไรจากฉัน? นายก็น่าจะรู้ว่าครั้งนี้นายสร้างปัญหาเอาไว้มากแค่ไหน ถ้านายอยากตายก็ไปไกล ๆ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่เขารู้สึกผิดหวังที่ได้รับคำตอบจากสหายเก่ามาแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอยังสบายดีอยู่ไหม” เซี่ยเฟยกล่าว แต่ในขณะที่เขากำลังจะตัดจบบทสนทนาเพื่อวางสายไปนั่นเอง จู่ ๆ เยว่เกอก็ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะเอาไว้ก่อน
“จะรีบไปไหน! ฉันยังไม่ทันไล่นายเลย ถึงยังไงนายก็ติดต่อมาแล้วพวกเรามาคุยกันสักหน่อยก็ได้ ถ้าหากว่านายทำให้ฉันพอใจบางทีฉันก็อาจจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับนายได้เหมือนกัน” เยว่เกอกล่าว
“ก่อนอื่นติดกระดุมเสื้อของเธอก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้เห็นนิสัยเดิมของหญิงสาว
เยว่เกอก้มศีรษะลงและได้พบว่าการกระโดดเมื่อสักครู่นี้ทำให้กระดุมเสื้อของเธอหลุดไปสองเม็ด
“ทำไม? นายอยากดูมากกว่านี้ไหม? เดี๋ยวฉันจะเปิดให้ดู” เยว่เกอกล่าวถามด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
ท่าทางอันเฉยเมยของหญิงสาวทำให้เซี่ยเฟยทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็พยายามบอกให้เธอติดกระดุมก่อนแล้วค่อยกลับมาสนทนากันต่อ
“พอดีว่าก่อนหน้านี้ฉันมีเรื่องกับตระกูลหยูอยู่นิดหน่อย” เซี่ยเฟยเริ่มเข้าเรื่อง
“นิดหน่อย? เรื่องของนายโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนเทพแล้ว แต่นายกลับบอกว่านายไปก่อเรื่องเอาไว้แค่นิดหน่อยเนี่ยนะ?!” เยว่เกอถาม
“ตอนนี้ฉันอยากรู้สถานการณ์ในแดนเทพอย่างเร่งด่วน และเธอก็เป็นคนเดียวที่ฉันรู้จักและไว้ใจ ฉันเลยหวังพึ่งได้เพียงแค่ความช่วยเหลือจากเธอเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
ไว้ใจ!?
เยว่เกอชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเริ่มพูดคุยอย่างจริงจังโดยไม่มีท่าทางขี้เล่นอีกต่อไป
“นายอยากรู้เรื่องอะไร?”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดตอนนี้ตระกูลหยูน่าจะให้หยูจินจัดการเรื่องในตระกูลไปก่อน และพยายามดึงหยูฮัวกลับเข้าตระกูลจากเหตุการณ์นี้ อีกไม่นานหยูจินก็คงจะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับหยูฮัวโดยอ้างว่าเขามีระดับพลังไม่สูงพอ”
“ฉันอยากจะให้เธอช่วยจับตาดูตระกูลหยูให้ฉันหน่อย และรีบบอกฉันทันทีถ้าหากว่ามันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายถามถูกคนจริง ๆ ตอนนี้ฉันกำลังสนใจเรื่องของตระกูลหยูอยู่เลย” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ จากนั้นเธอก็เรียกข้อมูลขึ้นมาจากเครื่องและส่งต่อข้อมูลพวกนั้นไปให้กับสหาย
ข้อมูลนี้ทำให้เซี่ยเฟยประหลาดใจมาก เพราะเยว่เกอได้รวบรวมทุกการเคลื่อนไหวของตระกูลหยูเอาไว้จนหมดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีการทำเครื่องหมายว่าข่าวไหนคือข่าวลือ และข่าวไหนคือข่าวที่ได้รับการยืนยัน คล้ายกับว่าเธอคอยจับตาดูตระกูลหยูมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มมีความบาดหมางกับเซี่ยเฟย
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื้นตันจนทำอะไรไม่ถูก แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณหญิงสาวยังไงดี
“นี่คือข้อมูลทุกอย่างที่ฉันได้รวบรวมมาจนถึงวันนี้ ถ้ามีข่าวอะไรเพิ่มเติมฉันจะส่งข้อมูลใหม่ไปให้กับนายเป็นระยะ ๆ ว่าแต่ทำไมนายถึงใช้เข็มทิศมิติไม่ระบุตัวตน แล้วแบบนี้ในอนาคตฉันจะติดต่อนายได้ยังไง?” เยว่เกอกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เธอได้ทำในก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยเฟย
“เธอไม่ต้องติดต่อมาหาฉันหรอก เดี๋ยวฉันจะเป็นคนติดต่อไปหาเธอเอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายยังทำตัวลึกลับเหมือนเดิมเลยนะ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่เธอจะเริ่มมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างมีความหมาย
แววตานี้ทำให้เซี่ยเฟยรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที เพราะเขารู้ความคิดของเยว่เกอเป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถจะให้สัญญาอะไรกับเธอได้
“เอาเป็นว่าหลังจากนี้นายก็ติดต่อมาหาฉันเป็นระยะ ๆ ก็แล้วกัน แล้วพยายามติดต่อมาเฉพาะช่วงเวลากลางคืน คนอื่นจะได้ไม่รู้เรื่องที่เราแอบติดต่อกัน”
“ตกลง แต่จำเอาไว้ว่าเธออย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างเด็ดขาด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“อะไรนะ นี่นายกำลังเป็นห่วงฉันอยู่เหรอ?” เยว่เกอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ล้อเลียน
“ฉันมีเพื่อนอยู่ไม่มากนัก และฉันก็คงจะทนไม่ได้ถ้าหากว่าเพื่อนของฉันเป็นอะไรขึ้นมา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับเบา ๆ
“ชิ!” เยว่เกอส่งเสียงออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจที่ชายหนุ่มยอมรับง่าย ๆ แบบนี้ แต่ภายในใจของเธอกลับกำลังเต้นแรงราวกับว่ามันกำลังต้องการที่จะกระโดดออกมาจากอก
“ว่าแต่นายจะตอบแทนเรื่องนี้ยังไง?”
“เธออยากได้อะไร?”
“นายจะต้องสัญญาว่านายจะทำตามสิ่งที่ฉันขอหนึ่งอย่างโดยห้ามปฏิเสธ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับหยิบแตงกวาลูกใหม่ขึ้นมากัด
“ได้ ไม่มีปัญหา”
“นายสัญญาแล้วนะ หลังจากนี้อย่าเสียใจไปล่ะถ้าหากว่าฉันจะขอให้นายเฉือนอวัยวะบางส่วนไปให้เป็ดกิน” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ดูดุร้าย
ท่าทางของหญิงสาวในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่ให้คำสัญญาไปแบบนั้น
—
หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก เพราะอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจะคาดเดาได้จริง ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ให้คำสัญญาออกไปแล้วเขาก็ทำได้เพียงแต่หวังว่าคำสัญญานั้นคงจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่เลวร้าย แล้วมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหากว่าเธอต้องการจะให้เขาไปฆ่าใครสักคน
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องของโซฟี โดยในตอนนี้โซฟีเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ร่างของมนุษย์แล้วและเธอก็อาศัยอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
น่าแปลกที่ในช่วงเวลานี้เธอไม่ส่งอันธกลับมาหาเซี่ยเฟยเลย และอันธก็ดูเหมือนจะเต็มใจอยู่กับโซฟีมากกว่าเขา
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่พวกเธอกำลังแอบทำเรื่องอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสับสน
“มันไม่ใช่ว่าฉันต้องการจะปิดบังเรื่องนี้จากคุณ แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริง ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแล้ว ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังด้วยตัวเอง แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันก็ทำได้เพียงแค่ขอให้คุณเชื่อใจพวกเราไปก่อนเท่านั้น” โซฟีกล่าวอย่างจริงใจ
สมมุติว่าอันธคือผู้พูดประโยคนี้ชายหนุ่มคงจะกล่าวแย้งขึ้นมาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามโซฟีก็เป็นคนที่จริงใจอยู่เสมอ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
หลังจากคิดดูดี ๆ แล้วเขาก็ได้พบว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่การเดินทางไปยังดินแดนเนรเทศโดยไม่มีอันธไปด้วยมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
จากนั้นเซี่ยเฟยก็ออกเดินไปหาแอวริลแต่ภายในใจของเขากำลังรู้สึกสงสัยว่าพวกโซฟีกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งเท่าที่เขาเห็นทั่วทั้งห้องของโซฟีเต็มไปด้วยแบบแปลนของอะไรบางอย่าง คล้ายกับว่าเธอกำลังคิดที่จะผลิตอุปกรณ์สักชิ้นที่เขาไม่รู้จักมาก่อน
“อันธกับโซฟีกำลังออกแบบอะไรบางอย่างอยู่งั้นเหรอ? แต่โซฟีจะเอาอันธไปช่วยด้วยทำไม? อันธไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเครื่องจักรไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองก่อนที่เขาจะทำได้เพียงแค่ส่ายหัวและหยุดคิดเรื่องนี้จากหัวของเขาก่อน
—
แอวริลคุ้นเคยกับเรื่องที่เซี่ยเฟยจะต้องออกเดินทางมาเป็นเวลานานแล้ว เธอจึงพูดคุยกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มหวานแล้วบอกว่าให้เขาออกเดินทางโดยไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องของเธอ ส่วนเรื่องที่เซี่ยเฟยจะไปที่ไหนหรือจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟย, ขนอุยและโอโร่ก็เตรียมตัวออกเดินทาง โดยทิ้งกระป๋องเอาไว้กับแอวริลและทิ้งอันธเอาไว้กับโซฟี ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ดูค่อนข้างที่จะเงียบเหงามากกว่าการเดินทางในอดีตอยู่เล็กน้อย
แวบ!
ในชั่วพริบตาร่างของเซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวในดินแดนเนรเทศที่อยู่ห่างจากดินแดนลับของหุ่นยนต์หลายพันล้านปีแสง โดยสถานที่ที่เขาได้มาปรากฏตัวอยู่นั้นคือภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยเมฆบอก และมีต้นไม้ใหญ่ที่เหมาะสำหรับการซ่อนตัวอยู่ทั่วทั้งหุบเขา
“ฉันไม่ได้มาที่นี่นานแล้วเหมือนกันนะ” โอโร่กล่าวพร้อมกับมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“คุณถูกแข็งอยู่ในสุสานน้ำแข็งนิรันดร์มาตั้งกี่ปีแล้ว ในระหว่างนั้นคุณจะมาที่นี่ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแบะริมฝีปากเล็กน้อย
“ตรงไปตามหุบเขาเดี๋ยวนายก็จะเจอเมืองเล็ก ๆ เอง ขั้นแรกนายควรไปหาข้อมูลจากเมืองนั้นก่อนแล้วค่อยออกเดินทางไปยังเมืองใหญ่กันทีหลัง” โอโร่กล่าว
“เมืองนั้นชื่ออะไร?”
“ลอสซิตี้”
“แล้วมันจะมีข้อมูลที่พวกเราต้องการไหม?”
“มีสิ ถึงแม้ว่าเมืองนี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มันก็เป็นตลาดค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเนรเทศ พ่อค้าทาสพวกนั้นออกเดินทางไปทั่วทุกที่ การไปหาข้อมูลจากพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ท้ายที่สุดตราบใดก็ตามที่นายให้เงินการหาข่าวมันก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นมาก”
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองแห่งแรกในดินแดนเนรเทศ
***************
เยว่เกอ หนูก็ห้าวไป๊! ห้าวจนพี่เฟยแหยงแล้วหนูจะเต๊าะเขายังไงเล่าาา