ตอนที่ 11 เปรียบเทียบ
ตอนที่ 11 เปรียบเทียบ
เมื่อมองไปที่ จู หวู่หยาง ที่หยิบอาหารขึ้นมากิน ไลซุนและชูเซีย มองหน้ากัน ดวงตาที่สดใสของพวกนางดูสับสน
“เกิดอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาท เขาเผาเตียงทำไม เตียงไม้หอมขนาดใหญ่นี้มีค่ามาก ว่ากันว่าทำจากไม้หอมอายุพันปี อันหนึ่งมีมูลค่าหนึ่งหมื่นตำลึงทอง ช่างน่าเสียดาย” ไลซุนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะทำความสะอาดเศษไม้
"เป็นไปได้ไหมว่าเพราะองค์รัชทายาทคนก่อนเสียชีวิตบนเตียงไม้หอม องค์รัชทายาทเลยรู้สึกกลัว เขาจึงเผามัน?" ชูเซียพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“เป็นไปได้” ไลซุนพยักหน้า:“องค์รัชทายาทช่างน่าสงสารจริงๆ เขานอนบนเตียงในห้องนอนของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนบอกว่าเขาขี้ขลาด ไร้ความสามารถและตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเป็นดังคำกล่าว”
"ไลซุน เราควรรายงานเรื่องนี้ต่อขันทีฟู่หรือไม่" ชูเซีย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
“แน่นอน ต้องรายงาน” ไลซุนกล่าว
“ว่าแต่ เจ้าได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งขององค์รัชทายาทแล้วหรือยัง ยังอยู่ในช่วงขอบเขตขัดเกลากล้ามเนื้ออยู่หรือไม่”
ชูเซีย พยักหน้า “ทำแล้ว ยังอยู่ในระดับขอบเขตขัดเกลากล้ามเนื้อและไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทไม่ได้ฝึกฝนในช่วงสองวันที่ผ่านมา”
ความแข็งแกร่งของชูเซียได้มาถึงขอบเขตกำเนิดเมล็ดลมปราณและในไม่ช้านางจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐาน
ถ้าไม่ใช่เพราะ จู หวู่หยาง ที่ฝึกฝนเทคนิคปกปิดมังกรเร้นกายและมาถึงสู่ขั้นกลาง เขาเกรงว่าเขาจะไม่สามารถซ่อนจากการสืบสวนของชูเซียได้
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ถูกใส่ร้ายลับหลังเป็นครั้งที่สองในชีวิต ได้รับแต้มทะลุทะลวง 200 แต้ม เมื่อพิจารณา..”
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ถูกทรยศโดยผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้รับแต้มทะลุทะลวง 400 แต้ม เมื่อพิจารณา...”
"ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ผ่านวิกฤตเป็นครั้งแรกในชีวิตได้สำเร็จ ได้รับแต้มทะลุทะลวง 4,000 แต้ม เมื่อพิจารณา..."
……
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ก็มีเสียงแจ้งเตือนกลไกดังขึ้นในหูของ จู หวู่หยาง ซึ่งทำให้จู หวู่หยางโล่งใจและรอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เขาได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาอย่างราบรื่น ไลซุนและชูเซียตรวจไม่พบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
ถ้าไม่มีผิดพลาด แต้มทะลุทะลวงรอบนี้น่าจะทำให้เขาสามารถก้าวไปถึงขอบเขตขัดเกลากระดูกทองคำ
พลังปราณที่หลอมรวมด้วยวิชาโลกไร้ขอบเขตเป็นที่รู้จักกันในนามปราณและโลหิตแห่งโลก ซึ่งหมายความว่ามันกว้างใหญ่ราวกับโลก เหนือกว่าวิชาขัดเกลาร่างกายทั่วไป
ปราณและโลหิตแห่งโลกเหล่านี้ไหลผ่านผิวหนัง ผ่านกล้ามเนื้อ ผ่านเส้นเอ็น... และเทลงในกระดูกทุกส่วนในร่างกายของจู หวู่หยาง
ต้องขอบคุณแต้มทะลุทะลวงรอบก่อน ความแข็งแกร่งของ จู หวู่หยาง มาถึงขีดจำกัดของขอบเขตขัดเกลาเส้นเอ็น
แล้วและถึงเวลาที่จะเข้าสู่ขอบเขตต่อไป
ผิวหนัง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ได้รับการปรับสภาพให้สมบูรณ์จะถูกห่อหุ้มด้วยปราณและโลหิตแห่งโลกอย่างมีประสิทธิภาพและปรับแต่งไปที่กระดูก เพื่อให้กระดูกสามารถดูดซับปราณและโลหิตแห่งโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากผิวหนัง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นไม่ได้รับการปรับสภาพให้สมบูรณ์ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยให้กระดูกคลายตัว แต่จะส่งผลต่อการคืนตัวของกระดูกและจะทิ้งอันตรายที่ซ่อนเร้นไว้กับเหล่านักรบ หากเป็นเช่นนั้น ผลที่ตามในอนาคตมาจะเป็นหายนะ
ส่วนหนึ่งของปราณและโลหิตแห่งโลก ถูกเปลี่ยนเป็นค้อนขนาดยักษ์ภายใต้การกระทำของวิชาโลกไร้ขอบเขต ทุบกระดูกทุกอันอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดูกเหล่านี้แข็งขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งของพลังของปราณและโลหิตแห่งโลกถูกรวมเข้ากับกระดูก
บำรุงกระดูกที่เสียหายจากการตี ซ่อมแซมในขณะที่ทำลาย อย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดูกแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อก้าวไประดับต่อไป
ด้วยปราณและโลหิตแห่งโลก แสงสีทองเล็กๆค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนกระดูกสีขาว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าได้ก้าวมาถึงขอบเขตขัดเกลากระดูกทองคำขั้นต้น
"ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เข้าสู่ขั้ขอบเขตขัดเกลากระดูกทองคำขั้นต้นเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้รับแต้มทะลุทะลวง 800 แต้ม เมื่อพิจารณถึง..."
ความจริงแล้วความแข็งแกร่งแบบนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเกินมากเมื่อเทียบกับอายุของจู หวู่หยาง แถมมันยังอ่อนแอกว่าในหมู่รุ่นเดียวกัน
ต้องรู้ว่าในอาณาจักรจิ่วจ้าว แม้แต่นักรบจากตระกูลธรรมดาก็สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตขัดเกลาเส้นเอ็นได้เมื่ออายุสิบเจ็ดปี ในครอบครัวที่ร่ำรวยหนอ่ย หลายคนสามารถก้าวไปขอบเขตขัดเกลากระดูกทองคำ เมื่ออายุได้ สิบเจ็ด
ไม่ต้องพูดถึงคนรวยและผู้มีอำนาจ ตราบใดที่ลูกหลานของพวกเขาไม่โง่ ก็สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตขัดเกลากระดูกทองคำได้ตอนอายุสิบเจ็ด
ส่วนพวกอัจฉริยะเหล่านั้นไม่ต้องพูดถึง อัจฉริยะเหล่านั้น หลังจากผ่านความยากลำบากมามากกว่าสิบปี ก็สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตขัดเกลาอวัยวะภายในทั้งห้าหรือแม้แต่ระดับขอบเขตขัดเกลาไขกระดูก