1166 - มือสังหาร
1166 - มือสังหาร
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกระบี่จักรพรรดิ ท่านปู่มาถึงแล้วหรือไม่?” องค์ชายเซี่ยกล่าว และแม่ชีตัวน้อยก็พยักหน้าอย่างจริงจัง พลังแบบนั้นเชื่อมโยงกับสายเลือดของพวกเขา
ทุกคนประหลาดใจ มีอาวุธเต๋าสุดขั้วอีกชิ้นอยู่ในทะเลสาบหยก นั่นแสดงให้เห็นว่าราชวงศ์เซี่ยแห่งจงโจวมาถึงแล้ว
“ปฏิเสธไม่ได้ว่ากองกำลังบางส่วนในโลกนี้ล้วนเห็นแก่ตัว พวกเขาไม่สนใจว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นจะตายอย่างไร แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาจำเป็นต้องนำอาวุธเต๋าสุดขั้วเข้าร่วมการชุมนุม” จี้ฮ่าวเยว่กล่าว
“หากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ ไม่แน่ว่าเผ่าพันธุ์โบราณจะได้รับชัยชนะอย่างที่พวกมันคาดคำนวณไว้ อย่างไรก็ตามเซียนของพวกเรามีน้อยยิ่งกว่าน้อย การสูญเสียพวกเขาเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจกอบกู้ได้ …” เหยาเยว่กงกล่าวว่า
ในที่สุดการชุมนุมของทะเลสาบหยกก็สิ้นสุดลง และมหาอำนาจทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกลับสู่ที่ตั้งของตัวเอง
แน่นอนว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้จากไป พวกเขายังคงอยู่ที่นี่เพื่อพูดคุยกับสหายเก่าและดื่มสุราร่วมกัน ท้ายที่สุดช่วงเวลาแห่งสันติภาพที่หายากได้มาถึงแล้ว
บุคคลที่มีสถานะสูงส่งเริ่มทยอยปรากฏตัวขึ้นเพื่อสนทนากับเย่ฟ่านซึ่งกำลังจะบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ หากเขาทำได้เย่ฟ่านจะกลายเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีโอกาสมากที่สุดในการก้าวไปถึงขอบเขตจักรพรรดิมนุษย์คนต่อไป
ในระหว่างนี้รองสำนักฉีซื่อได้สนทนาอย่างลับๆ กับเย่ฟ่าน โดยบอกว่าเส้นทางที่จะนำไปสู่อาณาจักรเซียนกำลังจะเปิดขึ้นแล้ว ในครั้งนี้สำนักฉีซื่อได้ส่งเทียบเย่ฟ่านอย่างเป็นทางการ
และยังมีความลับอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เย่ฟ่านตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ในอดีตเคยมีเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เก้าคนเดินทางสู่อาณาจักรเซียน บางคนเสียชีวิตที่นั่นและบางคนก็สามารถกลับสู่โลกอำพรางสวรรค์ได้สำเร็จ”
หลังสิ้นสุดยุคโบราณสาเหตุที่จักรพรรดิชิงสามารถบรรลุความรู้แจ้งและกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ นั่นก็เพราะเขาได้เดินทางเข้าสู่อาณาจักรเซียนและบรรลุความสำเร็จจากที่นั่น
“ช่วงเวลาที่ประตูสู่อาณาจักรเซียนจะเปิดขึ้นอย่างเร็วสุดสองเดือนและอย่างช้าสุดหนึ่งปี ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจากไม่พลาดโอกาสนี้”
หลินเต้าเฉินไม่ได้กล่าวอะไรมาก เขาทิ้งประโยคนี้ไว้ก่อนจะเดินทางกลับจงโจวพร้อมกับคณะ
เย่ฟ่านยืนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่ออ่านเทียบเชิญเขาก็ค้นพบว่าหลินเต้าเฉินได้เชื้อเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง หนานเหยา อัจฉริยะหนุ่มนามจงหวง และตัวเขาเป็นผู้นำกลุ่ม ทั้งยังมีอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่จะเข้าร่วมการเดินทางจีบมากมายนับไม่ถ้วน!
“มากมายถึงขนาดนี้?”
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจที่แม้แต่ไอ้สารเลวต้วนเต๋อก็ยังถูกคัดเลือกไปด้วย จี้จื่อยว่และพี่ชายก็เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเช่นกัน
ผังป๋อเคยได้ยินเรื่องการเดินทางออกนอกอาณาเขตนี้จากทายาทของจักรพรรดิชิง พวกเขาบอกว่านี่เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือด ผู้ที่สามารถกลับมาได้จะบรรลุเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ล้มเหลวจะกลายเป็นเพียงบันไดให้ผู้อื่นเหยียบย่ำขึ้นไป
“จักรพรรดิดำ ดูสิ สิ่งมีชีวิตโบราณคนนั้นคือศัตรูที่สวรรค์ส่งมาให้เจ้าโดยเฉพาะ…” หลี่เทียนพยักหน้าไปทิศทางหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
นั่นคือสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีหัวเป็นสุนัขแต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ ที่ด้านหลังของมันมีปีกศักดิ์สิทธิ์สีขาวคู่หนึ่ง และยังมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์หมุนวนอยู่รอบศีรษะ
“น่าเกลียดเกินไป…” จักรพรรดิดำมีสีหน้าเหยียดหยาม
ทันใดนั้นได้มีแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตศีรษะสุนัขกวาดเข้ามาในทิศทางของพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามันได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจน
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” จักรพรรดิดำสาปแช่งอย่างเมามาย
“เด็กน้อยระวังตัวไว้ให้ดี!”
สิ่งมีชีวิตศีรษะสุนัขตัวนั้นส่งเสียงคำรามก่อนจะชักนำกลุ่มของพวกมันเดินทางออกจากทะเลสาบหยก สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ต่อสู้กันได้และไม่มีใครคิดจะเอาชีวิตของตัวเองไปงัดข้อกับเจดีย์น้ำตาเซียน
“นี่คือชายที่แข็งแกร่งจากเผ่าเถิงกู่ …” สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเตือนพวกเขาว่าอย่ากล่าวเรื่องไร้สาระให้มาก
ในที่สุด เมื่อถึงเวลากล่าวอำลาเย่ฟ่านและสหายคนอื่นๆก็ออกเดินทางออกจากดินแดนอันบริสุทธิ์นี้พร้อมกัน
แม้ว่าช่วงเวลานี้ทุกเผ่าพันธุ์จะสงบศึกกันแล้ว อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงการสงบศึกระหว่างสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์อย่างพวกเขายังคงมุ่งมั่นที่จะฆ่าฟันกันอย่างเต็มที่
จักรพรรดิดำเดินลิ้นห้อยออกจากทะเลสาบหยก เมื่อคืนมันดื่มกินจนเมามายมากเกินไป ในขณะนี้จักรพรรดิดำกับหลี่เหอสุ่ยแม้จะเกิดการโต้เถียงอยู่ตลอดเวลา แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำใจพี่น้องของพวกเขาลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ในระหว่างการเดินทางครั้งนั้นจักรพรรดิดำและต้วนเต๋อล้วนใช้วิธีการสกปรกทุกประเภทเพื่อแย่งชิงสมบัติที่อีกฝ่ายครอบครอง ซึ่งสร้างความรื่นเริงให้กับสหายทุกคนเป็นอย่างมาก
“ให้ตายเถอะเจ้าโจรปล้นสุสานอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าวางแผนที่จะเข้าไปปล้นสมบัติในภูเขาม่วงมาหลายปีแล้ว หากเจ้าล่วงล้ำเข้าไปในสุสานของจักรพรรดิอู่ซือข้าจะจับเจ้ามาทำเป็นทาสมนุษย์ห้าร้อยปี!”
“เจ้าหมาบ้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่ารากฐานเซียนของเจ้าถูกทำลาย ดังนั้นเจ้าจึงต้องการใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ฟื้นฟูรากฐานของตัวเองกลับมาอีกครั้ง...เลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า มันไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”
ทั้งสองคนไม่ใช่ตัวดีอะไร ในตลอดเส้นทางที่ออกจากทะเลสาบหยกทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบครั้งจนทำให้ทั้งกลุ่มเริ่มเกิดความรำคาญขึ้นแล้ว
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
ไม่พบกันนานนับสิบปีสุนัขสีดำตัวนี้ดูเหมือนจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเองกลับคืนมาเล็กน้อย พลังของมันเทียบได้กับเซียนเทียมระดับสองขั้นสูงสุดเลยก็ว่าได้
ต้วนเต๋อยิ่งแปลกประหลาดมากกว่า ไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ไม่ว่าจักรพรรดิดำจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาเปรียบเขาได้แม้แต่น้อย
จุดประสงค์ของทั้งคู่คือการคว้าสมบัติของอีกฝ่าย พวกเขาใช้ทักษะลับที่ไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อนทำการโจมตีอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง และเมื่อการเดินทางล่วงเลยมาถึงวันที่สิบในที่สุดจักรพรรดิดำก็ขอสงบศึกก่อนจะออกวิ่งอย่างเร่งรีบ
ทุกคนเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากและติดตามมันไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าที่ด้านหน้าของพวกเขานั้นเป็นกลุ่มหญิงสาวนับร้อยคนที่สวมใส่ชุดสีม่วงกำลังออกเดินทางกลับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
แน่นอนว่าหญิงสาวกลุ่มนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกลุ่มยอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง โดยเฉพาะตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิดที่มีความงามและโดดเด่นเหนือใคร
สุนัขสีดำตัวใหญ่วิ่งเข้าไปพร้อมกับกางเกงลายดอก มันหัวเราะเสียงดังและด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อระงับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นกับโลกในไม่ช้าเผ่าพันธุ์มนุษย์จำเป็นต้องให้กำเนิดจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สักคน ขอคุณหนูโปรดเสียสละตัวเอง!”
มีผู้คนมากมายนับล้านกำลังหลั่งไหลออกจากทะเลสาบหยก แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางมาเป็นเวลาหลายสิบวันแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิดำเหล่าสตรีผู้งดงามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงต่างก็สาปแช่งด้วยความโกรธและเริ่มโจมตีจักรพรรดิดำทันที
“ข้ากำลังพูดเรื่องจริง ข้าคือพี่น้องของจักรพรรดิอู่ซือ ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าสู่อาณาจักรเซียนเขาบอกให้ข้าตามหาผู้สืบทอดให้ และผู้สืบทอดของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากว่าที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่เกิดจากท้องของเจ้า”
สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่สวมกางเกงลายดอกสีเขียวอ่อนยังคงวนเวียนไปมารอบๆ กลุ่มหญิงสาวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง น้ำเสียงของมันกระตือรือร้นอย่างถึงที่สุด
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วพวกเจ้ายังคิดว่าข้าจะโกหกอีกหรือ บรรพชนของพวกเจ้าไม่เคยบอกเลยหรือว่าราชโองการนั้นเป็นความจริง ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ ตัวข้าคืออวตารของจักรพรรดิอู่ซือนั่นเอง ลองคิดดูสิหากเขาไม่มีร่างอวตารมากมายนับไม่ถ้วนเขาจะมีชีวิตอยู่นานหลายแสนปีได้อย่างไร!” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าหมาบ้าห้ามเข้าใกล้พวกนางเด็ดขาดไม่เช่นนั้นเจ้าจะเป็นศัตรูกับตระกูลจี้ของเรา”
“ปัง”
พระจันทร์น้อยแห่งตระกูลจี้ลงมือด้วยความโกรธ นางหยิบยืมค้อนขนาดใหญ่ของต้วนเต๋อและไล่ทุบจักรพรรดิดำอย่างไร้ความปรานี
“พี่ใหญ่ช่วยข้าจัดการสุนัขตัวนี้ด้วย…” จี้จื่อเยว่ตะโกนเรียกจี้ฮ่าวเยว่
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ต้วนคนนี้ดีกว่า”
ต้วนเต๋อก้าวไปข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น หากให้ทำเรื่องอื่นไม่แน่ว่าเขาจะมีความกล้า แต่หากให้จัดการสุนัขดำตัวนี้เขามีความปรารถนาอย่างถึงที่สุด
เย่ฟ่านบอกให้ทุกคนเลิกทำเรื่องไร้สาระได้แล้ว หากกดดันมันมากเกินไปสุนัขตัวนี้อาจเตลิดไปที่อื่น และเมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำเรื่องน่าอายอะไรบ้าง
“พี่เย่พวกเราต้องขอตัวแล้ว!” องค์ชายเซี่ย แม่ชีน้อย และเหยาเยว่กงกล่าวอำลากับเย่ฟ่าน
“องค์ชายไม่ทราบว่าแผนการในอนาคตของเจ้าคืออะไร?” หลี่เหอสุ่ยถาม
“เตรียมการก่อตั้งนิกายร่วมกับพี่เย่” องค์ชายเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้พวกเขามีโอกาสหารือกันบ้างแล้ว
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองก็ส่องสว่างขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่สิ้นสุด มันควบแน่นกลายเป็นกระบี่สวรรค์ที่มีพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวและพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการโจมตีที่เด็ดขาดอย่างยิ่ง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มันทะลวงผ่านมวยผมของเย่ฟ่านและทำให้เส้นผมสีดำของเขากระจายไปตามสายลม
การโจมตีครั้งนี้ทั้งรวดเร็วและทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ หากเป็นผู้บ่มเพาะคนอื่นคงถูกฆ่าตายไปแล้ว!
………