บทที่ 91 ซ่อนเร้น
บทที่ 91 ซ่อนเร้น
“ข้าจะจำความแค้นนี้ไว้ กลุ่มลอบสังหารค้าอวัยวะ” เธอพัฒนาความเป็นปฏิปักษ์ต่อมารีจัวส์มานานมาก แต่ตอนนี้มีเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้ว
ไม่มีผู้รอดชีวิตถูกทิ้งไว้บนเรือ เธอได้สอบปากคำข้อมูลเกี่ยวกับปีก ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ตัวตนของเธอจะถูกเปิดเผย ดังนั้นการปิดปากพวกเขาจึงเป็นทางเลือกเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกของกลุ่มลอบสังหารค้าอวัยวะ
นี่เป็นกลุ่มที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าโจรสลัดเสียอีก
“ควีน ขอบคุณเจ้ามากสำหรับเรื่องในครานี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แว่นกันแดดของควีนก็เกือบจะตกลงไปในทะเล และสงสัยว่าเขาควรได้รับการฝังประสาทหูเทียมสำหรับตัวเองหรือไม่ [ผู้แต่ง: มันเอาไว้ปรับหูให้ฟังได้ชัดขึ้นครับ]
“เธอรู้วิธีการแสดงความขอบคุณ???”
นั่นไม่ถูกต้อง หากพูดให้ถูกคือ เชย์น่าพูดขอบคุณกับเขาเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด แต่คำพูดถัดมาของเชย์น่าพิสูจน์ว่าเธอยังคงเหมือนเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลย
“อย่าเข้าใจข้าผิดไป ข้ายังคงเกลียดเจ้าที่เรียกตนเองว่านักวิจัย แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งต่อไปที่ข้าอดใจไม่ได้ที่จะทุบตีเจ้า เจ้าสามารถพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ได้”
ควีนสมควรได้รับคำขอบคุณจริงๆที่ทำให้เธอรู้เกี่ยวกับปีก แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะเปลี่ยนทัศนคติของเธอที่มีต่อเขาด้วยเหตุเพียงแค่นี้
“ได้รับการยกเว้นจากการโดนกระทืบเหรอ?”
“ไม่ แต่ข้าจะทำมันอย่างอ่อนโยนกว่านี้”
หลังจากนั้น ควีนและเชย์น่าก็กลับมาที่เรือ พวกเขาจัดการสิ่งต่างๆได้อย่างสะอาดมาก อย่างไรก็ตาม เรือทั้งลำก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และบางทีอาจมีเพียงจุลินทรีย์ในมหาสมุทรเท่านั้นที่สามารถค้นพบสิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่นี้
การกำจัดดังกล่าวในระดับกายภาพจะไม่สะอาดได้อย่างไร?
“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ อาจมีเรือมากกว่าหนึ่งลำที่ไล่ตามมังกรพันปี แต่เราไม่พบร่องรอยของพวกมันในพื้นที่ใกล้เคียง”
นี่คือข้อมูลที่พวกเขาได้รับก่อนหน้านี้ มีเรือสามลำที่ไล่ตามมังกรพันปีตัวนี้ และอีกสองลำกำลังไล่ตามมังกรพันปีตัวอื่นๆ
พวกเขาวนเวียนอยู่รอบๆพื้นที่ใกล้เคียง แต่ไม่เห็นร่องรอยของเรือลำอื่นเลย
“ไล่ตามรึ? พวกมันเป็นยังไงบ้าง?”
มังกรพันปีสามารถบินได้ และถ้าตัวนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะตามทันมันโดยพึ่งเรือที่ขับเคลื่อนด้วยลม และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มังกรพันปีทุกตัวจะได้รับบาดเจ็บ ตราบใดที่พวกมังกรรักษาระดับความสูงไว้ อาวุธปืนธรรมดาก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้
“เราไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เราจะไปที่ไหนต่อ?”
“ไปยังรังของมังกรพันปี มันจะนำทางแก่เรา”
มังกรพันปีที่ได้รับบาดเจ็บยืนอยู่ที่หัวเรือ กระพือปีกไปทางแสงจันทร์
"[ปีกเที่ยงคืนตัดผ่านเมฆ ขณะที่แสงจันทร์นำทางไปสู่จุดหมายปลายทางสุดท้าย]"
นี่คือประโยคที่โอลกะแปลก่อนหน้านี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าแสงจันทร์จะนำทางไปสู่บ้านเกิดของมังกรพันปีจริงๆ เมฆบนท้องฟ้าเริ่มปิดตัวลง และเส้นทางแสงจันทร์ก็ค่อยๆหายไป เรือของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรล่องไปตามทิศทางของมังกรพันปีและเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะไปถึงจุดสิ้นสุดของแสงจันทร์ แต่ก็ไม่มีเกาะใดปรากฏต่อหน้าพวกเขา
“มันไม่มีอะไรที่นี่เลย มังกรตัวนี้พาเรามาผิดทางหรือเปล่า?”
“ไม่ มันบอกว่าเรามาถึงแล้ว ถิ่นที่อยู่ของพวกมันคือ….ตรงนี้เหนือเราขึ้นไป” เอลิซาเบธแปลคำพูดของมังกรพันปี จากนั้นมองขึ้นไปเหนือหัวตัวเอง
“เหนือเรา..เกาะแห่งท้องฟ้าเหรอ?”
เกาะแห่งท้องฟ้า หนึ่งในความพิเศษของโลกโจรสลัด โดยทั่วไปแล้วมันหมายถึงเกาะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มันไม่ได้มัเพียงเกาะเดียว มีเกาะลอยฟ้าทั้งในพาราไดซ์ครึ่งแรกและนิวเวิลด์ครึ่งหลัง
สำหรับโจรสลัดและผู้คนในนิวเวิลด์ เกาะแห่งท้องฟ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยได้ยินกัน
ไม่ใช่เพราะมีหมู่เกาะแห่งท้องฟ้าในนิวเวิลด์มากกว่า แต่เป็นเพราะราชสีห์ทองคำสร้างเกาะลอยฟ้าขึ้นมาสองสามเกาะ แม้ว่าพวกมันจะไม่สูงเท่ากับเกาะตามธรรมชาติก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นของเทียม แต่ก็ยังคงเป็นเกาะแห่งท้องฟ้า
และประโยค "[ปีกเที่ยงคืนตัดผ่านเมฆ ขณะที่แสงจันทร์นำทางไปสู่จุดหมายปลายทางสุดท้าย]" ตอนนี้มีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นแล้ว
มังกรพันปีกลุ่มนี้อาศัยอยู่บนเกาะลอยฟ้า และแหล่งอาหารหลักของพวกมันคือปลาลอยฟ้า
ปลาลอยฟ้าหมายถึงปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลสีขาวบนท้องฟ้า
มีเมฆต่างๆมากมายที่นี่ รวมถึงเมฆเหล็กที่แข็งพอๆกับเหล็ก และเมฆเชือกที่สามารถใช้เป็นเชือก เมฆหนองน้ำเหมือนบึง และเมฆทะเลที่สามารถพบได้มากที่สุด
ทะเลพิเศษที่เกิดจากเมฆทะเลเรียกว่าทะเลสีขาว เมฆเหล่านี้ก็เหมือนกับน้ำทะเลและเรือก็สามารถแล่นไปบนนั้นได้ นอกจากนี้ยังมีปลาพิเศษที่อาศัยอยู่ในนั้นด้วย
ความสูงของเกาะแห่งท้องฟ้านั้นไม่สม่ำเสมอกัน โดยทั่วไปหมู่เกาะลอยฟ้าที่สูงที่สุดจะอยู่ในทะเลสีขาวที่ระดับความสูงหนึ่งหมื่นเมตร ในขณะที่เกาะที่ต่ำสุดจะอยู่ที่ความสูงไม่กี่พันเมตร
มีสองวิธีในการไปถึงเกาะแห่งท้องฟ้า หนึ่งคือการหาทางลับที่ซ่อนอยู่และปีนขึ้นบันไดที่เกิดจากเมฆทะเล และอีกอย่างคือค้นหาน็อคอัพสตรีม
เกาะแห่งท้องฟ้าที่ซึ่งมังกรพันปีอาศัยอยู่นั้นเป็นหนึ่งในเกาะแห่งท้องฟ้าตอนล่าง แต่จากด้านล่างจะไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆที่ด้านบนได้
“ปีกที่ตัดผ่านเมฆ” ของแผนที่สมบัติหมายถึงเมื่อมังกรพันปีออกล่าปลาท้องฟ้า ปีกของพวกมันตัดผ่านเมฆทะเลเป็นเวลาสั้นๆ ปล่อยให้แสงจันทร์ส่องผ่านและส่องสว่างไปยังผิวทะเล และจุดหมายปลายทางก็อยู่ใต้เกาะแห่งท้องฟ้านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มังกรพันปีตัวนี้ทำเรื่องที่ผิดพลาด เส้นทางที่มันนำไปนั้นถูกต้อง แต่มันเป็นเส้นทางสำหรับมังกรพันปีที่จะกลับบ้าน ไม่ใช่วิธีการขึ้นไปสำหรับเรือของมนุษย์ มังกรพันปีเพียงต้องกระพือปีกเพื่อขึ้นไป แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับเรือของมนุษย์
การปรากฏตัวของน็อคอัพสตรีมไม่ได้เชื่อมโยงกับการมีอยู่ของเกาะแห่งท้องฟ้าโดยตรง เกาะแห่งื้องฟ้าบางแห่งตั้งอยู่ใกล้กับน็อคอัพสตรีม ในขณะที่เกาะแห่งท้องฟ้าอื่นๆ อาจไม่มีกระแสน้ำประเภทนี้อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
กล่าวคือ แม้ว่าเรือของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรจะอยู่ใต้ถิ่นที่อยู่ของมังกรพันปี แต่วิธีเดียวที่จะขึ้นไปได้คือการบิน
“บอสส! มองขึ้นไปสิครับ…มีบางอย่างกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า!”
ลูกเรือบนเรือตะโกนบอกคนที่เหลือ เมื่อแสงจันทร์เริ่มหายไป มีเพียงแสงจันทร์ที่เหลืออยู่ เขาแทบจะไม่สามารถมองเห็นเงาสีดำสองสามเงาได้ และเงาส่วนใหญ่ถูกบดบังจากการมองเห็นของเขา
เงาสีดำตกลงมาอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าก็เกิดเสียงน้ำสาดกระเด็นเป็นชุด
ไม่เพียงแต่ซากศพของมนุษย์ที่ตกลงมา แต่ร่างของมังกรพันปีและเศษซากเรือก็ตกลงมาจากท้องฟ้าเช่นกัน ดูเหมือนว่ามีการสู้รบที่ไม่รู้จักเกิดขึ้นด้านบน
มังกรพันปีบนเรือดูเหมือนจะโกรธมากหลังจากเห็นซากศพของมังกร และมันไม่สนใจบาดแผลที่เพิ่งเย็บใหม่ มันจึงกระพือปีกและรีบบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เราควรทำอย่างไรตอนนี้?”
“แน่นอน เราจะขึ้นไปบนนั้น พวกเจ้าทุกคนจงจับบางสิ่งบางอย่างไว้และสร้างความมั่นคงให้แก่ตัวพวกเจ้าเองเสีย” อาร์เซอุสพูดพร้อมกับกระทืบเท้าของเขา คลื่นพลังงานไหลผ่านตัวเรือลงสู่ทะเล ซึ่งในไม่ช้ามันก็เริ่มปั่นป่วน
ขณะที่สมาชิกของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรกำลังรักษาเสถียรภาพของตัวเอง กระแสน้ำก็พุ่งออกมาจากมหาสมุทรและพาเรือของพวกเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า
เนื่องจากไม่มีน็อคอัพสตรีม เขาจึงสร้างมันขึ้นมาเอง
ศิาแห่งวารีมีพลังในการควบคุมกระแสน้ำ และด้วยพลังนี้ อาร์เซอุสจึงได้สร้างน็อคอัพสตรีมที่ขับเคลื่อนเรือขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยตนเอง