บทที่ 100 การทะลวงระดับของซืออวี๋และการทำสัญญากับบักกี้
วันที่ 18 เดือนกันยายน
ครึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ที่ซืออวี๋มายังเมืองหลวงโบราณ
ในเวลานี้ ซืออวี๋ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
แม้ว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทั้งสองตัวจะเพิ่มขึ้นมาชัดเจน แต่เขาก็ได้รับประโยชน์ค่อนข้างมาก
อย่างแรก เขาได้เรียนรู้ทักษะไร้ตัวตน
ด้วยความช่วยเหลือจากรุ่นพี่หูสัตว์และผู้ดูแลหญิงชรา ตอนนี้เขาสามารถกระโดดไปมาท่ามกลางกลุ่มสัตว์อสูรได้สักพักหนึ่งแล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
ทักษะนี้มีประโยชน์มากสำหรับซืออวี๋!
อย่างที่สอง จากการสำรวจซากปรักหักพังอสูรกินเหล็ก เขาได้ค้นพบรูปแบบวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กและทำให้เส้นทางในอนาคตของอีเลฟเว่นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ซืออวี๋ก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าและประวัติศาสตร์ของโลกนี้อย่างจริงจัง
อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างโลกนี้กับ ‘โลก’ ล่ะ?
“ทิ้งการทวีคูณไว้ชั่วคราว ทักษะการแข็งกร้าวนั้นครอบคลุมมากยิ่งกว่าทักษะการเคลือบแข็ง… ที่สำคัญที่สุด สองทักษะมีหลักการที่แตกต่างกันและสามารถซ้อนทับกันได้! นั่นทำให้อสูรกินเหล็กแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“อย่างไรก็ตาม ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดยังคงเป็นทักษะพลังภายใน ในบรรดาห้าธาตุของไม้ โลหะ น้ำ ไฟ และดิน ทุกคุณสมบัติมีลักษณะพิเศษของตัวเอง ลักษณะของโลหะนั้นหนัก ต้านทาน สังหาร และแหลมคม”
“ทักษะนี้มีสองลักษณะหลักของธาตุโลหะ สมกับเป็นทักษะระดับสุดยอด”
บนเครื่องบิน ซืออวี๋นึกถึงการต่อสู้ระหว่างราชาวานรเพชรและอสูรกินเหล็กของปรมจารย์หลินฮงเหนียน และหัวใจของเขาก็เต้นแรง
อสูรกินเหล็กเพิ่งวิวัฒนาการและทะลวงระดับ มันยังไม่คุ้นเคยกับทักษะของมัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรระดับราชันย์ที่อยู่มานานเช่นราชาวานรเพชร
โดยปกติแล้ว เหตุการณ์จะเป็นเช่นนั้น ทว่าผ่านทักษะระดับสุดยอดเช่นพลังภายใน ปรมจารย์หลินฮงเหนียนเพียงมอบคริสตัลพลังงานธาตุโลหะบางส่วน หลังจากที่อสูรกินเหล็กสะสมพลังงานได้มากพอ สถานการณ์การต่อสู้ก็แทบจะพลิกกลับในทันที
ราชาวานรเพชรถูกยับยั้งโดยการระเบิดพลังของอสูรกินเหล็กโดยตรง!
“ทักษะนี้เหมาะสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรที่ร่ำรวย”
ซืออวี๋มองไปที่ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวนอกหน้าต่าง เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถใช้ทักษะนี้ได้สุ่มสี่สุ่มห้าในปัจจุบัน
พลังภายใน มันไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่า ‘จ่ายเงินเพื่อชนะ’
การจ่ายเงินเพื่อใช้ทักษะระดับสุดยอดธาตุโลหะนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติเลย
“เฮ้อ”
ในขณะที่เขาถอนหายใจ อีเลฟเว่นน้อยและบักกี้ก็มองไปนอกหน้าต่างเช่นกัน
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองได้ถูกปล่อยออกมาโดยซืออวี๋เพื่อสัมผัสความรู้สึกในการบิน
เมื่อคิดว่าสัตว์อสูรทั้งสองตัวไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ซืออวี๋จึงปล่อยพวกมันออกมาและสัมผัสกับประสบการณ์ในการนั่งเครื่องบิน
ในตอนนี้ พวกเขากำลังเดินทางกลับไปยังเมืองทุ่งน้ำแข็ง
แม้ว่าเมืองหลวงโบราณจะดีมาก แต่ซืออวี๋ก็ไม่สามารถออกไปเดินเล่นและบ่มเพาะได้อย่างสงบสุข เขายังคงชอบการอยู่บ้านและบ่มเพาะเพียงลำพัง
การนอนอยู่บ้านระหว่างการพักผ่อนนั้นสบายกว่ามาก
ดังนั้นหลังจากส่งมอบการวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กให้แก่ปรมจารย์หลินฮงเหนียนและคนอื่น เขาก็ได้ถอยออกมา
เดิมทีซืออวี๋วางแผนที่จะอยู่ในเมืองหลวงโบราณเป็นเวลาครึ่งเดือนน ทว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้ว หากเขาอยู่ที่นั่นเพื่อเที่ยวเล่น เขาจะพลาดการประเมินมืออาชีพของเขาอย่างแน่นอน
สำหรับการวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก นั่นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเพราะกังวลไปก็ไร้ประโยชน์… หลังจากที่เขาเพิ่มความแข็งแกร่งของอีเลฟเว่นถึงขีดสุดแล้ว เขาก็จะศึกษามันด้วยอย่างแน่นอน
“อู๋”
“จิ๋!”
ในขณะนี้ อีเลฟเว่นและบักกี้กำลังคุยกันอย่างเมามัน
เกี่ยวกับเรื่อง ‘การบิน’
แม้ว่าบักกี้จะเป็นแมลง แต่มันจะบินได้อย่างแน่นอนหลังจากกลายร่างเป็นผีเสื้อหรือผีเสื้อกลางคืน
แม้กระทั่งในตอนนี้ มันก็สามารถบินได้ด้วยทักษะภูติมายาของมัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของบักกี้ อีเลฟเว่นในฐานะผู้นำที่แข็งแกร่งก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
มันจะบินได้ยังไงกัน?
ปีกโลหะ? การลอยด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า? ไม่มีทาง…
บ่งทีวันหนึ่งมันอาจเรียนรู้ทักษะการบิน…
…
ในวันนั้น ซืออวี๋กลับไปที่เขตผิงเฉิง
เนื่องจากเขาจากไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาต้องทำความสะอาดบ้านเมื่อเขากลับมาในครั้งนี้
ซืออวี๋มอบหมายงานที่ยากลำบากนี้ให้แก่อีเลฟเว่นและบักกี้เพื่อฝึกฝนความสามารถในการใช้ชีวิตของพวกมัน
สัตว์อสูรที่เก่งในการต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่ดีมากพอ สัตว์อสูรต้องมีการพัฒนาในทุกด้าน หากพวกมันซักผ้า ทำอาหาร และหาเงินเองได้คงจะดีไม่น้อย
สำหรับเขา เขาโทรจองอาหารของอีเลฟเว่นจากศูนย์ฝึกศิลาไผ่
“ปรมจารย์หลินดูเหมือนจะจ่ายเงินไปมหาศาลในคราวนี้ ศูนย์ฝึกศิลาไผ่ยังมีเงินเหลือไหม?”
ซืออวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก อย่างไรก็ตาม ปัญหาดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
อีกไม่นาน ราคาของอสูรกินเหล็กจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรกินเหล็กในฐานะเพาะพันธุ์ไผ่เหล็ก!
ท้ายที่สุด อสูรกินเหล็กของปรมจารย์หลินเป็นอสูรกินเหล็กตัวแรกที่วิวัฒนาการ อสูรกินเหล็กที่ถูกขายที่อื่นหรือพบได้ทั่วไปจะเทียบกับอสูรกินเหล็กที่ตระกูลของปรมจารย์หลินบ่มเพาะมาได้ยังไงกัน?
แม้ว่าความแตกต่างที่แท้จริงอาจไม่มากนัก แต่บางครั้ง ผลกระทบของแบรนด์ก็ไม่สมเหตุสมผลมากนัก
สมมติว่าราคาของอสูรกินเหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายแสนหยวนเป็นหนึ่งล้านหยวน อสูรกินเหล็กนับแปดร้อยตัวในฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล็กก็เทียบได้กับแปดร้อยล้านหยวน นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถขายอาหารเสริมหรือแม้กระทั่งคู่มือลับสำหรับอสูรกินเหล็กได้อีกเช่นกัน ทรัพย์สินของพวกเขาน่าจะเกินสิบหลัก
“ดีมากเพียงใดกัน…”
เมื่อซืออวี๋นึกถึงรุ่นพี่แพนด้าที่ควบคุมตระกูลและแม้กระทั่งต้องการขายคอสตูมแพนด้าให้แก่เขา เขารู้สึกฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล็กจะต้องพุ่งทะยานอย่างแน่นอน
ตามที่คาดไว้ เขาเป็นคนเดียวที่ยากจน
ซืออวี๋คิดเกี่ยวกับเงินของเขาอย่างเงียบเชียบ เงิน 10,000,000 หยวนที่รุ่นพี่หลู่มอบให้แก่เขารวมกับ 1,000,000 หยวนที่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงได้มอบให้แก่เขา เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 11,000,000 หยวน ตอนนี้เหลือน้อยกว่า 6,000,000 หยวนแล้ว
นอกจากนี้ ในด้านของอาหารเสริม เนื่องจากเขาได้เพิ่มแต้มให้กับอีเลฟเว่นและบักกี้ ร่วมกับการกินในระหว่าฝึกการไร้ตัวตนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาจึงแทบจะไม่เหลือพวกมันเลย
ซืออวี๋รู้สึกว่าเขาใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยเกินไปในทันใด
ในสองเดือนที่ผ่านมา เขาได้ใช้เงินไปกว่าสี่ล้านหยวนสำหรับแค่การกินอาหารเสริม
อีกหนึ่งล้านหยวนก็คือการซื้อผลไม้คริสตัลมิติสำหรับบักกี้เพื่อเพิ่มความเข้ากันได้กับมิติของมัน
เพียงไม่กี่เดือน ห้าล้านหยวนก็หมดไป
นี่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ศูนย์ฝึกศิลาไผ่ให้อาหารแก่อีเลฟเว่นอยู่เสมอ
ซืออวี๋รู้สึกว่าด้วยความเร็วนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเข้าร่วมกับศูนย์ฝึกศิลาไผ่ เงินที่เหลือก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับเขา…
“ไม่ต้องรีบ คริสตัลพลังงานธาตุน้ำแข็งในลูกปัดซากปรักหักพังนั้นสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรอื่นได้”
“ทว่านั่นก็ยังไม่เพียงพอ ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้ว ข้าก็ยังต้องขายไหมหนอนใช่ไหม?”
ซืออวี๋หันความสนใจของเขาไปยังบักกี้อีกครั้ง ไหมหนอนประเภทมิติจะขายได้ในราคาดีอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด มันก็มีเพียงหนึ่งเดียวในดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ ราคาหมื่นหยวนไม่มากเกินไปใช่ไหม?
ซืออวี๋มองไปที่บักกี้ซึ่งกำลังเก็บกวาดใบไม้แห้ง
บักกี้ตัวสั่นและหันกลับมา
ซืออวี๋ : (๑•̀ᄇ•́)و✧
บักกี้ : 〒▽〒?
…
หากจำเป็น เขาจะต้องเสียสละบักกี้อย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา
ซืออวี๋รู้สึกว่าเขาไม่ต้องใช้อาหารเสริมในเวลานี้
เมื่อเห็นเงินทุนของเขาลดลง ซืออวี๋ก็ฉลาดขึ้น
เขาวางแผนที่จะใช้หินไร้ตัวตนเพื่อบ่มเพาะก่อนและเพิ่มระดับมิติฝึกสัตว์อสูรสู่ระดับสอง จากนั้นเขาก็จะเพิ่มแต้มให้แก่อีเลฟเว่นกับบักกี้
หลังจากที่มิติฝึกสัตว์อสูรถึงระดับสอง พละกำลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและก้าวกระโดดเชิงคุณภาพ
ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพซึ่งแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณในครั้งก่อน
มันเทียบได้กับการทะลวงจากระดับปลุกตื่นเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติ!
ในเวลานั้น เวลาคูลดาวน์หลังจากการเพิ่มแต้มก็จะลดลงมหาศาล เขาอาจจะประหยัดอาหารเสริมได้มาก
ในขณะเดียวกัน หลังจากระดับนักฝึกสัตว์อสูรของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็สามารถทำสัญญากับบักกี้ได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้น จำนวนหน้าของสารบัญทักษะก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ดังนั้นหลังจากคิดถึงข้อดีและข้อเสียแล้ว ซืออวี๋จึงตัดสินใจให้ความสำคัญแก่การเพิ่มระดับของเขา
ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดเงิน การประเมินมืออาชีพ การทำสัญญากับบักกี้ หรือการพัฒนาสารบัญทักษะ เขาต้องก้าวทีละขั้นและทำสมาธิ!
ด้วยการที่มีเป้าหมาย ทุกอย่างก็จะง่าย
“อีเลฟเว่น ต่อไป เจ้าควรฝึกความสามารถในการประสานของเจ้าเป็นหลักซึ่งคือการใช้ทักษะผสานซ้อนทับกันอย่างต่อเนื่อง”
“ในทางกลับกัน บักกี้ เจ้าฝึฝนความเร็วในการสร้างความฝันต่อไป เจ้าใช้ภูติมายาช้าเกินไป”
หลังจากที่สัตว์อสูรทั้งสองตัวทำความสะอาดบ้านเสร็จ พวกมันก็วิ่งมารับภารกิจจากเขา
เนื้อหาการฝึกฝนยังคงเป็นเช่นเดียวกับครั้งก่อน ทว่าสัตว์อสูรทั้งสองตัวกระตือรือร้นมาก พวกมันร้องออกมาและวิ่งไปฝึกฝน
เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ ซืออวี๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยอารมณ์ การมีอีเลฟเว่นรับบทผู้นำค่อนข้างช่วยเหลือนักฝึกสัตว์อสูรเช่นเขาได้อย่างมาก
หลังจากจัดเนื้อหาการฝึกฝนสำหรับอีเลฟเว่นและบักกี้ ซืออวี๋ก็เริ่มการบ่มเพาะตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป
คนปกติจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการเพิ่มมิติฝึกสัตว์อสูรเป็นระดับสอง แม้ว่าจะเป็นเพียงองค์ประกอบเดียวก็ตาม
หากเขาต้องการทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองเช่นเดียวกับซืออวี๋และสร้างมิติการเติบโตที่ดีสำหรับสัตว์อสูร เขาจะต้องพิจารณาขนาดและสภาพแวดล้อมของมิติฝึกสัตว์อสูร การเพิ่มความแข็งแกร่งของมิติฝึกสัตว์อสูรอย่างเดียวไม่เพียงพอ
ด้วยวิธีนี้ ปริมาณพลังงานที่จำเป้นต้องใช้ก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นคนที่มีพรสวรรค์การฝึกสัตว์อสูรที่โดดเด่นมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ภายในสามเดือน
โชคดี ซืออวี๋มีหินไร้ตัวตนมากพอที่จะสนับสนุนการบ่มเพาะของเขาเป็นเวลานาน ด้วยวิธีนี้ นั่นจึงเป็นไปได้
อันที่จริง ในบรรดาเงินทุนเริ่มต้น 10,000,000 หยวนที่หลู่ชิงอี้มอบให้ ไม่เพียงแค่ให้ซืออวี๋นำส่วนหนึ่งไปฝึกสัตว์อสูรเท่านั้น ทว่ายังมีส่วนสำหรับซืออวี๋ในการซื้อทรัพยากรบ่มเพาะของเขาเองเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ ซืออวี๋จะสามารถเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพครั้งนี้ได้
ทว่าหลู่ชิงอี้ไม่เคยคิดเลยว่าในท้ายที่สุด ซืออวี๋จะใช้เงินก้อนนี้ทั้งหมดเพื่อซื้ออาหารเสริม…
ต่อไป ซืออวี๋เริ่มฝึกฝนอย่างเงียบสงบ บางครั้ง เขามักจะหยิบคำถามสำหรับการประเมินมืออาชีพในปีก่อนขึ้นมาและเริ่มตอบพวกมัน
นอกจากการทำสมาธิแล้ว เขา บักกี้ และอีเลฟเว่นก็ต้องทำข้อสอบสองชุดทุกวัน ท้ายที่สุด นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในการประเมินมืออาชีพ
ไม่ใช่แค่เพื่อการประเมินมืออาชีพเท่านั้น การสะสมความรู้เพิ่มเติมไม่ใช่เรื่องเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะยังคงรู้สึกว่าเขาผ่อนคลายยิ่งกว่านี้ได้ นอกเหนือจากการแส่หาความตายแล้ว ซืออวี๋ยังมีการควบคุมตัวเองที่เขาจำเป็นต้องทำในด้านอื่น
ในชั่วพริบตา หนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป
ในช่วงนี้ นอกเหนือจากหลินซิ่วจูและคนอื่นที่ต้องการข้อมูลบางอย่างจากซืออวี๋แล้ว ซืออวี๋ก็ไม่ได้ถูกรบกวนจากเรื่องอื่นอย่างน่าประหลาดใจ การบ่มเพาะของเขาราบรื่นมากเป็นพิเศษ
หนึ่งเดือนหลังจากที่ซืออวี๋บ่มเพาะและทำสมาธิพร้อมกับหินไร้ตัวตน กำแพงมิติฝึกสัตว์อสูรโปร่งใส่ครึ่งหนึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาภายใต้การทำสมาธิของเขา
นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของมิติฝึกสัตว์อสูรของเขาได้แตะถึงระดับสองแล้ว!
ซืออวี๋มีความสุขมากและยังคงฝึกฝนต่อไปอย่างสงบสุข
ในขณะเดียวกัน นอกเหนือจากความแข็งแกร่งมิติแล้ว เขาเริ่มคำนึงถึงขนาดและสภาพแวดล้อมของมิติฝึกสัตว์อสูร
ในระหว่างการบ่มเพาะของซืออวี๋ ระดับการเติบโตของอีเลฟเว่นก็ทะลวงเข้าสู่ระดับปลุกตื่นขั้นสิบ ในที่สุดมันก็ไล่ตามบักกี้จนทัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอีเลฟเว่นหรือบักกี้ การทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
บักกี้ถูกจำกัดโดยเผ่าพันธุ์ของมัน
ในทางกลับกัน อีเลฟเว่นถูกจำกัดโดยระดับมิติฝึกสัตว์อสูรของซืออวี๋
ดังนั้นเพื่อให้อีเลฟเว่นทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติโดยปราศจากข้อจำกัด ซืออวี๋จึงต้องเพิ่มระดับมิติฝึกสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว
วันที่ 28 เดือนพฤศจิกายน
เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่ซืออวี๋เริ่มนั่งสมาธิและบ่มเพาะ
หลังจากผ่านไปมากกว่าสองเดือน ซืออวี๋ก็อยากจะสาปแช่งอย่างแท้จริง!
มันยากเกินไป!
การยกระดับของสัตว์อสูรเป็นเรื่องง่ายมาก ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือการเพิ่มแต้ม ทำไมการเพิ่มระดับของตัวเองจึงน่าเบื่อและเหนื่อยมากล่ะ?
นี่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่ได้เพิ่มแต้มให้กับอีเลฟเว่นและบักกี้เพื่อทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานะอ่อนแอ เขาทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะทำสมาธิอย่างสุดหัวใจ!
หากเขาเพิ่มแต้ม นั่นคงอาจช้าลงมาก
“แม้ว่ามันจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ในที่สุดข้าก็ทำมันได้…”
ในห้อง ซืออวี๋นั่งลงบนเตียงและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของมิติฝึกสัตว์อสูรในขณะที่ทำสมาธิ
ด้วยหินไร้ตัวตนจำนวนมหาศาล ในที่สุดซืออวี๋ก็ประสบความสำเร็จในการยกระดับมิติฝึกสัตว์อสูรเข้าสู่ระดับสองโดยใช้เวลาสองเดือน
ความแข็งแกร่งของกำแพงมิติในมิติฝึกสัตว์อสูรได้เข้าสู่ระดับสองแล้ว เมื่อสีเปลี่ยนเป็นสีเทา นั่นหมายความว่าซืออวี๋สามารถทำสัญญาได้อีกและควบคุมสัตว์อสูรเพิ่มได้
ขนาดของมิติก็เพิ่มขึ้นเช่นกันซึ่งหมายความว่าซืออวี๋สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองได้
ในเวลานี้ สภาพแวดล้อมการเติบโตของสัตว์อสูรในมิตินั้นสมบูรณ์แบบมาก นี่หมายความว่าสัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติก็สามารถเร่งความเร็วการเติบโตได้
ซืออวี๋ลืมตาขึ้นมา ลุงจากเตียง และบิดร่างกายของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายในปัจจุบันของเขาได้เหนือกว่าขอบเขตของคนธรรมดาไปแล้ว
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!”
ในคราวนี้ ซืออวี๋เป็นเสมือนกับนักโทษที่ถูกกักขังในคุกมาเป็นเวลานาน เขาถูกปล่อยตัวและจิตใจของเขาก็ผ่อนคลายมาก
“อีเลฟเว่น บักกี้!”
ซืออวี๋หัวเราะและตะโกนเรียกสัตว์อสูรทั้งสองตัวที่พึ่งพาตัวเองมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
“หือ?”
“จิ๋!”
อีเลฟเว่นและบักกี้เข้ามาด้วยความสับสนและมองไปที่ซืออวี๋ซึ่งเป็นบ้าด้วยความสับสน
~ (TロT)σ เกิดอะไรขึ้น…
หลังจากบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซืออวี๋ อีเลฟเว่น และบักกี้ได้บ่มเพาะอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของอีเลฟเว่นและบักกี้ ซืออวี่ขยันขันแข็งมากจนผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ท้ายที่สุด การขี้เกียจเป็นสไตล์ของซืออวี๋
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ การที่ซืออวี๋ไม่หย่อนยานนั้นเป็นเรื่องยากมาก เรื่องนี้ทำให้พวกมันรู้สึกแย่
จากลักษณะแล้ว… ในที่สุดก็เกิดขึ้น…
“…”
มุมปากของซืออวี๋กระตุกในขณะที่เขามองไปที่อีเลฟเว่นและบักกี้ผู้ที่กำลังจินตนาการ
“ในที่สุดข้าก็ทะลวงระดับ”
เขาหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร?”
“หือ?”
“จิ๋!”
สัตว์อสูรทั้งสองตัวตกตะลึง ทะลวงระดับเหรอ?
อีเลฟเว่นก้าวไปสองก้าวอย่างงุ่มง่ามและสัมผัสอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกตะลึง
เนื่องจากกมันมีสัญญากับซืออวี๋ มันจึงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของซืออวี๋ทันทีหลังจากสัมผัสเขาอย่างระมัดระวัง
อีเลฟเว่น :!!!
หลังจากตกตะลึงอยู่สักพักหนึ่ง มันยืนอยู่ตรงจุดเดิมและยกแขนของมันขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อู๋~”
ในที่สุดซืออวี๋ก็ทะลวงระดับ!
มันวิ่งวนรอบตัวซืออวี๋ทันทีราวกับเด็กน้อยและส่งเสียงเชียร์
ในที่สุดนักฝึกสัตว์อสูรของมันก็โตขึ้น ในที่สุดเขาก็เติบโตขึ้นผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก!!
อีเลฟเว่นรู้สึกถึงความสำเร็จหลังจากได้เห็นการเติบโตของมนุษย์ผู้ที่รู้เพียงแค่การทำตัวขี้เกียจ
หลังจากประหลาดใจ อีเลฟเว่นก็ตกตะลึงอีกครั้ง มันรู้สึกว่าสายสัมพันธ์ของมันกับซืออว๊๋นั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย… มันยืนนิ่งด้วยความงุนงงและนึกถึงสายสัมพันธ์ของมันกับซืออวี๋…
“จิ๋ จิ๋??” การตอบสนองของบักกี้ช้าลง
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้ามันก็เบิกตากว้าง เผยให้เห็นดวงตตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของมัน
ซืออวี๋ทะลวงระดับแล้ว นั่นหมายความว่ามันสามารถทำสัญญากับซืออวี๋ได้เช่นเดียวกับอีเลฟเว่นงั้นเหรอ??
“ใช่แล้ว” ซืออวี๋ยิ้มออกมา
“ในที่สุดข้าก็สามารถทำสัญยากับเจ้าได้อย่างเป็นทางการ…” เขาถอนหายใจออกมา
การที่พวกเขาจะอยู่รวมกันอย่างสงบสุขเป็นเวลานานโดยไม่ได้ทำสัญญากันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หากไม่มีการทำสัญญา การทุ่มเงินหลายล้านหยวนให้กับสัตว์อสูรป่า… อาจไม่มีนักฝึกสัตว์อสูรจำนวนมากที่กล้าทำเช่นเดียวกับซืออวี๋
ในท้ายที่สุด กระแสจิตก็เป็นทักษะที่ดีมากเสมอ
“บัดซ* มาเร็ว” ในขณะนี้ ซืออวี๋หลับตาลงและพึมพำออกมา
เขาคุ้นเคยกับบักกี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพ เข้ามาเลย!
ในเวลานี้ ซืออวี๋มองไปที่มิติฝึกสัตว์อสูรในสมองของเขา
มันคือโลกที่มีกำแพงคริสตัลสีเทาและเมฆอยู่ข้างใน
ฮู่ ฮู่~ ~
ในขณะที่ซืออวี๋สื่อสารกับมิติฝึกสัตว์อสูร สายลมก็พัดออกไปด้านนอก ผ้าม่านปลิวไสว
จุดแสงนับไม่ถ้วนกะพริบอยู่ตรงหน้าของซืออวี๋ วงแหวนทรงกลมที่สองที่ดูราวกับแผนที่ดวงดาวได้ปรากฎขึ้นมาเหนือหัวของหนอนไหมเขียว!
ในวินาทีต่อมา จุดแสงที่อ่อนแอจำนวนนับไม่ถ้วนไหลออกมาจากวงแหวนและพันรอบตัวหนอนไหมเขียวราวกับว่าพวกกมันต้องการปกคลุมมัน!
“จิ๋!”
หนอนไหมเขียวส่งเสียงร้องออกมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายคุ้มเคยกันดี มันจึงยอมรับสัญยาโดยธรรมชาติ ทั้งร่างกายของมันถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีขาวก่อนที่จะค่อยๆ ประกายเจิดจ้า หายไปจากโลกภายนอกและเข้าสู่มิติฝึกสัตว์อสูร!
สัตว์อสูรตัวที่สอง หนอนไหมเขียวได้ทำสัญญาแล้ว!
[ชื่อ] : บักกี้
[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นสิบ
[ทักษะ] : ไหมหนอน (ขั้นเหนือธรรมชาติ) การหลับลึก (ขั้นชำนาญ) ภูติมายา (ขั้นชำนาญ)
ซืออวี๋ลืมตาขึ้นมาด้วยความดีใจ
เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดีขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือสารบัญทักษะ ในขณะที่เขาทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองของเขา บักกี้นั้นเป็นเช่นเดียวกับในตอนที่เขาทำสัญญากับอีเลฟเว่น ห้าหน้าว่างใหม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในทันที!
“อู๋!!!”
ในเวลานี้ ขณะที่ซืออวี๋ทำสัญญากับบักกี้ อีเลฟเว่นก็ได้สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างด้านข้างมัน
ไม่เพียงแค่ซืออวี๋เท่านั้น อีเลฟเว่นก็ยังมีสายสัมพันธ์กับบักกี้เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุด พวกเขาอยู่ภายใต้นักฝึกสัตว์อสูรคนเดียวกัน หลังจากนี้เป็นต้นไป แม้ว่าการสื่อสารของอีเลฟเว่นและบักกี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกับกระแสจิตของซืออวี๋ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
นักฝึกสัตว์อสูรยังเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างสัตว์อสูรที่แตกต่างกัน
“จิ๋!”
หลังจากการทำสัญญาเสร็จสมบูรณ์ บักกี้ก็ถูกอัญเชิญมาโดยซืออวี๋อีกครั้ง
“หยุกฝึกในคืนนี้ ทุกคนหยุดหนึ่งวัน”
“ไม่สิ สองวัน!”
ซืออวี๋หัวเราะอย่างบางเบาในขณะที่เขามองไปที่อีเลฟเว่นและบักกี้ พวกมันกลายเป็นปลาเค็มอีกครั้งในทันที ทำให้สัตว์อสูรทั้งสองตัวแสดงสีหน้าผิดหวัง การฝึกฝนใช้เวลาเพียยงสองเดือนเท่านั้น!
(ปลาเค็ม คนที่ไม่ทำอะไรเลย)
“พวกเจ้ารู้อะไรไหม? ใกล้จะถึงเวลาฝึกฝนหนักแล้ว!”
“การพักผ่อนแค่สองวันนั้นเหมาะสมแล้ว”
สัตว์อสูรทั้งสองตัวตกตะลึง การเพิ่มแต้มเหรอ? มันมาอีกแล้ว!!
ซืออวี๋พยักหน้า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาถึงจุดนี้
ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือนจนกว่าจะถึงการประเมินมืออาชีพ ต่อไป ได้เวลาทุ่มสุดตัวแล้ว
อย่างแรก อีเลฟเว่นต้องมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของทักษะเผ่าพันธุ์ของมันเพื่อที่จะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติได้ด้วยความช่วยเหลือจากทักษะเผ่าพันธุ์ของมัน
สำหรับไหมหนอนของบักกี้ มันยังคงเป็นทักษะที่ดีที่สุดซึ่งเหมาะสำหรับการทดลองขีดจำกัดของความเชี่ยวชาญทักษะ
ในตอนนี้ ซืออวี๋มีเพียงคำถามเดียว หากเขายังคงเพิ่มแต้มไหมหนอนของบักกี้ต่อไป มีความหวังที่มันจะทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติด้วยรูปแบบหนอนไหมเขียวไหม??
หนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติ นี่ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะถูกบ่มเพาะโดยนักฝึกสัตว์อสูร…
หนอนไหมเขียวถูกจัดให้เป็นเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติขั้นต่ำเท่านั้นซึ่งหมายความว่ามีความหวังที่จะก้าวเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติในสถานะนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีนักฝึกสัตว์อสูรคนไหนทำเช่นนี้
เนื่องจากเรื่องนั้นต้องใช้เวลานานมากเกินไป อายุขัยของหนอนไหมเขียวจึงไม่เพียงพอ หากมันต้องการที่จะทำเช่นนั้น พกวเขาต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลซึ่งไม่ค่อยคุ้มค่ามากนัก ดังนั้นการวิวัฒนาการโดยตรงในระดับปลุกตื่นจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ซืออวี๋มีสีหน้าแปลกประหลาด เขารู้สึกว่าโอกาสของบักกี้ที่จะวิวัฒนาการในหนึ่งเดือนไม่สูงมากนัก แต่โอกาสที่มันจะทะลวงเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติก็ไม่น้อยเลยเพราะการเพิ่มแต้มของเขา
ดังนั้นหากเขาอัญเชิญหนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติในการประเมินมืออาชีพ และมันเป็นหนอนไหมเขียวระดับเหนือธรรมชาติที่มีความแข็งแกร่งค่อนข้างดี จิตใจของคู่ต่อสู้จะไม่แตกสลายเหรอ? ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่สามารถใช้เพียงแค่อีเลฟเว่นในการประเมินมืออาชีพได้
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน