ตอนที่แล้วตอนที่ 661 การเปลี่ยนแปลงของหงส์คราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 663 ศัตรูของเผ่ามาร

ตอนที่ 662 ร่างใหม่ของมอร์โรว์


ตอนที่ 662 ร่างใหม่ของมอร์โรว์

“ทำไมอยู่ ๆ พวกนายถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ได้เนี่ย?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

ผู้มาใหม่ทั้งสองคนไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากผู้นำของเผ่าจักรกลทั้งสองอย่างมอร์โรว์และวอร์สตาร์

วอร์สตาร์ยังคงมีร่างกายอันกำยำเช่นเดิม แต่มอร์โรว์มีร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งปัจจุบันเขาได้อยู่ในร่างของหุ่นยนต์ที่มี 4 แขนโดยแต่ละแขนได้ถืออาวุธแตกต่างกัน 4 ชนิด

“มอร์โรว์บอกว่าร่างนี้จะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับเขาได้มาก เขาเลยมีสภาพอย่างที่คุณเห็นอยู่เนี่ยแหละ” วอร์สตาร์กล่าว

“เมื่อกี้คุณเป็นคนสร้างพายุขึ้นมางั้นเหรอ?”

“ใช่ ฉันกำลังเรียนรู้วิชาใหม่ ฉันเลยออกมาทดลองวิชาที่พึ่งเรียนรู้ไปดู” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

คำตอบนี้ทำให้มอร์โรว์กับวอร์สตาร์รู้สึกตกตะลึง เพราะพวกเขาทั้งสองมองเห็นพายุลูกใหญ่ผ่านระบบเรดาร์อย่างชัดเจน โดยในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันมีการบุกรุกมาจากบุคคลภายนอก พวกเขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเซี่ยเฟยจะเป็นต้นเหตุให้เกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นมาแบบนี้

“ร่างกายของนายดูแปลกใหม่ดีนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับมองไปทางร่างใหม่ของมอร์โรว์ด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ได้ตรวจสอบชุดเกราะชาร์ปเลสของคุณแล้ว ฉันก็ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างร่างร่างนี้ขึ้นมา” มอร์โรว์กล่าวอย่างมีความสุข

มอร์โรว์เป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยของพวกหุ่นยนต์ที่ชอบศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เขาจึงเปลี่ยนร่างกายของตัวเองเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเฟยได้เห็นมอร์โรว์อยู่ในร่างที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

“พลังของเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมากเลยนะ ฉันลองสู้กับเขาเพื่อทดสอบร่างใหม่ดูดีไหม?” มอร์โรว์กระซิบกับวอร์สตาร์

“เลิกพูดเรื่องไร้สาระเถอะ ตอนนี้เซี่ยเฟยแข็งแกร่งมาก นายไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ด้วยซ้ำ” วอร์สตาร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

ยิ่งวอร์สตาร์บอกว่าเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ มอร์โรว์ก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นเท่านั้น

“นายจะมาดูถูกร่างใหม่ของฉันแบบนี้ได้ยังไง! นี่คือร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาเลยนะ”

“ถ้านายต้องการจะทดสอบร่างใหม่จริง ๆ อย่าไปรบกวนเซี่ยเฟยเลย มาทดสอบกับฉันดีกว่า” วอร์สตาร์กล่าว

“นายแน่ใจนะ? ถึงแม้ว่าร่างของนายจะสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยีโลหะเหลว แต่ตอนนี้นายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี” มอร์โรว์กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง

“รู้สึกว่าตั้งแต่นายได้ร่างแปลก ๆ นี้มา นายจะลืมไปแล้วนะว่าตัวเองเป็นใคร ฉันชักจะสงสัยจริง ๆ ว่าร่างใหม่ของนายมันทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?” วอร์สตาร์กล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

“ทำไม? ถึงฉันจะเป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยแล้วฉันจะแข็งแกร่งกว่านายไม่ได้เลยหรือยังไง เดี๋ยวฉันจะต่อสู้กับเซี่ยเฟยเพื่อแสดงให้นายได้เห็นเองว่าทำไมฉันถึงมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น!” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

หลังจากนั้นมอร์โรว์ก็เดินเข้าไปหาเซี่ยเฟยโดยมีวอร์สตาร์ที่กำลังรู้สึกหงุดหงิดเดินตามเขาไปด้วย และถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิด แต่ในวันนี้วอร์สตาร์ก็อยากจะเห็นมอร์โรว์พ่ายแพ้อย่างยับเยินด้วยตาของตัวเองจริง ๆ

“เซี่ยเฟย ตั้งแต่ฉันสร้างร่างนี้ขึ้นมาฉันยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบเลย ฉันขอทดสอบการต่อสู้จริงกับคุณได้ไหม?” มอร์โรว์กล่าวอย่างตื่นเต้น

“เอาสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าร่างกายใหม่ของนาย มันเอามาใช้ต่อสู้จริงได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คุณจำชุดเกราะโลหะเหลวที่คุณมอบให้กับฉันได้ไหม? ฉันได้ใช้มันกับร่างที่เซียน่าทิ้งไว้ประกอบกับเทคโนโลยีของชุดเกราะชาร์ปเลสเพื่อสร้างสุดยอดร่าง ๆ นี้ขึ้นมา ถ้าคุณประมาทร่างของฉันก็อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ” มอร์โรว์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะมอร์โรว์ได้รวมอาวุธอุปกรณ์ที่พิเศษมาก ๆ ถึงสามชนิดเข้าด้วยกัน ดังนั้นประสิทธิภาพของชุดต่อสู้นี้ย่อมประมาทไม่ได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เองเซี่ยเฟยจึงเข้าสู่โหมดต่อสู้อย่างเต็มกำลัง โดยไม่มีการแสดงท่าทางสบาย ๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจ้องมองกันราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องไปยังศัตรู

“คุณพร้อมแล้วหรือยัง?” มอร์โรว์ถาม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง

“เชิญคุณใช้พลังอย่างเต็มที่ออกมาได้เลย!”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

ฝ่ามือใบไม้ร่วง!

ในที่สุดร่างที่มอร์โรว์ใช้เวลาอวดอ้างมานานกว่าครึ่งชั่วโมงก็ได้สัมผัสเข้ากับพลังของกฎแห่งความโกลาหล ซึ่งภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวผลงานชิ้นเอกที่รวม 3 เทคโนโลยีชั้นยอดเข้าด้วยกันก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะมันไม่มีใครคาดคิดว่าร่างใหม่ของมอร์โรว์จะอ่อนแอถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะเซี่ยเฟยที่เขาแทบที่จะไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ

เศษชิ้นส่วนที่แตกหักปลิวกระจัดกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าราวกับสายฝน ขณะที่หัวของมอร์โรว์หล่นลงมากระทบกับพื้น ก่อนที่มันจะมีของเหลวที่เต็มไปด้วยฟองไหลออกมา

“ฉันเตือนนายแล้วใช่ไหมว่าเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมากแต่นายก็ไม่ฟัง เป็นยังไงล่ะ? ตอนนี้แค่คิดจะเคลื่อนไหวยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าจะอ่อนแอขนาดนี้ก็อย่าพึ่งห้าวไปท้าคนอื่นประลองเลย” วอร์สตาร์ดึงหัวของมอร์โรว์ขึ้นมาจากพื้นอย่างมีความสุข

ปากของมอร์โรว์ยังคงค้างอยู่ราวกับว่าเขายังคงอยู่ในอาการช็อกไม่หาย เพราะผลงานชิ้นเอกที่เขาภาคภูมิใจกลับถูกทำลายลงในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที

“เห็นนายบอกให้ฉันโจมตีเต็มกำลัง ฉันก็เลยใช้กระบวนท่าสังหารออกมาเลย นี่ยังดีนะที่ฉันยังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์มันอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับก้มหัวลงอย่างสำนึกผิดเล็กน้อย

“มันจะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ” มอร์โรว์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง

“ฉันรู้นะว่าอะไรที่มันผิดปกติ” วอร์สตาร์กล่าว

“นายรู้งั้นเหรอ? รีบบอกฉันมาเร็ว ๆ เข้า!” มอร์โรว์ถามอย่างสงสัย

“ระบบประมวลผลของนายนั่นแหละที่มันผิดปกติ ถึงขนาดที่ไม่สามารถประเมินความสามารถของตัวเองได้” วอร์สตาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

“คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าตั้งแต่มอร์โรว์สร้างร่างนี้ขึ้นมาเขาก็คอยโม้เรื่องร่างของตัวเองให้ฉันฟังตลอดทั้งวัน ในที่สุดร่างนี้มันก็ถูกทำลายลงไปเสียที จากนี้ฉันจะได้สบายหูขึ้นมาหน่อย” วอร์สตาร์หันไปกล่าวกับเซี่ยเฟย

ในที่สุดมอร์โรว์ก็ต้องกลับไปใช้ร่างแมลงสาบอย่างอับอาย ซึ่งการจู่โจมในครั้งนี้แทบที่จะทำลายความมั่นใจของเขาไปจนหมดสิ้น

“มันไม่ใช่ว่าร่างกายของนายแย่หรอก แต่การออกแบบมันยังมีจุดที่ไม่สมดุลอยู่บ้าง ท้ายที่สุดนายก็ไม่ใช่นักรบที่มีประสบการณ์แล้วนายจะออกแบบร่างของนักรบที่เหมาะสมขึ้นมาได้ยังไง”

“ฉันแนะนำให้นายลองปรึกษาวอร์สตาร์ในระหว่างการออกแบบร่างของนักรบขึ้นมาดู อย่างน้อยเขาก็มีประสบการณ์ในการต่อสู้ เมื่อนำความรู้ของคุณไปผนวกรวมกับประสบการณ์ของเขา ร่างที่คุณสร้างขึ้นมาหลังจากนี้ย่อมมีความสมบูรณ์ขึ้นอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว

“คุณคิดจริง ๆ ใช่ไหมว่าร่างของฉันมันไม่ใช่ร่างที่ไร้ประโยชน์?” มอร์โรว์กล่าว

“ร่างของคุณถือได้ว่าเป็นผลงานชั้นยอดแล้วขาดแต่เพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ร่างกายมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้าหากว่าคุณมอบร่างนี้ให้กับวอร์สตาร์ ผลลัพธ์มันก็น่าจะออกมาดีมากยิ่งขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

หลังจากที่วอร์สตาร์กับมอร์โรว์จากไป โอโร่ก็กล่าวขึ้นมาว่า

“นายนี่เป็นพวกเชี่ยวชาญการใช้คำพูดเชิงจิตวิทยาจริง ๆ ตอนแรกหุ่นยนต์ทั้งสองตัวนั้นกำลังขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากที่นายเริ่มพูดออกมาไม่เพียงแต่พวกเขาจะเลิกทะเลาะกันเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วย”

“สิ่งที่ผมพูดคือความจริง นอกจากนี้การที่พวกเขาสนิทกันมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว

“เซี่ยเฟยรู้จักวิธีปลอบใจลูกน้อง เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นคุณลักษณะที่ดีเลยทีเดียว” โอโร่แอบจดบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ภายในใจ

มังกรซ่อนเร้นเป็นวิชามิติระดับ 5 ซึ่งเป็นวิชาที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากวิชาต่อสู้อื่น ๆ ที่เซี่ยเฟยได้เรียนรู้ในอดีตมาก

การจู่โจมด้วยวิชานี้คือการส่งพลังของกฎเข้าสู่พื้นดินอย่างเงียบ ๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กำลังซ่อนรอเหยื่อและจะเริ่มจู่โจมในขณะที่เหยื่อไม่ทันได้ระวังตัว

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยไม่เคยมีประสบการณ์ศึกษาวิชาในทำนองนี้มาก่อน เขาจึงค่อย ๆ ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ฝึกฝนวิชานี้ไปอย่างช้า ๆ

เวลา 3 วันผ่านไปในพริบตาและในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่โอโร่จะมาตรวจสอบความคืบหน้าของชายหนุ่มแล้ว

“คราวที่แล้วสาเหตุที่นายสามารถเรียนรู้วิชาพายุทรายร่ายรำได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เพราะว่านายมีพื้นฐานที่ดี แต่ในกรณีของวิชามังกรซ่อนเร้นกลับเป็นวิชาที่แตกต่างไปจากวิชาอื่น ๆ ที่นายเคยเรียนรู้มาอย่างสิ้นเชิง คราวนี้นายคงจะรู้สึกแล้วใช่ไหมว่าการฝึกวิชาใหม่ ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ” โอโร่กล่าว

“การฝึกวิชานี้ยากลำบากกว่าตอนที่ผมฝึกวิชาพายุทรายร่ายรำมากจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ

โอโร่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยแล้วเขาก็คิดว่าเขาคงจะดีใจมากแล้ว หากเซี่ยเฟยสามารถฝึกวิชามังกรซ่อนเร้นขั้นที่ 3 ได้ภายในเวลา 3 วัน อย่างไรก็ตามด้วยปาฏิหาริย์ที่ชายหนุ่มเคยสร้างขึ้นมาในอดีต เขาจึงประเมินเผื่อขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และคาดการณ์ว่าเซี่ยเฟยน่าจะสามารถฝึกวิชามังกรซ่อนเร้นได้จนถึงขั้นที่ 4 แล้ว

“ตอนนี้นายฝึกวิชามังกรซ่อนเร้นได้ถึงขั้นที่ 4 แล้วหรือยัง?” โอโร่กล่าวถามตามการคาดการณ์ของเขา

“เกินกว่าขั้นที่ 4 ขึ้นมาอีกนิดหน่อยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ขั้นที่ 5 งั้นเหรอ?” แววตาของโอโร่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย

“สูงขึ้นอีกนิด”

“สูงไปไหน?! อย่าบอกนะว่านายฝึกวิชาใหม่จนครบทั้งเก้าขั้นแล้ว!!”

“ผมฝึกได้ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก วิชานี้มันฝึกได้ยากมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

โอโร่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยสามารถฝึกวิชามังกรซ่อนเร้นได้จนถึงขั้นที่ 9 ภายในเวลาเพียงแค่ 3 วันจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้สูงเกินกว่าแม้แต่ศักยภาพในตัวของเขาเอง

ในฐานะที่เขาถูกยกย่องว่าเป็นจอมมารเกราะดำ เขาจึงถูกเรียกว่าอัจฉริยะตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นเด็ก ซึ่งในตอนแรกเขาก็รู้สึกว่าพรสวรรค์ของเซี่ยเฟยเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่เมื่อเขาได้พบว่าพรสวรรค์ของชายหนุ่มคนนี้มีมากเกินไปมันก็เริ่มทำให้เขารู้สึกหดหู่ได้เหมือนกัน

“สรุปขั้นไหนแล้ว?” โอโร่ถาม

“ขั้นที่ 8 ครับ”

“บัดซบ! ขั้นที่ 8 มันจะไปต่างอะไรจากขั้นที่ 9 วะ!!” โอโร่ตะโกนสาปแช่งอย่างลืมตัว

***************

เก่งเกินไป รับไม่ได้!! 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด