ตอนที่แล้วตอนที่ 660 ผลข้างเคียงของสารสกัด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 662 ร่างใหม่ของมอร์โรว์

ตอนที่ 661 การเปลี่ยนแปลงของหงส์คราม


ตอนที่ 661 การเปลี่ยนแปลงของหงส์คราม

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงเซี่ยเฟยก็มองไปยังใบหญ้าแปลก ๆ ที่พันรอบแขนของเขาด้วยความสับสน

รูปลักษณ์ของหงส์ครามหลังจากได้สัมผัสเข้ากับกฎแห่งความโกลาหลและกลืนกินต้นพลัมเก้าราตรีเข้าไปมีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และถึงแม้ว่าใบหญ้าจะยังคงเป็นสีฟ้า แต่ขนาดของใบแคบกว่าเดิมมากแล้วมันยังมีหนามปกคลุมทั่วทั้งใบหญ้าตลอดใบทั้งสองด้าน

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้กฎแปลก ๆ นั่นกับอาวุธมายา ดูสิตอนนี้หงส์ครามมันดูไม่เหมือนกับพืชอีกต่อไปแล้ว มันดูเหมือนกับ…” โอโร่กล่าว

“มันดูเหมือนกับอาวุธสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

โอโร่พยายามนึกถึงสิ่งต่าง ๆ อยู่นาน และเมื่อเซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเขาก็ได้พบว่าหงส์ครามดูเหมือนกับแส้ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมมากจริง ๆ

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้หงส์ครามเปลี่ยนจากใบหญ้าเข้าไปใกล้กับคำว่าอาวุธมากยิ่งขึ้น โดยมันยังคงมีความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นเหมือนเดิม แต่คราวนี้มันได้เพิ่มความแหลมคมเข้ามาภายในใบหญ้าของมันด้วย ซึ่งถ้าหากว่าศัตรูได้สัมผัสกับหนามแหลมเหล่านี้เข้าไป เนื้อของพวกเขาก็คงจะถูกฉีกกระชากแยกออกมาจากร่างเป็นชิ้น ๆ

สิ่งหนึ่งที่น่าดีใจนั่นก็คือแม้ว่าหงส์ครามจะเปลี่ยนไปแต่ความดื้อรั้นของมันก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม

“เหมือนที่นายพูดนั่นแหละ ตอนนี้หงส์ครามมันดูเหมือนแส้ 2 เส้นที่ติดหนามแหลมเอาไว้จนทั่ว” โอโร่กล่าว

“ผมคิดว่าหนามแหลมพวกนั้นน่าจะมีพิษร้ายแรงถูกแฝงเอาไว้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวเสริม

“เป็นไปได้ไหมที่อาวุธมายาจำเป็นจะต้องอาศัยการดูดกลืนอาวุธมายาธาตุเดียวกัน เพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธที่แท้จริง แม้ว่าก่อนหน้านี้หงส์ครามจะทรงพลังมาก แต่มันก็ยังคงดูเป็นต้นพืชแตกต่างจากตอนนี้ที่มันดูเหมาะสมกับคำว่าอาวุธมายามากยิ่งขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่สักพัก

โอโร่พยายามจะหาคำพูดมาหักล้าง แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดของเขาลง เพราะเขาได้พบว่าเขาไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของเซี่ยเฟยได้จริง ๆ

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยพบกับอาวุธมายาที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันด้วยตาของตัวเอง และหงส์ครามที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะนี้ มันก็มีแนวโน้มว่าคำพูดของเซี่ยเฟยมันจะเป็นเรื่องจริงทุกประการ

“อาวุธมายาจำเป็นจะต้องหลอมรวมกันเพื่อกลายเป็นอาวุธที่แท้จริงงั้นเหรอ?” โอโร่คิดกับตัวเองภายในใจ

อาวุธมายาธาตุพืชมีทั้งสิ้นเจ็ดชิ้นและเพียงแค่การจินตนาการถึงอาวุธที่ถูกหลอมรวมจากอาวุธทั้งเจ็ด มันก็ทำให้เขาเริ่มอยากจะเห็นอาวุธที่ทรงพลังแบบนั้นแล้ว

เซี่ยเฟยถอดชุดเกราะของเขาออกและพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อสังเกตหงส์ครามที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน และเขาก็ได้เห็นใบหญ้าใบใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ และในที่สุดมันก็กลายเป็นเหมือนกับใบหญ้าทั้งสองใบในก่อนหน้านี้ทุกประการ

“หงส์ครามงอกใบหญ้าใบที่ 3 แล้ว” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

การต่อสู้อันดุเดือดในครั้งนี้ทำให้หงส์ครามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดใบหญ้าใบที่ 3 จาก 13 ใบก็งอกออกมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพัฒนาก้าวสำคัญอีกครั้งหนึ่งของอาวุธมายาชิ้นนี้

ถึงแม้ว่าใบหญ้าจะงอกขึ้นมาเพิ่มเพียงแค่ใบเดียว แต่มันก็ยังถือว่าเป็นการก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะท้ายที่สุดปัจจุบันหงส์ครามเพิ่งได้รวมเข้ากับต้นพลัมเก้าราตรีและกฎแห่งความโกลาหล การเพิ่มใบหญ้าขึ้นมาอีกใบมันก็อาจจะทำให้ความอันตรายของมันเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว

ที่สำคัญคืออาวุธมายาชิ้นนี้อาจจะไม่ใช่อาวุธมายาที่เคยมีมาก่อน เพราะมันก็ไม่เคยมีใครใช้กฎแห่งความโกลาหลเพื่อเปลี่ยนแปลงอาวุธมายาเหมือนชายหนุ่ม

“เซี่ยเฟย เมื่อไหร่นายจะบอกฉันสักทีว่ากฎแปลก ๆ ที่นายใช้นั่นมันคือกฎอะไร? กฎของนายมันจะลึกลับมากจนเกินไปแล้ว” โอโร่กล่าวอย่างจริงจัง

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมจะต้องเก็บข้อมูลเรื่องกฎแห่งความโกลาหลเอาไว้เป็นความลับ ดังนั้นไม่ว่าโอโร่จะพยายามสืบมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้คนอื่นรู้

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยเริ่มสงสัยว่าทั้ง ๆ ที่กฎแห่งความโกลาหลของเทพขาวและเทพดำเป็นกฎที่ทรงพลังมาก แต่ทำไมทั่วทั้งดินแดนกฎถึงไม่มีใครรู้จักกฎที่มหัศจรรย์เช่นนี้เลย

น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยยังไม่สามารถติดต่อไปหาเทพทั้งสองคนที่มอบกฎแห่งความโกลาหลให้กับเขาได้ และถึงแม้ว่าเขาจะคิดอยู่นานแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้เช่นเดียวกัน เขาจึงทำได้เพียงแต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ท่ามกลางความสับสนของเขาต่อไป

หลังจากพิชิตต้นพลัมเก้าราตรีและหงส์ครามได้แตกใบใหม่ เซี่ยเฟยก็กลับมาที่ห้องอาหารพร้อมกับกินบะหมี่ผัดเข้าไปถึง 15 ชามติดต่อกัน โดยมีแอวริลนั่งร่วมรับประทานอาหารกับเขาด้วย

“ค่อย ๆ กินก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งอาหารของนายไปหรอก” แอวริลเอามือมาเท้าคางจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยที่กำลังกินอย่างมีความสุข

หลังจากพูดคุยกันสักพักเซี่ยเฟยก็กลับเข้าไปในห้องฝึกเพื่อทำการฝึกฝนต่อ ซึ่งในระหว่างนี้แอวริลก็ยังคงฝึกฝนกฎแห่งชีวิตอยู่เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังเรียนรู้วิชาอะไร แต่เนื่องจากว่าเธอให้ความไว้วางใจชายหนุ่มมาก เธอจึงไม่เคยถามเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าสิ่งที่เธอกำลังฝึกอยู่นั้นคือวิชาอะไรกันแน่

นอกเหนือจากการฝึกฝนเป็นประจำในทุก ๆ วันแล้ว เซี่ยเฟยยังใช้เวลาวันละ 4 ชั่วโมงในการเรียนรู้วิชามิติที่โอโร่ช่วยคัดสรรมาให้ แต่เนื่องจากว่าวิชาการต่อสู้พวกนี้มีจำนวนอยู่มากกว่าร้อยวิชา มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวอยู่มากพอสมควร

เมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความโกลาหล เขาก็จะปิดใช้งานแหวนมิติเพื่อป้องกันไม่ให้โอโร่แอบดูการฝึกฝนพลังอันแปลกประหลาดนี้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่การฝึกฝนสิ้นสุดลง เซี่ยเฟยก็จะเปิดแหวนมิติอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับอดีตจอมมาร

“ในเมื่อคุณแนะนำวิชาการต่อสู้มาให้กับผมเยอะขนาดนี้ คุณก็ช่วยบอกทีว่าผมควรจะเริ่มฝึกฝนวิชาไหนก่อน?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“เริ่มจากวิชาพายุทรายร่ายรำก่อนนั่นแหละ นายมีพื้นฐานมาจากวิชาพายุมิติปิดล้อมอยู่แล้ว การเรียนรู้วิชาที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมาทดสอบความก้าวหน้าของนายอีกครั้ง” โอโร่กล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ

หลังจากนั้นโอโร่ก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ในรูปแบบใหม่ และปล่อยให้ชายหนุ่มไปฝึกฝนวิชาต่าง ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรอีก

วิชาพายุทรายร่ายรำเป็นวิชาที่ถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับที่มีระยะการจู่โจมไกลกว่า 20 กิโลเมตร โดยวิชานี้จะเป็นการสร้างพายุมิติอันทรงพลังที่สามารถฉีกกระชาก และระเบิดร่างของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในรัศมีของพายุได้ทุกเมื่อ

แต่เนื่องจากว่าเซี่ยเฟยมีพื้นฐานจากวิชาพายุมิติปิดล้อมมาก่อนแล้ว มันจึงทำให้การฝึกฝนวิชานี้มีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก

พริบตาเดียวเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปครบ 4 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งมันก็ถึงเวลาที่เขาจำเป็นจะต้องพักผ่อน โดยในวันปกติเซี่ยเฟยจะทุ่มเวลาให้กับการฝึกฝนทั้งหมด 16 ชั่วโมง, มีเวลาอยู่กับแอวริลวันละ 4 ชั่วโมงและให้เวลาสำหรับการพักผ่อนอีก 4 ชั่วโมง

“เอาล่ะ วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองพร้อมกับดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 เพื่อฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไปในระหว่างการฝึกซ้อม

ในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง การอดนอนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย เพราะเขาสามารถที่จะต่อสู้อย่างดุเดือดติดต่อกัน 10 วัน 10 คืนได้ด้วยซ้ำ แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงแค่การฝึกซ้อมประจำวันที่ใช้พลังงานน้อยกว่าการต่อสู้อันดุเดือดแบบนั้นมาก

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อถึงเวลาที่เซี่ยเฟยจะต้องฝึกซ้อมวิชามิติ เขาก็เริ่มเปิดแหวนเพื่อพูดคุยกับโอโร่

“ไหนลองแสดงให้ฉันดูสิว่านายฝึกวิชาพายุทรายร่ายรำไปถึงไหนแล้ว?”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอหาที่กว้าง ๆ ก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว

“ห้องฝึกขนาด 5 กิโลนี่ยังไม่พออีกงั้นเหรอ?” โอโร่ถามอย่างสงสัย

“มันยังค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าพอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

เหตุการณ์นี้ทำให้โอโร่ชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาก็เคยเห็นผู้ใช้วิชาพายุทรายร่ายรำมาก่อน และการที่พื้นที่เท่านี้ไม่เพียงพอมันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยสามารถฝึกฝนวิชาพายุทรายร่ายรำได้เกินกว่าขั้นที่ 5 ไปแล้ว

“เซี่ยเฟยสามารถฝึกฝนวันเดียวได้ 5 ขั้นเลยงั้นเหรอ?” โอโร่คิดกับตัวเองภายในใจ

เมื่อเคลื่อนที่มาจนถึงดินแดนอันว่างเปล่า เซี่ยเฟยก็เริ่มยกมือขึ้นก่อนที่มันจะมีพายุมิติขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นมา

การจู่โจมในครั้งนี้มีระยะการทำลายมากกว่า 20 กิโลเมตร และกวาดล้างทุกสิ่งภายในระยะให้ถูกทำลายจนกลายเป็นผุยผง

ท่ามกลางพายุมีการระเบิดของมิติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยการเสริมพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไป มันจึงทำให้พายุลูกนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

“นี่นายเรียนวิชาพายุทรายร่ายรำจนถึงขั้นที่ 9 แล้วงั้นเหรอ?” โอโร่ถามโดยพยายามระงับอาการตกใจเอาไว้

“ใช่” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับพยักหน้ารับเบา ๆ

หัวใจของโอโร่เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขารู้ดีว่าวิชานี้ฝึกฝนได้ยากลำบากแค่ไหน และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีรากฐานมาจากวิชาพายุมิติปิดล้อม แต่มันก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถฝึกฝนวิชาพายุทรายร่ายรำให้สมบูรณ์ได้ภายในวันเดียว

แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นความจริงได้แล้วจริง ๆ โอโร่จึงไม่รู้จะอธิบายความเร็วในการพัฒนาของเซี่ยเฟยด้วยคำว่าอะไรดี

นี่น่ะเหรอคำว่าอัจฉริยะที่แท้จริง!

ไม่สิ แบบนี้มันต้องเรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่อัจฉริยะต่างหาก!!

“ความคืบหน้าของนายถือว่าไม่เลว ถ้าฉันเดาไม่ผิดเมื่อวานนายน่าจะฝึกฝนวิชานี้เพิ่มด้วยใช่ไหม?” โอโร่ยังคงกล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่สงบ

เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร

“ฉันกะเอาไว้แล้วว่านายจะต้องฝึกเพิ่ม ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีทางก้าวหน้าเร็วขนาดนี้ ว่าแต่นายฝึกเพิ่มไปอีกกี่ชั่วโมง?” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“2 ชั่วโมง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างเฉยชา

เซี่ยเฟยใช้เวลาฝึกปกติ 4 ชั่วโมงเมื่อมันรวมกับเวลาที่ใช้ฝึกเพิ่มเติมอีก 2 ชั่วโมง มันก็เท่ากับว่าเขาได้ใช้เวลาในการฝึกวิชาพายุทรายร่ายรำเพียงแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น

‘นี่นายใช้เวลาเฉลี่ยเลื่อนขั้นวิชามิติระดับ 5 เพียงแค่ขั้นละ 40 นาทีเนี่ยนะ?! ความเร็วในการพัฒนาของนายมันจะเร็วมากเกินไปแล้ว!’

“โอเค ถือว่านายทำได้ดีพอสมควร” โอโร่กล่าวออกไปด้วยท่าทางอันนิ่งเฉย แตกต่างจากความตกตะลึงภายในใจของเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกหลงระเริงมากเกินไป

“วิชาพายุทรายร่ายรำกับวิชาพายุมิติปิดล้อมมีรากฐานที่ใกล้เคียงกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายจะสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ต่อไปนายควรเรียนรู้วิชามังกรซ่อนเร้นวิชาการต่อสู้นี้เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้เผชิญหน้ากับกฎแห่งสสารมาก แล้วเดี๋ยวฉันจะมาตรวจสอบความคืบหน้าของนายในอีก 3 วัน” โอโร่กล่าว

หลังจากนั้นเขาก็ให้คำแนะนำวิธีการฝึกเซี่ยเฟยไปเล็กน้อย โดยไม่ได้อธิบายเทคนิคประจำตระกูลของเขาลงไป เพื่อที่เขาต้องการจะตรวจสอบว่าศักยภาพในการพัฒนาของชายหนุ่มมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหนกันแน่

ทันใดนั้นเองมันก็ได้มีเงาสีดำพุ่งมาจากระยะไกลอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มได้เห็นผู้มาใหม่ทั้งสองแล้ว เขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับกล่าวถามออกไปว่า

“ทำไมอยู่ ๆ พวกนายถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ได้เนี่ย?”

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด