ตอนที่ 186 เมฆดำแห่งความตายก่อนถึงประตู(อ่านฟรี)
ตอนที่ 186 เมฆดำแห่งความตายก่อนถึงประตู
หลังสิ้นสุดสงครามแย่งชิงฐานทัพและได้ครอบครองยานรบต้นแบบมาแล้ว ลุคก็พาทุกคนขึ้นมาบนยานและสั่งให้ฟาเดย์เปิดห้องพยาบาลที่แท้ยาส่วนใหญ่จะสูญเสียคุณค่าไปหมดแล้ว แต่อุปกรณ์ต่าง ๆ ยังคงใช้งานได้ เลยยังสามารถรักษานักรบที่บาดเจ็บได้อยู่
ยานลำนี้มีขนาดใหญ่มากสามารถรองรับคนได้เกือบหมื่นคน แต่ว่านอกจากเรื่องของห้องพักและน้ำที่ผลิตได้จากเครื่องเครื่องผลิตน้ำแล้ว อาหารทุกอย่างต้องหาจากภายนอก ซึ่งเรื่องนี้ลุคเตรียมไว้แล้วเป็นจำนวนมาก
ทุกคนจึงพักผ่อนกันได้อย่างสบายใจ ขณะที่ยานเริ่มระบุพิกัดและบินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ที่ฐานทัพเต็มไปด้วยซากศพของซอมบี้ แม้ส่วนใหญ่ที่ตายจะถูกลุคเปลี่ยนเป็นไอเทมจนหมดสิ้น แต่ก็มีอีกมากที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปด้วย เนื่องจากมันถูกฆ่าได้คนอื่น ๆ
ดังนั้นพวกเขาควรรีบออกไป ก่อนที่กลิ่นพวกนี้จะดึงดูดสิ่งอื่นมา ตัวอย่างเช่นซอมบี้ปีกที่อยู่ที่หน้าผา พวกมันมีเท่าไหร่ลุคก็ไม่แน่ใจ แต่คงหลายล้านตัวหรือมากกว่านั้น
เพราะรอยเลื่อนที่ยกตัวขึ้นมาทอดยาวไปจนสุดสายตา ที่สำคัญคือหลุมในรอยเลื่อนนั้น มันทำให้ลุคกังวล
ฟาเดย์ปรากฏตัวข้าง ๆ ที่นั่งของกัปตัน “ยานกำลังเดินทางไปที่ประตูแห่งนรก แต่ด้วยพลังงานที่จำกัดจึงใช้ความเร็วได้จำกัด ถ้าคุณมีหินพลังงานอีก...”
“ไม่ต้องใช้ความเร็วสูงเดินทางไปตามที่ความเร็วของยานจะทำได้ ระหว่างนี้ก็ชาร์จพลังงานไปด้วย” ลุคที่นั่งอยู่ในที่นั่งของกัปตันลืมตาขึ้นมาตอบ
หินพลังงานมีค่ามากโดยเฉพาะหินพลังงานระดับ A ถ้าเลือกได้ลุคจะไม่ใช้มันและหินพลังงานต้องอยู่กับตัวเขา
“ฉันจะไปสำรวจยานดูหน่อยถ้านายไม่ว่าอะไร”
“ตามสบาย”
ลุคเดินออกจากไปห้องควบคุม โดยที่ฟาเดย์หันหน้ามองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด
...
ตอนนี้ดึกมากแล้วทุกคนพักผ่อนกันหมดแล้ว เพราะพวกเขาพึ่งผ่านเรื่องกดดันมา พอได้ผ่อนคลายก็อ่อนล้ากันเป็นธรรมดา ลุคไม่ได้เข้าไปรบกวนใคร เขาเดินสำรวจห้องบนยานไปเรื่อย ๆ และรู้ว่าฟาเดย์กำลังจับตามองอยู่ แต่ลุคทำเป็นไม่สนใจ
ตอนนี้ต่อให้ฟาเดย์จะได้ยานมาแล้ว แต่ก็ยังต้องพึ่งพาลุคอยู่ เพราะเขาต้องหายานรบอีกลำ และพลังของลุคก็จำเป็น
โดยเฉพาะการต่อสู้กับซอมบี้
ลุคและฟาเดย์ต่างรับรู้ว่าการเดินทางผ่านประตูแห่งนรกไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เป็นยานลำนี้ก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบใดบ้างที่ประตูนรก พวกเขาต้องการพลังและความแข็งแกร่งของกันและกันในการข้ามมันไปให้ได้
แน่นอนว่าลุคมั่นใจว่าเขาจะต้องข้ามไปได้ ถ้าไม่เจอระดับ A ก็ไม่มีใครหยุดลุคได้อีกแล้ว ในมือของลุคมีไอเทมรูปสลักไททันระดับ B อยู่และยังมีรูปสลักไททันระดับ C อีกครึ่งร้อยนี่เป็นกองทัพที่เขาไว้วางใจมากที่สุดแล้ว
‘เราได้ไอเทมระดับ B มาครอบครองแล้ว แม้แต่พลังเหนือมนุษย์ก็ยังไม่ได้เป็นระดับ B ด้วยซ้ำ’ ลุคพึมพำกับตัวเองในใจ
เขารู้ว่าสักวันคงได้ไอเทมระดับ B แต่ไม่คิดว่าจะได้ตอนอยู่ระดับ F ที่จริงแล้วถ้าพูดถึงเรื่องไอเทมที่เกินระดับของตัวเองลุคก็เคยได้ครอบครองอยู่ครั้งหนึ่งและใช้มันจนเกือบตายตอนที่เขามีพลังระดับ E
ไอเทมคัมภีร์ตราประทับทาสที่ใช้เพื่อหยุดเจน
‘เจนพี่จะกลับไปให้ได้เลย’ ลุคค่อนข้างคิดถึงน้องสาวและไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แต่ว่าก่อนจะเข้ามายังโลกยุคโบราณ ลุคได้โอนเงินก้อนใหญ่ใส่บัญชีเธอไว้
แต่ว่ามันไม่ใช่บัญชีที่เชื่อมกับแหวนเครือข่ายไกอา เพราะตอนที่เจนอยู่นี่จนเกิดเรื่องเธอก็ยังไม่มีแหวนเครือข่ายไกอา สุดท้ายพอจากไปลุคก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่โอนไว้ในบัญชีตามรหัสประจำตัว ถ้าเธอกลับมาที่อีกเงินส่วนนั้นจะโอนให้โดยอัตโนมัติ
‘พี่จะกลับไปให้ได้’
ลุคมีแววตามุ่งมั่น ความคิดเข้ากลับมาที่ไอเทมระดับ B อีกครั้ง
การใช้ไอเทมข้ามระดับทำลุคเกือบตาย แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่มีพลังเหนือมนุษย์ระดับ E ร่างกายของลุคแข็งแกร่งเพียง 5 เท่าของเหนือมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ถ้าเทียบกับมนุษย์วานรก็ยังนับว่าอ่อนแอกว่าครึ่งด้วยซ้ำ
แต่ต่อมาในระดับ D ร่างกายเขาแข็งแกร่งเป็น 10 เท่าจากเหนือมนุษย์ด้วยกัน เทียบเท่ากับร่างกายของมนุษย์วานรแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว
ซึ่งร่างกายในระดับมนุษย์วานรสามารถรองรับไอเทมที่ข้ามระดับตัวเองได้หนึ่งระดับ
เมื่อเขาอยู่ระดับ C ร่างกายแข็งแกร่งกว่าเหนือมนุษย์ด้วยกัน 20 เท่าหรือมากกว่ามนุษย์วานร 2 เท่าตัวเต็ม
ร่างกายลุคเลยรองรับไอเทมที่สูงกว่าระดับพลังเหนือมนุษย์ได้อย่างสบาย แน่นอนว่าสูงกว่าคือแค่ระดับ B แต่ก็ไม่ถึงระดับ B เพราะยิ่งพลังสูงมากขึ้นเท่าไหร่ช่องว่างระหว่างพลังจะยิ่งห่างกันมากเท่านั้น
มันคือสิ่งที่เหนือมนุษย์ทุกคนรับรู้
ลุคคาดการณ์ว่าถ้าอยากรองรับพลังระดับ A ได้คงต้องมีร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าเดิมในระดับ B สัก 40 เท่าและการจะทำแบบนั้นได้คือตอนที่ข้ามระดับต้องใช้ไอเทมระดับ C 40 ชิ้น
เขามีแล้ว แต่ก็ยังแอบเสียดาย ซึ่งลุคกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้พวกมันหรือไม่ นี่ทำให้ลุคยังไม่แน่ใจว่าควรจะข้ามระดับตอนนี้หรือหลังจากไปที่ประตูแล้วเก็บไอเทมเพิ่มอีก แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะเจอพวกสูงกว่าระดับที่เขาจะรับมือไหว
ถ้าเจอระดับ B เขาสามารถให้ไททันมนุษย์จัดการได้ แต่ว่าลุคก็ไม่ได้ผสานพลังกับไอเทมชิ้นนี้ เพราะตอนใช้มันไอเทมจะแยกออกจากตัวของผู้ใช้ มันเป็นความพิเศษของไอเทมเอง ลุคเลยยังถือว่ามีพลังแค่ในระดับ C เท่านั้น
“ถ้าค้นฐานวิจัยเจออีกสักแห่งหรือสองแห่งบางทีอาจจะใช้วิธีการแบบเดิมของฟาเดย์เพิ่มระดับคลื่นพลังตอนที่เป็นระดับ B ให้สูงจนถึง 1000 หน่วยได้แบบนั้นจะดีมาก แต่ว่ามันไม่มีฐานแบบนั้นอีกแล้ว”
ลุคเคยถามฟาเดย์แล้วเรื่องฐานวิจัยอื่น ๆ ฟาเดย์บอกว่ามี แต่ส่วนใหญ่จะวิจัยกันคนละหัวข้อ หมายถึงไม่มีตัวอ่อนแบบที่ฐานวิจัยของฟาเดย์ให้เขาใช้งาน
เรื่องนี้ลุคไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จและก็ไม่มีทางไปพิสูจน์ด้วย
สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยวางไว้ ตอนนี้ลุคเดินไปตามทางเดินของแต่ละชั้น จนกระทั่งวนมาถึงส่วนกลางของยานเครื่องกำเนิดพลังงานและเครื่องยนต์ขับเคลื่อนของยานรบต้นแบบ
เขากำลังใช้แหวนสแกนเทคโนโลยีของยานนี้เก็บไว้
ลุคไม่ได้เชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะเอายานรบต้นแบบนี้กลับไปได้อย่างแน่นอน
ยานรบต้นแบบนี้จะต้องปะทะกับซอมบี้ที่ประตูแห่งนรก
ถ้าเอากลับไปด้วยได้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ถ้าถึงจุดที่เอาไปไม่ได้อย่างน้อยเขาก็มีพิมพ์เขียวของมันอยู่ในมือ ส่วนที่ว่าทำไมไม่ถึงเอามาจากยานรบเลย คือการต้องใช้แหวนเครือข่ายไกอาเชื่อมต่อกับระบบ แต่ระบบคือฟาเดย์ ดังนั้นเลิกคิดได้เลย
ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้พิมพ์เขียวแหวนสามารถทำมันได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะสิ่งสำคัญของยานคือเครื่องทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าของเขา
...
วันแรกความเร็วของยานบินในระดับคงที่ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป แต่วันที่สองยานบินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า เพราะเครื่องกำเนิดพลังงานสามารถดูดซับพลังจนมากพอสนับสนุนเครื่องยนต์ของยานแล้ว
ยานเดินทางไม่มีหยุดพัก
ในระหว่างนี้นักรบมนุษย์วานรที่มีอาการบาดเจ็บเล็กไม่มีมากต่างก็ฟื้นกันตัวจนหมดแล้ว ส่วนพวกที่เจ็บหนักยังนอนพักอยู่
มนุษย์วานรส่วนใหญ่เบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ แต่พวกเขาก็พึงพอใจกับสิ่งที่มีตอนนี้ น้ำสะอาดที่มีให้ดื่มและการมองวิวจากท้องฟ้า มันคือสิ่งที่ดีที่สุดในรอบชีวิตของใครหลาย ๆ คน
ความเร็วของยานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงวันที่ 3 ของการเดินทางก็เข้าใกล้ประตูแห่งนรกมากขึ้นแล้ว ลุคเข้าประจำที่นั่งกัปตัน ข้าง ๆ ยังมีไอรินและเดนที่รอรับคำสั่ง นอกนั้นก็ไม่มีใครในห้องควบคุมอีก เพราะสามารถใช้ฟาเดย์ในการควบคุมหลักอย่างยานได้
“นานแค่ไหนกว่าจะเข้าจุดปะทะ” ลุคเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เพราะเมื่อ 10 นาทีก่อนฟาเดย์ก็มาแจ้งกับลุคถึงสิ่งที่รออยู่ด้านหน้า
มันคือฝูงซอมบี้ปีกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า
“อีก 3 นาที” ฟาเดย์รายงานพร้อมกับภาพที่สแกนได้ เป็นกลุ่มเมฆสีดำที่ปิดกั้นทุกสิ่งบนท้องฟ้าไว้
“ฝ่าไปทางด้านบนได้ไหม”
ฟาเดย์ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเปิดสิ่งหนึ่งให้ลุคดู
“ช่วงวันสองวันนี้ฉันสแกนพื้นที่บนชั้นบรรยากาศดูแล้ว ยุคที่ผ่าน ๆ มาประตูมิติมันส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศจนมิติเชิงพื้นที่ของชั้นบรรยากาศบิดเบี้ยวมาก ถ้าขืนเข้าไปโดยไม่ทันระวังทั้งยานจะถูกดึงจนเป็นเส้นด้ายยาวไม่รู้จบ”
ลุคได้ยินก็ถึงกับหน้าเสียเล็กน้อย ยืดเป็นเส้นด้าย แบบนั้นตัวเขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม!?
ฟาเดย์ยังคงพูดแนะนำต่อ “เราเหลือทางเลือกคือฝ่าเข้าไปหรือถอยก่อน”
“นายเลือกอะไร” ลุคหยุดและถามฟาเดย์
ฟาเดย์ทำท่ามองไปยังฝูงซอมบี้ปีกด้านหน้า ก่อนจะกล่าว “ฉันจะไปต่อ”
ลุคไม่ประหลาดใจต่อคำตอบของฟาเดย์ เขารู้ว่าฟาเดย์ต้องการจะไปค้นหายานรบที่อพยพไป ซึ่งมีเอแจ็กซ์อยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เพราะเส้นทางที่จะไปก็มีเส้นเดียว
ยานนี่เป็นยานระดับอวกาศ มันบินออกไปนอกโลกได้ แต่ไม่ใช่กับโลกนี้อีกแล้ว เพราะถ้าขึ้นไปพื้นที่มิติที่บิดเบี้ยวจะฆ่าพวกเขาทั้งยาน ส่วนจะให้ย้อนกลับไปยังทะเลนรกก็คงไม่ได้ มันห่างไกลเกินไป และไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง
ตัวเลือกของลุคคือถอยกลับไปหรือเดินหน้าต่อตามที่ฟาเดย์เลือก
แต่จะให้ถอยแล้วจะถอยไปยังที่ไหน เขาต้องรีบกลับไปยังโลกยุคโบราณให้ได้ ยิ่งช้ายิ่งอาจจะเกิดสิ่งที่เกินควบคุมจนเขาอาจจะกลับไปไม่ได้อีกเลยก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝ่าเข้าไป เปิดใช้งานเกราะของยานเต็มกำลัง ป้อมปืนทั้งหมดเตรียมยิงด้วย” ลุคสั่งการฟาเดย์ ก่อนจะยื่นหินพลังงานให้กับไอริน
“ไปที่ห้องเครื่องแล้วทำตามที่ฟาเดย์บอก”
ไอรินพยักหน้ารับหินพลังงานรีบวิ่งออกไปในทันที
“เดนไปสั่งให้นักรบเทพวานรเตรียมพร้อมรบไว้”
“ขอรับท่านเทพซันเดอร์” เดนกล่าวออกมา ก่อนจะรีบจากไปอย่างรีบร้อนเช่นกัน
ลุคนั่งอยู่บนที่นั่งของกัปตันกำลังมองดูยานรบต้นแบบบินตรงเข้าไปหาฝูงซอมบี้ปีกที่รวมตัวกันจนท้องฟ้ามืดมิดไปทุกทิศทางจนทำให้ยานรบต้นแบบเหมือนกับเรือลำน้อยที่กำลังเข้าไปพายุทะเลคลั่งอันไร้ที่สิ้นสุด
ยานเคลื่อนที่เข้าไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจของทุกคนบนยานก็ถี่มากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเข้าไปถึงระยะ 50 กิโลเมตรปืนใหญ่หลักของยานรบก็ยิงออกไปใส่ฝูงซอมบี้ปีก
ซอมบี้ปีกที่อยู่ในระยะลำแสงของปืนโดนฆ่าตายจนสิ้นภายใต้ลำแสงของปืนใหญ่หลักของยานรบ พื้นที่ส่วนนั้นเปิดเป็นเส้นทางที่มืดมิดเข้าไปในฝูงของซอมบี้ปีกที่เริ่มขยับบินเข้ามาปิดช่องไว้
ยานรบต้นแบบฉวยโอกาสตอนที่ยังมีช่องอุโมงค์บินตรงเข้าไปพร้อมทั้งสาดกระสุนจากป้อมปืนทั้ง 20 ป้อมไม่หยุดยั้งขณะที่ปืนใหญ่หลังของยานก็เริ่มการชาร์จพลังงานเพื่อยิงอีกครั้ง โดยมีซอมบี้ปีกพยายามบินเข้ามาโจมตียานรบด้วยความคลุ้มคลั่ง
...
W.wit : กลับมาแล้วครับหายไปนานพอสมควร ต้องขอโทษด้วยครับ หยุดไปเกือบ 8 วันเต็ม ๆ และไรเตอร์ก็มีเรื่องเล่าเยอะมากที่แบบก็ไม่คิดว่าแค่ 8 วันจะเจออะไรได้มากมายขนาดนี้ ใครอยากรู้ว่าไรเตอร์ไปเจออะไรไปติดตามที่เพจนักเขียนของไรเตอร์ได้นะ เดียวไรเตอร์จะไปเล่าไว้ในนั้นไปคุยกันได้
เพจfacebook : Witterry writer