ตอนที่แล้วบทที่ 98 วิธีการวิวัฒนาการขั้นสองของอสูรกินเหล็ก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 100 การทะลวงระดับของซืออวี๋และการทำสัญญากับบักกี้

บทที่ 99 ชื่อของการวิวัฒนาการ


“ข้าควรใช้เครื่องมืออื่นเพื่อดูว่าข้าสามารถสลักมันได้ไหม”

คณบดีฮ่าวและคนอื่นสนใจ

เดิมทีเขาคิดว่ากการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กจะจบลงแล้ว ดูจากลักษณะแล้ว นี่เป็นเช่นเดียวกับที่ซืออวี๋ได้กล่าวเอาไว้ ยังมีความลับอื่นซ่อนอยู่บนตัวอสูรกินเหล็ก!

“ข้าจะช่วยเอง”

วงแหวนอัญเชิญขนาดเล็ฏปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของคณบดีฮ่าว

เขาเอื้อมมือและดึงเครื่องมือที่มีรูปร่างเป็นด้ามดาบออกมา จากนั้นเลเซอร์สีเหลืองอ่อนก็ปรากฎขึ้นบนด้ามจับ

[ชื่อ] : ดาบเลเซอร์

[คุณสมบัติ] : จักรกล แสง

[ระดับเผ่าพันธุ์] : ผู้บัญชาการขั้นสูง

[หมายเหตุ] : รูปแบบชีวิตดาบแสงประดิษฐ์

“เท่ห์มาก”

เมื่อเห็นคณบดีฮ่าวที่มีดาบเลเซอร์ในมือ เจิ้งอิ๋งเจียและเด็กหนุ่มคนอื่นก็เบิกตากว้าง และน้ำลายไหล

นี่ไม่น่าทึ่งยิ่งเสียกว่าสาวหูสัตว์อีกเหรอ?

ตามที่คาไว้สำหรับช่างกลชั้นนำ เขารู้อย่างแท้จริง เขาทำสัญญากับดาบแสง

ซืออวี๋มองไปที่ด้านข้าง มีรูปแบบชีวิตจักรกลเช่นนี้อยู่จริงด้วย

ตอนนี้เขาค่อนข้างสงสัย หากนักฝึกสัตว์อสูรมีพรสวรรค์การหลอมรวมและทำสัญญากับดาบเลเซอร์ พวกเขาต้องการสัตว์อสูรตัวอื่นไหม?

น่าอิจฉามาก

“เราใช้สิ่งนี้ได้ไหม?” เมื่อเห็นว่าคณบดีฮ่าวเริ่มที่จะช่วยเหลือ ปรมจารย์หลินก็พยักหน้า

“ตกลง เชิญ”

อสูรกินเหล็กมองไปที่ดาบเลเซอร์ด้วยความสับสน ???

หากมันทำด้วยตัวเองจะดีมาก ทว่าการใช้ดาบไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ!

“อย่ากังวล ไม่เจ็บหรอก” คณบดีฮ่างหัวเราะ

“อู๋…” อสูรกินเหล็กที่เพิ่งวิวัฒนาการมาใหม่ยังคงประหม่าเล็กน้อย ทว่ามันก็ยังคงพยักหน้าด้วยความเจ็บปวด

จากนั้น ดาบเลเซอร์ก็ทิ้งรอยไว้บนชุดเกราะของอสูรกินเหล็กพร้อมกับประกายแสงของดาบเลเซอร์

รอยนี้คือสัญลักษณ์พิเศษบนเศษโลหะ

คราวนี้ ทั้งอสูรกินเหล็กและดาบเลเซอร์ก็ไม่รู้สึกถึงการปฏิเสธในระหว่างการสลักเลย

ทว่าก็เป็นเช่นเดิม หลังจากสลักสัญลักษณ์แล้ว อสูรกินเหล็กก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย

เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิดลึก

ดังนั้นประเด็นที่น่าสงสัยในปัจจุบันก็คือปฏิกิริยาปฏิเสธระหว่างการเคลือบแข็งและชุดเกราะ

จากนั้นปรมจารย์หลินก็สั่งให้อสูรกินเหล็กพยายามอีกสองสามครั้ง

ไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ก็ยังคงออกมาเช่นเดิม

“จากลักษณะแล้ว  สัญลักษณ์ไม่น่าจะเรียบง่ายเหมือนกับสัญลักษณ์ของเผ่า”

“หากเจ้าเพียงแค่ต้องการสลักสัญลักษณ์เผ่า เจ้าสามารถสลักมันผ่านวิธีอื่นได้เช่นวิธีของคณบดีฮ่าว”

“และจากการตรวจสอบของข้า สัญลักษณ์พิเศษนี้ควรถูกแกะสลักโดยอสูรกินเหล็กด้วยกรงเล็บเคลือบแข็งของมัน”

“เนื่องจากการที่อสูรกินเหล็กจะสลักสัญลักษณ์ไว้บนตัวพวกมันเป็นเรื่องยากมาก ทำไมพวกมันถึงยังคงยืนกรานที่จะสลักสัญลักษณ์ไว้บนร่างกายของพวกมันล่ะ?”

ซืออวี๋กอดอก เขายังคงต้องการรู้ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้หมายความว่าอะไร

“อู๋!!!” อสูรกินเหล็กของปรมจารย์หลินได้รับความทุกข์จากการกระทำซ้ำๆ

มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนร่างกายของมัน ทว่ามันก็ไม่สามารถทำได้

ปรมจารย์หลินก็รู้สึกขัดแย้งเช่นเดียวกัน เกิดอะไรขึ้น?

เดิมทีวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กและการปลุกทักษะเผ่าพันธุ์ใหม่นั้นเป็นเรื่องน่ายินดีมาก

ทำไมคำถามที่ไม่สามารถยืนยันได้ดังกล่าวถึงปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

คำกล่าวของซืออวี๋ได้กระตุ้นการถกเถียงกันของทุกคน

“ไม่ว่าข้าจะมองยังไง นี่ก็เป็นอีกปัญหา…” คณบดีหลี่ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก

การค้นพบวิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กผ่านเศษโลหะดูเหมือนจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งของซากปรักหักพังนี้

สิ่งที่ต้องสำรวจต่อไปก็คือความลับการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กและความบลับของจารึก

ไม่น่าแปลกใจที่ซืออว๊๋กล่าวว่าซากปรักหักพังนี้ไม่เรียบง่ายเลย

การวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กเป็นเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการวิจัยงั้นเหรอ?

มุมปากของหลินฮงเหนียนกระตุก “อย่าบอกข้าว่านี่เป็นเช่นเดียวกับที่ซืออวี๋กล่าวไว้ ทักษะเผ่าพันธุ์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงกว่าขั้นเหนือธรรมชาติ?”

ซืออวี๋หัวเราะอย่างบางเบาและกล่าวว่า “การยืนยันเรื่องนี้ในปัจจุบันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ทว่าเราไม่สามารถกำจัดความเป็นไปได้นี้ออกไปได้”

“อสูรกินเหล็กเพิ่งวิวัฒนาการ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องมีความลับมากมายซ่อนอยู่ หากข้าต้องการแน่ใจ ข้าต้องสำรวจเรื่องนี้ทีละขั้น”

“ทำไมเราไม่ตั้งทีมวิจัยอสูรกินเหล็กและศึกษามันด้วยกันล่ะ?”

ซืออวี๋แนะนำให้เขาศึกษาเส้นทางของความเชี่ยวชาญที่สูงกว่าขั้นเหนือธรรมชาติ ความเป็นไปได้อื่นทิ้งให้รุ่นพี่แพนด้าและปรมจารย์หลินสำรวจ

การแบ่งงานนั้นชัดเจน!

การที่เผ่าพันธุ์ใหม่ปรากฎออกมาพร้อมกับข้อมูลที่ไม่รู้จักนั้นเป็นเรื่องปกติมาก

ในขณะนี้ สัตว์อสูรนับพันตัวที่นักฝึกสัตว์อสูรรู้จักล้วนได้รับการวิจัยและค้นคว้าโดยบรรพบุรุษ

เมื่ออสูรกินเหล็กเพิ่งวิวัฒฯาการได้ การที่มันจะมีความลับที่ยังไม่ถูกแก้ไขจึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากนัก

หากเป็นตัวซืออวี๋เอง เขาคงไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะสำรวจได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าในด้านนี้ ปรมจารย์หลินคววรจะมีพลังงานมากพอ ท้ายที่สุด นี่คือความหลงใหลแท้จริงของเขา

ที่ปรึกษาติ้งกล่าวว่า “นับข้าด้วยไหม? อันที่จริง เราโชคดีมากแล้ว”

“อย่างน้อยที่สุด มันก็ค้นพบเส้นทางการสำรวจหลังจากที่มันวิวัฒนาการ”

คณบดีหลี่ก็กล่าวเช่นกันว่า “ข้าก็ค่อนข้างสงสัยเช่นเดียวกัน”

“ปรมจารย์หลินต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณเพื่อศึกษาการวิวัฒฯากรของอสูรกินเหล็กไหม?”

“ยินดีมาก”

ปรมจารย์หลินกล่าวว่า “ข้าควรจะเป็นคนขอบคุณทุหกคนสำหรับความช่วยเหลือของพวกเจ้า”

คณบดีฮ่าวหัวเราะและกล่าวว่า “นับข้าด้วย”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์สามคนได้ยินยันว่าพวกเขาต้องการสำรวจความลับของวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก

รุ่นพี่แพนด้าและเจ็ดยอดนักโบราณคดีอยู่ข้างเขาและไม่สาารถกล่าวอะไรได้

อายุของพวกเขาต่ำเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึดว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนัก

“ลืมไปเถอะ ทำไมเราไม่ทิ้งเรื่องจารึกไว้ก่อนล่ะ? เราจะศึกษามันในอนาคต เรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่สามารถสำรวจได้ในวันหรือสองวัน เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ อสูรกินเหล็กควรจะมีชื่อเผ่าพันธุ์ใหม่หลังจากการวิวัฒนากรไม่ใช่เหรอ?”

“นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้…”

โดยปกติแล้ว เมื่อสัตว์อสูรสำเร็จการวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแล้ว การเปลี่ยนชื่อเผ่าพันธุ์ใหม่จึงเป็นประเพณี

แม้ว่าอสูรกินเหล็กจะยังคงกลับสู่ร่างเดิมของมันได้ด้วยทักษะของมันหลังจากการวิวัฒนาการ แต่การเรียกมันว่าอสูรกินเหล็กก็ไม่เหมาะสมเล็กน้อย

“หากเราต้องการประกาศรูปแบบการวิวัฒนากรใหม่ เราก็จำเป็นต้องมีชื่อใหม่” คณบดีฮ่าวพยักหน้า

ปรมจารย์หลินมองไปที่ซืออวี๋และกล่าวว่า “ให้ซืออวี๋ตั้งชื่อไหม?”

แม้ว่าอสูรกินเหล็กของเขาจะเป็นอสูรกินเหล็กตัวแรกที่วิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ แต่ซืออวี๋ดูเหมือนจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งชื่อเผ่าพันธุ์ใหม่

ท้ายที่สุด ในคราวนี้ นี่คือวิธีการวิวัฒนาการที่ซืออวี๋มอบให้

“ข้าเหรอ??” ซืออวี๋ตกตะลึง

แม้ว่าจะมีคำกล่าวว่าชื่อที่ดีจะทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้… แต่ทักษะการตั้งชื่อของเขานั้นแย่มาก

ปรมจารย์หลินจะล่อยให้เขาตั้งชื่อจริงเหรอ?

“เจ้าคิดว่าไง?” เมื่อกล่าวถึงการตั้งชื่อ รุ่นพี่แพนด้าสนใจมาก

ซืออวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดลึกและกล่าวว่า “อสูรกินเหล็กเกราะ? อสูรกินเหล็กอาวุธ? อสูรกินเหล็กหุ้มเกราะ? อสูรกินเหล็กเมก้า? การหวนคืนสู่ยุคบรรพากาลของอสูรกินเหล็ก?”

ทุกคน :“…”

ปรมจารย์หลิน : “ลองคิดด้วยกันเถอะ”

ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน

อสูรกินเหล็กของปรมจารย์หลินและอีเลฟเว่นก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน

เพื่อชื่อเสียงในอนาคตของเผ่าพันธุ์อสูรกินเหล็ก การไม่มอบงานที่ยากลำบากนี้ให้แก่ซืออวี๋เป็นเรื่องที่ดีกว่ามาก

ซืออวี๋ทำอะไรไม่ถูก บัดซ* เขาแค่เรียกพวกมันว่าแพนด้ายักษ์หรือราชาแพนด้าก็ได้

“อสูรกินทองเป็นไง? ท้ายที่สุด ราคาในการวิวัฒนาการก็ไม่น้อยเลย”

หลังจากนั้น ปรมจารย์หลินก็รู้สึกเจ็บปวด

เขาดูเหมือนว่าจะจ่ายเงินมหาศาลมากในครั้งนี้ ชื่อนี้เป็นศิลปะอย่างแท้จริง

“มันไม่ดีเลย”

หลินซิ่วจูเป็นคนแรกที่ปฏิเสธ นอกจากนี้ นั่นไม่ใช่ค่าสินสอดของนางเหรอ?

“อสูรกลืนเหล็ก?”

“ราชากินเหล็ก?”

“อสูรยักษ์เหล็ก?”

“…”

ทุกคนเสนอชื่อของพวกเขา แต่ยิ่งพวกเขาถกเถียงกันมากเท่าไหร่ ชื่อก็ยิ่งไร้สาระมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

หลังจากนั้น ซืออวี๋ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่มีความสามารถในการตั้งชื่อได้ห่วย

ชื่อเหล่านี้ฟังดูดีไม่เท่ากับเขาเลย

“ลืมไปเถอะ ข้าจะตั้งเอง”

ในขณะนั้นเอง หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ ซืออวี๋ก็เสนออีกชื่อหนึ่ง

“หลังจากที่อสูรกินเหล็กวิวัฒนาการ รูปร่างของมันก็เปลี่ยนไปจากท่าทางที่ตะกละและเกียจคร้าานก่อนหน้านี้ ถ้าเช่นนั้นชื่อต้องเหมาะกับรูปร่างของมัน อสูรต่อสู้เป็นไง? อสูรต่อสู้ที่เกิดมาเพื่อสงครามและการต่อสู้โดยเฉพาะ เราจะเพิ่มคำนำหน้าว่าอสูรต่อสู้”

“เราพบสัญลักษณ์พิเศษทั้งเก้าในซากปรักหักพังนี้ บางทีนั่นอาจเกี่ยวข้องกับอสูรกินเหล็ก นอกจากนี้ สีของโลหะผสมที่ใช้ในการวิวัฒนาการก็ยังเป็นสีเข้ม และคำว่า ‘หลี่’ ก็หมายถึงสีดำ ทำไมเราไม่เรียกมันว่า ‘อสูรต่อสู้เก้าหลี่’ ล่ะ?”

อสูรต่อสู้เก้าหลี่เหรอ?

เมื่อได้ยินคำกล่าวของซืออวี่ ทุกคนก็ตกตะลึง กล่าวตามตรง พวกเขารู้สึกว่าชื่อนี้เข้ากันได้กับอสูรกินเหล็กในชุดเกราะได้อย่างสมบูรณ์

“แม้ว่ามันจะดูฝืนเล็กน้อย แต่มันก็ฟังดูดีทีเดียว?” ปรมจารย์หลินพยักหน้า

มันดีกว่าชื่ออสูรกินเหล็กหุ้มเกราะที่ซืออวี๋กล่าวไว้ก่อนหน้านี้มาก…

“...” ซืออวี๋ยิ้มออกมา

เก้าหลี่เป็นเผ่ากองทหารราบของซี่โหยว เทพตำนานกล่าวขานไว้ว่าอสูรกินเหล็กคือสัตว์ขี่ของซี่โหยว อสูรกินเหล็กจะวิวัฒนาการเป็นอสูรต่อสู้เก้าหลี่ นี่คือการรำลึกถึงเทพตำนานบน ‘โลก’ เท่านั้น

นอกจากนี้ นี่เทียบเท่ากับการหวังว่าอสูรกินเหล็กในโลกนี้จะมีศักยภาพเทพนิยายอย่างแท้จริง

“หากพวกเจ้าคิดชื่อที่ดีกว่านี้ไม่ได้ งั้นใช้ชื่อนี้เลย” รุ่นพี่แพนด้าลูบคางของนางและครุ่นคิด ไม่มีชื่อที่น่ารักงั้นเหรอ?

“ยังไม่รีบ ขอคิดก่อน”

ทุกคนถกเถียงกันอยู่สักพักหนึ่งและรู้สึกว่าชื่อของอสูรต่อสู้เก้าหลี่นั้นเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่มีการรีบร้อนที่จะตั้งชื่อมัน ยังมีเวลาเหลืออยู่ การประกาศวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กต้องใช้เวลานานมาก เพียงแค่ขั้นตอนเดียวก็อาจใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน

ในโลกนี้ นักฝึกสัตว์อสูรมีสองทางเลือกเกี่ยวกับการวิวัฒนาการ

หนึ่งคือรักษาการวิธีการวิวัฒนาการไว้กับตัวเองและส่งต่อไปยังตระกูล อาจารย์ และศิษย์โดยไม่เผยแพร่มัน

โดยทั่วไปแล้ว วิธีการวิวัฒนาการเช่นนี้มีการสำรวจเพียงลำพัง

อีกหนึ่งคือการเผยแพร่วิธีการวิวัฒนาการไปยังประเทศโดยตรงและยื่นขอสิทธิบัตรเพื่อเป็นนักวางแผนการวิวัฒนาการกิตติมศักดิ์ของเส้นทางการวิวัฒนาการนี้เพื่อแลกกับชื่อเสียงและผลประโยชน์

90% ของนักฝึกสัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญความรู้ด้านการวิวัฒนาการมักจะเลือกวิธีแรก และนักฝึกสัตว์อสูรจำนวนน้อยที่เลือกอย่างหลัง

คนส่วนใหญ่ที่เลือกอย่างหลังได้ผูกขาดทรัพยากรวิวัฒนาการส่วนหนึ่งหรือสัตว์อสูร มีผลประโยชน์ที่ดีกว่าอยู่เบื้องหลัง

หรือคนผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเงินจากประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นสำนักที่สิบเอ็ดหรือมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ พวกเขาเป็นสถานบันประเทศอย่างชัดเจน การค้นพบวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กเป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของทุกคน มันจะต้องถูกประกาศออกไป

ในเวลานั้น เมื่อเอกสารวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กได้ถูกเผยเพร่ ไม่ว่าจะเป็นซืออวี๋ ปรมจารย์หลิน หรือมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ พวกเขาจะได้รับชื่อเสียงและผลประโยชน์มหาศาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซืออวี๋ผู้ที่ยืนยันวิธีการวิวัฒนาการ ด้วยอายุของเขา เขาอาจจะกลายเป็นดาวดวงใหม่ในโลกการวิจัยทางโบราณคดีในทันที

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องอยู่ในเมืองหลวงโบราณอีกสักพักหนึ่ง…” ปรมจารย์หลินถอนหายใจออกมา

ขั้นตอนการขอสิทธิบัตรวิวัฒนาการนั้นซับซ้อนมาก พวกเขาคงยุ่งมาก

“ข้าจะฝากเรื่องนี้ไว้กับทุกคน” ซืออวี๋ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง ข้าจะฝากเรื่องการศึกษาวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กไว้กับทุกคนก่อน”

ทุกคน : “?”

เจ้าไม่ใช่คนรับผิดชอบโครงการนี้เหรอ?

นี่หมายความว่าอะไร? เขาจะละทิ้งความรับผิดชอบของเขาเหรอ?

“ยังมีเวลาอีกสามเดือนก่อนการประเมินมืออาชีพ ข้ายังไม่ถึงเกณฑ์การลงทะเบียน ข้าวางแผนที่จะฝึกฝนอย่างจริงจังสักพักหนึ่ง…”

“มิฉะนั้น ข้ารู้สึกว่าข้าต้องรอปีหน้า”

ซืออวี๋ให้เหตุผล ทว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาต้องการกลับไปสำรวจความเชี่ยวชาญที่สูงกว่าขั้นเหนือธรรมชาติ

นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และเป็นเส้นทางการวิจัยที่ค่อนข้างสำคัญ… เขาต้องเหลือเวลาในการพักฟื้น นอกจากนี้ เขาต้องทำสมาธิเพื่อเพิ่มระดับนักฝึกสัตว์อสูรของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาเวลาศึกษาวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กกับทุกคนได้

การที่เขารอผลการวิจัยและผลประโยชน์นั้นเหมาะกว่ามาก

“เอ่อ การประเมินมืออาชีพเหรอ?”

คณบดีหลี่และคนอื่นตกตะลึง พวกเขาเกือบลืมไปแล้วว่าซืออวี๋ยังคงเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัด

“ไม่เป็นไร การพัฒนาตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ปรมจารย์หลินพยักหน้า

อสูรกินเหล็กน้อยของซืออวี๋ยังห่างไกลจากการวิวัฒนาการมาก มันไม่ควนให้ความสนใจกับการวิจัยรูปแบบวิวัฒนาการมากเกินไปนัก เขาควรจะทำวิจัยเอง

ปรมจารย์หลินรู้สึกว่าเมื่ออสูรกินเหล็กของซืออวี๋ถึงเกณฑ์การวิวัฒนาการ เขาควรจะสามารถช่วยให้ซืออวี๋วางแผนวิธีการวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้

เขาต้องขอบคุณซืออวี๋ที่วิวัฒนาการอสูรกินเหล็กได้สำเร็จ วิธีที่ดีที่สุดในการขอบคุณซืออวี๋ก็คือการช่วยซืออวี๋พัฒนาเส้นทางการวิวัฒนาการและมอบความสะดวกสบายให้แก่ซืออวี๋ในอนาคต

“การประเมินมืออาชีพจะเกิดขึ้นปีละครั้ง การพลาดมันจะส่งผลเสียมากกว่า”

“ยิ่งกว่านั้น หากข้าใช้เส้นทางการเข้าตามปกติ ตัวตนมืออาชีพของข้าก็จำเป็นเช่นเดียวกกัน…”

หลังจากที่ซืออวี๋ยืนยันว่าเขาต้องการเป็นหัวหน้าที่ทิ้งทุกอย่างให้กับคนอื่นและมุ่งเน้นไปที่การเตรียมตัวสำหรับการประเมินมืออาชีพ ไม่มีใครคัดค้าน พวกเขาต่างก็เห็นด้วยอย่างมาก

ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วโดยสิ่งต่อไปที่เกิดขึ้น

“คณบดีฮ่าว ที่นี่มีสนามประลองที่เหมาะสมไหม? ข้าต้องการเห็นความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอสูรกินเหล็ก” ปรมจารย์หลินกล่าวด้วยความคาดหวัง

คณบดีฮ่าวหัวเราะและแสดงความเข้าใจ  “แน่นอน”

“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่สงสัย เราก็อยากเห็นเช่นกัน ไปกันเถอะ”

ในสาขาเครื่องกล คณบดีฮ่าวเปิดใช้งานสนามประลองโลหะเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อใช้ในการเป็นสนามประลองสำหรับปรมจารย์หลิน

ในขณะนี้ นอกเหนือจากอสูรกินเหล็กในปัจจุบันแล้ว ปรมจารย์หลินยังอัญเชิญไพ่ลับประจำตัวของเขาที่ช่วยให้เขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์ออกมา สัตว์อสูรที่เติบโตเป็นสัตว์อสูรระดับราชันย์ ราชาวานรเพชร

“มังกี้ ในที่สุดอสูรกินเหล็กก็วิวัฒนาการ”

“มาทดสอบความแข็งแกร่งของมันกัน”

“เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่การต่อสู้ อย่าขยับ ลองรับการโจมตีของมันก่อน”

ราชาวานรเพชร : “?”

ในสนามประลอง ราชาวานรขนทองตัวใหญ่ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก

มันมองไปที่อสูรกินเหล็กในชุดเกราะที่น่าประทับใจและน่าเกรงขามตรงหน้ามัน มันเข้าใจทันทีว่าวันนี้มาถึงแล้ว

ความรู็สึกที่มีต่อมันกำลังจางหายไป

นักฝึกสัตว์อสูรของมันกำลังจะเปลี่ยนไพ่ลับของเขาแล้ว

ของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าเสมอ

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link : https://www.facebook.com/translatemoth

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด