ตอนที่แล้วบทที่ 32: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34: [เนื้อเรื่องเสริม] จงกอบกู้โลก

บทที่ 33: [เนื้อเรื่องเสริม] สิ่งที่ข้าทำได้


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 33: [เนื้อเรื่องเสริม] สิ่งที่ข้าทำได้

ณ วันถัดไปช่วงรุ่งสาง

ทันทีที่แสงแรกผ่านหมอกควันในช่วงเช้า ข้าก็ออกจากคฤหาสน์ไป แผนของข้าคือการดูแล เตรียมการสำหรับการปะทะด้วยการเดินตรวจสอบทั่วทั้งครอสโรด

กำแพงเมืองเป็นจุดแวะแรกของข้า

ที่นั่นข้าพบว่าคนงานมารวมตัวกันแต่เช้าตรู่ พวกเขาทุกคนทุ่มเททั้งใจกันมาก เห็นได้ถึงจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างชัดเจน

“อา ฝ่าบาท!”

หัวหน้าสมาคมช่างก่ออิฐที่ดูแลงานซ่อมแซมโค้งคำนับข้า ข้าพยักหน้าตอบกลับไปเล็กน้อย

“งานซ่อมแซมเป็นเช่นไรบ้าง?”

“เราเพิ่งขุดดาบยักษ์ที่ติดอยู่ในกำแพงออกไปได้สำเร็จ”

ตามคำพูดของหัวหน้าสมาคมผู้นี้ ข้าก็เห็นเศษโลหะแตกกระจายอยู่รอบๆ

อัศวินเงาที่เป็นบอสจากด่านก่อนหน้านี้ได้นำดาบขนาดใหญ่ของมันฝังไว้ในกำแพงเรา ในที่สุดเราก็จัดการมันลงได้เสียที

“วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะกำจัดเศษขยะทั้งหมดและค่อยเริ่มงานซ่อมแซมจริงบนกำแพง”

“ไม่จำเป็นต้องกำจัดซากดาบ”

ผมเดินไปที่ทุ่งโล่งนอกกำแพง

“ให้พวกมันกระจัดกระจายไปหน้ากำแพงเช่นนี้ พวกมันจะเป็นโล่ที่มีประสิทธิภาพที่สุด”

คลื่นสัตว์ประหลาดถัดไปคาดว่าจะเป็นฝูงหนู

ชิ้นส่วนดาบพวกนี้เหมาะยิ่งแก่ศัตรูขนาดเล็ก สมบูรณ์แบบสำหรับหนูพวกนี้

ดวงตาของข้ามองไปยังรอยจุดหนึ่งของกำแพงที่เราได้ดึงดาบออกมา จุดนั้นได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง

โครงสร้างโลหะภายในโค้งงอ ดูคล้ายกับไม้เท้าลูกกวาดที่บิดงอ

“อีกนานแค่ไหนกว่าการซ่อมแซมกำแพงจะเสร็จสิ้น?”

จากการสอบถามของข้า หัวหน้าสมาคมก็ลังเลที่จะตอบเล็กน้อย

“ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะจัดเตรียมคนงานพิเศษและทหารมาช่วยงานซ่อมแซม…แต่หลังเราเอาดาบออกไป ก็พบว่ามันมีความเสียหายเพิ่มเติมอีก สถานการณ์แย่ยิ่งกว่าที่เราคาดไว้ในตอนแรก”

กำแพงของครอสโรดได้รับการออกแบบมาอย่างแข็งแกร่ง เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่น่ากลัว

พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยแท่งเหล็กที่ประสานเชื่อมต่อกันเป็นโครงกระดูก ซึ่งมีตัวหินซ้อนกันอยู่รอบๆ จากนั้นแผ่นโลหะก็ถูกวางเป็นชั้นๆ อยู่ด้านบน

นี่คือความสูงส่งของเทคโนโลยีการก่อสร้างของจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ กำแพงของเราจึงมีระดับการป้องกันที่น่าประทับใจ ต่อให้เป็นดาบยักษ์ของอัศวินเงาก็แทบไม่ส่งผลอะไรนัก

หากเป็นกำแพงปกติ มันคงจะพังทลายลงมาแล้ว

ทว่าด้วยความซับซ้อนของการก่อสร้างเช่นนี้ การซ่อมแซมก็เป็นเรื่องยากเช่นเดียวกัน

"เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว เวลาที่คาดการณ์ไว้คือเท่าไร?”

“ประมาณสิบวันนับจากนี้ขอรับ”

"สิบวัน..."

ข้าได้แต่ถอนหายใจออกมา

เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงด่านต่อไป เวลากำลังจะหมดลงแล้ว

“เราจะลดลงเหลือหนึ่งสัปดาห์ได้ไหมถ้าเราใช้ทรัพยากรและกำลังคนมากขึ้น?”

ข้าพร้อมที่จะลงทุนกำลังคนและเงินทุนให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็น หากมันจะช่วยให้เรามีเวลามากขึ้น

แต่หัวหน้าสมาคมกลับส่ายศีรษะไปมา

“มีข้อจำกัดในเรื่องกำลังคนและทรัพยากรที่เราใช้ได้อยู่ขอรับ ถึงแม้จะเพิ่มเข้ามา ก็ยังยากที่จะจัดการมันได้หมด”

“เช่นนั้นมีวิธีใดที่จะเร่งมันได้ไหม?”

“ถ้าเราได้คนงานและวัสดุเข้ามามากขึ้น และทำงานตลอดเวลา เราอาจจะเร่งได้หนึ่งวัน…”

“ถ้าเราสามารถประหยัดได้หนึ่งวัน นั่นหมายความว่าเราสามารถประหยัดได้สองวัน และถ้าเราสามารถประหยัดได้สองวัน เราก็สามารถประหยัดได้สามวัน”

ข้ารู้ว่ามันเป็นคำสั่งที่ยาก แต่ข้ายังคงยืนกราน

“ข้าจะจัดหากำลังคนและวัสดุให้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงซ่อมแซมกำแพงให้เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์”

สาเหตุที่ข้าเร่งรีบและต้องการเช่นนี้เพราะมีบางอย่างอยู่ตรงหน้าข้า

[ข้อมูลศัตรู – ด่านที่ 2]

– Lv.????: 3 ตน

– หนูท่อระบายน้ำยักษ์ Lv.5: 3251 ตน

มันไม่ใช่ตัวเลขที่ผิดพลาด

ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้ การตัดสินใจของข้าก็ไม่ผิดเพี้ยนเลย

ข้อมูลของศัตรูปรากฏในสำรวจอิสระทำให้ข้ารู้สึกสับสนยิ่ง

สามพัน

หนูเหล่านั้นมีขนาดเทียบเท่ากับสุนัขตัวใหญ่ที่ข้าพบในสำรวจอิสระ แล้วเจ้าลองคิดภาพมันที่มีกว่าสามพันตนดูสิ

แต่ระดับของพวกมันมีแค่ห้าเท่านั้น พวกมันเป็นเพียงหนูขนาดใหญ่ที่กระทั่งทหารทั่วไปก็สามารถจัดการได้โดยไม่มีปัญหามากนัก

แต่พวกมันมีอยู่สามพัน

หากพวกสัตว์ทั่วไปรวมตัวเป็นฝูงสามพันตน พวกมันก็สามารถพังเมืองให้กลายเป็นซากปรักหักพังได้ ยิ่งสัตว์ประหลาดที่เหนือสามัญสำนึกพวกนี้ยิ่งแล้วใหญ่

’ต้องมีกำแพง’

ต้องสร้างกำแพงไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม หากไม่มีกำแพง การป้องกันฝูงสัตว์ประหลาดย่อมเป็นไปไม่ได้

ข้าจับไหล่ของหัวหน้าสมาคมที่กำลังเหงื่อออกเพราะความวิตกกังวล เขาตอบกลับมาด้วยการพยักหน้าอย่างหนักหน่วง

“เข้าใจแล้วขอรับ เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”

ข้าตบหลังของหัวหน้าสมาคมเพื่อเป็นการปลอบโยน

"ขอบคุณเจ้ามาก การทำงานหนักของเจ้าและความทุ่มเทของทุกคนจะไม่ถูกลืมไปโดยเด็ดขาด”

เมื่อดูเหล่าคนงานเสร็จแล้ว ข้าก็ตะโกนออกมา

“พยายามเข้า พวกเรามีภารกิจที่ต้องปกป้องโลกเอาไว้! จงใช้ทุกสิ่งที่มีอยู่ให้หมด!”

***

“เช่นนั้นข้าก็คงต้องไปที่ห้องปฏิบัติการของนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วสินะ”

หลังจากลงมาจากกำแพง ข้ากับลูคัสก็เดินต่อไปยังห้องปฏิบัติการนักเล่นแร่แปรธาตุของเมือง วันนี้มันเริ่มจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตายแล้ว ฝ่าบาท! ท่านให้เกียรติพวกเรามากเพียงนี้เลยหรือ!”

“ยินดีต้อนรับฝ่าบาท!”

เมื่อไปถึงห้องปฏิบัติการ หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุและลิลลี่ก็ออกมาต้อนรับข้า

เมื่อข้าเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ ข้าก็ลงไปทำธุระทันที

“สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ใดที่กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม?”

“ยามนี้เรากำลังมุ่งเน้นไปที่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ห้าชิ้นที่เรียบง่ายที่สุด นอกจากนั้น สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่เคยได้รับการซ่อมแซมแล้วก็กำลังปรุบปรุงอยู่”

“จงหยุดสิ่งที่ทำอยู่และซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ข้าบอก”

แผนที่วางไว้คือการซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่สามารถซ่อมแซมได้ง่ายที่สุดก่อน

แต่เมื่อพิจารณาว่าศัตรูที่กำลังจะมาถึงเป็นหนูจากท่อระบายน้ำกว่าสามพันตน การเลือกสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่มีประโยชน์ที่สุดย่อมเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

จากนั้นข้าก็ได้รับรายงานของรายชื่อสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ทั้งหมดที่มีอยู่

เมื่อดูรายชื่อ สิ่งของที่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไปคือ….

"สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์สามชิ้น จงจัดลำดับความสำคัญในการซ่อมแซมสิ่งเหล่านี้ให้ขึ้นเป็ฯอันดับแรก”

มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับ R ที่สามารถพ่นไฟออกมาได้ ไม่มีอะไรที่มีประสิทธิภาพต่อศัตรูเช่นพวกหนูไปมากกว่าไฟอีกแล้ว

เนื่องจากมีพวกมันสามอันในคลัง ข้าจึงได้สั่งให้พวกเขาทั้งหมดซ่อมแซมมันทันที

“หลังจากซ่อมแซมตามลำดับความสำคัญเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว ก็จงกลับไปซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเจ้ากำลังทำกันต่อได้เลย”

“รับทราบขอรับฝ่าบาท”

ตามคำสั่งของข้า พวกเขาก็เริ่มซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์พ่นไฟทันที

ในขณะที่หัวหน้าสมาคมกำลังกำกับลูกน้องของเขาในการจัดการงานต่างๆ ข้าก็ได้ดึงไอเท็มชิ้นหนึ่งออกมา

"และเจ้าสิ่งนี้"

ข้าคลี่ม้วนเวทมนตร์สีฟ้าจากกระเป๋าของข้า

ไอเท็มที่ข้าถือคือ ’คัมภีร์อัญเชิญ: ป้อมป้องกันอัตโนมัติ ’ที่ข้าพบในดันเจี้ยนระหว่างการสำรวจอิสระครั้งก่อน

“เจ้ารู้จักสิ่งนี้ได้หรือไม่?”

“นี่มันอะไรกัน...?”

หัวหน้าสมาคมของสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุหรี่ตามองม้วนคัมภีร์ในมือของข้า ใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นตกใจ

“หรือจะเป็น…คาถาอัญเชิญโบราณ?”

"ถูกต้อง มันคือม้วนคัมภีร์ที่เอาไว้ใช้เรียกสิ่งก่อสร้างออกมา”

เวทมนตร์อัญเชิญ

ในบริบทของเกม มันเป็นทักษะที่ผู้เล่นเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้

ไม่มีทางอยู่แล้วที่จะปล่อยให้ตัวละครออกไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดอย่างเดียว พวกเขาย่อมมีทางเลือกอื่นด้วย

การอัญเชิญมีอยู่สองประเภทหลักๆ

ประการแรกคือการอัญเชิญ ’ป้อมป้องกัน’ ที่สามารถวางไว้บนสิ่งก่อสร้างได้

ประการที่สองคือการเรียก ’บอสสัตว์ประหลาด’ ที่ผู้เล่นสามารถควบคุมได้โดยตรง

แม้ว่าจะสามารถเรียกได้เพียงครั้งละหนึ่งอย่าง แต่ความสามารถของมันแข็งแกร่งยิ่ง

ด้วยป้อมป้องกัน ผู้เล่นสามารถเพิ่มพลังการยิงอย่างท่วมท้น ส่วนทางด้านบอสสัตว์ประหลาดก็สามารถใช้ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตของศัตรูได้

’ทว่าเงื่อนไขค่อนข้างเข้มงวด...’

ในการใช้เวทมนตร์อัญเชิญ ตัวม้วนคัมภีร์ป้อมป้องกันจำเป็นต้องได้รับคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน จากนั้นก็ต้องส่งมอบให้กับห้องปฏิบัติการของนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อถอดรหัส

ม้วนคัมภีร์เป็นของที่รับประกันว่าจะได้มาแน่ การสำรวจอิสระหนึ่งครั้งก็จะได้พวกมันทีละครั้ง

ทว่าค่าใช้จ่ายในการวิจัยนั้นสูงมาก กระบวนการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน

แต่การอัญเชิญครั้งแรกๆ ของป้อมป้องกันอัตโนมัติจะมีความซับซ้อนในการวิจัยที่น้อย ทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไว

’ส่วนการอัญเชิญบอสสัตว์ประหลาดเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่ง’

เมื่อพวกมันตาย บอสสัตว์ประหลาดจะทิ้งคัมภีร์อัญเชิญ แต่โอกาสที่มันจะได้มาเรียกได้ว่ายากยิ่ง

สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องวิจัยมันก่อน ทว่ามันเป็นของที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว

ซึ่งผลลัพธ์ของมันดีเป็นอย่างยิ่ง มันแตกต่างจากป้อมปราการป้องกัน เพราะมันสามารถเรียกได้จากทุกที่

โชคดีที่ความสามารถของผู้เล่นแบบนี้ยังมีอยู่ นึกว่าจะไม่มีเสียแล้ว

เวทมนตร์อัญเชิญนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถของตัวละคร มันเป็นพลังของระบบเกม

โชคดีที่ข้าสามารถใช้มันได้ แต่มันก็ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกสงสัย

’ข้าเป็นตัวละครในเกมนี้หรือเป็นผู้เล่น?'

หรือข้าเป็นทั้งคู่?

ในขณะที่ข้ากำลังหลงอยู่ในห้วงภวังค์ หัวหน้าสมาคมของนักเล่นแร่แปรธาตุก็ถือม้วนคัมภีร์ด้วยความสับสนอย่างยิ่ง

“ท่านไปพบสมบัติเช่นนี้มาจากไหนกัน …!”

ผมไม่สามารถบอกเขาได้ว่า ’อ๋อ ได้มาจากดันเจี้ยนใต้ดินที่มีโอกาสอัตราดรอบ 100%’ ดังนั้นข้าจึงยักไหล่ตอบไป

“ไม่เห็นสำคัญตรงไหน เจ้าช่วยถอดรหัสมันได้หรือไม่?”

"ได้แน่นอนขอรับ! ถึงแม้ว่ามันจะถูกเขียนด้วยลักษณะภาษาโบราณ แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตหลักการเวทย์มนตร์ของเรา ข้าสามารถถอดรหัสมันได้อย่างแน่นอน!”

“เช่นนั้นก็ดี ข้าขอให้เจ้าเร่งดำเนินการดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อซ่อมแซมกำแพงเสร็จแล้ว ข้าต้องการอัญเชิญม้วนคัมภีร์ลงบนนั้น”

“เข้าใจแล้วขอรับฝ่าบาท! ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!

หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุโค้งคำนับพร้อมกับจับม้วนคัมภีร์ไว้ที่หน้าอกของเขา

นี่เป็นโบราณวัตถุที่สูญหายไปแล้วในอดีต ดังนั้นความกระตือรือร้นที่อยากจะศึกษามันย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจได้

ซึ่งความกระตือรือร้นของเขาก็เป็นประโยชน์สำหรับข้ามาก

หลังจากไล่หัวหน้าสมาคมไปยังห้องทำงานของเขา ข้าก็สะบัดนิ้วชี้ไปที่ลิลลี่

“ลิลลี่ มานี่สิ”

ลิลลี่ขยับเข้าหาข้า ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัว

“ท… ทำไมท่านถึงสั่งเช่นนี้ … ฝ่าบาท?”

นางดูกระวนกระวาย อาจเป็นเพราะว่านางกลัวว่าข้าจะมอบงานอันตรายให้นางอีกครั้ง ข้ายิ้มเพื่อให้นางสบายใจ

“ไม่หรอก มันก็แค่ …เป็นการขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะมีแรงใจฮึดสู้ต่อไป”

ข้ามีงานให้เจ้าทำแน่ แต่ยังไม่ใช่ยามนี้

หลังจากจับมือกับลิลลี่ด้วยความมั่นใจอย่างสุดซึ้ง นางก็ยืนนิ่งอยู่ที่นั่นขณะที่ข้าก็ออกจากห้องทำงานของนักเล่นแร่แปรธาตุไปกับลูคัส

“ท่านกำลังวางแผนให้ข้าทำอะไรแปลกๆ อีกแล้วใช่ไหม?! มันต้องเป็นเรื่องที่อันตรายสินะ?! ใช่ไหม? ฝ่าบาท!” ฝ่าบาทททท!"

เสียงโวยวายของลิลลี่ดังขึ้นเล็กน้อยจากข้างหลังเรา

ข้าขอโทษด้วยลิลลี่ แต่เป็นข้าราชบริพารของข้าก็ต้องเป็นเช่นนี้แหละ

***

ณ อาราม

ทันทีที่ข้าก้าวเท้าเข้าไปในอาคารหินอ่อนแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเมือง กลิ่นยาฆ่าเชื้อก็พุ่งเข้าแสบรูจมูกของข้า

“…”

ข้าไม่ได้ประกาศว่าข้าจะมา ข้าเดินตรงเข้าไปยังอารามอย่างเงียบๆ

“ผู้ป่วยบนเตียงหมายเลข 3 อาการทรุดลงไปมาก!”

“เราต้องการยาเพิ่ม! ขอน้ำศักดิ์สิทธิ์และผ้าพันแผลด้วย!”

ภายในอาราม มีเตียงนอนเรียงราย ผู้บาดเจ็บมากมายได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

’ผู้รักษาระดับ R’ ’นักบุญ’ มาการิต้ากับนักบวชคนอื่นๆ กำลังดูแลผู้บาดเจ็บด้วยความเร็วสูง ในหมู่พวกเขามีเดเมียนด้วย

ข้าสังเกตเดเมี่ยนจากระยะไกล เหงื่อของเขาไหลออกมามากมายเมื่อต้องใช้เวทมนตร์รักษา

เมื่อเทียบกับยามที่เดเมี่ยนใช้สายตาอันเฉียบคมเพื่อสังหารศัตรู ตอนนี้ที่คอยดูแลผู้บาดเจ็บเรียกได้ว่าเหมาะกับเขามาก

“…ที่นี่คงไม่มีอะไรให้ข้าทำแล้ว”

ข้าออกมาจากอารามอย่างเงียบๆ

พวกเราทุกคนต่างพยายามในแบบของตนเองเพื่อเอาชีวิตรอดกัน

ทุกคนในอารามนี้กำลังต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต

ในฐานะผู้นำของพวกเขา ข้าเองก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่

ข้ากำมือแน่น

ทำลายสัตว์ประหลาด เพื่อปกป้องผู้คน

นั่นคือความรับผิดชอบของข้า

"ไปกันเถอะ! สมาคมทหารรับจ้างเป็นจุดถัดไป”

"เข้าใจแล้วขอรับ"

ลูคัสและข้าออกจากอารามและดำเนินตามแผนต่อไปของเรา

***

สมาคมทหารรับจ้างตั้งอยู่ใจกลางเมือง

ข้าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถึงทางเข้า

’ขอให้สมาคมทหารรับจ้างเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ด้วยเถิด!'

ข้ากระซิบขออธิษฐานเงียบๆ และเปิดประตูอย่างแรง

“ตัวละครใหม่!”

ทว่า-

"เวรแล้ว! นี่ข้ามีอยู่แล้วนิ!”

สมาคมทหารรับจ้างแห่งนี้ที่เคยมีชีวิตชีวากลับไม่มีทหารรับจ้างใหม่อยู่เลย

ทว่ามีจูปิเตอร์ที่กำลังเปล่งแสงสีม่วงนั่งดื่มอยู่คนเดียว

’ข้าตื่นเต้นมากจนคิดว่ามีตัวละครระดับ SR ตัวใหม่โผล่มาแล้วเสียอีก!'

ข้าลูบศีรษะที่ปวดร้าวของตน ทำไมยัยแก่คนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่บ่อยกันนักนะ?

จูปิเตอร์พุ่งเข้ามาหาผมและโค้งคำนับทันที ข้าพยักหน้าตอบไป

“เจ้ามาที่นี่ทำไมจูปิเตอร์?”

“ข้ามีบ้านหรือมีอะไรให้เก็ฐออมหรือ? ข้าไม่มีสถานที่ที่ควรค่าแก่การเรียกว่าบ้าน ดังนั้นข้าจึงอาศัยอยู่ภายในสมาคมมาโดยตลอด”

“เจ้าจะพูดเพ้อเจ้อเกินไปแล้วไหม? ด้วยเงินที่ข้าให้เจ้าไป เจ้าสามารถสร้างบ้านใหม่ได้ด้วยซ้ำ!”

“อา~ ทหารรับจ้างต้องการอะไรจากบ้านด้วยหรือ? เราไม่ได้ตั้งใจจะลงหลักปักฐานกันสักหน่อย”

ริมฝีปากของจูปิเตอร์ม้วนขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“การใช้ชีวิตในที่ที่ลมพัดพาเราไป ไปในที่ที่หัวใจของเรานำพา กินและดื่มอาหารเลิศรสตามต้องการ นั่นแหละวิถีชีวิตทหารรับจ้างในอุดมคติของเรา”

“เช่นนั้นเจ้าจึงเลือกมาอยู่ที่นี่เหรอ…?”

“ข้าปลดประจำการอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าไม่สามารถอยู่ในค่ายทหารของจักรวรรดิได้ไม่ใช่หรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็ต้องอยู่ร่วมกับเหล่าทหารรุ่นเยาว์อีกถูกต้องไหม? โรงแรมราคาถูกยังมีสภาพที่ดีกว่าพวกเขาอยู่กันเลย”

ข้าพลันตระหนักว่าการโต้เถียงกับนางมีแต่ทำให้ข้าเสียเวลาเพิ่มมากขึ้น ข้าส่ายศีรษะพลางมองสมาคมที่ว่างเปล่า

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่เก่งกาจอยู่เลยสินะ”

“ผิดหวังเร็วเกินไปหรือเปล่าฝ่าบาท?”

จูปิเตอร์ยักไหล่ ข้าได้แต่กลอกตาไปมา หรือว่านางจะมีไพ่ลับซ่อนไว้อยู่

"คิดว่าข้าเป็นใครกัน? ฉันใช้เวลา 30 ปีในกองทัพของจักรวรรดิและข้าเป็นทหารรับจ้างมาหลายปี ข้าคือยอดทหารจูปิเตอร์ผู้กร่ำศึกไม่ใช่หรือ?" .

“ยอดทหารจูปิเตอร์ผู้กร่ำศึก? แล้วมันเป็นเช่นไรเล่า?”

“มันก็หมายความว่าหญิงชราผู้นี้มีความสัมพันธ์มากมายไงล่ะ”

เหอะ

จูปิเตอร์เผยรอยยิ้มซุกซน นางกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่น

“ข้าได้แพร่กระจายนิทานไปทั่วทั้งทวีป ว่าผู้ปกครองใหม่ของด่านหน้าสัตว์ประหลาดมีสายเลือดราชวงศ์และไม่กลัวที่จะสาดเงินให้แก่เหล่าผู้ที่หาญกล้าเข้ามา”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด