บทที่ 33: [เนื้อเรื่องเสริม] สิ่งที่ข้าทำได้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 33: [เนื้อเรื่องเสริม] สิ่งที่ข้าทำได้
ณ วันถัดไปช่วงรุ่งสาง
ทันทีที่แสงแรกผ่านหมอกควันในช่วงเช้า ข้าก็ออกจากคฤหาสน์ไป แผนของข้าคือการดูแล เตรียมการสำหรับการปะทะด้วยการเดินตรวจสอบทั่วทั้งครอสโรด
กำแพงเมืองเป็นจุดแวะแรกของข้า
ที่นั่นข้าพบว่าคนงานมารวมตัวกันแต่เช้าตรู่ พวกเขาทุกคนทุ่มเททั้งใจกันมาก เห็นได้ถึงจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างชัดเจน
“อา ฝ่าบาท!”
หัวหน้าสมาคมช่างก่ออิฐที่ดูแลงานซ่อมแซมโค้งคำนับข้า ข้าพยักหน้าตอบกลับไปเล็กน้อย
“งานซ่อมแซมเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เราเพิ่งขุดดาบยักษ์ที่ติดอยู่ในกำแพงออกไปได้สำเร็จ”
ตามคำพูดของหัวหน้าสมาคมผู้นี้ ข้าก็เห็นเศษโลหะแตกกระจายอยู่รอบๆ
อัศวินเงาที่เป็นบอสจากด่านก่อนหน้านี้ได้นำดาบขนาดใหญ่ของมันฝังไว้ในกำแพงเรา ในที่สุดเราก็จัดการมันลงได้เสียที
“วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะกำจัดเศษขยะทั้งหมดและค่อยเริ่มงานซ่อมแซมจริงบนกำแพง”
“ไม่จำเป็นต้องกำจัดซากดาบ”
ผมเดินไปที่ทุ่งโล่งนอกกำแพง
“ให้พวกมันกระจัดกระจายไปหน้ากำแพงเช่นนี้ พวกมันจะเป็นโล่ที่มีประสิทธิภาพที่สุด”
คลื่นสัตว์ประหลาดถัดไปคาดว่าจะเป็นฝูงหนู
ชิ้นส่วนดาบพวกนี้เหมาะยิ่งแก่ศัตรูขนาดเล็ก สมบูรณ์แบบสำหรับหนูพวกนี้
ดวงตาของข้ามองไปยังรอยจุดหนึ่งของกำแพงที่เราได้ดึงดาบออกมา จุดนั้นได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง
โครงสร้างโลหะภายในโค้งงอ ดูคล้ายกับไม้เท้าลูกกวาดที่บิดงอ
“อีกนานแค่ไหนกว่าการซ่อมแซมกำแพงจะเสร็จสิ้น?”
จากการสอบถามของข้า หัวหน้าสมาคมก็ลังเลที่จะตอบเล็กน้อย
“ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะจัดเตรียมคนงานพิเศษและทหารมาช่วยงานซ่อมแซม…แต่หลังเราเอาดาบออกไป ก็พบว่ามันมีความเสียหายเพิ่มเติมอีก สถานการณ์แย่ยิ่งกว่าที่เราคาดไว้ในตอนแรก”
กำแพงของครอสโรดได้รับการออกแบบมาอย่างแข็งแกร่ง เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่น่ากลัว
พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยแท่งเหล็กที่ประสานเชื่อมต่อกันเป็นโครงกระดูก ซึ่งมีตัวหินซ้อนกันอยู่รอบๆ จากนั้นแผ่นโลหะก็ถูกวางเป็นชั้นๆ อยู่ด้านบน
นี่คือความสูงส่งของเทคโนโลยีการก่อสร้างของจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ กำแพงของเราจึงมีระดับการป้องกันที่น่าประทับใจ ต่อให้เป็นดาบยักษ์ของอัศวินเงาก็แทบไม่ส่งผลอะไรนัก
หากเป็นกำแพงปกติ มันคงจะพังทลายลงมาแล้ว
ทว่าด้วยความซับซ้อนของการก่อสร้างเช่นนี้ การซ่อมแซมก็เป็นเรื่องยากเช่นเดียวกัน
"เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว เวลาที่คาดการณ์ไว้คือเท่าไร?”
“ประมาณสิบวันนับจากนี้ขอรับ”
"สิบวัน..."
ข้าได้แต่ถอนหายใจออกมา
เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงด่านต่อไป เวลากำลังจะหมดลงแล้ว
“เราจะลดลงเหลือหนึ่งสัปดาห์ได้ไหมถ้าเราใช้ทรัพยากรและกำลังคนมากขึ้น?”
ข้าพร้อมที่จะลงทุนกำลังคนและเงินทุนให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็น หากมันจะช่วยให้เรามีเวลามากขึ้น
แต่หัวหน้าสมาคมกลับส่ายศีรษะไปมา
“มีข้อจำกัดในเรื่องกำลังคนและทรัพยากรที่เราใช้ได้อยู่ขอรับ ถึงแม้จะเพิ่มเข้ามา ก็ยังยากที่จะจัดการมันได้หมด”
“เช่นนั้นมีวิธีใดที่จะเร่งมันได้ไหม?”
“ถ้าเราได้คนงานและวัสดุเข้ามามากขึ้น และทำงานตลอดเวลา เราอาจจะเร่งได้หนึ่งวัน…”
“ถ้าเราสามารถประหยัดได้หนึ่งวัน นั่นหมายความว่าเราสามารถประหยัดได้สองวัน และถ้าเราสามารถประหยัดได้สองวัน เราก็สามารถประหยัดได้สามวัน”
ข้ารู้ว่ามันเป็นคำสั่งที่ยาก แต่ข้ายังคงยืนกราน
“ข้าจะจัดหากำลังคนและวัสดุให้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงซ่อมแซมกำแพงให้เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์”
สาเหตุที่ข้าเร่งรีบและต้องการเช่นนี้เพราะมีบางอย่างอยู่ตรงหน้าข้า
[ข้อมูลศัตรู – ด่านที่ 2]
– Lv.????: 3 ตน
– หนูท่อระบายน้ำยักษ์ Lv.5: 3251 ตน
มันไม่ใช่ตัวเลขที่ผิดพลาด
ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้ การตัดสินใจของข้าก็ไม่ผิดเพี้ยนเลย
ข้อมูลของศัตรูปรากฏในสำรวจอิสระทำให้ข้ารู้สึกสับสนยิ่ง
สามพัน
หนูเหล่านั้นมีขนาดเทียบเท่ากับสุนัขตัวใหญ่ที่ข้าพบในสำรวจอิสระ แล้วเจ้าลองคิดภาพมันที่มีกว่าสามพันตนดูสิ
แต่ระดับของพวกมันมีแค่ห้าเท่านั้น พวกมันเป็นเพียงหนูขนาดใหญ่ที่กระทั่งทหารทั่วไปก็สามารถจัดการได้โดยไม่มีปัญหามากนัก
แต่พวกมันมีอยู่สามพัน
หากพวกสัตว์ทั่วไปรวมตัวเป็นฝูงสามพันตน พวกมันก็สามารถพังเมืองให้กลายเป็นซากปรักหักพังได้ ยิ่งสัตว์ประหลาดที่เหนือสามัญสำนึกพวกนี้ยิ่งแล้วใหญ่
’ต้องมีกำแพง’
ต้องสร้างกำแพงไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม หากไม่มีกำแพง การป้องกันฝูงสัตว์ประหลาดย่อมเป็นไปไม่ได้
ข้าจับไหล่ของหัวหน้าสมาคมที่กำลังเหงื่อออกเพราะความวิตกกังวล เขาตอบกลับมาด้วยการพยักหน้าอย่างหนักหน่วง
“เข้าใจแล้วขอรับ เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
ข้าตบหลังของหัวหน้าสมาคมเพื่อเป็นการปลอบโยน
"ขอบคุณเจ้ามาก การทำงานหนักของเจ้าและความทุ่มเทของทุกคนจะไม่ถูกลืมไปโดยเด็ดขาด”
เมื่อดูเหล่าคนงานเสร็จแล้ว ข้าก็ตะโกนออกมา
“พยายามเข้า พวกเรามีภารกิจที่ต้องปกป้องโลกเอาไว้! จงใช้ทุกสิ่งที่มีอยู่ให้หมด!”
***
“เช่นนั้นข้าก็คงต้องไปที่ห้องปฏิบัติการของนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วสินะ”
หลังจากลงมาจากกำแพง ข้ากับลูคัสก็เดินต่อไปยังห้องปฏิบัติการนักเล่นแร่แปรธาตุของเมือง วันนี้มันเริ่มจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตายแล้ว ฝ่าบาท! ท่านให้เกียรติพวกเรามากเพียงนี้เลยหรือ!”
“ยินดีต้อนรับฝ่าบาท!”
เมื่อไปถึงห้องปฏิบัติการ หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุและลิลลี่ก็ออกมาต้อนรับข้า
เมื่อข้าเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ ข้าก็ลงไปทำธุระทันที
“สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ใดที่กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม?”
“ยามนี้เรากำลังมุ่งเน้นไปที่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ห้าชิ้นที่เรียบง่ายที่สุด นอกจากนั้น สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่เคยได้รับการซ่อมแซมแล้วก็กำลังปรุบปรุงอยู่”
“จงหยุดสิ่งที่ทำอยู่และซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ข้าบอก”
แผนที่วางไว้คือการซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่สามารถซ่อมแซมได้ง่ายที่สุดก่อน
แต่เมื่อพิจารณาว่าศัตรูที่กำลังจะมาถึงเป็นหนูจากท่อระบายน้ำกว่าสามพันตน การเลือกสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่มีประโยชน์ที่สุดย่อมเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
จากนั้นข้าก็ได้รับรายงานของรายชื่อสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ทั้งหมดที่มีอยู่
เมื่อดูรายชื่อ สิ่งของที่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไปคือ….
"สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์สามชิ้น จงจัดลำดับความสำคัญในการซ่อมแซมสิ่งเหล่านี้ให้ขึ้นเป็ฯอันดับแรก”
มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับ R ที่สามารถพ่นไฟออกมาได้ ไม่มีอะไรที่มีประสิทธิภาพต่อศัตรูเช่นพวกหนูไปมากกว่าไฟอีกแล้ว
เนื่องจากมีพวกมันสามอันในคลัง ข้าจึงได้สั่งให้พวกเขาทั้งหมดซ่อมแซมมันทันที
“หลังจากซ่อมแซมตามลำดับความสำคัญเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว ก็จงกลับไปซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเจ้ากำลังทำกันต่อได้เลย”
“รับทราบขอรับฝ่าบาท”
ตามคำสั่งของข้า พวกเขาก็เริ่มซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์พ่นไฟทันที
ในขณะที่หัวหน้าสมาคมกำลังกำกับลูกน้องของเขาในการจัดการงานต่างๆ ข้าก็ได้ดึงไอเท็มชิ้นหนึ่งออกมา
"และเจ้าสิ่งนี้"
ข้าคลี่ม้วนเวทมนตร์สีฟ้าจากกระเป๋าของข้า
ไอเท็มที่ข้าถือคือ ’คัมภีร์อัญเชิญ: ป้อมป้องกันอัตโนมัติ ’ที่ข้าพบในดันเจี้ยนระหว่างการสำรวจอิสระครั้งก่อน
“เจ้ารู้จักสิ่งนี้ได้หรือไม่?”
“นี่มันอะไรกัน...?”
หัวหน้าสมาคมของสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุหรี่ตามองม้วนคัมภีร์ในมือของข้า ใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นตกใจ
“หรือจะเป็น…คาถาอัญเชิญโบราณ?”
"ถูกต้อง มันคือม้วนคัมภีร์ที่เอาไว้ใช้เรียกสิ่งก่อสร้างออกมา”
เวทมนตร์อัญเชิญ
ในบริบทของเกม มันเป็นทักษะที่ผู้เล่นเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้
ไม่มีทางอยู่แล้วที่จะปล่อยให้ตัวละครออกไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดอย่างเดียว พวกเขาย่อมมีทางเลือกอื่นด้วย
การอัญเชิญมีอยู่สองประเภทหลักๆ
ประการแรกคือการอัญเชิญ ’ป้อมป้องกัน’ ที่สามารถวางไว้บนสิ่งก่อสร้างได้
ประการที่สองคือการเรียก ’บอสสัตว์ประหลาด’ ที่ผู้เล่นสามารถควบคุมได้โดยตรง
แม้ว่าจะสามารถเรียกได้เพียงครั้งละหนึ่งอย่าง แต่ความสามารถของมันแข็งแกร่งยิ่ง
ด้วยป้อมป้องกัน ผู้เล่นสามารถเพิ่มพลังการยิงอย่างท่วมท้น ส่วนทางด้านบอสสัตว์ประหลาดก็สามารถใช้ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตของศัตรูได้
’ทว่าเงื่อนไขค่อนข้างเข้มงวด...’
ในการใช้เวทมนตร์อัญเชิญ ตัวม้วนคัมภีร์ป้อมป้องกันจำเป็นต้องได้รับคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน จากนั้นก็ต้องส่งมอบให้กับห้องปฏิบัติการของนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อถอดรหัส
ม้วนคัมภีร์เป็นของที่รับประกันว่าจะได้มาแน่ การสำรวจอิสระหนึ่งครั้งก็จะได้พวกมันทีละครั้ง
ทว่าค่าใช้จ่ายในการวิจัยนั้นสูงมาก กระบวนการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน
แต่การอัญเชิญครั้งแรกๆ ของป้อมป้องกันอัตโนมัติจะมีความซับซ้อนในการวิจัยที่น้อย ทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไว
’ส่วนการอัญเชิญบอสสัตว์ประหลาดเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่ง’
เมื่อพวกมันตาย บอสสัตว์ประหลาดจะทิ้งคัมภีร์อัญเชิญ แต่โอกาสที่มันจะได้มาเรียกได้ว่ายากยิ่ง
สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องวิจัยมันก่อน ทว่ามันเป็นของที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
ซึ่งผลลัพธ์ของมันดีเป็นอย่างยิ่ง มันแตกต่างจากป้อมปราการป้องกัน เพราะมันสามารถเรียกได้จากทุกที่
โชคดีที่ความสามารถของผู้เล่นแบบนี้ยังมีอยู่ นึกว่าจะไม่มีเสียแล้ว
เวทมนตร์อัญเชิญนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถของตัวละคร มันเป็นพลังของระบบเกม
โชคดีที่ข้าสามารถใช้มันได้ แต่มันก็ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกสงสัย
’ข้าเป็นตัวละครในเกมนี้หรือเป็นผู้เล่น?'
หรือข้าเป็นทั้งคู่?
ในขณะที่ข้ากำลังหลงอยู่ในห้วงภวังค์ หัวหน้าสมาคมของนักเล่นแร่แปรธาตุก็ถือม้วนคัมภีร์ด้วยความสับสนอย่างยิ่ง
“ท่านไปพบสมบัติเช่นนี้มาจากไหนกัน …!”
ผมไม่สามารถบอกเขาได้ว่า ’อ๋อ ได้มาจากดันเจี้ยนใต้ดินที่มีโอกาสอัตราดรอบ 100%’ ดังนั้นข้าจึงยักไหล่ตอบไป
“ไม่เห็นสำคัญตรงไหน เจ้าช่วยถอดรหัสมันได้หรือไม่?”
"ได้แน่นอนขอรับ! ถึงแม้ว่ามันจะถูกเขียนด้วยลักษณะภาษาโบราณ แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตหลักการเวทย์มนตร์ของเรา ข้าสามารถถอดรหัสมันได้อย่างแน่นอน!”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าขอให้เจ้าเร่งดำเนินการดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อซ่อมแซมกำแพงเสร็จแล้ว ข้าต้องการอัญเชิญม้วนคัมภีร์ลงบนนั้น”
“เข้าใจแล้วขอรับฝ่าบาท! ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!
หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุโค้งคำนับพร้อมกับจับม้วนคัมภีร์ไว้ที่หน้าอกของเขา
นี่เป็นโบราณวัตถุที่สูญหายไปแล้วในอดีต ดังนั้นความกระตือรือร้นที่อยากจะศึกษามันย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
ซึ่งความกระตือรือร้นของเขาก็เป็นประโยชน์สำหรับข้ามาก
หลังจากไล่หัวหน้าสมาคมไปยังห้องทำงานของเขา ข้าก็สะบัดนิ้วชี้ไปที่ลิลลี่
“ลิลลี่ มานี่สิ”
ลิลลี่ขยับเข้าหาข้า ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัว
“ท… ทำไมท่านถึงสั่งเช่นนี้ … ฝ่าบาท?”
นางดูกระวนกระวาย อาจเป็นเพราะว่านางกลัวว่าข้าจะมอบงานอันตรายให้นางอีกครั้ง ข้ายิ้มเพื่อให้นางสบายใจ
“ไม่หรอก มันก็แค่ …เป็นการขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะมีแรงใจฮึดสู้ต่อไป”
ข้ามีงานให้เจ้าทำแน่ แต่ยังไม่ใช่ยามนี้
หลังจากจับมือกับลิลลี่ด้วยความมั่นใจอย่างสุดซึ้ง นางก็ยืนนิ่งอยู่ที่นั่นขณะที่ข้าก็ออกจากห้องทำงานของนักเล่นแร่แปรธาตุไปกับลูคัส
“ท่านกำลังวางแผนให้ข้าทำอะไรแปลกๆ อีกแล้วใช่ไหม?! มันต้องเป็นเรื่องที่อันตรายสินะ?! ใช่ไหม? ฝ่าบาท!” ฝ่าบาทททท!"
เสียงโวยวายของลิลลี่ดังขึ้นเล็กน้อยจากข้างหลังเรา
ข้าขอโทษด้วยลิลลี่ แต่เป็นข้าราชบริพารของข้าก็ต้องเป็นเช่นนี้แหละ
***
ณ อาราม
ทันทีที่ข้าก้าวเท้าเข้าไปในอาคารหินอ่อนแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเมือง กลิ่นยาฆ่าเชื้อก็พุ่งเข้าแสบรูจมูกของข้า
“…”
ข้าไม่ได้ประกาศว่าข้าจะมา ข้าเดินตรงเข้าไปยังอารามอย่างเงียบๆ
“ผู้ป่วยบนเตียงหมายเลข 3 อาการทรุดลงไปมาก!”
“เราต้องการยาเพิ่ม! ขอน้ำศักดิ์สิทธิ์และผ้าพันแผลด้วย!”
ภายในอาราม มีเตียงนอนเรียงราย ผู้บาดเจ็บมากมายได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
’ผู้รักษาระดับ R’ ’นักบุญ’ มาการิต้ากับนักบวชคนอื่นๆ กำลังดูแลผู้บาดเจ็บด้วยความเร็วสูง ในหมู่พวกเขามีเดเมียนด้วย
ข้าสังเกตเดเมี่ยนจากระยะไกล เหงื่อของเขาไหลออกมามากมายเมื่อต้องใช้เวทมนตร์รักษา
เมื่อเทียบกับยามที่เดเมี่ยนใช้สายตาอันเฉียบคมเพื่อสังหารศัตรู ตอนนี้ที่คอยดูแลผู้บาดเจ็บเรียกได้ว่าเหมาะกับเขามาก
“…ที่นี่คงไม่มีอะไรให้ข้าทำแล้ว”
ข้าออกมาจากอารามอย่างเงียบๆ
พวกเราทุกคนต่างพยายามในแบบของตนเองเพื่อเอาชีวิตรอดกัน
ทุกคนในอารามนี้กำลังต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต
ในฐานะผู้นำของพวกเขา ข้าเองก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่
ข้ากำมือแน่น
ทำลายสัตว์ประหลาด เพื่อปกป้องผู้คน
นั่นคือความรับผิดชอบของข้า
"ไปกันเถอะ! สมาคมทหารรับจ้างเป็นจุดถัดไป”
"เข้าใจแล้วขอรับ"
ลูคัสและข้าออกจากอารามและดำเนินตามแผนต่อไปของเรา
***
สมาคมทหารรับจ้างตั้งอยู่ใจกลางเมือง
ข้าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถึงทางเข้า
’ขอให้สมาคมทหารรับจ้างเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ด้วยเถิด!'
ข้ากระซิบขออธิษฐานเงียบๆ และเปิดประตูอย่างแรง
“ตัวละครใหม่!”
ทว่า-
"เวรแล้ว! นี่ข้ามีอยู่แล้วนิ!”
สมาคมทหารรับจ้างแห่งนี้ที่เคยมีชีวิตชีวากลับไม่มีทหารรับจ้างใหม่อยู่เลย
ทว่ามีจูปิเตอร์ที่กำลังเปล่งแสงสีม่วงนั่งดื่มอยู่คนเดียว
’ข้าตื่นเต้นมากจนคิดว่ามีตัวละครระดับ SR ตัวใหม่โผล่มาแล้วเสียอีก!'
ข้าลูบศีรษะที่ปวดร้าวของตน ทำไมยัยแก่คนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่บ่อยกันนักนะ?
จูปิเตอร์พุ่งเข้ามาหาผมและโค้งคำนับทันที ข้าพยักหน้าตอบไป
“เจ้ามาที่นี่ทำไมจูปิเตอร์?”
“ข้ามีบ้านหรือมีอะไรให้เก็ฐออมหรือ? ข้าไม่มีสถานที่ที่ควรค่าแก่การเรียกว่าบ้าน ดังนั้นข้าจึงอาศัยอยู่ภายในสมาคมมาโดยตลอด”
“เจ้าจะพูดเพ้อเจ้อเกินไปแล้วไหม? ด้วยเงินที่ข้าให้เจ้าไป เจ้าสามารถสร้างบ้านใหม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“อา~ ทหารรับจ้างต้องการอะไรจากบ้านด้วยหรือ? เราไม่ได้ตั้งใจจะลงหลักปักฐานกันสักหน่อย”
ริมฝีปากของจูปิเตอร์ม้วนขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“การใช้ชีวิตในที่ที่ลมพัดพาเราไป ไปในที่ที่หัวใจของเรานำพา กินและดื่มอาหารเลิศรสตามต้องการ นั่นแหละวิถีชีวิตทหารรับจ้างในอุดมคติของเรา”
“เช่นนั้นเจ้าจึงเลือกมาอยู่ที่นี่เหรอ…?”
“ข้าปลดประจำการอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าไม่สามารถอยู่ในค่ายทหารของจักรวรรดิได้ไม่ใช่หรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็ต้องอยู่ร่วมกับเหล่าทหารรุ่นเยาว์อีกถูกต้องไหม? โรงแรมราคาถูกยังมีสภาพที่ดีกว่าพวกเขาอยู่กันเลย”
ข้าพลันตระหนักว่าการโต้เถียงกับนางมีแต่ทำให้ข้าเสียเวลาเพิ่มมากขึ้น ข้าส่ายศีรษะพลางมองสมาคมที่ว่างเปล่า
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่เก่งกาจอยู่เลยสินะ”
“ผิดหวังเร็วเกินไปหรือเปล่าฝ่าบาท?”
จูปิเตอร์ยักไหล่ ข้าได้แต่กลอกตาไปมา หรือว่านางจะมีไพ่ลับซ่อนไว้อยู่
"คิดว่าข้าเป็นใครกัน? ฉันใช้เวลา 30 ปีในกองทัพของจักรวรรดิและข้าเป็นทหารรับจ้างมาหลายปี ข้าคือยอดทหารจูปิเตอร์ผู้กร่ำศึกไม่ใช่หรือ?" .
“ยอดทหารจูปิเตอร์ผู้กร่ำศึก? แล้วมันเป็นเช่นไรเล่า?”
“มันก็หมายความว่าหญิงชราผู้นี้มีความสัมพันธ์มากมายไงล่ะ”
เหอะ
จูปิเตอร์เผยรอยยิ้มซุกซน นางกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่น
“ข้าได้แพร่กระจายนิทานไปทั่วทั้งทวีป ว่าผู้ปกครองใหม่ของด่านหน้าสัตว์ประหลาดมีสายเลือดราชวงศ์และไม่กลัวที่จะสาดเงินให้แก่เหล่าผู้ที่หาญกล้าเข้ามา”