@Restaurant 1
“กูมีธุรกิจมานำเสนอ”
“พอเถอะ! กูไม่อยากวุ่นวาย”
“ปล่อยธนาคารยึดก็เสียดาย”
“ช่างมัน” ศรารุจบอกปัดแนวธุรกิจของสหายรักไปหลายคราว
โกศล_เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เหตุที่ยังคบหากันมาจนแก่ปูนนี้ก็เพราะความบังเอิญ
บังเอิญที่โกศลเป็นญาติกับรัตนา อดีตภรรยาที่ตายจากไปแล้ว
“งั้นกูขอเช่า”
“กูขี้เกียจวุ่นวายกับใครอีกเข้าใจมั้ย ปล่อยยึดไปนั่นแหละ แก่ปูนนี้จะโดนฟ้องล้มละลายก็ช่างแม่ง” พ่อหม้ายเมียตายลูกก็ไม่มี ผู้ชายวัยกลางคนตัวคนเดียวไม่มีภาระและไม่อยากมีพันธะล่ามคอ
“งั้นมึงก็ปล่อยให้กูยืมทำธุรกิจหน่อยสิวะ”
“ไม่! มึงไม่เข้าใจเหรอ กูบอกว่าไม่อยากวุ่นวายกับใครอีกไง”
“งานนี้มึงก็ไม่ต้องยุ่งไง เดี๋ยวกูทำของกูคนเดียว”
ศรารุจไล่ญาติของอดีตเมียกลับหลังจากจัดการเก็บเถ้ากระดูกรัตนา จะว่าไปก็มีแค่โกศลคนเดียวที่อยู่เคียงข้าง คอยสร้างความรำคาญใจบ่อยครั้งและมันก็ช่วยดึงให้ตัวเขาออกจากความเศร้าได้อย่างดี
น้ำตาไม่ไหลตอนที่โกศลตื๊อจะเอาโฮสเทลเก่าของเขาไปเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง
เหลือเวลาอีกเก้าสิบวันหลังจากยื่นขอพักชำระหนี้ครั้งสุดท้าย
“ให้กูยืมทำทุนหน่อย ช่วยคนกำลังลำบากได้บุญนะเว้ยไอ้รุจ”
“ไอ้ห่านิ! มึงนี้พูดไม่รู้เรื่องเลยเว้ย” ศรารุจฉุน
โกศลมาคอยตื๊อทุกเมื่อเชื่อวัน เช้าถึงเย็นถึงจนเขาหลงลืมช่วงเวลาไว้ทุกข์ต่อภรรยาที่จากไป
“มึงจะหวงไว้ทำไมวะ เมียก็ตายห่าไปแล้ว แล้วมึงก็จะปล่อยยึด ช่วงนี้ก็แค่ให้กูยืมเปิดรับลูกค้าสักหน่อยจะเป็นไรวะ”
“สามแสนภายในเก้าสิบวันมึงมีปัญญาจ่ายมั้ย”
“ฮะ?”
“ถ้ามึงคิดว่าเปิดแล้วจะมีเงินมาจ่ายยอดค้างได้ กูจะให้มึงยืม” ศรารุจรู้ดีว่าคนหยิบโหย่งเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างโกศลไม่มีทางหาเงินจำนวนนี้ได้ทัน แม้การท่องเที่ยวจะกำลังฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกำลังทยอยบินเข้ามาแต่! ตอนนี้มันอยู่ในช่วง Low season หน้าฝนแบบนี้ฝืนเปิดไปก็ไม่มีลูกค้าเข้าพักแน่นอน
“มึงมีเวลาเก้าสิบวันก่อนแบงก์จะฟ้องใช่มั้ย”
“เออ!”
... ... ...
โฮสเทสสูงสี่ชั้น บริเวณด้านหน้าเป็นจุดต้อนรับมีเคาร์เตอร์ไม้สีเบจไว้ติดต่อสอบถามราคาและค่าบริการตรงนี้
ขวามือเป็นล็อบบี้ มีโซฟาตัวเขื่องหนังนุ่มสีเดียวกันกับตู้หยดเหรียญจำหน่ายของใช้ราวกับยกร้านสะดวกซื้อมาไว้
ซ้ายมือเป็นลิฟต์โดยสารขนาดเล็กเหมาะกับตัวอาคาร ถัดเข้าไปอีกหน่อยคือบันไดและทางออกฉุกเฉิน
“มึงเอาไอ้ตู้นี้มาจากไหน”
“รายได้เสริม” โกศลไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆ เลี่ยงบาลีตอบไปว่าเอามาเพื่ออะไรแทน
“โซ่,เส้,กุญแจมือ,ไม้ขนไก่...ถุงยางเนี้ยนะ”
“เออ! มึงจะสงสัยทำไมวะ” คนตอบจำมาจากสารคดีนำเที่ยวจากรายการหนึ่ง มันแนะนำโรงแรมในตรอกซอยขนาดเล็ก ถนนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้ชาย
ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยจะมีแต่ตึกเก่าสีมอซอแต่ประดับประดาติดไฟหลากสีกะพริบวิบวับ แทบทุกตึกมีตู้หยอดเหรียญขายอุปกรณ์ Sextoys ต่างๆ Condom แปลกๆ ที่ไม่ทราบว่าไปสรรหามาจากไหนรวมไปจนถึงตุ๊กตาหญิงสาวเสมือนจริง
บางครั้งอาจได้พบเห็นผู้ชายอุ้มผู้หญิงหน้าสวยหุ่นอรชรเปลือยกายล่อนจ้อนออกจากซอยนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวใดๆ เพราะนางไม่ใช่มนุษย์
“สนใจอะดิ”
“สนห่าอะไรล่ะ”
“เห็นจ้องตาเป็นมัน” ที่มองเพราะประหลาดใจต่างหาก
ศรารุจไม่เคยเห็นตู้แบบนี้มีให้บริการที่ไหนมาก่อนในประเทศไทยมาก่อน
“มันจะมีลูกค้าเหรอวะ”
“มีสิ! เชื่อกู”
โกศลตื่นเต้นตาโตหลังจากทุ่มเงินก้อนสุดท้ายตกแต่ง ต่อเติม ปัดกวาดเช็ดถูโฮลเทสเก่าเกรอะถูกปิดให้บริการนานเกือบสามปีเต็ม
บัดนี้ทันพร้อมต้อนรับลูกค้าแล้ว
Ping!
“เดอะเรสเตอรองสวัสดีครับ! มีอะไรให้ช่วยครับผม” สายแรกดูท่าว่าจะเปิดประเดิมธุรกิจโฮลเทลของโกศล ชายหนุ่มไฟแรงกระตือรือร้นเต็มที่มากๆ
ศรารุจก็เพิ่งทราบว่าโกศลเปลี่ยนชื่อสถานบริการนี้ใหม่ และน่าแปลกใจที่เปิดโฮสเทลเป็นชื่อร้านอาหารเสียแบบนั้น
“เคยใช้บริการมาก่อนมั้ยครับ ถ้าไม่เคย ผมแนะนำแบบเบสิกก่อนดีมั้ย อย่างเช่นออเดิร์ฟ...”
...
“ว๊าว! คุณนี้ใจถึงมาก ตกลงว่าเป็นศุกร์นี้นะครับเวลาสี่ทุ่ม”
...
“ผมจะคอนเฟิร์มบุ๊คกิ้งผ่านอีเมล์หลังลูกค้าชำระเงินนะครับ”
...
“ขอบคุณครับ”
...
เรสเตอรอง Restaurant
ออเดิร์ฟ Horse d'oeuvre
เมนคอร์ส Main course
ฟูคอร์ส Full course + side dish + Dessert
อลาคาส A la Carter
บุฟเฟต์ Buffet
...
“เดี๋ยวก่อนนะ! มึงแน่ใจนะว่าเปิดที่นี่เป็นโฮสเทลจริงๆ” ศรารุจยืนมองบอร์ดกระดานดำอ่านป้ายค่าบริการห้องพักแบบงงๆ ทั้งชื่อห้องประหลาดๆ และค่าบริการมหาโหดแบบนี้ไม่น่ามีใครหลงเข้ามาใช้บริการ
“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ”