บทที่ 265: การลอบสังหารบนเกาะร้าง!
หลังจากลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม ๆ แล้วถังเจิ้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อจัดการงานของวันนี้
เนื่องจากภัยพิบัติหานเยว่กำลังจะมาถังเจิ้นจึงต้องเตรียมการรับมืออย่างระมัดระวังโดยจะเริ่มจัดหาเสบียงสำหรับใช้ในหน้าหนาวเป็นจำนวนมาก
สำหรับสิ่งมีชีวิตในแดนทุรกันดารแล้วภัยพิบัติหานเยว่เป็นหายนะอย่างแท้ทรู มันคือสาเหตุที่ทำให้บริเวณแถบนี้แทบจะไม่มีโหลวเฉิงที่มีอายุเกินพันปีอยู่เลย!
เนื่องจากมีโหลวเฉิงเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้จนจบครบปีที่ภัยพิบัติหานเยว่อุบัติขึ้น!
พื้นที่ภัยพิบัติหานเยว่กระทบถึงนั้นโดยพื้นฐานแล้วคือจะรกร้างว่างเปล่าแห้งแล้งไปโดยสมบูรณ์ซึ่งสาเหตุหลักก็คือไอ้เจ้าภัยพิบัติที่จะอุบัติขึ้นหนึ่งครั้งในทุก ๆ 1,000 ปีนี่เอง
แต่สำหรับถังเจิ้นแล้วเขาคิดว่านี่มันเป็นโอกาสแสวงโชคเลยไม่ใช่เหรอ
ตราบเท่าที่เขายังสามารถปกป้องโหลวเฉิงเอาไว้ได้เขาก็สามารถอาศัยช่วงเวลากังกล่าวก่อสร้างและอัปเกรดเมืองได้อย่างสบายใจ ทั้งยังสามารถฉวยโอกาสนี้ในการรับเอาตัวผู้พเนจรบางกลุ่มที่ถูกเผ่าปิงเหม่ไล่ฆ่าจนไม่มีที่ไปมาไว้กับตัวเองได้ด้วย!
ผู้ที่ยังคงสามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายปานนั้นได้ย่อมต้องเป็นพวกที่มีดีอยู่แน่นอน การที่จะได้คนพวกนั้นทั้งหมดมาเป็นกำลังพลสำรองจะทำให้การขยายเมืองในอนาคตเป็นไปได้เร็วขึ้น
ส่วนมอนสเตอร์เกราะน้ำแข็งที่มีอยู่ทุกแห่งหนนั้นก็จะเป็นแหล่งฟาร์มลูกปัดสมองกลายพันธุ์จำนวนมากให้แก่เขาได้
จุดสำคัญที่สุดคือลูกปัดสมองกลายพันธุ์มีมูลค่าสูงกว่าลูกปัดสมองเดิม ๆ ถึง 10 เท่า!
ซึ่งเป็น 10 เท่าที่คุ้มเสี่ยง!
อันตรายและโอกาสมักจะอยู่ร่วมกัน ดังนั้นเขาต้องเตรียมรากฐานทั้งหมดเอาไว้ให้พร้อม!
นอกจากนี้ถังเจิ้นต้องเตรียมการเพื่อดักจับพวกซีมอนสเตอร์ที่จะว่ายกลับไปยังรูบนท้องฟ้าด้วย ขุมทรัพย์เดินได้เหล่านั้นถังเจิ้นจะไม่มีวันปล่อยมันไปต่อหน้าต่อตาแน่ ๆ!
เพื่อจัดการกับซีมอนสเตอร์ที่จะว่ายทวนน้ำเขาจำเป็นต้องปรับแต่งเครื่องมือจับสัตว์น้ำให้มันโปรกว่านี้ซึ่งเขาได้แจ้งไปแล้วและทางทีมช่างก็กำลังดำเนินการอยู่
หลังจากคิดแผนการอะไร ๆ มามากมายถังเจิ้นพบว่าเขายังมีเรื่องสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องไปทำอยู่ นั่นก็คือไป ‘เก็บหนี้’ ที่วาจิมะ!
ก่อนหน้านี้เขาได้เอาอุปกรณ์การทดลองราคาแพงรวมไปถึงข้อมูลการวิจัยอันอันแสนล้ำค่าของสถาบัน spt ไปโดยที่ทิ้งข้อความถึงสิ่งที่ต้องใช้เป็น ‘ค่าไถ่’ หากว่าอยากได้ของคืนกับอีกฝ่ายไว้
อุปกรณ์การทดลองและเอกสารการวิจัยราคาไม่รู้กี่พันล้านจะถูกเพิกเฉยไปดื้อ ๆ เลยได้ยังไงล่ะจริงมั้ย
พวก spt จะต้องทำตามที่เขาสั่งไปอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาก็ไม่ได้ไก่อ่อนขนาดที่คิดว่าพวกมันจะเชื่อฟังเขาจริง ๆ ไม่แน่ที่นั่นพวกมันอาจวางตาข่ายฟ้าดินดักจับเขาเอาไว้แล้วก็เป็นได้ แค่รอให้เขาเข้าไปก็จัดการรวบตึงซะ
และเนื่องจากจากถังเจิ้นกล้าทำเช่นนี้จึงแปลว่าเขาไม่ได้กลัวการถูกซุ่มโจมตีเลย!
หลังจากจัดการเคลียร์ช่องเก็บของและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ๆ แล้วถังเจิ้นก็เทเลพอร์ต
****************
ที่นี่คือสวนสาธารณะ วันนี้เป็นวันหยุดจึงมีผู้คนจำนวนมากมาเที่ยวเล่นกัน ทำให้มีบรรยากาศสนุกสนานให้เห็นอยู่ทั่วทุกที่
ถังเจิ้นสวมเสื้อกันลมสีดำและแว่นกันแดด ตัวเขาสูงใหญ่มีออร่ากดขี่แผ่อยู่ทั่วร่างกาย
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับถูกเสือกินคนจ้องมอง ขนทั่วทั้งตัวต้องอดลุกขึ้นมาไม่ได้!
หลังจากที่เลื่อนขึ้นเป็นระดับลอร์ดแล้วทั้งรูปร่างหน้าตาและบรรยากาศของถังเจิ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่ มันดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปรากฏการณ์เช่นนี้ก็คือการวิวัฒนาการแบบหนึ่ง เป็นการวิวัฒนาการจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไปสู่สิ่งชีวิตชั้นสูง!
บางคนว่ากล้า ๆ เมื่อเดินไปถึงตัวถังเจิ้นยังเป็นต้องหลบเพราะว่ากลัวจะไปทำให้เขาโกรธโดยไม่รู้ตัว
ตรงกันข้ามคือมีเด็กสาว ๆ ช่างฝันไม่น้อยที่ส่งสายตาปิ๊ง ๆ ให้ บางคนถึงกับทำเป็นเดินผ่านแล้วพูดจาเชิญชวนแซวเขา
และมีแม่สาวกล้าอีกไม่น้อยที่เข้าไปขอถ่ายรูปคู่กับเขาด้วย
ถังเจิ้นก็หงุดหงิดเล็กน้อยตอบปฏิเสธพวกเธอไปอย่างเย็นชาแล้วรีบออกจากสวนสาธารณะ
เขาไปเลือกรถที่จอดอยู่คันหนึ่งแล้วแฮ็กระบบกันขโมยจากนั้นก็สตาร์ทออกไปเลย
สถานที่ที่เขานัดไว้อยู่บนเกาะร้างแห่งหนึ่งที่มีภูมิประเทศอันเลวร้ายและอันตรายสูงจนไม่มีใครกล้ามาอาศัยอยู่
ที่ถังเจิ้นเลือกสถานที่นี้ก็เพราะเขาต้องการเลือกสนามรบที่เหมาะกับตัวเอง!
ที่นี่เป็นที่ที่สามารถมองได้ในมุมมองกว้างเพราะไม่ค่อยมีสิ่งกีดขวางมากเกินไป มันช่วยให้เขาสามารถเช็กทั้งสนามรบได้อย่างชัดเจนหลีกเลี่ยงจุดบอดที่สอดส่องไม่ถึงซึ่งสะดวกมาก
บนท้องฟ้า ใต้ดิน หรือในทะเล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนถังเจิ้นก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมาโดยไม่อาจรอดกลับไป!
ขับไปถึงชายหาดแล้วเขาก็ลงจากรถไปขโมยเรือยอชต์ขับออกจากท่าเรือมุ่งสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่
ขณะที่กำลังจะถึงจุดหมายเขาก็เอาแมลงหายใจใต้น้ำออกมาใส่ เอาเรือยอชต์ใส่ในช่องเก็บของและปล่อยตัวให้ร่วงลงไปในทะเล
ทะเลลึกที่มีแรงอัดสูงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับถังเจิ้นเลย เขาเคลื่อนไหวในบริเวณก้นทะเลตรงไปยังเกาะร้างดังกล่าวอย่างรวดเร็วราวกับผีพุ่งใต้
เมื่อเข้าใกล้ชายหาดถังเจิ้นเปิดใช้งาน [ม่านแสงควอนตัมเร้นกาย] แล้วขึ้นสู่เกาะร้างอย่างช้า ๆ
ต่อมาก็ใช้แอปฯสแกนทั่วทั้งเกาะ แน่นอนว่าเขาพบกล้องวงจรปิดหลายร้อยตัวติดตั้งอยู่ในจุดที่เหมือนจะเป็นมุมอับ
เขาได้ใช้ [ระเบิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า] ทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก่อนจะลงมือต่อ
เมื่อมองผ่านมุมมองแผนที่ถังเจิ้นก็เห็นเห็นตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากวางซ้อน ๆ กันอยู่ที่ใจกลางเกาะ เดาว่าคงเป็นของที่เขาสั่งให้พวกนั้นเตรียมไว้ให้
มีชายฉกรรจ์เกือบร้อยคนในใส่ชุดพร้อมรบสีดำพร้อมอาวุธครบมือยืนล้อมรอบเสบียงเหล่านี้อย่างระแวดระวัง
กับคนธรรมดาพวกนี้ถังเจิ้นไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะใช้เวลาไม่นานก็จัดการได้แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกนี้แค่ฉากหน้าเท่านั้น ไอ้ที่ซ่อนอยู่ก็ยังมีอีก
เขาเปิดแอปฯ [เครื่องกำเนิดคลื่นอินฟราซาวด์ชนิดปรับได้] ขึ้นมา ปีศาจล่องหนที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นก็ยิงไปยังพวกคนคุ้มกัน
ใช้เวลาไม่นานนักพวกมันก็ตกลงสู่ความโกลาหล
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทั้งเกาะร้าง ทุกคนต่างล้มลงไปกองกับพื้น ชักกระตุกอยู่สองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป
เมื่อทุกอย่างจบถังเจิ้นก็ปิดแอปฯแล้วค่อย ๆ เดินตรงไปยังใจกลางเกาะ
พอไปถึงก็เปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเช็กของอย่างละเอียด ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของที่เขาต้องการจริง ๆ และเขาก็รับไว้โดยไม่มีความเกรงใจใด ๆ
การที่อีกฝ่ายยอมทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าสถาบัน spt ต้องการที่จะยอมจำนนกับถังเจิ้นจริง ๆ แต่แค่จะใช้ของเหล่านี้เป็นเหยื่อล่อให้ถังเจิ้นติดกับและแน่ใจว่าเขาจะไม่หลุกรอดไปได้ก็เท่านั้น
พวกมันไม่ได้รู้หรอกว่าถังเจิ้นจะคอยตรวจเช็กกระบวนการขนส่งสิ่งของเหล่านี้หรือไม่ แต่เพื่อความชัวร์พวกมันเลยไม่ได้เล่นอุบายใด ๆ ระหว่างขนส่ง เพราะหากถังเจิ้นพบพิรุธล่ะก็เท่ากับจบเห่กันแล้ว ไม่ต้องฝันว่าจะจัดการอะไรกับเขาอีก
หลังจากตรวจสอบคอนเทนเนอร์ทั้งหมดแล้วเขาก็ใช้แอปฯ [โฮโลแกรม] เพื่อสร้างม่านแสงฉายภาพคอนเทนเนอร์ทับกับของจริง
ซึ่งแปลว่าจากนี้ไปแม้ถังเจิ้นจะย้ายคอนเทนเนอร์ทุกตู้ไปยังโลกโหลวเฉิงแล้ว แต่ที่นี่ก็จะไม่พบความผิดปกติใด ๆ
1 ตู้ 2 ตู้ 3 ตู้...
เสียเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมงในที่สุดเขาก็เอาตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดไปยังโลกโหลวเฉิงเสร็จ
จากนั้นก็ปิด [โฮโลแกรม] และ [ม่านแสงควอนตั้มเร้นกาย] แล้วหันไปมองรอบตัวด้วยใบหน้าประชดประชัน
“ไสหัวออกมาซะ! ดูอยู่เฉย ๆ ตั้งครึ่งชั่วโมงไม่เบื่อบ้างเอ่อ?”
เสียงตะคอกของถังเจิ้นดังก้องไปทั่วเกาะร้าง แต่ก็ยังไม่มีใครโผล่ออกมา มีเพียงเสียงสะท้อนเท่านั้นที่ก้องอยู่ในหู
“ถ้าไม่ออกมากูจะไปละนา งั้นก็ฝากขอบคุณไอ้พวกเอสพีทีด้วยละกานนนนน!
ของที่พวกมันให้มาถือเป็นค่าทำขวัญที่บังอาจมาหาเรื่องเมื่อครั้งก่อน ส่วนเครื่องมือทดลองนั่นก็รอวันไหนกูอารมณ์ดีค่อยเอามาคืน!”
พูดจบเขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ชายฝั่งด้วยสีหน้าเบิกบาน
ขณะที่เดินไปยังชายหาดก็ยังไม่มีใครโผล่มาอีกราวกับบนเกาะนี้มีเขาแค่คนเดียวจริง ๆ ซะงั้นแหละ
แต่เมื่อถังเจิ้นเดินผ่านก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งจู่ ๆ แสงเย็นวาบก็ปรากฏขึ้นแทงเข้าข้างหลังเขาอย่างเร็ว
“แหม่~ ให้รอตั้งนานกว่าจะยอมโผล่มา!”
ถังเจิ้นชักดาบเวทมนตร์ออกมาฟาดใส่แสงเย็นวาบนั่นอย่างแรง