บทที่ 105: หนึ่งล้านไม่เพียงพอ เพิ่มอีกหน่อยได้ไหม?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 105: หนึ่งล้านไม่เพียงพอ เพิ่มอีกหน่อยได้ไหม?
ในยามนั้นเอง มีขุนนางชราคนหนึ่งก้าวเข้ามาข้างหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดมอบวิธีการผลิตให้กับทางเสนาบดีกรมโยธา (กังปู้)ด้วย!”
“ทางเสนาบดีกรมโยธามีช่างฝีมือที่มีประสบการณ์จำนวนมาก ทั้งยังมีระบบเครื่องมือที่ซับซ้อนมาก ตราบใดที่ได้รับวิธีการผลิต เราก็สามารถผลิตสิ่งประดิษฐ์บัลลูนลมร้อนนี้ได้เป็นจำนวนมากรวดเร็ว!”
“ส่วนวิธีการควบคุมมัน เรามีนายพลและนายทหารที่เชื่อถือได้มากมาย!”
“เรามีบัลลูนลมร้อนอยู่แล้ว สามารถเริ่มจัดทำการฝึกอบรมเพื่อควบคุมมันได้เลย! เมื่อมีการผลิตบัลลูนลมร้อนจำนวนมาก เราก็จะสามารถใช้มันเพื่อเดินทางไปทั่วโลก ทั้งยังปกป้องจักรวรรดิอู๋ที่ยิ่งใหญ่ของเราได้อีก!”
จักรพรรดินีพยักหน้า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในยามนี้ ทว่าวิธีการผลิตของบัลลูนลมร้อนมีความสำคัญมากสำหรับนาง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางทหารได้อย่างรวดเร็ว และยังทำให้ชีวิตของนางยืนยาวไปอีก จะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด
กรมโยธาเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีการทุจริตและการติดสินบนมากที่สุด พวกเขาเป็นศูนย์รวมกลุ่มขุนนางที่ทุจริตและการติดสินบน ทำให้การยักยอกรุนแรงยิ่ง พวกเขามักจะพากันระบายกองคลังของชาติ ซึ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจนัก
จากนั้นนางก็หันไปมองหลินเป่ยฟาน ในบรรดาขุนนางพลเรือนและทหารทั้งหมด เขาเป็นคนที่นางไว้วางใจมากที่สุด แม้ว่าเจ้าคนผู้นี้มักจะทำให้นางโกรธมาก แต่เขาก็ยังมีหลักการและไม่เคยทรยศต่อผลประโยชน์ของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่
การมอบเรื่องนี้ให้กับเขา ย่อมสามารถทำให้นางมั่นใจได้ จักรพรรดินีจึงถามว่า “ท่านหลิน ข้าต้องการมอบหมายเรื่องนี้ให้กับท่าน! ท่านเป็นผู้ประดิษฐ์บัลลูนลมร้อน ข้าจึงต้องการให้ท่านจัดระเบียบคนที่จะผลิตบัลลูนลมร้อน ท่านคิดเช่นไรหรือ?”
หลินเป่ยฟานรีบปฏิเสธทันที “ฝ่าบาท มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! ด้วยความที่ข้าเป็นผู้อำนวยการของสถาบันจักรพรรดิ ข้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลผลการเรียนและหลักคุณธรรมของบัณฑิต ความรับผิดชอบนั้นหนักหน่วงมากมาย กิจการสาธารณะก็ยุ่ง ข้าแทบไม่มีความสนใจหรือความสามารถในการทำสิ่งอื่นได้!”
เมื่อเขาพูดจบ เหล่าขุนนางได้แต่แค่นเสียงภายในใจ กำกับดูแลหลักวิชาการและคุณธรรมของบัณฑิตงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้าแค่พยายามริดรอนเงินจากพวกเขาหรือไงกัน?
หลินเป่ยฟานกล่าวต่อ “อีกทั้งข้ายังต้องผลักดันโครงการหลายโครงการวิจัยเช่น เรือยักษ์เหล็กและข้าวลูกผสมที่สามารถเพิ่มผลผลิต โครงการเหล่านี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรและราษฎร มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าบัลลูนลมร้อน โปรดคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยฝ่าบาท”
อันที่จริงมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก เขาวางแผนที่จะทำเงินผ่านโครงการเหล่านี้ หวังได้รับเงินก้อนใหญ่ก่อนที่เขาจะต้องรับผิดชอบ หากมันเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น
จักรพรรดินีพยักหน้าด้วยความผิดหวัง “ท่านหลิน ท่านทำงานหนักจริงๆ! เช่นนั้นก็ให้เสนาบดีกรมโยธาจัดการเรื่องวิธีการผลิตนี้แล้วกัน! เสนาบดีกรมโยธา ท่านจงออกมาข้างหน้าและรับฟังพระราชกฤษฎีกา!”
หวังรุยซื เสนาบดีกรมโยธาได้ยืนขึ้นมา “กระหม่อมอยู่ที่นี่แล้ว!”
“วิธีการผลิตบัลลูนลมร้อนขอมอบหมายให้ท่าน! ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ผลิตสิ่งประดิษฐ์บินได้นี้รวดเร็วเพื่อปกป้องอาณาจักรอู๋ที่แสนยิ่งใหญ่!”
“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!” เสนาบดีกรมโยธาโค้งคำนับ
“แต่จงจำไว้!” ดวงตาของจักรพรรดินีพลันแข็งกร้าวขึ้นมา “วิธีการผลิตนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของอาณาจักร มันจะต้องไม่รั่วไหลออกไป! หากข้ารู้ ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ต้องรับโทษอย่างรุนแรง!”
“ขอรับฝ่าบาท! กระหม่อมขอให้คำมั่นว่าจะไม่มีวันทำวิธีการนี้รั่วไหลออกไป!” เสนาบดีกรมโยธารู้สึกกลัวยิ่ง
“ข้าไม่เชื่อคำมั่นของท่านและข้าจะให้องค์รักษ์เสือแพรคอยจับตาดูไว้! หากมีปัญหา ก็เตรียมตัวรับโทษ!” จักรพรรดินีกล่าว
“น้อมรับฝ่าบาท” เสนาบดีกรมโยธากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“ส่วนเรื่องนักรบที่ต้องขึ้นไปบิน…ข้ามีการเตรียมการไว้แล้ว!”
ราชสำนักช่วงรุ่งสางได้จบลง หลินเป่ยฟานก็ไปทำงานที่สถาบันจักรพรรดิต่อ ราชสำนักวันนี้จบเร็วมาก ในช่วงเช้า เสนาบดีกรมโยธาได้จัดบุคลากรจำนวนมากเพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตบัลลูนลมร้อน
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทหารของกองทัพต้องห้ามพาหลินเป่ยฟานออกไป เพื่อนำบัลลูนลมร้อนออกไปซ้อมรบกับเหล่าทหารอย่างลับๆ
บนท้องถนน ทุกคนต่างยังคงพูดคุยถึงเรื่องสิ่งประดิษฐ์บินได้และบุคคลแรกที่ได้ออกบิน นั่นก็คือหลินเป่ยฟาน เรื่องราวนี้คงไม่หายไปเป็นเวลาหลายเดือน
ในเวลาเดียวกัน หลินเป่ยฟานก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างรอบตัวเขา มีคนที่ไม่คุ้นเคยหลายคนกำลังจ้องมองมาที่เขา แม้กระทั่งรอบๆ เรือนของเขา
คนเหล่านี้อาจเป็นสายลับจากคุณชายหรือราชวงศ์ต่างๆ พวกเขาคงต้องการรู้ความลับของสิ่งประดิษฐ์บินได้จากหลินเป่ยฟาน
หลินเป่ยฟานไม่ได้กังวลเรื่องตัวเขาเอง แต่กลับกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของครอบครัวของเขาแทน ดังนั้นเมื่อเขากลับมาถึงบ้านในเวลากลางคืน เขาจึงเรียกพระเฒ่าทันที “จิงไท่ ข้าต้องการให้ท่านช่วยอะไรบางอย่าง!”
“อามิตาภพุทธ! ท่านอาจารย์ ท่านมีอะไรให้อาตมารับใช้หรือขอรับ?” พระเฒ่าถามด้วยความเคารพ
“ข้ารู้สึกว่ามีคนที่ไม่คุ้นหน้าอยู่ข้างนอกมากมาย ที่เรือนยามนี้ไม่ปลอดภัย ดังนั้นข้าจึงขอให้ท่านคอยดูแลพวกเขาด้วย!” หลินเป่ยฟานกล่าว
“ท่านอาจารย์วางใจได้ พระผู้นี้จะปกป้องความปลอดภัยของทุกคนให้อย่างแน่นอน!” พระเฒ่ากล่าวออกไปโดยไม่ลังเล
“เมื่อมีท่านอยู่ที่นี่ ข้าก็รู้สึกโล่งใจ!” หลินเป่ยฟานยิ้ม
จงอย่าประมาทความแข็งแกร่งของระดับปรมาจารย์ต่ำเกินไป! คนผู้หนึ่งสามารถต่อสู้กับทหารหลายพันคน ต่อให้ถูกไล่จับโดยทหารนับล้านก็สามารถหนีไปได้ พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ข้าวแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ชั่วพริบตา
นอกเหนือจากผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกันแล้ว ก็คงไม่มีใครสามารถสังหารพวกเขาได้ อาจกล่าวได้ว่า ตราบใดที่พวกเขาไม่ออกจากเมืองหลวง ทุกคนก็จะปลอดภัย!
หลินเป่ยฟานแอบดีใจที่เขารับลูกศิษย์ที่มีพลังระดับปรมาจารย์มา
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบเป็นเวลาสองวัน ในด้านของหลินเป่ยฟานนั้นสงบสุข แต่ทว่าทางด้านเสนาบดีกรมโยธากลับเกิดปัญหาขึ้น สายลับต่างชาติหลายคนได้แทรกซึมเข้าไปในกรมถูกค้นพบตัว คนภายในหลายคนก็ขายความลับของสิ่งประดิษฐ์บนท้องฟ้า ทำให้เสนาบดีกรมโยธาต้องรู้สึกปวดหัวยิ่ง จักรพรรดินีโกรธมากและสั่งประหารชีวิตคนหลายคนทันที ทั้งยังสั่งทหารไปคุมกรมโยธาจนเรื่องจบลงอีก
หลังจากที่เสนาบดีกรมโยธาได้จัดการแก้ไขปัญหาทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่หลินเป่ยฟานจะต้องเผชิญกับปัญหา ในตอนกลางคืน มีใครบางคนอดใจไม่ไหวได้แอบเข้ามา “อามิตาภพุทธ!” พระเฒ่าลืมตาขึ้นและในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นภายนอกห้องด้านหลังของร่างสีดำ “โยม การแอบเข้ามาเช่นนี้เป็นการกระทำที่เลวร้ายนัก! จงหยุดและออกมากับอาตมาเถิด ทะเลแห่งความทุกข์ทรมานไร้ซึ่งขอบเขต หันหลังกลับไปมันมีเพียงฝั่งเท่านั้น! อามิตาภพุทธ!” พระเฒ่าแนะนำ
ร่างดำนั้นดูหวาดกลัวมาก “เจ้าเป็นใครกัน? มาปรากฏตัวข้างหลังข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน? ข้าจะฆ่าเจ้า!” กริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขาและเขาก็แทงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพระชรายังคงสงบนิ่ง “วางมีดของคนขายเนื้อของเจ้าลงเถิด จงสงบจิตใจเยี่ยงพุทธองค์!” คลื่นพลังงานได้สั่นสะเทือนออกมาจากร่างพระเฒ่า ทำให้ชายชุดดำสลบไปในทันที จากนั้นพระเฒ่าก็ยกชายชุดดำขึ้นด้วยมือเดียวและหายตัวไปในยามราตรี
ในเวลาเที่ยงคืน สายลับอีกคนหนึ่งแอบเข้ามา แต่ไม่นานก็ถูกพระเฒ่าทำให้สลบไป ทุกอย่างเงียบกริบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินเป่ยฟานเห็นคนแปลกหน้าสามคนถูกมัดอยู่ในลานบ้านราวกับหมู
ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาคือพระชรา เขามองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยความเคารพพร้อมกับกล่าวว่า “อามิตาภพุทธ! ท่านอาจารย์ สามคนนี้เป็นคนที่แทรกซึมเข้ามาในคฤหาสน์หลินเมื่อคืนก่อน พวกเขาถูกพระผู้ต่ำต้อยคนนี้จับเอาไว้ตามคำสั่งของท่าน!”
"อืม! ส่งตัวพวกเขาให้เหล่าเจ้าหน้าที่เถิด ข้าคงต้องรีบไปราชสำนักแล้ว!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา สายลับเหล่านี้เป็นเพียงตัวตนเล็กน้อย เขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะเสียคำพูดกับพวกเขา
"ทราบแล้วท่านอาจารย์" นักบวชเฒ่าก้มศีรษะลง
จากนั้นเขาก็เรียกพระหนุ่มและพาสายลับไปหาเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นอีกสองวัน พระเฒ่าก็จับสายลับได้อีกหลายคนและส่งพวกเขาทั้งหมดไปให้เจ้าหน้าที่ ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง
ทุกคนรู้ว่ามีพระที่มีความสามารถไม่อาจหยั่งรู้ได้อยู่ในคฤหาสน์หลิน การลอบเข้าไปเป็นเพียงการแส่หาความตาย
วันหนึ่ง โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยก็ปรากฏตัวอย่างลึกลับในห้องทำงานของหลินเป่ยฟาน ทันทีที่เขาเห็นอีกฝ่าย หลินเป่ยฟานก็รู้ว่าข้อตกลงแรกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
ในยามนั้นเอง โม่หรูซวงก็มองไปที่หลินเป่ยฟานและพูดออกมาด้วยความกระอักกระอวนใจ “เราเพิ่งได้รับจดหมายจากท่านอ๋อง เขาสนใจบัลลูนที่ว่านั่นมาก เขารู้ว่าท่านคิดมันขึ้นมาและเขาต้องการให้ท่านบอกวิธีการผลิตแก่เขา เขากล่าวว่าตราบใดที่ท่านให้วิธีการผลิตแก่เขา เขายินดีที่จะจ่ายรางวัลเป็นเงินหนึ่งล้านตำลึง!”
หลินเป่ยฟานได้แต่ถอนหายใจออกมา “นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย!”
“มันยากตรงไหนกัน?” กัวเส้าส้วยถามด้วยความสับสน “บัลลูนลมร้อนเป็นสิ่งประดิษฐ์ของท่าน ท่านย่อมรู้วิธีสร้างมันขึ้นมา แค่เพียงจดมันและส่งให้ท่านอ๋องก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
“พวกเจ้ารู้เพียงขั้นตอนแรก แต่ไม่ใช่ขั้นตอนที่สอง!” หลินเป่ยฟานกล่าว
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็ยิ้มอย่างขมขื่น “บัลลูนลมร้อนถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยข้าจริงๆ และข้าก็รู้วิธีการผลิตด้วย ทว่าองค์จักรพรรดินีได้เน้นย้ำในราชสำนักหลายครั้งว่าจะต้องไม่ส่งต่อวิธีการสร้างนี้! ใครก็ตามที่ละเมิดคำสั่งนี้ ไม่ว่าสถานะของพวกเขาจะสูงแค่ไหนหรือได้รับการสนับสนุนมากเพียงใด พวกเขาก็จะสูญเสียหัวของพวกเขาไปโดยปราศจากความเมตตา!”
“ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์การรั่วไหลในกรมโยธา ศีรษะมากกว่าหนึ่งโหลถูกตัดออกไปจนเลือดได้ไหลนองทั่วทุกที่! ต้องฆ่าไก่และเตือนลิง ส่งกองกำลังหนักไปเฝ้า ทุกอย่างจึงสงบลง!”
“นอกจากกรมโยธาแล้ว ก็มีเพียงข้าที่เป็นคนเดียวที่รู้วิธีการผลิต! หากวิธีการรั่วไหลออกไปตอนนี้ ทุกคนคงจะเชื่อมโยงมันกับข้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงยามนั้น ข้าคงเสียศีรษะไป! เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องง่ายหรือ?”
ทั้งโม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยต่างเข้าใจ พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันคงเป็นเรื่องยากมากจริงๆ !”
หลินเป่ยฟานกางมือออก “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยเหลือท่านอ๋อง แต่ข้าไร้อำนาจจริงๆ!”
"เช่นนั้นพวกเราจะทำอะไรกัน? บัลลูนลมร้อนมีความสำคัญต่อท่านอ๋องมาก!“กัวเส้าส้วยถามอย่างกังวล”ท่านอ๋องกล่าวว่าหากยานพาหนะทางอากาศของราชสำนักมีบัลลูนลมร้อนเพิ่มเข้าไป พลังทางทหารของพวกเขาจะมีมากมายมหาศาล เป็นการยากที่จะโค่นล้มการปกครองของจักรพรรดินี! ดังนั้นทางเขาจึงต้องการบัลลูนลมร้อนเพื่อหวังใช้ต่อกรอีกฝ่ายด้วย!”
“ข้าเข้าใจถึงความยากลำบากของท่านอ๋อง ตัวข้าเองก็ต้องการช่วยท่านอ๋อง …”
หลินเป่ยฟานพูดออกมาแสร้งทำเป็นเจ็บปวดยิ่ง “โอ้! ถ้าข้ารู้ ข้าควรจะให้วิธีแก่ท่านอ๋องก่อนที่จะสร้างบัลลูนลมร้อนแล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ยากขนาดนี้!”
โม่รัชวงกล่าวอย่างเข้าใจ “ท่านหลิน เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิท่านได้! ไม่มีใครคาดคิดว่าท่านจะประดิษฐ์พาหนะทางอากาศเช่นนี้เลย! เมื่อท่านสร้างมันขึ้นมาได้ สุดท้ายท่านก็ไร้พลังที่จะควบคุมมัน!”
หลินเป่ยฟานรู้สึกสะเทือนใจมาก “หรูซวง ขอบคุณที่เจ้าเข้าใจข้า!”
ในยามนั้นเอง หลินเป่ยฟานก็กัดฟันและตัดสินใจหลังจากพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน “ช่างมันเถิด! เพื่อสนับสนุนท่านอ๋องและเพื่อประโยชน์ของราษฎร แม้ว่าข้าจะต้องเสียสละชีวิตของข้า ข้าก็จะมอบวิธีการผลิตให้กับท่านอ๋อง!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง “ท่านหลิน!”
“ทว่ายามนี้ข้ามีปัญหาเล็กน้อย ข้าหวังว่าท่านอ๋องจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้!”
โม่หรูซวงไม่ลังเลเลย “มีปัญหาใดกันท่านหลิน เพียงแค่พูดบอกมาได้เลย! ท่านอ๋องเป็นผู้มีจิตใจที่ยุติธรรมและมีน้ำใจ เขาย่อมช่วยท่านอย่างแน่นอน !”
“ปัญหาคือ…หนึ่งล้านมันน้อยเกินไป จำนวนเงินช่วยเพิ่มขึ้นอีกได้หรือไม่?” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยถึงกับอุทาน “หา?!”