ตอนที่แล้วตอนที่ 655 ธนาคารฟารซี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 657 บัตรระดับทองเข้ม

ตอนที่ 656 การตัดสินใจของเฉินตง


ตอนที่ 656 การตัดสินใจของเฉินตง

ในตอนเช้าเซี่ยเฟยกับแอวริลก็กำลังนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่เนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยจะต้องออกเดินทางไปทำธุระอีก 2-3 วัน เมื่อคืนนี้ชายหนุ่มจึงมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งอย่างยาวนาน จนทำให้ใต้ตาของหญิงสาวมีรอยคล้ำปรากฏให้เห็นอยู่เล็กน้อย

ขณะที่พวกเขากำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่นั้น เฉินตงที่แต่งตัวอย่างเป็นทางการก็เดินเข้ามา ก่อนที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยเฟย

“วันนี้ฉันจะไปกับนายด้วย” เฉินตงกล่าว

เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

บทสนทนานี้อาจจะฟังดูเป็นเหมือนบทสนทนาง่าย ๆ แต่เบื้องหลังมันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเฉินตง เพราะหลังจากนี้ชายหนุ่มพลังน้ำแข็งจะไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกต่อไป และในอนาคตโอกาสที่เขาจะได้พบปะกับเซี่ยเฟยก็คงจะลดน้อยลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

“ฉันไม่ค่อยเห็นนายแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย พวกนายกำลังจะไปเจอใครหรือเปล่า?” แอวริลถามด้วยรอยยิ้ม

เนื่องมาจากว่าเฉินตงได้เรียนรู้กฎน้ำแข็ง เขาจึงสามารถเรียกน้ำแข็งออกมาเป็นชุดเกราะได้อย่างอิสระ ในเวลาปกติเขาจึงไม่ค่อยชอบสวมใส่เสื้อผ้ามากนัก แม้แต่ในช่วงเวลาที่เขามากินข้าวกับเซี่ยเฟย เขาก็จะสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตง่าย ๆ กับกางเกงขาสั้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาทต่อแอวริลมากเกินไป

แต่ในวันนี้เฉินตงกลับแต่งตัวอย่างเป็นทางการ มันจึงทำให้แอวริลค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

“พอดีว่าฉันจะต้องไปพบกับเพื่อนของเซี่ยเฟย ฉันเลยจำเป็นจะต้องแต่งตัวให้ดูดีนิดหนึ่ง แต่รอบนี้ฉันอาจจะต้องไปอยู่ที่นั่นสักพัก เอาเป็นว่าฉันขอให้ของสิ่งนี้เป็นของขวัญกับเธอก็แล้วกัน” เฉินตงกล่าวตอบอย่างเรียบง่าย

หลังจากนั้นเฉินตงก็มอบกล่องของขวัญที่สวยงามให้กับแอวริล ซึ่งเมื่อหญิงสาวได้เปิดดูด้านในเธอก็ได้พบกับสร้อยสีชมพูคู่หนึ่งที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำขึ้นมาจากวัสดุอะไร แต่ฝีมือในการผลิตสร้อยเส้นนี้ค่อนข้างที่จะปราณีตมากเลยทีเดียว

“ทำไมจู่ ๆ นายถึงให้ของขวัญกับฉันแบบนี้ล่ะ?” แอวริลกล่าวถาม

“ฉันอาจจะต้องไปอยู่ที่นั่นอีกนาน บางทีฉันอาจจะกลับมางานแต่งงานของเธอกับเซี่ยเฟยไม่ทัน ฉันเลยอยากจะมอบของขวัญแต่งงานให้กับพวกเธอก่อนก็เท่านั้นเอง” เฉินตงกล่าวตอบ

คำตอบนี้ทำให้ใบหน้าของแอวริลเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เพราะถึงแม้ว่าเธอกับเซี่ยเฟยจะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเธอก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน เธอจึงแกล้งพูดออกมาว่าเธออิ่มแล้วก่อนที่เธอจะหาข้ออ้างเพื่อลุกจากไป

“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?” เฉินตงกล่าวถามอย่างกังวล

“นายไม่ผิดหรอกคนที่ผิดคือฉันเอง เพราะว่าฉันต้องเจอกับเรื่องยุ่ง ๆ ตลอดเวลา มันเลยทำให้งานแต่งงานระหว่างเรายังไม่เกิดขึ้นสักที” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างรู้สึกผิด

เดิมทีเซี่ยเฟยวางแผนที่จะแต่งงานกับแอวริล ทันทีที่เขาสามารถตั้งรกรากอยู่ในดินแดนกฎได้เรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันเกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นซะก่อน จนทำให้เขากับแอวริลกลายเป็นบุคคลที่มีค่าหัวมหาศาลไปแบบนี้

“นายตัดสินใจได้แล้วเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“สำหรับฉันไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือเผ่ามารต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งเหมือน ๆ กัน อย่างน้อยการได้มีโอกาสเข้าไปฝึกฝนในสภาพแวดล้อมแบบนั้น มันก็คงจะดีกว่าการใช้ชีวิตอยู่แบบเดิม” เฉินตงกล่าวอย่างหนักแน่น

“พวกมารอาจจะไม่ค่อยชอบมนุษย์มากนัก การไปอยู่ที่นั่นอาจจะทำให้นายมีปัญหามากพอสมควร” เซี่ยเฟยพยายามกล่าวเตือน

“นายก็รู้ว่าฉันเป็นพวกชอบมีปัญหาอยู่แล้ว สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือการไม่มีใครมาสู้กับฉันต่างหาก ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้ามาหาเรื่องฉัน ฉันจะอัดพวกมันกลับไปให้หมด!” เฉินตงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมา เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าไอ้บ้าเฉินผู้หยิ่งผยองจากค่ายฝึกจัสทิสลีกได้กลับมาแล้ว

การเดินทางผ่านเข็มทิศมิติทำให้เซี่ยเฟยกับเฉินตงเดินทางไปยังเมืองแบล็กไลออนได้โดยตรง แต่การเดินทางระยะไกลในครั้งนี้มันก็มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 87 คริสตัลเหลือง โชคดีที่เซี่ยเฟยทำกำไรจากการขายอาวุธดาร์คเมทัลครั้งที่แล้วได้เยอะมาก มันจึงทำให้เขามีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเดินทางระยะไกลแบบนี้ได้

เซี่ยเฟยพาเฉินตงเดินไปยังคฤหาสน์ของตระกูลไลอ้อนฮาร์ท ซึ่งพ่อบ้านประจำตระกูลก็สามารถจดจำเซี่ยเฟยได้ทันที เขาจึงเชิญชายหนุ่มทั้งสองเข้าไปนั่งรอในห้องรับแขกอย่างสุภาพ ก่อนที่เขาจะสั่งคนนำของว่างมาเสิร์ฟให้กับแขกและส่งคนไปบอกฮีธฟิลด์ว่าเซี่ยเฟยมาหา

“พวกเขาตัวใหญ่มาก ขนาดเก้าอี้ตัวนี้มันยังกว้างกว่าเตียงของฉันซะอีก” เฉินตงกล่าวอย่างตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นเฟอร์นิเจอร์อันใหญ่โตในคฤหาสน์ตระกูลไลอ้อนฮาร์ท

หลังจากนั้นไม่นานฮีธฟิลด์ที่มีความสูงเกือบ 5 เมตรก็เดินเข้ามาภายในห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่ร่าเริง ก่อนที่เขาจะมองไปทางเฉินตงด้วยความรู้สึกชื่นชมอยู่เล็กน้อย

“เขาคือใครงั้นเหรอ?” ฮีธฟิลด์ถาม

“เขาชื่อเฉินตงเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง และเขาก็เป็นบุคคลนิรนามด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวแนะนำ

หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แล้วยิ่งฮีธฟิลด์มองไปทางเฉินตงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เพราะทั่วทั้งร่างของเฉินตงเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นอย่างมากมาย ซึ่งแผลเป็นเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจสำหรับนักรบที่แท้จริง

บุคคลนิรนามหมายถึงบุคคลที่ไม่ได้รับการต้อนรับจากแดนเทพอีกต่อไป และการที่เซี่ยเฟยแนะนำชื่อของเฉินตงออกมาแบบนี้ มันก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามแนะนำเฉินตงให้อีกฝ่ายรู้จัก

ดังนั้นหากใครพอจะมีความคิดความอ่านที่ดีสักหน่อย พวกเขาก็จะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าการแนะนำนี้มันมีความหมายว่าอะไร ด้วยเหตุนี้ฮีธฟิลด์จึงค่อย ๆ สังเกตเฉินตงอย่างระมัดระวัง

“ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านเจ้าเมืองจะมีความสุขมากเลยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อย่าสุภาพกับฉันนักเลย ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นผู้มีพระคุณของฉัน เรียกฉันว่าฮีธฟิลด์เฉย ๆ ก็ได้” ฮีธฟิลด์กล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา

“เอาตามนั้นก็ได้ครับคุณฮีธฟิลด์”

“เมื่อเช้าฉันพึ่งไปส่งไฮน์ริชเข้าศูนย์ฝึกอบรมและคุณก็มาหาฉันในช่วงบ่ายพอดี แล้วแบบนี้ฉันจะไม่มีความสุขได้ยังไง” ฮีธฟิลด์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ไฮน์ริชเข้าศูนย์ฝึกอบรมเร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากชะงักไปเล็กน้อย

“ถ้านับตามอายุมันก็ยังเร็วเกินไปหน่อย แต่ฉันเห็นว่าไฮน์ริชดูมุ่งมั่นมากฉันจึงสนับสนุนเขาเต็มที่ และการที่เขาได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีแบบนี้ มันก็ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณเลย” ฮีธฟิลด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันไม่ใช่เพราะผมหรอกครับ มันเป็นเพราะตัวของเขาเองมากกว่า” เซี่ยเฟยพยายามตอบกลับอย่างสุภาพ

หลังจากนั้นฮีธฟิลด์ก็จัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่เซี่ยเฟยกับเฉินตง ซึ่งบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยจานอาหารขนาดใหญ่อย่างมากมาย โดยฮีธฟิลด์สั่งให้พ่อบ้านเสิร์ฟไก่ตัวโตให้กับเซี่ยเฟยและเฉินตงถึงคนละ 3 ตัว โดยกลัวว่าแขกของเขาจะกินอาหารไม่อิ่ม

แน่นอนว่าทั้งเซี่ยเฟยกับเฉินตงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักกินแต่เดิมอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตเท่ากับฮีธฟิลด์ แต่ปริมาณอาหารที่พวกเขากินก็มากพอที่จะทำให้ผู้ครองเมืองแบล็กไลออนรู้สึกพอใจ

“การที่พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทกันแบบนี้ มันก็หมายความว่าเฉินตงมีระดับพลังที่สูงมากเลยใช่ไหม?” ฮีธฟิลด์เริ่มถามคำถามหลังจากรับประทานอาหารไปสักพัก

เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มแนะนำมาก่อนแล้วฮีธฟิลด์จึงจำเป็นจะต้องเริ่มถามคำถามส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วยเหมือนกัน และในเมื่อคนแนะนำอย่างเซี่ยเฟยคือนักรบที่ยอดเยี่ยม เขาก็รู้สึกว่าสหายที่ชายหนุ่มพามาย่อมจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นเดียวกัน

“อัศวินกฎขั้นที่ 8 ครับ” เฉินตงกล่าวตอบพร้อมกับวางมีดและส้อมภายในมือลง

“ด้วยวัยเพียงเท่านี้แต่กลับมีพลังเกือบถึงราชากฎแล้วงั้นเหรอ? คุณก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะเหมือนกันสินะ” ฮีธฟิลด์กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เฉินตงเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนพลังกฎมาได้แค่ปีกว่า ๆ การที่เขาสามารถพัฒนาพลังมาได้จนถึงระดับนี้ก็สมควรแล้วที่จะเรียกเขาว่าอัจฉริยะ” เซี่ยเฟยพยายามอธิบายเสริมถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของเฉินตง

คำอธิบายนี้ทำให้ฮีธฟิลด์ตกใจมาก เพราะมันมีนักรบไม่มากนักที่สามารถฝึกฝนมาจนถึงจุดนี้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ปีกว่า ดังนั้นเขาจึงมองไปยังเฉินตงด้วยความชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิม

คำพูดของเซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะเกินจริงไปเล็กน้อย มันจึงทำให้เฉินตงรู้สึกเขินอายไปอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เซี่ยเฟยพูดออกมาได้ เพราะเขาเพิ่งฝึกฝนมาได้เพียงแค่ประมาณ 1 ปีกับอีก 10 เดือนจริง ๆ การพูดว่าปีกว่า ๆ มันจึงไม่ใช่คำพูดที่ผิดไปซะทีเดียว

หลังจากหยุดคิดไปชั่วคราว ในที่สุดฮีธฟิลด์ก็ตัดสินใจพูดออกมาอย่างตรงประเด็น

“ในเมื่อคุณเป็นบุคคลนิรนาม ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีแผนการในอนาคตยังไง?”

“ผมก็คงจะออกเดินทางไปเรื่อย ๆ จักรวาลแห่งนี้ยิ่งใหญ่มาก สักวันผมก็คงจะได้พบกับที่ที่เหมาะสมกับผมเอง” เฉินตงกล่าว

“คุณจะคิดแบบนั้นไม่ได้สิ นักรบทุกคนควรจะมีการวางแผนอนาคตอย่างมั่นคง ความคิดของคุณมันค่อนข้างที่จะล่องลอยเกินไปหน่อย” ฮีธฟิลด์กล่าว

“คุณฮีธฟิลด์เป็นถึงราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทใช่ไหม? ทำไมคุณถึงไม่ให้เฉินตงมาทำงานกับคุณในฐานะผู้คุ้มกันดูล่ะครับ กฎน้ำแข็งของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก แม้แต่ราชากฎก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้ง่าย ๆ” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวเข้าประเด็นเช่นเดียวกัน

“ไม่ได้ ๆ เขาเป็นนักรบพรสวรรค์ในรอบ 100 ปีแล้วฉันจะให้เขามาเป็นเพียงแค่ผู้คุ้มกันของฉันได้ยังไง” ฮีธฟิลด์ปฏิเสธอย่างเร่งรีบ ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเฉินตงว่า

“ความจริงแล้วฉันก็พอจะมีความคิดดี ๆ อยู่ แต่ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจหรือเปล่า?”

“เชิญคุณพูดมาได้เลย”

“ตระกูลของเราให้ความเคารพนักรบมาโดยตลอด ไม่ว่านักรบคนนั้นจะมาจากเผ่าพันธุ์ไหน ตราบใดก็ตามที่นักรบคนนั้นเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง พวกเราก็ไม่เคยนำเรื่องชาติพันธ์ุเข้ามาเป็นตัวขวางกั้น”

“ในช่วงนี้ฉันถูกส่งมาฝึกฝนที่เมืองแบล็กไลออน และฉันก็ยังกลับไปที่ตระกูลหลักไม่ได้อีกนาน ถ้าคุณสนใจคุณก็สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจได้เลย”

“ถ้าคุณสนใจที่จะอยู่ฝึกที่นี่จริง ๆ เดี๋ยวฉันจะขอให้หัวหน้าองครักษ์ของฉันสอนกฎแห่งความมืดให้กับคุณแบบตัวต่อตัว เขาคนนั้นมีพลังระดับอัศวินกฎขั้นที่ 9 แล้วใกล้ที่จะพัฒนากลายเป็นราชากฎมากเต็มที”

“ส่วนกฎแห่งสสารที่คุณเคยฝึกฝนมานั้นฉันคงจะช่วยให้คุณพัฒนาไปไกลกว่านี้ไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดตระกูลของเราก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎของทางฝั่งเทพ อย่างมากที่สุดเราก็คงจะทำได้เพียงแค่จัดหาทรัพยากรตามที่คุณต้องการได้เท่านั้น”

“ตราบใดก็ตามที่คุณถูกยอมรับว่าเป็นนักรบชั้นยอดของตระกูล พวกเราก็จะมีคริสตันต้นกำเนิดให้คุณใช้ในการพัฒนาได้ไม่จำกัด ดังนั้นคุณจึงสามารถที่จะฝึกฝนได้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ”

ตอนแรกเฉินตงค่อนข้างรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่เขาจะต้องเริ่มเรียนรู้กฎแห่งความมืดขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายมีคริสตัลต้นกำเนิดให้ใช้อย่างไม่จำกัด มันก็ทำให้เขาถูกล่อลวงไปแล้วอย่างแท้จริง

“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเชี่ยวชาญกฎแห่งความมืดแล้ว เมื่อนั้นคุณก็สามารถที่จะเดินทางกลับไปยังตระกูลหลักพร้อมกับฉันได้ทุกเวลา ในตอนนั้นฉันจะมอบตัวตนใหม่ให้กับคุณเอง เอาแบบนี้ไหมพวกเรามาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไปเลย!”

“พี่น้องร่วมสาบาน!! นี่เขาต้องให้สถานะเฉินตงถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าสายตาทายาทของฉันจะต้องมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของเฉินตงแน่นอน หากเขาได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานของฮีธฟิลด์ มันก็จะทำให้สถานะของเฉินตงสูงส่งกว่าไลอ้อนฮาร์ทโดยทั่วไป หรือถ้าหากจะพูดให้นายเข้าใจสถานะของเขาก็จะเทียบเท่าได้กับการเป็นสมาชิกของตระกูลชั้นยอด” โอโร่หัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะเขาไม่คิดว่าฮีธฟิลด์จะยอมทุ่มเทเพื่อเอาชนะใจเฉินตงจนถึงระดับนี้ เขาจึงรีบส่งสัญญาณให้เฉินตงตอบตกลงในทันที และในใจเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขาสนใจเข้าร่วมกับเผ่ามาร ฮีธฟิลด์จะยื่นข้อเสนออะไรมาให้กับเขา

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ฮีธฟิลด์ด้วย” เฉินตงกล่าวด้วยความเคารพ

“ฮ่า ๆ ๆ ฉันคนนี้ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้น้องเฉินตงเข้ามาร่วมอุดมการณ์ด้วยกัน น่าเสียดายที่ฉันยังจะต้องอยู่ที่เมืองนี้ไปอีกหนึ่งปี ไม่อย่างนั้นฉันจะพานายไปอวดคนทั่วทั้งตระกูลหลักเลย” ฮีธฟิลด์กล่าวอย่างมีความสุข

ตอนแรกเฉินตงเป็นศิษย์ของนักฆ่าในเงามืดที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เขามีสถานะเทียบเท่ากับสมาชิกตระกูลชั้นยอดในกลุ่มดาวม้าขาวเลยทีเดียว

“คุณฮีธฟิลด์ ผมมีเรื่องอยากจะขอรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่ง คุณช่วยพาผมไปที่ธนาคารฟารซีหน่อยได้ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด