ตอนที่ 17 ชีวิตที่แสนโหดร้าย
ตอนที่ 17 ชีวิตที่แสนโหดร้าย
เมื่อตกลงอะไรกันเสร็จสรรพ ทุกคนก็ได้ออกเดินทาง เพื่อมุ่งหน้าไปที่เมืองร้างที่ครอบครัวของแซมพักอาศัยอยู่
ในครั้งนี้ตำแหน่งการเดินนั้น จะต่างไปจากเดิมนิดหน่อย โดยคนที่เดินนำอยู่ในแนวหน้านั้น ยังคงเป็นลีลาเหมือนเดิม ต่อมาก็จะเป็นเขา ซึ่งยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองสาว คนถัดมาก็จะเป็นไลลา ส่วนคนสุดท้าย ซึ่งมีหน้าที่แบกเป้รวมถึงข้าวของสัมภาระต่างๆ แทนเขา นั่นก็คือเด็กผู้ชายที่พวกเขาเพิ่งช่วยเหลือมา ซึ่งก็คือแซมนั่นเอง
แม้จะเหมือนเป็นการใช้แรงงานเด็กไปสักหน่อย แต่เขาก็ตอบแทนแซม ด้วยการให้อาหารและมีดเขี้ยวหมาป่า ซึ่งพวกเขาเพิ่งได้มาจากการฆ่าหมาป่าเมื่อสักครู่นี้ จึงยกให้กับแซมไป
และเมื่อเขามาเดินอยู่ตรงกลางกับไลลา เธอก็ได้เดินเกาะแขนเขาตลอดทาง และนั่นก็สร้างความไม่พอใจให้กับลีลาเป็นอย่างมาก
จากการบอกทางของแซม ทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถมาถึงหมู่บ้านร้างนี้ได้อย่างปลอดภัย และตอนนี้ก็เป็นเวลาช่วงเที่ยงวันพอดี
บ้านเรือนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้สร้างขึ้นมาจากหิน และบ้านเรือนส่วนใหญ่ที่นี่ได้พังทลายลงไปแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ดูรกร้าง และถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ใบไม้ และเศษกิ่งไม้ใบหญ้ามากมายทำให้ดูรกร้างไปหมด
“มาถึงแล้วก็หยุดพักกันก่อน” เขาหันไปพูดบอกทุกคน
“แต่อีกไม่ไกลก็จะถึงที่ที่ครอบครัวผมอยู่แล้วนะครับ!” แซมพูดตอบอย่างร้อนใจ
“ก็เข้าใจนะว่ารีบ แต่พวกเราเองก็ต้องวางแผนเตรียมความพร้อมกันเสียก่อน อยู่ๆ จะให้ไปสู้กับศัตรู โดยที่พวกเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย มันเป็นสิ่งที่โง่มากเลยนะ”
“เอ่อ...ผม...ขอโทษ”
“เอาเป็นว่า ในระหว่างที่พวกเรากำลังพักกินข้าวกัน นายก็ลองเล่าข้อมูลของคนร้ายพวกนั้นให้พวกเราฟังก็แล้วกันนะ”
แม้แซมจะรีบร้อน อยากจะเดินทางไปยังจุดที่ครอบครัวของตัวเองถูกจับตัวอยู่โดยไว แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ ได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ และนั่งลงเล่าเรื่องราวทั้งหมดของพวกศัตรูของเขาออกมา..
.....
ตัดมาอีกด้านหนึ่ง..
ณ บ้านร้างแห่งหนึ่ง ที่มีสภาพค่อนข้างดี สามารถใช้อยู่อาศัยได้ และอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก
ภายในบ้านนั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ห้องเดียวที่มีอยู่ภายในบ้านนั้นก็คือห้องน้ำ แต่ก็ไม่สามารถใช้การได้แล้ว
ข้างในบ้านหลังนั้น มีผู้อาศัยอยู่รวมกัน 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน และเป็นผู้หญิง 2 คน บรรยากาศภายในบ้านนั้นเต็มไปด้วยความเลวร้าย
ตรงมุมห้องนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งถูกจับมัดด้วยเถาวัลย์ ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ในขณะที่กำลัง มองดูภรรยาของตัวเองกำลังโดนผู้ชาย 4 คนรุมข่มขืนอยู่กลางห้อง โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
“เฮ้อ ชักเบื่อยัยนี่แล้วสิ” หนึ่งในผู้ชายที่กำลังข่มขืนภรรยาเขาอยู่พูดขึ้นมา
“นอนเป็นศพอยู่ได้ หัดร้องบ้างสิวะ!” พูดเสร็จก็ตบไปที่ใบหน้าของผู้หญิงที่ตัวเองกำลังข่มขืนอยู่
แม้ฝ่ามือที่ตบลงมาที่ใบหน้าของเธอนั้น มันสร้างความเจ็บปวดให้แก่เธอไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเลยแม้แต่นิด
และน้ำตาของเธอนั้น มันได้หมดไปตั้งแต่วันที่สองแล้ว เพราะเธอรู้ว่า ต่อให้เธอนอนร้องไห้ หรือขอร้องพวกมันมากเท่าไหร่ ก็ไร้ประโยชน์ เธอจึงได้แต่นอนเฉยๆ ให้พวกมันข่มขืนไปโดยไม่คิดจะต่อสู้หรือโต้ตอบอะไรทั้งนั้น
แรงตบของฝ่ามือที่ตบลงมายังแก้มของเธอนั้น มันทำให้ใบหน้าของเธอหันไปทางสามีของตัวเองที่อยู่มุมห้อง และทันทีที่สบสายตากัน สามีของเธอก็ได้รีบหันหน้าหนี ไม่กล้าสู้หน้าเธอ
แม้วันแรกที่เธอถูกข่มขืน เขาจะร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย และพยายามดิ้นรนที่จะช่วยเธอ แต่เมื่อถูกพวกมันรุมซ้อมไปเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่ว่าพวกมันจะสั่งอะไรสามีของเธอก็ยอมทำตาม
“น่าเบื่อซะจริง หรือจะลองเปลี่ยนไปใช้ลูกมันแทน” หนึ่งในพวกมันคนหนึ่งพูดขึ้น
ได้ยินอย่างนั้นเธอสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป และเหมือนจะพยายามขยับปากพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ยอมพูดอะไร..
“อย่าพูดบ้าๆ สิวะ ทำแบบนั้นแล้ว ข้าจะไปกล้ากินมันได้ยังไง”
“ข้าก็แค่พูดเล่น ทำแบบนั้น ใครมันจะไปกล้ากินลง” พวกมันพูดก่อนจะหัวเราะออกมา
หลังจากที่ข่มขืนเธอไปได้อีกสักพัก พวกมันก็เสร็จกิจ จากนั้นพวกมันก็หันไปมองทางที่ลูกของเธออยู่ ซึ่งตอนนี้ลูกสาวของเธอ ถูกพวกมันจับมัดร่างให้นอนนิ่งแนบติดกับพื้น ทำให้ขยับไปไหนไม่ได้
“อ้าว แขนขางอกหมดแล้วนี่” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และนั่นราวกับเป็นเสียงของปีศาจ ทันทีที่ลูกสาวของเธอได้ยินคำพูดนั้น เธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว
“ไม่นะ! ฮือๆ อย่าเข้ามานะ!!” เด็กสาวร้องไห้ออกมาเสียงดัง พร้อมกับพยายามขยับร่างที่ถูกมัดจนขยับไม่ได้นั้นหนี
พวกมันมองดูท่าทางของลูกสาวของเธอที่กำลังหวาดกลัว ก่อนจะหัวเราะออกมา และพากันเดินเข้าไปหาเด็กสาว และจับแขนขาของเธอกดลงให้ติดกับพื้นบ้าน
“ไม่! ไม่นะ ฮือๆ ไม่ ไม่ ไม่!! ฮึกๆ อย่านะ ได้โปรดเถอะ ฮือๆ อย่าทำหนูเลย! ฮือ..ฮื..อ” เด็กสาวที่กำลังร้องไห้พูดอ้อนวอนออกมาในสภาพที่ดูน่าเวทนา แต่พวกมันไม่คิดสงสารเธอเลยแม้แต่น้อย
และแล้วทันใดนั้นเอง หนึ่งในพวกมันก็ถือขวานเดินเข้ามา เด็กสาวที่เห็นอย่างนั้นก็ได้กรีดร้องออกมาอย่าสุดเสียง และพยายามดิ้นตัวหนีอย่างสุดชีวิต แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ ไม่มีทางที่แรงของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะต่อต้านแรงของผู้ใหญ่พวกนี้ได้เลย
“หุบปากไปเถอะน่า เดี๋ยวมันก็งอกใหม่ได้เองไม่ใช่หรือไง” ผู้ชายที่ถือขวานพูดขึ้นอย่างไม่สนใจอะไรนัก
“จับให้ดีๆ ล่ะ” และทันทีที่สิ้นเสียงของมัน มันก็ได้ใช้ขวานสับลงไปที่แขนของเด็กสาว ทำให้แขนเล็กๆ นั้นได้หลุดออกมาในทันที พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระจายไปทั่ว
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานของเด็กสาว ได้ดังลั่นไปทั่วห้อง พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่กำลังดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด
“ฮือ.. ฮื..อ เจ็บ!! หนูเจ็บ ฮือๆ พ่อคะ แม่คะ ช่วยหนูด้วย..ฮึกๆ”
เสียงร้องเรียกพ่อแม่ของเด็กสาวดังลั่นอย่างน่าสงสาร เธอหันหน้าไปมองทางพ่อและแม่ของเธอ พร้อมกับพยายามขอร้องอ้อนวอนราวให้พ่อกับแม่มาช่วย แต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากทั้งสองคน
“ไม่นะ ฮือ พ่อ แม่ ช่ว..ย หนู.. ด้ว..ย อ๊ากกก!” เธอพยายามส่งเสียงอ้อนวอนไปยังพ่อแม่ของตัวเองได้เพียงไม่นาน แขนอีกข้างหนึ่งของเธอก็ถูกตัด พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของเธอที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หนวกหูจริงยัยเด็กนี่ อดทนหน่อยแล้วกันเหลืออีกสองครั้งเอง”
เมื่อได้แขนทั้งสองข้างของเธอมาแล้ว พวกมันก็มองไปยังขาของเธอต่อ
“ไม่ๆๆๆๆ ฮือๆ ขอร้องล่ะ!! ฮือๆๆ ยะ อย่าทำหนูเล- โอ๊ยยยยย!!” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้พูดจบ พวกมันก็ได้สับคมขวานลงมาที่ต้นขาของเธออย่างแรง
เสียงร้องไห้ของเด็กสาวได้ดังออกมาอย่างต่อเนื่องและน่าเวทนา ความเจ็บปวดที่เธอได้รับมันเกินกว่าที่เด็ก 10 ขวบทั่วไป จะสามารถทนรับได้
และแล้วราวกับเป็นความโชคดีของเธอ ที่ตอนนี้เธอไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดอีกต่อไปได้ เธอจึงได้หมดสติลงไปก่อน เพราะความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ได้รับ
หญิงสาวได้มองดูลูกสาวของตัวเองที่ถูกตัดแขนตัดขาด้วยสายตาที่สิ้นหวัง พร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงจนทำให้เลือดไหลออกมา
ผ่านไปสักพัก เมื่อพวกมันตัดแขนตัดขาของลูกสาวเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกมันก็ได้เรียกให้เธอเอาแขนขาเหล่านี้ นำไปประกอบอาหาร
เพราะพวกมันหวาดกลัวเกินกว่าที่จะออกไปสู้กับพวกมอนสเตอร์ พวกมันจึงได้ใช้วิธีการอันแสนโหดเหี้ยม โดยการตัดแขนขาของลูกสาวเธอเพื่อนำมากิน
เพราะลูกสาวของเธอนั้น มีสกิลฟื้นฟูร่างกายอัตโนมัติ ไม่ว่าจะตัดแขนขาไปสักกี่ครั้ง อวัยวะเหล่านั้นมันก็จะงอกกลับมาใหม่เหมือนเดิม เพราะแบบนี้ ในทุกๆ วัน หลังจากที่แขนขาของลูกสาวเธองอกกลับมาเหมือนเดิม พวกมันก็จะตัดและนำมากินกันอยู่แบบนั้นซ้ำๆ ไป
“เอ้า รับไปสิ” พวกมันพูดพร้อมกับยื่นแขนขาของลูกสาวเธอให้กับเธอ
เพราะเธอนั้นมีสกิลทำอาหารอยู่ เธอจึงต้องรับให้ทำหน้าที่นี้โดยปฏิเสธไม่ได้ เธอได้แต่มองดูแขนขาเล็กๆ ของลูกสาวตัวเองด้วยหัวใจที่เจ็บปวดและทรมานอย่างแสนสาหัส
ก่อนจะเอามันไปทำเป็นอาหาร โดยใช้มีดตัดเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นให้พอดีคำ และนำไปต้มในหม้อ หรือไม่ก็เสียบไม้ย่างไฟ
ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของเนื้อย่างได้กระจายไปทั่วห้อง จนทำให้เธอที่กำลังหิวโหยอยู่เช่นกัน เริ่มมีน้ำลายไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แม้เธอจะรู้สึกผิดอยู่เต็มอก แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามน้ำลายที่กำลังไหลออกมาได้เลย
ผ่านไปสักพัก เนื้อของลูกสาวของเธอก็สุกได้ที่ เธอจึงได้นำมันใส่จาน พร้อมกับแบ่งให้พวกมันแต่ละคนภายในห้อง
ซึ่งในนั้นก็มีส่วนของเธอและลูกสาวของเธอรวมอยู่ด้วย เธอได้ยกอาหารของวันนี้ ไปนั่งข้างร่างของลูกสาวตัวเองที่ตอนนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว ก่อนจะเริ่มป้อนอาหารให้กับร่างของลูกที่นอนอยู่
แม้อาหารจะเข้าไปในปากแล้วก็ตาม แต่เด็กสาวกลับไม่ได้ขยับปากเคี้ยวมันเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอกับได้หันใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นไปหาแม่ของตัวเอง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแสนสิ้นหวัง
“แม่คะ ได้โปรด ฆ่าหนูด้วยเถอะ..”
つづく