1161 - เซียนคนที่สาม
1161 - เซียนคนที่สาม
“เผ่าพันธุ์มนุษย์เจ้ากำลังทำสิ่งใด? เจ้าใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วสังหารราชาบรรพชนของเรา จักรพรรดิอู่ซือตายแล้วไม่ว่าพวกเจ้าจะมีอุบายใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้!”
ราชาบรรพชนคนหนึ่งคำรามด้วยความโกรธ เสียงของเขาดังก้องไปทั้งสวรรค์พิภพ
“เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ จักรพรรดิอู่ซือยังมีชีวิตอยู่และเฟิงเสิ่นปั่งก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง การท้าทายจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้าไม่แตกต่างอะไรจากการแสวงหาความแตกดับด้วยตัวเอง”
ราชาสวรรค์ยืนอยู่ข้างเตาเทพสุริยันตะโกนเสียงดัง
“มันเป็นไปไม่ได้ อู่ซือจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร! อู่ซือเสียชีวิตไปแปดหมื่นปีแล้ว!”
เสียงของราชาโบราณคนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในทะเลสาบหยก เขาคือผู้ควบคุมอาวุธเต๋าสุดขั้วหนึ่งชิ้นของเผ่าพันธุ์โบราณ
“เจ้ากำลังตั้งคำถามถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิมนุษย์หรือเปล่า?” ราชาสวรรค์ตะโกน
“แล้วอย่างไร…”
ก่อนที่เขาจะมีโอกาสพูดอะไรมากกว่านั้นแสงศักดิ์สิทธิ์จากเฟิงเสิ่นปั่งได้สาดส่องเข้าหาเขาพร้อมกับสายฟ้าสีทอง
“เจ้ายังไม่คิดจะยอมเลิกลาอีกหรือ!”
กลุ่มคนที่ควบคุมอาวุธเต๋าสุดขั้วทั้งสองชิ้นคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพื่อโจมตีเฟิงเสินปั่ง
“อา”
เฟิงเสิ่นปั่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น เฟิงเสินปั่งบินไปอีกทิศทางหนึ่งและสังหารผู้ควบคุมอาวุธเต๋าสุดขั้วแห่งเผ่าพันธุ์โบราณทั้งสองคนอย่างง่ายดาย
“โองการสวรรค์แห่งจักรพรรดิอู่ซือปรากฏแล้ว ใครกล้าดูหมิ่นพวกมันต้องตายทันที!”
ราชาสวรรค์ตะโกนเสียงดังจากนั้นเฟิงเสิ่นปั่งที่บินออกไปสังหารราชาบรรพชนสองคนซึ่งกำลังควบคุมอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่ก็บินกลับเข้าสู่ทะเลสาบหยกและลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง
แม้กระทั่งอาวุธเต๋าสุดขั้วของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์โบราณยังไม่อาจต้านทานพลังของคัมภีร์สถาปนาเทพได้ สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์โบราณจะเหลือความหวังอะไรอีก
“นี่คือกลิ่นอายของจักรพรรดิมนุษย์!”
“จักรพรรดิโบราณปรากฏตัวแล้ว!”
ร่างกายของสิ่งมีชีวิตโบราณแข็งทื่อโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ เมื่อครู่นี้อาวุธเต๋าสุดขั้วของพวกเขาไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพและพวกมันได้ถูกกวาดล้างออกไปอย่างรวดเร็ว
“เร็วเข้า! รีบพาอาวุธเต๋าสุดขั้วของเรากลับมาเร็ว อย่าปล่อยให้มนุษย์ครอบครองมันได้!”
บางคนตะโกนด้วยความวิตกกังวล หากอาวุธเต๋าสุดขั้วทั้งสองชิ้นถูกแย่งชิงไปพวกเขาจะหมดสิ้นพลังในการต่อต้านมนุษย์โดยสิ้นเชิง
“อาวุธเต๋าสุดขั้วมีวิญญาณเป็นของตัวเอง แม้ว่ามันจะถูกแย่งชิงไป แต่เมื่อใดก็ตามที่มันตื่นขึ้นมันจะกลับมาหาลูกหลานที่แท้จริงของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอง!”
ราชาบรรพชนที่แก่ชราอีกคนกระซิบโดยไม่ต้องการให้เผ่าพันธุ์โบราณเสียสละชีวิตไปมากกว่านี้อีก และในความเป็นจริงผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้มีความคิดที่จะครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วของพวกเขาด้วยซ้ำ
“บูม”
แสงสีทองสว่างจ้ากวาดไปทั่วสวรรค์พิภพ จากนั้นเฟิงเสิ่นปั่งก็ทะลุทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง
ในระยะไกล บนโดมท้องฟ้าของทะเลสาบหยกเตาเทพสุริยัน กระจกแห่งความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่าเหลือเพียงพลังแห่งความโกลาหลที่กระจายอยู่ทั่วเท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดผู้คนจึงรวบรวมความกล้าและลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นราชาบรรพชนผู้แข็งแกร่งสีหน้าของพวกเขายังคงซีดขาวราวกับกระดาษไข
หลังจากประสบภัยพิบัติดังกล่าว พวกเขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ มีเหงื่อท่วมทั้งตัว เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลือนตลอดกาล
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครกล่าววาจา ทุกคนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ผู้บ่มเพาะทุกเชื้อชาติต่างนิ่งเงียบไม่สามารถพูดอะไรได้
ในครั้งนี้ราชาบรรพชนหลายคนเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองแต่กลับถูกสังหารสิ้น นี่เป็นความพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ของเผ่าพันธุ์โบราณ
ในทะเลสาบหยกเย่ฟ่านรู้ดีอยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงอุบายอย่างหนึ่ง อุบายที่จะล่อให้ราชาบรรพชนผู้แข็งแกร่งทั้งหมดปรากฏตัวขึ้น จากนั้นเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายก็ใช้อำนาจของเฟิงเสินปั่งสังหารคนเหล่านั้นไปพร้อมกัน
แม้ว่าเย่ฟ่านจะไม่รู้ว่าเหตุใดเหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นได้ แต่หากมีเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์สักสองคนที่แข็งแกร่งเหมือนราชาสวรรค์ การจะควบคุมเฟิงเสิ่นปั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากการที่เขาลงทุนลั่นระฆังปราศจากจุดเริ่มต้นนานสามเดือนติดต่อกัน ทุกอย่างเป็นไปตามวิถี จากนั้นเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เริ่มลงมือสานต่อในสิ่งที่เขาทำ
แม้ว่าปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าจะทุ่มเทชีวิตของตัวเองเพื่อทำลายหุบเขาเทพอย่างราบคาบ แต่สุดท้ายพลังของเขาเพียงคนเดียวยังไม่สามารถทำให้เผ่าพันธุ์โบราณนับหมื่นเกิดความหวาดกลัวได้
แต่การปรากฏขึ้นของเฟิงเสินปั่งครั้งนี้ได้บดขยี้ราชาบรรพชนไปเกือบร้อยคน ราชาบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์โบราณถูกกวาดล้างออกไปทั้งหมด นับจากนี้ต่อให้เผ่าพันธุ์โบราณไม่อยากจะเจรจาอย่างเท่าเทียมก็ทำไม่ได้แล้ว
จะต้องมีเซียนมากกว่าหนึ่งคน ราชาสวรรค์ซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อแสดงพลังของเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของเผ่าพันธุ์โบราณ
ราชาสวรรค์เพียงคนเดียวปรากฏตัวขึ้นและลงมือสังหารราชาบรรพชนผู้ทรงพลังหลายคนอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายความแข็งแกร่งของเขาจะดึงดูดราชาบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
นี่คือแผนการอันชั่วร้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นแผนการที่จะทำลายความแข็งแกร่งทั้งหมดของเผ่าพันธุ์โบราณในครั้งเดียว
แน่นอนว่าราชาบรรพชนของเผ่าพันธุ์โบราณรู้ดีอยู่แล้วว่าจักรพรรดิอู่ซือไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป แต่ด้วยพลังของเผ่าพันธุ์โบราณในปัจจุบันพวกเขาทำได้เพียงยอมรับในสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เสนอให้เท่านั้น
แผนการนี้มีความเสี่ยงมาก โชคดีที่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถสังหารราชาล่มสวรรค์ซึ่งเป็นครึ่งก้าวจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
เมื่อราชาล่มสวรรค์ตายไปแล้วจะไม่มีใครสามารถคุกคามความปลอดภัยของเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้!
“ผู้ที่ควบคุมเฟิงเสิ่นปั่งจะต้องแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็ต้องมีพลังไม่เป็นรองราชาสวรรค์” เย่ฟ่านคิดกับตัวเองและเริ่มใช้ความคิดว่าเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนั้นจะเป็นใคร
แม้ว่าเฟิงเสิ่นปั่งจะได้รับการฟื้นคืนชีพและมีพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างล้นหลามแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถแสดงพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ และด้วยวิธีการนี้ผู้ที่ควบคุมมันก็อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง
“เฟิงเสินปั่งปราบปรามทุกสิ่ง สุดท้ายเผ่าพันธุ์โบราณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเจรจาสันติภาพ” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“ถ้าเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดปรากฏตัวมาพร้อมกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราชาบรรพชนของเผ่าพันธุ์โบราณจะเกิดความหวาดกลัวมากเพียงใด” เย่ฟ่านเกิดความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เย่ฟ่านคาดไว้ สองวันต่อมาราชาบรรพชนผู้ทรงพลังบางคนต่างทยอยปรากฏตัวขึ้น พวกเขาล้วนเป็นราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งและทุกคนล้วนปรารถนาที่จะเจรจาสันติภาพกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
ตัวแทนดั้งเดิมของแต่ละเผ่าไม่ได้จากไปไหน พวกเขาเพียงห้อยมืออย่างนอบน้อมอยู่ทางด้านหลังบรรพชนที่แท้จริงของพวกเขาเท่านั้น
ทุกคนรู้ดีว่ายุคแห่งความสงบสุขมาถึงแล้ว ความขัดแย้งในอนาคตจะยุติลงชั่วคราว แต่ไม่มีใครรู้ว่าความสงบนี้จะอยู่ได้นานมากเพียงใด
“ราชาบรรพชนจิ่วหวงมาถึงแล้ว” มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกของทะเลสาบหยก
จากนั้นราชาบรรพชนผู้ปกครองเขาหงส์เพลิงร่วงหล่นก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือราชาจิ่วหวงซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีโอกาสท้าชิงตำแหน่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์โบราณ
ในอดีตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์โต้วจ้านเคยกล่าวไว้ว่าราชาจิ่วหวงยังเยาว์วัยแต่กลับมีพลังที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้ว ในอนาคตบุคคลผู้นี้จะเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่อจากเขาอย่างแน่นอน
แม้ว่านี่จะเป็นการยกย่องผู้นำของเขาหงส์เพลิงร่วงหล่นที่เป็นพันธมิตรกัน แต่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าราชาบรรพชนผู้นี้ทรงพลังมากเพียงใด
จากนั้นก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในทะเลสาบหยก เซียนคนที่สามของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ
พี่ใหญ่ของโจรผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคเหนือก้าวเข้าสู่ทะเลสาบหยก เขาสวมเสื้อคลุมสีดำและมีหมอกสีดำเข้มข้นปกปิดทั้งใบหน้าและร่างกาย ไม่มีใครรู้ว่าโจรผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นชายหรือหญิง
“ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังมีเซียนอีกหรือ?!”
สิ่งนี้ทำให้เผ่าพันธุ์โบราณเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แค่ราชาสวรรค์เพียงคนเดียวพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว
หากเซียนคนนี้แข็งแกร่งเหมือนราชาสวรรค์ชุดขาว มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของเผ่าพันธุ์โบราณอย่างแน่นอน
…….