บทที่ 103: หลินเป่ยฟาน บุคคลแรกที่สามารถบินได้!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 103: หลินเป่ยฟาน บุคคลแรกที่สามารถบินได้!
ในวันที่สอง จักรพรรดินีและขุนนางทั้งหมดได้มาที่สถาบันจักรพรรดิเพื่อเป็นสักขีพยานในการบินแห่งปาฏิหาริย์
บัณฑิตและอาจารย์ของสถาบันจักรพรรดิต่างหยุดเรียนและมารวมตัวกันเพื่อดู
ในจัตุรัสที่เหล่าบัณฑิตหลายคนกำลังทำการทดลองกัน บัณฑิตขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นนั้นเริ่มแผ่ออกไปด้านนอก มันใหญ่กว่าสนามบาสเก็ตบอลเสียอีก
ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของบัลลูนมันเป็นช่องเปิดที่เชื่อมต่อกับตะกร้า และบัณฑิตหลายคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการถือคบเพลิง เพื่อให้บัลลูนมันร้อนจนขยายตัวขึ้น
จักรพรรดินีรู้สึกสับสนจึงเอ่ยถามว่า “ท่านหลิน ทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรหรือ? แล้วบัลลูนจะบินได้เมื่อไรกัน?”
หลินเป่ยฟานยืนอยู่ด้านข้างจักรพรรดินี มองไปที่ใบหน้าที่งดงามของนางและยิ้มตอบ “ฝ่าบาท เหล่าบัณฑิตกำลังทำให้บัลลูนร้อนขึ้นด้วยลมร้อน เหมือนในเทศกาลโคมลอย เมื่อมันดูดซับความร้อนได้มากพอ มันก็จะขยายตัวและบินได้!”
"เป็นเช่นนั้นเองสินะ!" จักรพรรดินีพยักหน้า ทว่านางยังคงสงสัย
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถามอย่างกังวลว่า "บัลลูนนี้สามารถให้ผู้คนบินไปด้วยได้จริงหรือ?”
“ฝ่าบาทวางใจได้เลย มันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน!” หลินเป่ยฟานนั้นมั่นใจมาก
บัลลูนที่เขาทำนั้นจำลองมาจากบัลลูนลมร้อนที่พัฒนามาแล้ว
ในแง่ของวัสดุ ถึงตัวบัลลูนจะทำจากผ้า แต่หลังจากได้รับการปรับแต่งด้วยวิธีพิเศษจากเขาแล้ว มันไม่เพียงแต่ทนทานเท่านั้น แต่มันยังทนต่อความร้อนได้สูงอีก วัสดุเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการสร้างบัลลูนลมร้อน
ส่วนทางด้านของเชือกและตะกร้า เขาได้จัดหามันมาอย่างพิถีพิถัน
กระทั่งเชื้อเพลิงที่นำมาใช้ก็ต้องใช้ตัวที่สามารถเผาไหม้ได้อย่างรุนแรงและมีอายุการใช้งานมากที่สุด
ด้วยการเตรียมการเช่นนี้ มันจะไม่ประสบความสำเร็จได้ยังไงกัน?
หลังจากเวลาได้ผ่านไปสองธูป ในที่สุดบัลลูนก็พองตัวขึ้นเป็นทรงกลมขนาดยักษ์ที่สูงสามถึงสี่ชั้น
เพียงภาพตรงหน้าภาพเดียวก็น่าตกใจมากแล้ว มันทำให้ผู้คนโดยรอบตกตะลึงในทันที
ในยามนั้นเอง มันก็คล้ายกับว่าบัลลูนกำลังจะลอยขึ้นไป
หากบัณฑิตสองสามคนไม่จับมันไว้ มันอาจจะหลุดบินไปจริงๆ
ถึงเวลาได้เห็นปาฏิหาริย์กันแล้ว!
ทุกคนตื่นเต้นมาก จักรพรรดินีเองก็เช่นกัน “แล้วผู้ใดจะขึ้นบินงั้นหรือ? เร็วเข้าหน่อยสิ ข้าอยากจะเห็นแล้ว!”
หลินเป่ยฟานลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท ผู้ที่จะขึ้นบินไม่ใช่ใครอื่นนอกจากข้าคนรับใช้ผู้ต่ำต้อยของท่านผู้นี้!”
จักรพรรดินีและเหล่าขุนนางถึงกับตกตะลึง!
คนแรกที่จะขึ้นไปคือหลินเป่ยฟานงั้นหรือ?
น...นี่มัน...
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย!
จักรพรรดินีถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านหลิน ทำไมเป็นท่านเล่า?”
หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ตั้งแต่การผลิตบัลลูนจนถึงการบิน ข้าล้วนต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่! ไม่มีใครรู้จักบัลลูนลมร้อนดีกว่าข้าแล้ว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ข้าควรจะเป็นคนลองเอง!”
ในความเป็นจริง มีเหตุผลอื่นเขาต้องการเป็นคนแรกที่ได้ขึ้นบิน!
หากการทดลองบินนี้ประสบความสำเร็จ ชื่อของเขาจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์และเป็นที่จดจำไปอีกหลายชั่วอายุคน!
ด้วยโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ ได้ยังไงกัน?
นอกจากนี้ หากมันเกิดมีอันตรายอะไรขึ้นมา เขาก็สามารถหนีรอดไปได้อยู่แล้ว มีสิ่งใดต้องกลัวอีก?
“แต่มันอันตรายเกินไป ท่านเป็นขุนนางของราชสำนักและมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ท่านไม่ควรมาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้! ท่านหลิน ได้โปรดให้คนอื่นทำแทนเถอะ!” เสนาบดีอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“ฝ่าบาทได้โปรดวางใจ พวกท่านทุกคนก็โปรดวางใจข้าด้วยเถิด การที่ข้ากล้าจะเป็นคนแรกที่ขึ้นบินไปเพราะข้าเตรียมพร้อมอย่างครบถ้วนแล้ว ไม่มีอันตรายใดแน่นอน!” หลินเป่ยฟานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
จักรพรรดินีที่รู้ความสามารถของหลินเป่ยฟานจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วย”
“ขอรับฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานพยักหน้า จากนั้นจึงมาที่ด้านล่างของบัลลูนและกระโดดลงไปในตะกร้า
เขาพยักหน้าให้บัณฑิตที่อยู่ด้านข้าง “พวกเจ้าปล่อยขึ้นไปได้เลย!”
“ขอรับท่านผู้อำนวยการ!” พวกเขาตอบ
เมื่อทุกคนปล่อย ลูกบัลลูนก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไป
ทุกคนทั้งตื่นเต้นและตกใจมาก
“มันกำลังบิน!”
“เขากำลังบินอยู่จริงๆ ด้วย!”
“มันคือความสำเร็จครั้งใหญ่!”
…
จักรพรรดินีมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความตกใจ "มันบินได้จริงด้วย!” ในยามนั้นเอง บัลลูนลมร้อนได้ลอยอยู่สูงจากพื้น 20 เมตรและสูงประมาณหกชั้น มีเชือกติดอยู่เพื่อไม่ให้มันบินสูงเกินไป
หลินเป่ยฟานนั่งอยู่ในตะกร้า โบกมือให้ฝูงชนด้านล่าง “ฝ่าบาท วางใจได้ ทุกท่าน วางใจได้ ข้าไม่เป็นอะไร!” จักรพรรดินีตะโกน “ผู้อำนวยการหลิน โปรดระวังด้วย!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าและโบกมืออีกครั้งให้กับเหล่าบัณฑิตด้านล่าง พวกเขาได้รับสัญญาณจึงปล่อยเชือกออกไป ทำให้บัลลูนลมร้อนค่อยๆ ลอยสูงขึ้นอีกครั้ง ยามนี้มันลอยสูงขึ้นจากพื้นถึง 80 เมตรแล้ว
ความสูงนี้น่าทึ่งมากทีเดียว มันเทียบเท่ากับความสูงของอาคาร 18 ชั้นในโลกปัจจุบันได้เลย
ผู้คนจำนวนมากในเมืองหลวงมองบัลลูนลมร้อนที่ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"นั่นมันอะไรกันน่ะ? ใหญ่มาก ของแบบนั้นบินได้ด้วยหรือ?”
“เป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า?”
“มันดูเป็นของประหลาดก็จริง แต่มันจะเป็นสัตว์ประหลาดแน่เหรอ? หากเป็นเช่นนั้น เหล่าทหารคงไม่ปล่อยให้มันยังบินอยู่เช่นนี้หรอก!”
“ข้าเห็นใครบางคนอยู่บนนั้นด้วย!”
“ข้าก็เห็นเช่นกัน นั่นมันขุนนางระดับสูงคนใหม่!”
“ขุนนางระดับสูงผู้นั้นกำลังบินอยู่!”
ทุกคนเห็นว่าเป็นสิ่งที่คล้ายกับปาฏิหาริย์ พวกเขาจึงรีบเรียกเพื่อนๆ ให้มาดูบัลลูนลมร้อนทันที ในคฤหาสน์หลิน ต้าหลี่วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “นายหญิงมาดูสิขอรับ นายท่านกำลังจะบินอยู่!”
หลี่ซือซือ โม่หรูซวง กัวเส้าส้วยและคนอื่นๆ ต่างถูกรบกวนด้วยเสียงของเขา
"ต้าหลี่ มีอะไรงั้นเหรอ? เจ้าบอกว่าสามีของข้ากำลังจะบิน เขาจะบินได้เช่นไร?” หลี่ซือซือเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หงต้าหลี่จึงตบต้นขาของเขา “อนิจจา ข้าไม่อาจอธิบายได้! มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วเดี๋ยวท่านก็จะเข้าใจเอง!”
ตามทิศทางที่ต้าหลี่ชี้ พวกนางก็เห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังลอยขึ้นไปในอากาศ ภายใต้วัตถุขนาดใหญ่ มีตะกร้าที่มีคนยืนอยู่ภายใน คนๆ นั้นคือเจ้าของคฤหาสน์หลิน หลินเป่ยฟาน
ทุกคนต่างตกตะลึง "นั่นมันอะไรกันน่ะ? ท่านหลินบินขึ้นไปบนนั้นได้เช่นไร?” โม่หรูซวงกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“บินสูงมาก เขาทำเช่นนั้นได้ยังไงกัน?” กัวเส้าส้วยได้แต่เอ่ยถามอย่างตื่นตะลึง
“นายท่านกำลังบินอยู่บนฟ้างั้นเหรอ?” เสี่ยวกุ้ยก็ตกใจมากเช่นกัน
ส่วนพระทั้งสองคนก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “อามิตตาพุทธ นี่แหละคือปาฏิหาริย์!”
หลี่ซือซือเมื่อเห็นเช่นนี้จึงได้กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “ท่านสามีของข้าบอกว่าเขากำลังค้นคว้าอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์บินขึ้นไปบนฟากฟ้าได้ มันมีชื่อเรียกว่าบัลลูนลมร้อน มันคงเป็นิส่งนี้กระมัง แต่ข้าไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะทำมันสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”
อีกด้านหนึ่ง หลินเป่ยฟานที่ยืนอยู่บนบัลลูนลมร้อนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก การบินด้วยบัลลูนลมร้อนที่เขาสร้างขึ้นมันได้ช่วยเติมเต็มจิตใจของเขาจนมากล้น! ยิ่งกับโลกที่เทคโนโลยีล้าหลังมาก การได้สร้างบัลลูนลมร้อนย่อมถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติ ทำให้จุดประสงค์ที่อยากจะบินสักครั้งในชีวิตของเขาได้เติมเต็ม! ในอนาคต ความสำเร็จเช่นนี้จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน!
หลินเป่ยฟานจะกลายเป็นคนแรกที่โบยบินบนท้องฟ้า!
ในยามนี้ บัลลูนลมร้อนอยู่สูงจากพื้นดิน 80 เมตรแล้ว การบินครั้งแรกที่ของบัลลูนลมร้อนถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ทว่าหลินเป่ยฟานยังคงไม่พอใจ เขาต้องการที่จะบินสูงขึ้นและไกลขึ้นอีก จากนั้นเขาก็โบกมือให้บัณฑิตด้านล่าง เพื่อส่งสัญญาณว่าพวกเขาควรปล่อยเชือก
บัณฑิตที่เห็นสัญญาณได้แต่ตกตะลึงจนใบหน้าซีดเซียว เมื่อจักรพรรดินีถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น บัณฑิตคนหนึ่งก็กล่าวตอบอย่างประหม่า “ขอรายงานฝ่าบาท…ผู้อำนวยการหลินขอให้เราปล่อยเชือกที่รั้งบัลลูนลมร้อนเอาไว้!”
จักรพรรดินีพลันรู้สึกสับสนยิ่ง “หากปล่อยเชือกไปจะมีอันตรายหรือเปล่า? เหตุใดพวกเจ้าทุกคนจึงหน้าถอดสีกันหมด?”
เหล่าบัณฑิตตัวสั่นและกล่าวตอบไปว่า “ฝ่าบาท ถ้าเราปล่อยเชือกไป บัลลูนลมร้อนจะสูญเสียหมุดและเราก็ไม่อาจรู้ว่ามันจะบินไปที่ไหน! นี่เป็นการทดลองบิน ไม่มีใครเคยใช้บัลลูนลมร้อนมาก่อน ไม่มีการทดลองมาใช้อ้างอิง ดังนั้นมันคงจะมีอันตรายอีกมากมาย! นอกจากนี้ เชื้อเพลิงบนบัลลูนลมร้อนมีจำกัด ถ้ามันเกิดหมด ท่านผู้อำนวยการก็จะตกลงมา …”
สีหน้าของจักรพรรดินีพลันเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
แต่ในขณะนั้นเอง หลินเป่ยฟานที่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไปก็ตัดเชือกด้วยตัวเขาเอง
เมื่อสูญเสียเชือกที่ยื้อเอาไว้ บัลลูนลมร้อนก็บินสูงขึ้นราวกับว่ามันจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าจริงๆ!
ชาวเมืองตกตะลึงและอุทานออกมา ความกล้านี้มันเทียมพระเจ้าด้วยซ้ำ!
หลายคนถึงขั้นคุกเข่าลงกราบไหว้!
บัลลูนลมร้อนค่อยๆ บินออกไปจากเมืองหลวง ไม่มีใครรู้ว่ามันจะบินไปที่ไหน
“รีบพาเขากลับมาเร็ว! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ข้าจะให้พวกเจ้ารับผิดชอบ!” จักรพรรดินีตะโกนขึ้นมา
“ขอรับฝ่าบาท!” ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำสั่ง
ทหารจำนวนมากออกจากเมืองหลวงและไล่ตามบัลลูนลมร้อนไป
อีกด้านหนึ่ง หลินเป่ยฟานรู้สึกสบายใจยิ่ง
เขานั่งอยู่บนบัลลูนลมร้อน เขาเห็นทั้งเมือง รวมถึงภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบและทะเลที่อยู่ใต้เท้าของเขา!
เขาทำให้ทั้งจักรพรรดินีและเหล่าขุนนางตกตะลึง กลายเป็นที่เคารพสักการะของผู้คน!
อาจกล่าวได้ว่า เขาทำตามแผนการสำเร็จทุกประการ!
“แต่เชื้อเพลิงไม่เพียงพอ ดูท่าข้าคงได้แต่ต้องมองหาที่โล่งที่จะลงจอดได้!”
เมื่อเชื้อเพลิงค่อยๆ หมดลง ลมร้อนของบัลลูนก็ไม่เพียงพอ มันได้ค่อยๆ ลดระดับลง
ในท้ายที่สุด มันก็ลงจอดอย่างปลอดภัยในทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
ซึ่งหมายความว่าการบินครั้งแรกในโลกได้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ในไม่ช้า เหล่านายพลและยอดฝีมือของราชสำนักรีบตามมาในทันที
เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยฟานปลอดภัยดี พวกเขาก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่านหลิน จักรพรรดินีสั่งให้เราพาท่านกลับไป!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้า "ทราบแล้ว! แต่ไว้หลังจากที่ข้าเก็บบัลลูนลมร้อน ข้าถึงจะไปกับพวกท่าน!”
"เข้าใจแล้ว! เช่นนั้นท่านต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราหรือไม่?”
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินเป่ยฟานก็นำบัลลูนลมร้อนกลับไปที่สถาบันจักรพรรดิ
จักรพรรดินีรีบเข้ามา นางพบว่าหลินเป่ยฟานปลอดภัยดี นางจึงรู้สึกโล่งใจและตำหนิเขาในทันที “ท่านหลิน ท่านทำให้ข้าตกใจเสียแทบแย่! จากนี้ไปจงอย่าทำสิ่งที่อันตรายเช่นนี้อีก!”
เมื่อครู่นางกลัวมากว่าจะเสียหลินเป่ยฟานไปลับแบบไม่กลับมา!
หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นางคงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก!
เพราะนางยังต้องพึ่งพาหลินเป่ยฟานอยู่!
หากต้องเสียหลินเป่ยฟานไป การบินบนฟ้ามันก็ไม่สำคัญเลย!
เมื่อมองไปที่สายตาอันเป็นกังวลของจักรพรรดินี หัวใจของหลินเป่ยฟานก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาโค้งคำนับและกล่าวไปว่า “ฝ่าบาท ข้าขออภัยที่ทำให้ฝ่าบาทเป็นกังวล ข้าจะไม่ทำเรื่องดันทุรังแบบนี้อีกแล้วในอนาคต!”
"ดี จำคำพูดของท่านเอาไว้! ถ้าท่านทำอีกครั้ง ข้าจะตัดศีรษะท่านแน่!” จักรพรรดินีกล่าวตำหนิ
แต่มองไปยังบัลลูนลมร้อนที่อยู่ข้างหลังเขาที่ถูกเก็บไปแล้ว จักรพรรดินีก็รู้สึกตื่นเต้นมาก “ท่านหลิน จงออกมาข้างหน้าและรับกฤษฎีกา!”
"ข้าอยู่ที่นี่แล้ว!" หลินเป่ยฟานโค้งคำนับ
จักรพรรดินีจึงประกาศเสียงดัง “ท่านหลินเป่ยฟานได้สร้างบัลลูนลมร้อน สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นผู้ที่สามารถบินครั้งแรกได้สำเร็จ ปูทางเป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรและราษฎร! ดังนั้นข้าจะให้รางวัลแก่ท่าน…”
“เลื่อนขั้นท่านเป็นขุนนางห้าและยังให้คงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการที่สถาบันจักรพรรดิต่อไป!”
“ให้รางวัลเป็นพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยไร่!”
“ให้รางวัลด้วยทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง!”
…
จากนั้นก็มีชื่อของอีกมากมายยาวเหยียด
แต่รางวัลที่น่าอิจฉาและริษยามากที่สุดคือการได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยไร่
การเลื่อนตำแหน่งระดับขุนนางจะทำให้เขามีอำนาจมากขึ้น
ส่วนการที่ได้พื้นที่อุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยไร่ก็จะทำให้เขาสามารถสืบทอดความมั่งคั่งของตระกูลไปหลายชั่วอายุคน เป็นการยืนยันว่าตระกูลของเขาจะไม่ตกต่ำเลย
“ข้าขอน้อมรับไว้ขอรับฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานตะโกนเสียงดัง