นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 119
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 119
"ธ-เธอเป็นใครกันแน่..."
ราอนหันหลังกลับไปสู้ ทิ้งราดินที่สับสนไว้ข้างหลัง
วูม!
ฉลามตุ่นห้าตัวโผล่ออกมาจากพื้นราวกับว่าพวกมันกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่
"ฮี่!”
ฉลามตุ่นที่อยู่ใกล้เขาที่สุดอ้าปากกว้างหวังจะเขมือบเขา
"ง่ายเกินไป”
การโจมตีของฉลามตุ่นนั้นรวดเร็วและทรงพลัง แต่ราอนมองเห็นมันเป็นภาพช้าเพราะการรับรู้ของเขาที่เปิดอยู่
ราอนโน้มตัวไปด้านหลัง ทันทีที่ฉลามตุ่นหยุดกลางอากาศเขาก็ฟันดาบของเขา
ชู่ววว!
ฉลามตุ่นถูกฟันจนตัวขาดออกจากกันและเลือดสีแดงก็พุ่งออกมา
"กรร..."
"ฮี่!”
ฉลามตุ่นที่เหลืออีกสี่ตัวไม่ได้โจมตีเขาอย่างหุนหันพลันแล่นหลังจากเห็นการตายของตัวแรก พวกมันเผยกรงเล็บออกมา
"จะป้องกันเหรอ?”
ราอนก้าวไปข้างหน้าโดยเหยียบบนพื้นน้ำแข็ง เขาควงดาบและปล่อยจิตสังหาร
"ไม่มีประโยชน์หรอกน่า”
เขาเตะพื้นและพุ่งเข้าหาฉลามตุ่นที่กำลังตั้งท่ารอให้เข้าไป
'ฉันรู้ทันหรอก’
แม้ว่าพวกมันจะตั้งท่าป้องกันแต่พวกมันก็เป็นเพียงมอนสเตอร์เท่านั้น
ราอนบิดไหล่เล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีของฉลามตุ่นและแทงดาบ
ฉึบ!
ดาบสีแดงตัดฉลามตุ่นทางด้านขวาออกเป็นสองส่วน
"ชีกกก!”
ฉลามตุ่นที่เหลือรู้สึกถึงอันตรายและกระโจนเข้าใส่เขาพร้อมกัน พวกมันกางเล็บเข้าใส่เขา
ฟรึ่บ!
ราอนหมุนข้อเท้าเพื่อหลยการโจมตีของฉลามตุ่น
'อะไรเนี่ย?'
การรับรู้ของเขาละเอียดยิบย่อยมากขึ้น เขาสามารถรับรู้ถึงกล้ามเนื้อตุ่นของฉลามที่กำลังเคลื่อนไหว วิถีของกรงเล็บ และปริมาณความแข็งแกร่งของมัน ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในฝ่ามือของเขา
'นี่คือพลังที่แท้จริงของธารน้ำแข็งเหรอ?'
ดูเหมือนว่าประโยชน์ที่แท้จริงของธารน้ำแข็งไม่ใช่แค่การสอดแนม แต่ยังเพิ่มประสาทสัมผัสระหว่างการต่อสู้ได้อีกด้วย
"ชี่!”
"กี้!”
ราอนหลบการโจมตีของฉลามตุ่นที่พุ่งเข้ามาก่อนจะฟันดาบของเขาออกไป ดอกไม้สีแดงบานสะพรั่งบนดาบและจบชีวิตฉลามตุ่น
ตู้ม!
เขาแทงทะลุใจกลางฉลามตุ่นตัวที่สี่ และตัวสุดท้ายก็รีบหันหลังกลับไปยังรูที่มันออกมา
พรึ่บ!
มันกางครีบขึ้นมาและเริ่มวิ่งไปทางทะเลเหนือ
“แกจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น”
ราอนวางดาบลงแล้วดึงกริชแห่งเรควีเอ็มออกมาแทน เขาเรียกหมื่นเปลวเพลิงบนกริช
ราอนหลับตาและเปิดมหาสมุทรแห่งการรับรู้ของเขาอีกครั้ง เสียงลมหายใจของฉลามตุ่นที่กำลังวิ่งหนีดังก้องอยู่ในหูของเขา
เขารู้สึกว่าเขากำลังจะได้เห็นฉลามตุ่นดิ้นหนีด้วยความกลัว เขาใช้เทคนิคดาบบิน 'การโจมตีเงา' เพื่อคำนวณระยะทางและพิกัด
ตู้ม!
กริชแห่งเรควีเอ็มพุ่งออกจากมือของเขาไปที่หัวฉลามตุ่น
เลือดสีแดงพุ่งออกจากหัวของมัน
'มันจบแล้ว'
ราอนไปดึงกริชออกมาจากศพฉลามตุ่นตัวสุดท้าย
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็มสั่นเพื่อขอคำชมจากเขา
'แกทำได้ดีมาก'
ราอนยิ้มและเช็ดเลือดออกจากกริช
ดีตรงไหนกัน? นี่มันจิ๊บจ๊อยมาก
ราธโพล่งว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็มสั่นเป็นการเยาะเย้ยใส่ราธ
อะไร? เจ้ากำลังบอกว่าราชาแห่งแก่นแท้ทำไม่ได้งั้นรึ? ช่างกล้านัก!
ราธเริ่มเดือดพล่านด้วยความโกรธ
'ไม่ใช่ซะหน่อย'
ราอนห้ามปรามกริชแห่งเรควีเอ็มและราธที่กำลังจะตีกัน
'แกเองก็ช่วยฉันได้มากตอนฉันฆ่าฉลามตุ่นตัวสุดท้าย'
หือ?
'พลังธารน้ำแข็งที่แกสอนฉันทำให้ประสาทสัมผัสของฉันดีขึ้นจนรู้ตำแหน่งของมัน ฉันจัดการฉลามตุ่นพวกนั้นได้เพราะพลังนี้’
โอ้…
ราธเหล่มองกริชแห่งเรควีเอ็มและยิ้ม
เจ้าได้ยินหรือยัง? ตัวตนที่ด้อยกว่าของเจ้าได้เฉิดฉายเพราะราชาแห่งแก่นแท้
มันเยาะเย้ยกริชแห่งเรควีเอ็ม
'มันเป็นความสามารถที่สุดยอดมากแต่ก็ค่อนข้างใช้งานยากเหมือนกัน ถ้าเป็นระยะไกลออกไปอีกหน่อยฉันคงจัดการไม่ได้'
ไม่ต้องห่วง! ด้วยระยะเวลาเพียงแค่นี้ก็ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว ราชาแห่งแก่นแท้จะสั่งสอนเจ้าต่อไป
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็มสั่นอีกครั้ง มันกำลังบอกเขาให้หยุดฟังราธแล้วให้มาเรียนรู้พลังของมันแทน
เฮ้! ถอยออกไปซะเจ้าสิ่งมีชีวิตไร้ประโยชน์ ราชาแห่งแก่นแท้จะสอนเจ้าถึงแก่นแท้ของธารน้ำแข็งเองดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลอะไรเลย ส่วนพลังสยดสยองเป็นเพียงกลอุบายที่ชั่วร้าย
ราธบอกว่าอย่าฟังกริชแห่งเรควีเอ็มและมันจะสอนเทคนิคการต่อสู้อื่นๆ นอกเหนือจากธารน้ำแข็งให้เขาเอง
'สงสัยจะลืมเรื่องเดิมพันไปหมดแล้ว'
เขาสร้างสถานการณ์ให้มันเปรียบเทียบตัวเองกับกริชแห่งเรควีเอ็ม แล้วมันก็ลืมเรื่องเดิมพันไปแถมเสนอที่จะสอนพลังให้เขาเพิ่มเติมอีก
ราอนแสยะยิ้มและหันหลังกลับ
“เอ่อ…”
"ว้าว...”
“น-นี่คือความฝันเหรอ?”
“ข-เขาฆ่าฉลามตุ่นหกตัวด้วยตัวเอง?”
หน่วยสอดแนมที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ต่อสู้ต่างก็อ้าปากค้างและเผลอทิ้งอาวุธลงพื้น
“ฮุ่ว ดีนะที่ไม่สู้”
ดอเรียนเป็นคนเดียวที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
* * *
* * *
ราดินหยุดการทดสอบทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ปกติพวกเขาจะทดสอบเด็กใหม่เป็นเวลาสามวันแต่เขาสั่งให้ทุกคนกลับไปโดยบอกว่าต้องไปรายงานเรื่องฉลามตุ่นก่อน
"ที่จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่? พอจะบอกฉันได้ไหม?”
"เธอเคยต่อสู้กับฉลามตุ่นมาก่อนเหรอ? เธอหลบมันได้หมดเลย!”
“ฉันนึกว่าเธอใช้ออร่าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ดอกไม้ที่อยู่บนดาบคือออร่าของเธอใช่ไหม?”
หน่วยสอดแนมถามคำถามราอนไม่หยุด พวกเขาดีใจที่มีคนแข็งแกร่งอีกคนมาที่ปราสาทฮาบุน
“อะแฮ่ม กรุณาถอยกลับไปด้วย! การถามนักรบเรื่องความสามารถเป็นเรื่องหยาบคายนะครับ!”
ดอเรียนส่ายหัวและสวมแว่นตาหนาเตอะที่เขาหยิบออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
“ผมไม่สามารถบอกข้อมูลส่วนตัวของพวกเราให้คุณได้ แต่ชื่อของพวกเราคือราอนกับดอเรียน และตอนนี้เราอยู่ในหน่วยสอดแนมที่สามด้วยกันแล้วครับ นี่เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราต้องช่วยเหลือกัน”
“ว้าว ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลย”
“ใจฉันเต้นแรงเลยเมื่อได้ยินว่า ‘เราอยู่ในหน่วยสอดแนมที่สามด้วยกัน’”
"ฉันด้วย!"
หน่วยสอดแนมยิ้มและพูดอย่างติดตลก
"เฮ้ หัวหน้า! หัวหน้าก็พูดอะไรสักอย่างสิครับ”
"ใช่ๆ นี่เราติดหนี้ชีวิตเขาแล้วนะ”
“หือ เขางอนอีกแล้วเหรอ?”
ราดินไม่หันกลับมามองแม้ว่าหน่วยสอดแนมจะพูดต่อก็ตาม เขาแค่เดินต่อไป
ราอนพยักหน้า มองดูแผ่นหลังของราดิน
'เขาคงพูดไม่ออกสินะ'
เพราะการไม่เชื่อราอนส่งผลให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย เขาคงรู้สึกละอายใจ
'แต่ก็ไม่แปลก’
นี่เป็นครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้ขึ้นและคนที่บอกเขาเรื่องนี้ก็ดันเป็นเด็กใหม่ ถ้าเขาเป็นราดินเขาก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน
กึก
ราดินที่เดินอย่างเร่งรีบในที่สุดก็ยืนนิ่งเมื่อมาถึงปราสาทฮาบุน เขาหันกลับมาและยืนหน้าราอนด้วยสายตาที่สงบ
"เฮ้หัวหน้า! คิดจะทำอะไรเนี่ย?”
“อย่าทำอะไรแปลกๆ เชียวนะ…”
หน่วยสอดแนมพยายามหยุดเขา แต่ราดินก็โน้มตัวมาข้างหน้าและโค้งคำนับ
“ฉันยังมีชีวิตกลับมาก็เพราะเธอ ขอบคุณจริงๆ”
ราดินแสดงความขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือ
"แล้วก็ขอโทษด้วยนะ พวกเราทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะฉันไม่เชื่อเธอ ฉันจะไม่เสียใจนานหรอกที่ทำแบบนั้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ฉันแค่อยากขอโทษและขอบคุณเธอ”
เขาไม่เงยหน้าขึ้นจนเขาพูดจบทั้งหมด ราอนรับรู้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของเขาและไหล่ที่สั่นเทา
ข้าคิดว่าเขาเป็นแค่คนโง่เง่า แต่เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
'ใช่ไหมล่ะ?'
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหัวหน้าที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและก้มหัวขอโทษเด็กใหม่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หน่วยสอดแนมนับถือราดิน
“ทุกคนก็คงตัดสินใจเหมือนหัวหน้าแหละครับ ไม่เป็นไรเลย”
ราอนยิ้มเบาๆ และบอกให้ราดินยืนขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"จริงเหรอ?"
“ใครๆ ก็คงไม่เชื่อคำพูดของเด็กใหม่ ผมเองก็คงทำเหมือนกัน ผมเข้าใจครับๆ”
“อา…”
ราดินอ้าปากค้างและจ้องมองราอนด้วยความงุนงง
“เธอไม่ใช่แค่คนแปลกๆ สินะ”
"ครับ?"
"เธอคงเป็นเทวดา! เธอเป็นเทวดาที่ลงมาสวรรค์เพื่อช่วยเหลือพวกเรา!”
เขาพึมพำสิ่งที่เข้าใจยากและกำหมัดแน่น
“และเพื่อเฉลิมฉลองที่ท่านเทวดามาช่วยพวกเราไว้! เย็นนี้ทุกคนไปเจอกันที่ต้นไม้น้ำแข็งนะ!”
"โอ้ววว!"
"จริงดิ?"
“ไม่น่าเชื่อ...ตาแก่ขี้เหนียวนั่นเอาจริงเหรอเนี่ย?”
“ฉันจะดื่มยันหว่างเลย!”
หน่วยสอดแนมตะโกนและรีบวิ่งไปที่ปราสาทฮาบุน
"โห...”
ดอเรียนเดินเข้ามาข้างๆ ราอนแล้วส่ายหัว
“พวกเขานี่แปลกคนจริงๆ”
ในขณะที่ดอเรียนพูดนั้น เขาก็ถือแอปเปิ้ลสีเหลืองที่มีเฉพาะภาคใต้เท่านั้นไว้ในมือ
"กินนี่สิครับคุณชาย”
เขายื่นแอปเปิ้ลให้ราอนโดยบอกว่าการกินผลไม้ทุกวันดีต่อสุขภาพ
ราอนรับแอปเปิ้ลมาแล้วถอนหายใจ
'ฉันว่านายเป็นคนที่แปลกประหลาดที่สุดแล้ว…'
* * *
ราอนถอนหายใจหลังจากจัดข้าวของเสร็จ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังผับที่ชื่อ'ต้นไม้น้ำแข็ง'ที่หน่วยสอดแนมนัดแนะกันไว้
ผับตั้งอยู่ที่ขอบทวีป โรแมนติกเหลือเกิน ราชาแห่งแก่นแท้กำลังรอคอยอาหารอยู่
'สถานการณ์ของที่นี่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นอย่าคาดหวังกับรสชาติอาหารมากเลย'
จุดประสงค์ของผับนั่นก็คือการคลายความเครียดของเหล่าทหาร เจ้าไม่มีทางรู้หรอก อาจจะมีรสชาติแปลกใหม่เหมือนช็อกโกแลตมิ้นต์รอข้าอยู่
'เอ่อ นั่นมันค่อนข้าง... หืม?'
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนเมื่อเดินมาตามถนน
"นั่นเขาเหรอ? เด็กใหม่ที่ฆ่าฉลามตุ่นหกตัวด้วยตัวเองน่ะนะ?”
“ความกดดันของเขาดูไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น”
"ดวงตาของเขาก็ธรรมดาเกินไป”
“แต่ฉันยังอยากลองสู้กับเขาดู”
“ฉันอยากรู้ว่าเขาใช้วิชาดาบอะไร”
แปลกใจและใคร่รู้ สายตาที่จ้องตามเขา เขาสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากการฟังเสียงกระซิบ
'ข่าวกระจายไปแล้วสินะ'
หน่วยสอดแนมคงกระจายข่าวนี้แล้ว
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ชื่อของคุณชายก็เป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็ว”
"ก็คงงั้น"
ราอนหัวเราะ เมื่อดูจากการจ้องมองของผู้คน ดูเหมือนว่าสิ่งที่น่าสนใจกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
"ผมว่าที่นี่แหละ”
ดอเรียนชี้ไปที่อาคารเก่าใกล้กับทางเข้าปราสาทฮาบุน มันมีป้ายเก่าๆ เขียนไว้ว่า'ต้นไม้น้ำแข็ง'
พวกเขาเปิดประตูแล้วเข้าไป จากนั้นก็เห็นทหารหน่วยสอดแนมอยู่โต๊ะตรงกลาง
"เขาสุดยอดมากจริงๆ นะ! เขาบอกให้เชื่อในดาบของเขาแล้วหันกลับมาฟันฉลามตุ่นในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดาบสีแดงเข้มแยกมันออกจากกัน...”
หน่วยสอดแนมคนนั้นเทเบียร์ใส่ปากแล้วพูดต่อ
“ตอนสุดท้ายเขาก็ขว้างกริชไปที่ฉลามตุ่นที่กำลังหนี ฉันเคยเรียนรู้การใช้กริชมาบ้างแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพลังและความแม่นยำแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น...หือ? เขามาแล้ว! เด็กใหม่ที่ช่วยชีวิตเรามาแล้ว!”
เขาชี้ไปที่ราอนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า และทุกสายตาในผับก็มุ่งตรงไปที่เขา
“แต่เขายังเด็กอยู่เลย”
“นายพูดจริงไหมเนี่ย?”
"เด็กที่ฆ่าฉลามตุ่นหกตัว?”
“เฮ้อ…”
"จริงๆ นะ! ถึงจะดูเด็กแต่เขาก็แข็งแกร่งมาก!”
ราอนถอนหายใจแล้วเดินไปที่โต๊ะตรงกลาง
"พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ?”
“ฉันกำลังกระจายข่าวเกี่ยวกับการกระทำอันยิ่งใหญ่ของรุ่นน้องของฉัน”
“เป็นเรื่องปกติที่เราจะแบ่งปันเรื่องราวให้กันหลังจากกลับจากภารกิจ มันคือสิ่งที่ช่วยให้เราอยู่รอดได้ในครั้งต่อไป”
หน่วยสอดแนมยิ้มและแตะไหล่ของเขา
"นั่งลงสิ นั่งลง”
เขาชี้ไปที่เก้าอี้ถัดจากเขา
“เรารู้ว่าเธอคงอยู่หน่วยเราไม่นาน ฉันแค่อยากคุยโม้เรื่องรุ่นน้องก่อนที่จะไปสักหน่อย อย่าถือสามากเลย”
"ใช่ๆ เธอจะได้ย้ายไปหน่วยอื่นนี่นา”
“เรามาคุยเรื่องรุ่นน้องผู้ยิ่งใหญ่กันเถอะ”
หน่วยสอดแนมมองดูราอนและดอเรียนด้วยสีหน้าเสียใจเล็กน้อย
“ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง กินก่อนสิ! เดี๋ยวหัวหน้าก็มาแล้ว”
"ได้ครับ"
"เฮ้! ยกอาหารมาได้เลยนะ!”
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสั่งอาหารไว้ก่อนแล้ว อาหารออกมาวางอย่างรวดเร็ว สตูว์อุ่นๆ, หมูย่าง, พิซซ่า, และไก่ทอดถูกนำออกมาที่โต๊ะ
'ดูน่าอร่อยแฮะ’
หน้าตาบ่งบอกรสชาติ เอาเลย กินสิ ราชาแห่งแก่นแท้อยากทานพิซซ่าชิ้นนั้น
'โอเคๆ'
ราอนกำลังจะกินสตูว์โดยไม่สนใจพิซซ่าที่ราธอยากกิน
ประตูผับถูกเปิดออกและผู้คนที่สวมชุดเกราะที่มีสัญลักษณ์หมาป่าเทาก็เข้ามาข้างใน
พวกเขาตรงมาที่โต๊ะตรงกลางโดยไม่แม้แต่จะมองไปรอบๆ
"ราอนใช่ไหม?”
นักดาบตัวใหญ่มายืนอยู่ตรงหน้าราอน
"ใช่”
“ฉันได้ยินมาว่านายฆ่าฉลามตุ่นหกตัวด้วยตัวเอง ฉันอยากเห็นดาบของนาย”
ดวงตาสีเหลืองของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ชัดเจน เขาไม่ได้มองราอนเป็นนักดาบหนุ่มที่น่ายกย่องแต่เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม
'มีคนแบบนี้อยู่ในสนามรบเสมอ'
พวกปีศาจแห่งสนามรบ กระหายการต่อสู้ ไม่สนใจเงินทอง เกียรติยศ และความเชื่อใดๆ ราอนกล้าพูดอย่างมั่นใจเมื่อเห็นดวงตาที่บ้าคลั่งของเขา เขาคือคนที่อยู่เพื่อต่อสู้
“คิดจะทำอะไรเนี่ย? เขาคือคนในหน่วยของเรานะ!”
"ไปให้พ้น! ไม่มีที่สำหรับ..."
"ไม่เป็นไรครับ”
ราอนส่ายหัวให้กับหน่วยสอดแนมที่พยายามหยุดการต่อสู้และยืนขึ้น
ช่างกล้ามารบกวนเวลากินของราชาแห่งปีศาจ!
'นี่เป็นโอกาสที่ดี’
เขาต้องหาประสบการณ์การต่อสู้อีกหลายๆ ครั้งเพื่อที่จะบรรลุเขี้ยวแห่งความวิกลจริต เขารู้สึกดีใจที่ในที่สุดก็มีคนให้ต่อสู้ด้วย
ราอนคาะฝักดาบของเขาด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว
“ดาบของผมคงดุร้ายนิดหน่อย ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
"ยิ่งดุก็ยิ่งดี"
ดวงตาสีแดงและสีเหลืองสบตากัน ส่วนเปลวไฟสีน้ำเงินก็กำลังกรีดร้องอยู่ตรงกลาง
กัดพิซซ่าสักคำเถอะนะ ได้โปรด...