CD บทที่ 417 สมบัติอยู่ที่ไหน?
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เมื่อต้องรับมือกับข้อโต้แย้งของนักพรตเต๋า และความปรารถนาที่จะฆ่าของหลี่ซิวเชิง จ้าวหยู่จึงเลือกที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะสักครู่แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“นายลี ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าสมบัติจะต้องซ่อนอยู่ข้างศพ? นั่นไม่ใช่การคาดเดาของคุณหรอกเหรอ?”
"คุณ!? แค่ก... แค่ก...” หลี่ซิวเชิงรู้สึกหัวเสีย เขาจึงเริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
“เหตุผลที่ฉันหยิบยกเหตุผลว่าทำไมศพที่กำลังจะตายจึงปีนขึ้นไปบนที่สูงก็เพื่อเตือนความจำของทุกคนเท่านั้น” จ้าวหยู่กล่าวว่า “คนตายถือบันทึกของฉิวเชิงหรือก็คือพินัยกรรม และเขาก็ปีนขึ้นไปข้างบน นี่มันไม่แปลกเหรอ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?”
จ้าวหยู่ถามสิ่งนี้ ทำให้ทุกคนสับสนและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เพื่อคอยคุ้มกันไงล่ะ!” จ้าวหยู่ต้องการปรบมือ แต่มือทั้งสองข้างของเขาถูกใส่กุญแจมือไว้ด้านหลัง เขาทำได้เพียงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ลูกหลานของฉิวเชิงเสียชีวิตบนที่สูงเช่นนี้ เขาต้องการปกป้องสมบัติที่เป็นดั่งมรดกสุดท้ายของตระกูลฉิว!”
"เฮอะ!" นักพรตเต๋าแค่นเสียงออกมา
“มันเริ่มจะออกทะเลไปทุกทีแล้วนะ!” หลี่ซิวเชิงส่ายหัวอย่างไม่เชื่อเช่นกัน
“ไร้สาระ นี่มันไร้สาระยังไง!?” จ้าวหยู่กล่าวด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม “ฉันขอถามคุณว่า หากลูกหลานของฉิวเชิงวิ่งเข้าไปในภูเขาเพื่อหนีจากสงครามจริง ๆ แล้วทำไมพวกเขาไม่เข้าไปในถ้ำบนภูเขาอื่น ๆ ล่ะ? ทำไมถึงมาอยู่ในถ้ำนี้โดยเฉพาะ? คุณไม่คิดว่ามันถูกเลือกไว้ตั้งแต่บ้างเหรอ?”
“เออ… ถ้ำบนภูเขา มันตั้งอยู่ครึ่งทางขึ้นเขา…..” เทียนตงมินอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “ทางเข้าถ้ำถูกซ่อนไว้อย่างดี และมันสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูและสัตว์ป่าสังเกตเห็นได้!”
“เทียน นายเป็นอะไรไป?” หวังไท่หมิงได้ยินว่าเทียนตงมินพูดแย้งกับจ้าวหยู่ ทำให้เขาตื่นตระหนกทันทีและเกือบจะดุเขา
ใบหน้าของจ้าวหยู่เคร่งขรึมและเขาชี้ไปที่เทียนตงมิน แล้วเขาพูดขึ้นว่า
“ถูกต้อง! เขาพูดถูก! ทางเข้าถ้ำมีการปกปิดอย่างดี กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันไม่ถูกค้นพบได้ง่าย ๆ!” จ้าวหยู่ก็พูดราวกับว่าเขาเพิ่งค้นพบบางสิ่งบางอย่าง “ถ้ำนั้นใหญ่ ลึก และซ่อนเร้นอย่างดี ถ้าฉันเป็นฉิวเชิง ฉันจะเอาสมบัติไปซ่อนไว้ที่นั่นแน่นอน!”
"เออ…"
สิ่งที่จ้าวหยู่พูดทำให้ผู้คนรู้สึกแปลก ๆ ถึงมันจะฟังดูเหมือนเขาพูดมั่ว ๆ จับแพะชนแกะ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาอะไรมาหักล้างมันได้
“ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ยากต่อการคาดเดา” จ้าวหยู่กล่าวต่อ “เมื่อเกิดสงครามขึ้นในหลู่หย๋า ลูกหลานของฉิวเชิงคิดที่จะเข้าไปในภูเขาเพื่อค้นหาสมบัติ เมื่อตามเบาะแสบนแผนที่สมบัติ พวกเขาพบถ้ำบนภูเขาแล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้น ต้นสนพันปีก็อยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน และถ้ำบนภูเขาจะต้องพบได้ง่ายกว่ามาก!”
“แต่หลังจากมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในถ้ำบนภูเขาแล้ว มีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้สองประการ ประการแรก มีบางอย่างผิดปกติกับแผนที่สมบัติของพวกเขา พวกเขาอาจทำหายหรือไม่สมบูรณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงหาได้เพียงถ้ำบนภูเขาเท่านั้น แต่ยังไม่พบสมบัติ
ประการที่สอง พวกเขาพบสมบัติ แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงไม่มีประโยชน์ที่จะนำพวกมันออกมา ในทางตรงกันข้าม พวกเขาอาจจะสิ้นใจก่อนจะไปถึงสมบัติ ดังนั้นพวกเขาไม่ได้สัมผัสสมบัติเลย”
“ยังไงก็ตาม ตอนนั้นพวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำบนภูเขา เพื่อซ่อนตัวจากสงคราม และเพื่อปกป้องสมบัติ แต่น่าเสียดายที่เกิดโรคระบาดขึ้น และทุกคนก็เสียชีวิต
ดังนั้น คนที่ถือพินัยกรรมของฉิวเชิงจึงปีนขึ้นไปบนที่สูงก่อนที่เขาจะเสียชีวิต การที่เขาถือพินัยกรรม บางทีอาจจะล่วงรู้ความลับของเทวรูปทองคำก็เป็นได้!”
"ฮึ! ไร้สาระ!“นักพรตเต๋ากัดฟัน”ไม่มีหลุมพระจันทร์เสี้ยวหรือหินน้ำฝนเลย นอกจากแม่น้ำใต้ดินแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว!”
“อืม…” หลี่ซิวเชิงคิดแล้วเห็นด้วย “สิ่งที่นักพรตเต๋าพูดก็สมเหตุสมผลดี สมบัติไม่สามารถซ่อนอยู่ในแม่น้ำใต้ดินได้ใช่ไหม? ไม่ว่าฉิวเชิงจะโง่เขลาแค่ไหน เขาจะไม่ซ่อนสมบัติไว้ใต้น้ำ มันคือเทวรูปทองคำนะ ถ้าการคาดเดาของคุณเป็นจริง สมบัตินั้นก็น่าจะถูกย้ายไปที่อื่นใช่ไหม?”
"ฮึ!" จ้าวหยู่แสร้งทำเป็นโกรธ เขาหันไปบอกกับหลี่ซิวเชิงว่า “นายลี คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ! แต่ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันรู้ว่าสมบัติอยู่ที่ไหน! ฉันบอกว่าฉันรู้แล้วนั่นหมายความว่าฉันรู้! ฉันไม่ได้โง่ ถ้าฉันจะบอกคุณทุกอย่างตอนนี้ ฉันคงไม่มีไพ่ในมือให้เล่นอีกต่อไป! แล้วคุณก็จะฆ่าฉันทันที!”
“นี่…” หลี่ซิวเชิงตวัดสายตาไปที่จ้าวหยู่แล้วพูดว่า “ก็ได้ ครั้งนี้ฉันจะเชื่อในตัวคุณ! แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ใช่คนใจดี หากฉันรู้ว่าคุณโกหกฉันเมื่อไหร่ ฉันจะทำให้คุณตายอย่างทุกข์ทรมาน!”
มือของจ้าวหยู่ถูกใส่กุญแจมือ เขาทำได้เพียงยักไหล่เบา ๆ
กลุ่มคนจึงเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ถ้ำบนภูเขาที่พบศพโบราณ หลังจากฝนหยุดตก ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็ทะลุเมฆและปรากฏให้เห็นในที่สุด ป่าเต็มไปด้วยเสียงร้องเสียงแหลมของจั๊กจั่นและเสียงนกร้อง ล้วนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
แม้ว่าจ้าวหยู่จะดูสงบ แต่ความกดดันที่เขารู้สึกก็เกินกว่าจะจินตนาการได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับสมบัติ พวกมันล้วนถูกเขาอุปโลกน์ขึ้น ดังนั้นระหว่างทางไปที่นั่น เขายังคงมองหาโอกาสที่จะหลบหนี แต่ลูกน้องของหลี่ซิวเชิงก็จับตาดูเขาตลอดเวลาโดยไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีจ้าวหยู่ได้พิจารณาจะร่วมมือกับนักพรตเต๋าเพื่อฝ่าวงล้อมของศัตรูไป อย่างไรก็ตาม หลี่ซิวเชิงผู้ระวังตัวตลอดเวลา เขาเฝ้าสังเกตนักพรตเต๋าอย่างใกล้ชิด โดยไม่ปล่อยให้จ้าวหยู่มีโอกาสเข้าใกล้เขา
จริง ๆ แล้ว มีสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้จ้าวหยู่ต้องการถ่วงเวลาให้นานที่สุด นั่นก็คือระบบปาฏิหาริย์ นับตั้งแต่ระบบให้คำว่า ‘Gen-Qian’ มันก็ผ่านมาหนึ่งวันครึ่งแล้ว แต่ระบบก็ไม่ได้แจ้งสิ้นสุดการผจญภัยซะที ซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดังนั้น จ้าวหยู่จึงตั้งตารอคอย เขาสงสัยว่าหากการผจญภัยปาฏิหาริย์จะเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะได้ของวิเศษที่น่าทึ่งหรือไม่? เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากเสื้อคลุมล่องหน แล้วเขาอาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้!
แต่จ้าวหยู่รอเป็นเวลานานมาก และระบบในใจของเขาก็เงียบสนิท ที่แย่กว่านั้นคือการเดินทางราบรื่นมาก และพวกเขายังพบถ้ำบนภูเขาที่ปกปิดไว้อย่างดีในเวลาอันสั้น ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
‘ทำไงดี... ทำไงดี…’
ใกล้ถึงช่วงเวลาที่เขาจะต้องวางไพ่ใบสุดท้ายลงบนโต๊ะแล้ว มันยิ่งทำให้จ้าวหยู่รู้สึกกดดันมากยิ่งขึ้น แต่เพื่อไม่ให้หลี่ซิวเชิงและคนอื่น ๆ พบข้อบกพร่องในตัวเขาหรือแผนของเขา เขาจึงชี้ไปที่ป่าก่อนถึงถ้ำบนภูเขาแล้วพูดว่า
"ดู! ทุกคนดูให้ดี! ต้นสนพวกนี้อยู่หน้าถ้ำภูเขาไม่ใช่เหรอ? บอกเลยว่าตอนนั้นต้นสนพันปีบนแผนที่สมบัติต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ! ดูต้นสนเหล่านี้สิ พวกมันสูงและตั้งตรงมาก พวกมันจะกลายเป็นต้นสนพันปีหลังจากผ่านไปหนึ่งพันปีเช่นกัน…"
เนื่องจากนักพรตเต๋าและนักโบราณคดีชราเพิ่งมาที่ถ้ำบนภูเขาเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขารู้จักสถานที่นั้นดี และนำทางทุกคนเข้าไปในถ้ำอย่างง่ายดาย มันเหมือนกับที่นักโบราณคดีชราอธิบายไว้จริง ๆ ทางเข้าถ้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ และเป็นเรื่องยากมากที่จะมองเห็นจากด้านล่างของเนินเขาด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ หลังจากเข้าไปในถ้ำบนภูเขาแล้ว ก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุสนามบาสเก็ตบอลได้สามถึงสี่สนาม!
หลังจากเข้าไปในถ้ำ นักพรตเต๋าชี้ไปข้างบน และทุกคนก็เห็นอย่างรวดเร็วว่ามีทางเชื่อมระหว่างกำแพงถ้ำสูงและยอดถ้ำนั้นเป็นเวิ้งลึกจริง ๆ หากมองจากด้านล่างคงคิดว่ามีถ้ำที่ซ่อนอยู่อีกแห่ง
แต่ดังที่นักพรตเต๋าบอกว่าพวกเขาค้นหาสถานที่นั้นแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จ้าวหยู่จะต้องให้พวกเขาปีนขึ้นไปที่นั่น
"เอาล่ะ คุณตำรวจ!" หลี่ซิวเชิงบอกกับจ้าวหยู่อย่างเย็นชาว่า “เรามาถึงถ้ำบนภูเขาแล้ว! ต่อไปก็ถึงตาคุณแล้ว! ฉันรับประกันด้วยชื่อเสียงของฉันว่าหากคุณสามารถหาเทวรูปทองคำได้จริง ๆ ฉันจะให้คุณดู และส่งคุณไปตายอย่างไม่ทรมาน”
"ตกลง!" จ้าวหยู่พยักหน้าและพูดว่า “งั้นเริ่มจาก…” เขามองไปรอบ ๆ และชี้ไปที่ส่วนลึกของถ้ำบนภูเขาด้วยคางของเขาแล้วพูดว่า “ตามฉันมา! ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์กำลังจะมาถึงแล้ว!”
"เฮ้! ฉันต้องบอกแกอีกกี่ครั้งถึงจะเชื่อฉัน!“นักพรตเต๋าโกรธมาก”เราได้รื้อค้นแม่น้ำใต้ดินทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ใต้ถ้ำแล้ว! แกกำลังเสียเวลาเปล่า! รีบ ๆ ฆ่าตำรวจสองคนนั่นซะ!”
“ถุย!” จ้าวหยู่ถ่มน้ำลาย “คุณมาดูแล้วเหรอ? คุณตรวจดูอย่างละเอียดแล้วงั้นเหรอ?” จ้าวหยู่หันกลับมาแล้วพูดว่า “นายลี คุณลองคิดดูสิ หากสามารถพบหลุมจันทร์เสี้ยวและหินน้ำฝนได้ง่าย ทำไมจึงถูกเรียกว่าที่ซ่อนสมบัติ?”
“แต่… น้ำ…” หลี่ซิวเชิงดูเหมือนจะลังเล เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี
“โอ้! ได้โปรดเถอะ ลองใช้สมองของคุณคิดดู คุณมองแต่สิ่งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาคุณ แต่คุณคิดถึงเรื่องในอดีตบ้างไหม?” จ้าวหยู่เบิกตากว้างแล้วพูดว่า “คุณลืมไปแล้วหรือว่าฉิวเชิงได้เทวรูปทองคำมาได้อย่างไร!?”
"ฮะ? อะไร… ได้อย่างไร?” ทุกคนสับสน
“การอธิษฐาน… การอธิษฐานขอฝน…” จากนั้น เทียนตงมินก็อดไม่ได้ที่จะพูดอีกครั้ง “เพื่อขอฝน เจ้าเมืองฉิวได้ร่วมมือกับพ่อค้าที่ร่ำรวยในท้องถิ่นเพื่อสร้างเทวรูปทองคำเพื่อขอพร!”
"ถูกต้อง!" จ้าวหยู่พองตัวและพูดว่า “กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อฉิวเชิงซ่อนสมบัติ มันไม่มีน้ำเลย ดังนั้นตอนนั้นมันจึงไม่มีแม่น้ำใต้ดิน!”
“นั่น… นั่นไม่ถูกต้อง” หลี่ซิวเชิงส่ายหัว “แม้ว่าจะไม่มีน้ำก็ตาม แต่ฉิวเชิงก็ควรรู้ว่ามันจะมีน้ำไม่ช้าก็เร็ว เขาคงไม่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แบบนั้นหรอกใช่ไหม?”
"ทำไมจะไม่ล่ะ?" จ้าวหยู่ส่ายหัว “ทำไมฉิวเชิงถึงซ่อนสมบัติไว้? ฉันจะบอกให้นะว่าทำไม ที่เขาทำลงไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อตัวเอง และเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตของเขา ทำไมคนอย่างเขาถึงคิดเผื่ออนาคตอีกสองสามศตวรรษข้างหน้าด้วย?”
“ลองคิดดูสิทุกคน! เพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขา ฉิวเชิงสามารถสับเปลี่ยนเทวรูปทองคำที่ใช้ในการสวดภาวนาขอฝน เอามาครอบครองเป็นของตัวเองได้
จากมุมมองของอาชญวิทยา คน ๆ นี้เห็นแก่ตัวมาก! คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาคิดแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น! ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง มันก็เหมือนกับพวกคุณสองคน!”
จากนั้นจ้าวหยู่ก็ชี้ไปที่หลี่ซิวเชิงด้วยคางของเขา จากนั้นก็ไปที่นักพรตเต๋า หยวนซูไช่ ทันใดนั้น ภายในถ้ำในภูเขาก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนต่างตกตะลึงกับข้อสรุปอันแหลมคม แต่ก็สมเหตุสมผลของจ้าวหยู่
"ใช้ได้!" หลี่ซิวเชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณพูดถูก ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวจริง ๆ เอาล่ะ ไปกันต่อได้แล้ว ฉันอยากจะดูว่าที่คุณพูดจริงมั้ย? แต่ถ้าหากที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกล่ะก็ คุณควรจะเตรียมใจเอาไว้นะ ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ฮึฮึฮึ...”